1 มิ.ย. เวลา 08:18 • ประวัติศาสตร์

ประวัติศาสตร์ย่อโลก บทที่ 2 ฉากที่ 5

เมื่อมนุษย์ผ่านช่วงเวลาการก่อตั้งรัฐด้วยแนวคิดพละกำลังจนกระทั่งเข้าสู่ช่วงพันปีสุดท้ายของยุคน้ำแข็ง มนุษย์ได้นำแนวคิดทางศาสนาเข้ามามีบทบาททางการเมือง เมื่อเราหันไปดูแนวคิดและสถานการณ์ทางการเมืองในยุคน้ำแข็งที่เหมือนกับคลื่นพายุที่พัดโหมกระหน่ำ
หากพวกเราสังเกตภาพจิตกรรมในผนังถ้ำในยุคโบราณนั้นเราจะพบกับการทำพิธีกรรมต่างๆซึ่งเป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในยุคแรกและยุคโบราณ การประกอบพิธีกรรมเป็นหนึ่งในกระบวนการทางศาสนาซึ่งเกิดขึ้นเพื่อสร้างความศักดิ์สิทธิ์และการสร้างรูปแบบสำหรับการติดต่อสื่อสารกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ซึ่งต่อมาเรารู้จักในนาม “พระเจ้า”
แม้ว่าจะไม่มีบันทึกหรือหลักฐานที่แน่ชัดแต่นักประวัติศาสตร์นั้นทราบดีว่าในยุคสุดท้ายของยุคน้ำแข็งนั้นปรากฎร่องรอยการปฏิวัติทางการเมืองที่ถูกบันทึกไว้บนผนังถ้ำ แม้หลักฐานการปฏิวัติทางการเมืองในยุคโบราณนั้นจะมีเพียงน้อยนิดก็ตาม แต่ในช่วงประมาณสหัสวรรษที่ 2-5 ก่อนคริสตกาลนั้นเริ่มมีร่องรอยที่เด่นชัดเป็นอย่างมากของการนำหลักคำสอนและความคิดทางศาสนาเข้ามามีอิทธิพลทางการเมือง
เนื่องจากในอารยธรรมและถิ่นอาศัยของมนุษย์ในแต่ละทวีปทั่วโลก เช่น ในช่วงสหัสวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล ในทวีปอเมริกา บริเวณที่ตั้งของอารยธรรมโอลเมก (Olmec) หรือบริเวณตอนใต้ของเม็กซิโกอันเป็นชุมชนแบบสังคมกสิกรรม มีการค้นพบหินแกะสลักเป็นศีรษะมนุษย์ ซึ่งเราไม่อาจทราบได้ว่าเป็นตัวแทนของอะไร แต่เราสามารถอนุมานได้ว่าเป็นศีรษะของเทพเจ้าหรือไม่ก็วีรบุรุษ หรือไม่ก็อาจจะเป็นผู้นำชนเผ่า
รูปศีรษะแกะสลักขนาดใหญ่ของโอลเมก ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจเป็นศีรษะของเทพเจ้าหรือผู้นำชนเผ่า
นอกจากศีรษะมนุษย์จากหินแกะสลักแล้ว ยังมีการค้นพบหน้ากากรูปสัตว์อีกด้วย ไม่เพียงแต่เป็นรูปปั้นหรือหน้ากากเท่านั้น สถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมด้วยเช่นกัน ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆในหลากหลายแห่งผู้นำมักจะเป็นหัวหน้าผู้ประกอบพิธีหรือประธานในพิธีกรรมต่างๆดังเช่นในอารยธรรมอียิปต์โบราณ ฟาโรห์ของอียิปต์นั้นได้รับการเคารพในฐานะเทพเจ้า ตามเนื้อหาใน “สาส์นอมาร์นา” (Amarna) ซึ่งได้กล่าวถึงฟาโรห์อันเป็นที่เคารพยิ่งของเขาในฐานะเทพเจ้าอีกองค์หนึ่งตามความเชื่อของเขา
ภาพแกะสลักของฟาโรห์อเคนาเตนและพระนางเนเฟอร์ติติมเหสีของพระองค์ ซึ่งเหนือรูปของทั้งสองนั้นเป็นเทพอาเตน ซึ่งเป็นเทพเจ้าสูงสุดของอียิปต์ในรัชสมัยของพระองค์ โดยอเคนาเตนเชื่อว่า พระองค์และอาเตนนั้นมีศักดิ์เท่ากันและปกครองอียิปต์ร่วมกัน
แม้ว่าในอียิปต์โบราณนั้นจะไม่มีกฎหมายรูปแบบลายลักษณ์อักษร แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์และความสูงส่งของฟาโรห์แห่งสวรรค์นั้น ทำให้คำบัญชาใดๆที่ออกจากปากขององค์ฟาโรห์ถือเป็นคำสั่งเด็ดขาดที่ไม่อาจจะละเมิดได้ คำสั่งใดๆจากฟาโรห์นั้นถือเป็นกฎระเบียบที่ประชาชนไม่สามารถขัดขืนหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในราชสำนักของฟาโรห์ นอกจากบรรดามเหสีและข้าราชบริพารแล้ว ยังมีกลุ่มคนอีกกลุ่มที่เข้ามาอยู่ภายใต้การควบคุมของฟาโรห์ นั้นคือ บรรดาเหล่าโหรหลวง สิ่งต่างๆที่ฟาโรห์ในฐานะเทพเจ้าฝันนั้น ล้วนเป็นนิมิตที่เป็นคำพยากรณ์จากสวรรค์ โหรหลวงมีหน้าที่ตีความนิมิตต่างๆเป็นคำพยากรณ์ที่สวรรค์บัญชามา
นอกจากนิมิตของฟาโรห์แล้ว โหรหลวงยังตีความประสงค์ของสวรรค์ได้หลายวิธีซึ่งเป็นพิธีที่ได้รับการสืบทอดกันมาจากตระกูลโหรหลวง ไม่ว่าจะเป็นการดูจากหัวใจแพะ การสังเกตขี้ธูป หรือแม้กระทั่งวิธีที่คลาสสิคที่สุดที่เราพบเจอได้จากหลายอารยธรรมทั่วโลกนั่นคือ การสังเกตจากดวงดาว
ในขณะเดียวกันเราก็สามารถเห็นการผสมผสานระหว่างแนวคิดเทวสิทธิ์ซึ่งเข้ามามีอิทธิพลในทางการเมืองและแนวคิดพละกำลังซึ่งเป็นแนวคิดที่ให้ความชอบธรรมแก่กษัตริย์แต่ดั้งแต่เดิม ดูเหมือนว่าแนวคิดอันผสมผสานกันอย่างลงตัวนั้นเราจะเห็นได้จากอารยธรรมเมโสโปเตเมีย จีนและอินเดียโดยเด่นชัด
อารยธรรมจีนนั้นเป็นสิ่งดูเด่นชัดมากที่สุดในบรรดาสามอารยธรรมที่กล่าว ด้วยในประวัติศาสตร์จีนที่ผ่านมาเราจะเห็นการผสมผสานและการปรับปรุงแนวคิดการปกครองและอำนาจอันชอบธรรมของประมุขมาตลอด ในหลายราชวงศ์ขึ้นมาจากการใช้อำนาจทางการทหาร
ในสมัยพระเจ้าชางทัง ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ชาง ช่วง 1,600 ปีก่อนคริสตกาล ได้นำทหารเข้ายึดอำนาจและล้มล้างการปกครองของราชวงศ์เซี่ย ซึ่งกดขี่ประชาชน การเข้ายึดอำนาจด้วยกำลังนั้นเป็นการแสดงถึงแนวคิดพละกำลังได้เด่นชัด หรือแม้แต่ราชวงศ์เซี่ยในอดีตคราวก่อตั้งราชวงศ์ พระเจ้าอวี่ ปฐมกษัตริย์ ซึ่งอยู่ในช่วง 2,100 ปีก่อนคริสตกาล ก็ขึ้นสู่อำนาจด้วยการแก้ปัญหาเรื่องเหตุอุทกภัยจากแม่น้ำฮวงโห เป็นการแสดงถึงการบริหารจัดการทรัพยากร
กระนั้นก็ตาม ถึงแม้ว่าจีนยังมีการใช้แนวคิดพละกำลังมาใช้ในการปกครอง แต่ก็มีการนำหลักความเชื่อเข้ามามีบทบาทในการเมืองการปกครอง หลักฐานชิ้นสำคัญนั่นคือ จารึกอักษรจีนในกระดองเต่า ซึ่งถูกใช้เป็นเครื่องเสี่ยงทายเพื่อใช้ทำนายประสงค์ของสวรรค์ ความเชื่อเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากยิ่งขึ้นในช่วง 1,100 ปีก่อนคริสตกาลในสมัยราชวงศ์โจว ซึ่งกษัตริย์ได้ยกระดับจากผู้สื่อสารกับเบื้องบนสู่การแสดงตนกลายเป็นลูกของเทพเจ้า ผู้ได้รับอำนาจ
มาจากสวรรค์ให้มาปกครองโลกมนุษย์
จารึกภาษาจีนบนกระดองเต่า ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเครื่องเสี่ยงทายเพื่อหาคำพยากรณ์จากสวรรค์
ฮัมมูราบี มีความหมายถึงสองประการ อาจจะหมายถึงพระนามของกษัตริย์ผู้ตรากฎหมายที่ถูกกล่าวว่า เป็นกฎหมายฉบับแรกของโลก หรือในอีกความหมายคือ กฎหมายที่พระเจ้าฮัมมูราบี ซึ่งตราขึ้นเป็นฉบับแรกของโลก ไม่ว่าจะความหมายใด แต่มันบ่งบอกว่า กษัตริย์ในอารยธรรมเมโสโปเตเมียไม่ได้มีอำนาจในฐานะเหมือนกับฟาโรห์อียิปต์ผู้มีฐานะเป็นเทพเจ้าอันเป็นที่เคารพ หรือกษัตริย์จีนในสมัยราชวงศ์โจวผู้เป็นโอรสสวรรค์และได้รับอาณัติสวรรค์ในการปกครองแผ่นดินแห่งลุ่มแม่น้ำฮวงโห
หลักฐานชิ้นสำคัญคือ รูปแกะสลักของพระเจ้าฮัมมูราบีรับบัญชาจากเทพมาร์ดุก ซึ่งถูกสลักไว้เหนือประมวลกฎหมายฮัมมูราบี เป็นการแสดงให้เห็นว่ากษัตริย์นั้นไม่ได้มีศักดิ์สูงเทียบเท่าเทพเจ้าของพวกเขา แต่อยู่ในฐานะผู้สื่อสารกับเทพเจ้าเช่นเดียวกับกษัตริย์จีนโบราณในช่วงก่อนราชวงศ์โจว แต่ะกระนั้นก็ตามก็ยังเห็นได้ว่าความเชื่อทางศาสนานั้นเข้ามามีบทบาททางการเมืองด้วยเช่นกัน และเช่นเดียวกับอียิปต์โบราณที่โหรหลวงอยู่ภายใต้การควบคุมของราชสำนักมีหน้าที่คอยรับคำพยากรณ์จากเทพเจ้า
ถึงแม้ว่าแนวคิดเทวสิทธิ์เป็นแนวคิดที่ทำให้ความชอบธรรมของกษัตริย์ถูกนำไปผูกกับสิ่งเร้นลับเหนือธรรมชาติ ทำให้อำนาจของกษัตริย์ทวีอำนาจสูงยิ่งขึ้น แต่กระนั้นก็ตามการเข้ามาของแนวคิดเทวสิทธิ์ยังเพิ่มอำนาจให้กับกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งทวีอำนาจมากยิ่งขึ้นและในหลากหลายอารยธรรมนั้นกลุ่มคนกลุ่มนี้ก็เข้ามามีบทบาททางการเมืองด้วยเช่นกัน กลุ่มคนที่ทวีอำนาจขึ้นมานั้นคือ “กลุ่มนักบวช”
สิ่งสำคัญในการเรียนรู้เรื่องราวต่างๆและการใช้ชีวิตนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่เราไม่ควรจะลืมและตระหนักอยู่เสมอนั่นคือ “การวางใจเป็นกลาง” โดยไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถึงแม้คุณจะเป็นบุคคลที่ไม่มีอำนาจหรือมีอำนาจก็ตาม เราไม่ควรจะให้อารมณ์อยู่เหนือความเป็นจริงที่อยู่ตรงซึ่งเราได้ยิน มองเห็น หรือรับรู้ ยิ่งหากคุณมีอำนาจในการตัดสินผู้คนแล้วนั้น การให้อารมณ์อยู่เหนือความเป็นจริงที่รับรู้ การกระทำเช่นนี้อาจจะทำให้คุณต้องทุกข์ทรมาณเหมือนตายทั้งเป็นไปตลอดชีวิต
โฆษณา