29 พ.ค. เวลา 23:00 • ธุรกิจ

BO/BI อัตราส่วนสำคัญที่ต้องรู้หากจะลงทุนในบริษัทขายรถยนต์หรู

BO/BI หรือ อัตราส่วน Book to bill หรือที่เรียกกันว่า Bookings to Billings เป็นเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนใช้ประเมินความแข็งแกร่งทางการเงินและแนวโน้มการเติบโตของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมรถยนต์หรู
อัตราส่วนนี้จะบ่งบอกถึงความสามารถของบริษัทในการแปลงคำสั่งซื้อที่ได้รับเป็นรายได้จริง ซึ่งสามารถส่งผลต่อราคาหุ้นและผลตอบแทนจากการลงทุน
หรือก็คือ อัตราส่วนนี้ช่วยให้เราเข้าใจถึงความต้องการของตลาดและความสามารถในการจัดส่งของบริษัท
มาทำความเข้าใจอัตราส่วน Book to bill (BO/BI) กัน
- Bookings (BO) คือ จำนวนคำสั่งซื้อใหม่ที่บริษัทได้รับในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งแสดงถึงความต้องการของลูกค้าและการเจริญเติบโตของธุรกิจ
- Billings (BI) คือ จำนวนรายได้ที่บริษัทได้รับจากการส่งมอบสินค้าและบริการในช่วงเวลาหนึ่ง
โดยการคำนวณอัตราส่วน Book to bill (BO/BI) จะคำนวนโดยนำ Bookings มาหารด้วย Billings หากอัตราส่วนนี้มีมากกว่า 1 แสดงว่าคำสั่งซื้อใหม่นั้นมีมากกว่าการส่งมอบ
สมมุติว่าบริษัทขายรถยนต์หรู A มี Bookings อยู่ที่ 150 ล้านดอลลาร์ และมี Billings อยู่ที่ 100 ล้านดอลลาร์
จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่าบริษัท A มีอัตราส่วน Book to bill (BO/BI) เท่ากับ 1.5 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีคำสั่งซื้อใหม่มากกว่าการส่งมอบถึง 50% ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของการเจริญเติบโตและความต้องการของตลาด ถือเป็นสัญญาณบวก สำหรับธุรกิจของบริษัท
1
โดยสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์หรูแล้ว การที่พวกเขาสามารถผลิตรถยนต์ได้ทันตามความต้องการและสามารถจัดส่งรถยนต์ได้ตรงตามกำหนดเวลาของลูกค้า จะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้มากกว่า
เนื่องด้วยกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังมากพอที่จะซื้อรถยนต์หรูได้ พวกเขามักคาดหวังประสบการณ์การบริการที่ยอดเยี่ยม รวมถึงการได้รับรถในเวลาที่เหมาะสม
การที่บริษัทสามารถส่งมอบรถยนต์ได้ตรงตามเวลา จะช่วยเสริมสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นในแบรนด์ ซึ่งมีผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์อย่างมาก ยิ่งอยู่ในระดับที่หรูหราก็ยิ่งแล้วใหญ่ อีกทั้งยังมีผลส่งการกลับมาซื้อซ้ำและการแนะนำแบรนด์ให้กับคนอื่นๆ
นอกจากนี้ในตลาดรถยนต์หรู การแข่งขันเพื่อดึงดูดลูกค้าเป็นเรื่องที่เข้มข้นมาก การที่บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว จะช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่า ซึ่งมีผลต่อยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัท
และยังช่วยลดปริมาณสินค้าคงคลังที่เกินจำเป็น ซึ่งเป็นการลดต้นทุนในการจัดเก็บและบริหารสินค้าคงคลัง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการที่รถยนต์บางรุ่นอาจไม่เป็นที่ต้องการของตลาดในอนาคต
ดังนั้นอัตราส่วน Book to bill (BO/BI) จึงกลายเป็นอัตราส่วนที่นักลงทุนจะขาดไปไม่ได้ หากสนใจที่จะลงทุนในบริษัทขายรถยนต์หรู
Photo by Lance Asper on Unsplash
Photo by Krish Parmar on Unsplash
Photo by Ariel Blanco on Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา