1 มิ.ย. เวลา 16:49 • ท่องเที่ยว
เยรูซาเลม

Israel Part II.

(Jerusalem)
April 2024
Part นี้ขออุทิศให้เยรูซาเล็ม เพราะมีเรื่องให้เขียนถึงมากเหลือเกิน เพราะเป็น Highlight ของทริป อาจจะเป็นเพราะนี่เป็นคริสเตียนเลยอยากจะไปเห็นสถานที่ในไบเบิลซักครั้ง เผื่อว่าเวลาอ่านแล้วจะอินขึ้น
เยรูซาเล็มไม่ได้มีความสำคัญแค่คริสเตียน แต่ยังเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาของทั้ง มุสลิม ยิว และคริสตร์ นอกจากนี้แล้วยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์โลกอีกด้วย
เยรูซาเล็มแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ได้แก่ เมืองเก่าเยรูซาเล็ม (Old Jerusalem) และนอกกำแพงเมืองเก่า (เรียกว่าในเมืองได้ไหม) ในเมืองจะมีสถานที่ท่องเที่ยวกระจายตามจุดต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนา จะเดินไปหรือจะเรียก Uber หรือ Careem ไปก็ได้ (แต่ราคาแอบแรงอยู่) ทางนี้เลือกที่จะเดินไปเพราะในเมืองสวยจริงๆ แล้วตอนที่ไปอากาศเย็นสุด 12 องศา ) เดินได้สบายมาก 😁
NOTE ตัวโตๆ ถึงแม้ว่าที่เที่ยวบางที่จะมีเวลาเปิด - ปิด แต่ว่าไปเช้า save สุดค่ะ ตอนบ่ายๆ (ซักบ่าย 2) บางที่ก็ปิดไม่ให้เข้าแล้ว .. นี่โดนปิดประตูต่อหน้าต่อตามาแล้ว 🥲
1) Old Jerusalem
Old Jerusalem ไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่เป็นชุมชน ที่ปัจจุบันมีคนใช้ชีวิตอยู่จริงๆ Old Jerusalem เป็นพื้นที่ซึ่งมีกำแพงใหญ่ล้อมรอบ แบ่งเป็น 4 Quarters ได้แก่ 1) Jewish Quarter 2) Muslim Quarter 3) Armenian Quarter 4) Christian Quarter
ถึงแม้ว่าแต่ละ Quarter จะไม่ได้มีกำแพงกั้นอย่างชัดเจน แต่ว่า Muslim Quarter บางส่วนจะมีด่านซึ่งสงวนสิทธิ์เฉพาะ Muslim เท่านั้นจึงจะเข้าไปได้ (แน่นอนว่าอด) หรือบางส่วนเช่น Wailing Wall หรือกำแพงร้องไห้ จะมี Security ซึ่งเราต้อง Scan กระเป๋าก่อนเข้าไป
ตัวเมืองเก่าไม่ได้ใหญ่มาก ถ้าเดินจาก Gate-to-Gate จริงๆ ก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ แต่ว่ามีอาคารสวยๆ ให้เข้าไปดู มีตรอก (Alley) ที่มีของขายเยอะไปหมด ทั้งของซื้อ ของกิน แล้วก็มีเส้นทางประวัติศาสตร์อยู่ ใช่ค่ะ นี่กำลังพูดถึง Via Dolorosa ซึ่งเป็นเส้นทางที่พระเยซูเดินแบกกางเขน พูดแล้วยังขนลุกอยู่เลย (เรื่องนี้ขอเขียนแยกใน side story ค่ะ เพราะ detail เยอะจริง)
Old City สามารถเข้าได้หลายทาง เพราะมีตั้ง 8 ประตู แต่ละความสำคัญทางประวัติศาสตร์อยู่ ตอนอ่านก็แอบว้าวเหมือนกัน นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นเกมส์เล็กๆ ของทริปนี้ว่าจะหาครบทั้ง 8 ประตูไหม ซึ่งเอาจริงๆ มันไม่ได้เป็นเกมส์อะไรจริงจังแค่อยากหาอะไรทำขำๆ กับเพื่อนเท่านั้นเอง (อ่านเพิ่มใน site story ค่ะ)
2) Tower of David หรือ Jerusalem Citadel
เมื่อก่อนเป็นวังของกษัตริย์เฮโรด แต่ถูกพวกไบแซนไทน์เข้าใจผิดว่าเป็นวังของกษัตริย์เดวิด เลยถูกเรียกว่าเป็น Tower of David ตั้งแต่นั้นมา
ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่จัดนิทรรศกาลแบบ Interactive เช่นพวกเกมส์ หรือพวก Digital Content ที่อยู่บนจอ Touch Screen เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเยรูซาเล็ม (ทางนี้เล่นทั้งเกมส์สร้างเมือง แล้วก็เกมส์แนวๆ ป้องกันปราสาท แต่ก็แพ้รวดจ้ะ 5555) บอกเลยว่าอยู่ได้ทั้งวัน 55555 ถือเป็น Interactive Museum ที่ควรค่าแก่การเสียตัง และอยากให้ไทยมีอย่างนี้บ้าง คือมันดียยยยยย์
นอกจากนิทรรศกาลด้านในของตึกแล้ว วิวด้านนอกก็ไม่ธรรมดา เดินวนๆ ก็จะเห็นป้อมปราการทั้งหมด (ไม่ใหญ่หรอก แต่สวยแบบ stunning) มีรูปปั้นของอัศวิน Templar วางอยู่เป็นจุดๆ จริงๆ แล้วด้านล่างมี Guidebook บอกว่าอะไรอยู่ตรงไหน แต่บอกเลยว่าไม่ได้ดูเลยค่ะ วิ่งเข้าห้องนี้ออกห้องนั้นสนุกกว่ามาก 5555
- ค่าเข้า: 50 NIS (มีหูฟังแปลภาษาให้ แล้วก็ multiple entry เด้อ แต่ต้องเก็บใบเสร็จไว้โชว์ด้วยจ้า)
- Opening Hour: เปิดทุกวัน 9.00 – 17.00 น.
- Bible Timeline: ในไบเบิลมีกล่าวถึงกษัตริย์ดาวิดไว้มากอยู่ค่ะ เพราะถือเป็นกษัตริย์ที่คนอิสราเอลรักมาก ฟีลแบบจากเด็กเลี้ยงแกะสู่การเป็นนักรบคนสนิทของกษัตริย์ซาอูล จนกระทั่งขึ้นเป็นกษัตริย์นักรบ เข้าใจว่าเป็นคนที่เก่งทางด้านกวีด้วย ดูได้จากการเขียนเพลงสดุดีในไบเบิล
o 1 Samuel
o 2 Samuel
o 1 Kings
o Psalm
3) King David’s Tomb
หูย อันนี้เริ่ดไม่ไหว ตอนแรกคิดว่าเป็นสุสานธรรมดาๆ แต่ที่ไหนได้ เป็นโบสถ์สวยๆ มี Tower หลังคาสีฟ้าๆ มีทางเดินที่เหมือนอยู่ใน Medieval Era ด้านบนมีจุดชมวิวมุมสูงที่สวยมากแม่ ที่สำคัญยังมีห้องที่เชื่อว่าเป็น The Last Supper ของพระเยซูด้วย
เดินออกจาก Old Jerusalem ไปทาง Zion Gate ก็ถึงเลย (จำง่ายๆก็คือไปทาง Mt.Zion น่ะจ้ะ)
3.1) Room of the Last Supper: ขอเขียนถึงที่นี่ก็เพราะว่าประทับใจ 5555 ตอนแรกไม่รู้ว่ามีที่นี้ด้วย จนกระทั่งเดินมาเห็นป้าย เลยเลี้ยวเข้าอย่างไว 5555
ในห้องจะเรียกว่าเป็นห้องโล่งๆ มี Fig Tree Statue ตั้งอยู่ด้านนึง แอบได้ยินไกด์ของกรุ๊ปทัวร์ที่เข้ามาพร้อมกันว่าเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงคนอิสราเอล แต่เห็นคนเอามือไปแตะๆ อธิษฐานกันเยอะอยู่ เหมือนเป็น Artifact ฝั่งตรงข้ามเป็น Arabic Script ซึ่งใช้ Google Lens แปลภาษาแล้วก็ยังแกะไม่รู้เรื่อง (แอบได้ยินไกด์ว่า มันคือทิศของเมืองเมกะ)
ป.ล. ห้องนี้มีแมวสามสี น้องน้วยมาก อ้อนมาก ไม่รู้น้องมาจากไหน แต่น้องน่ารัก แทบจะพากลับไทย งื้อออออ
น้อง~
3.2) King’s David Tomb เดินตามป้ายไป ก็จะเจอโบสถ์สวยๆ ที่นึง มีร้านกาแฟอยู่ด้านหน้า หากเราเดินลงไปด้านล่าง ก็จะเห็นรูปปั้นของ King David นอนอยู่ ตอนแรกก็คิดว่าเป็น Tomb จริงๆ แต่ที่ไหนได้ ต้องเดินออกมา แถวๆ ห้องน้ำ แล้วจะเจอ Tomb จริงๆ ของ King David ซึ่งแบ่งทางเข้าของหญิงกับชาย ฝั่งผู้ชายมีเก้าอี้นั่งพร้อม เหมือนอยู่ในโบสถ์หรือ Synagogue ของยิว แต่ฝั่งหญิงมีเก้าอี้พับ พร้อมกับชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยพระคัมภีร์ ใครใคร่อธิษฐานก็ทำ ใครใคร่อ่านหนังสือก็ทำไป
king David's statue
3.3) Abbey ปิดจ้ะ หรือว่าหาทางเข้าไม่เจอก็ไม่รู้ แต่มันปิดอะ เป็นตึกที่มีหลังคาสีฟ้านี่แหละ เอาจริง มองจาก New Gate กับ Jaffa Gate ก็เห็นอะ นี่เล็งมาตั้งแต่วันแรกว่าจะมี เพราะว่าสวยจริงๆ
มีจุดชมวิวมุมสูง ขึ้นไปทาง Room of the Last Supper ค่ะ
- ค่าเข้า: ฟรี
- Opening hour: 8.00 – 17.00 น.
- Bible Timeline: 1 King 2:10 “then David slept with his fathers and was buried in the city of David” ขอเขียนเฉพาะช่วงเวลาที่สวรรคตค่ะ
4) Wailing Wall หรือ Western Wall
ถ้ามาเยรูซาเล็มก็ต้องมาที่นี่แหละเนอะ Wailing Wall เปิดทุกวันค่ะ จะเข้าทาง Dung Gate หรือ Lion Gate หรือ Gate ไหนก็ได้ เพราะเหมือนว่าในเยรูซาเล็มอะ ถนนทุกสายมุ่งหน้าสู่ Wailing Wall 555 ทางเข้านี่มี Security ดูน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วเจ้าหน้าที่ชวนคุยเก่งเวอร์ 55555
Wailing wall
Wailing Wall เป็นลานกว้างๆ มีกำแพงกั้นระหว่าง Dome of Rock, Al-Aqsa Mosque แบ่งโซนชายหญิง ตรงนั้นจะมีคนมาสวดมนต์กันเยอะมาก ทั้งยิว ทั้งคริสเตียน ไม่ได้รู้สึกว่าทุกคนพยายามจะวิ่งเข้าหากำแพงนะ แต่เห็นทุกคนนั่งสวดมนต์กันสงบๆ ดี นี่รู้ว่าเป็นของยิว แต่ว่าก็ขอนั่งลงอธิษฐานหน่อย ไม่แม้แต่จะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปข้างในด้วยซ้ำ คือมันรู้สึกว่าเป็นพื้นที่ศักด์สิทธิ์จริงๆ
อะ ประวัติ! Wailing Wall เป็นกำแพงที่เหลืออยู่จากวิหารที่ถูกทำลายไป (วิหารแห่งแรกถูกบาบิโลนทำลาย พอวิหารแห่งที่ 2 ก็โดนโรมันทำลายอีก) เหลือแค่กำแพงฝั่งตะวันตกนี่แหละ พอมุสลิมยึดเยรูซาเล็มก็สร้าง Dome of Rock กับ Al-Aqsa แล้วคนยิวก็เข้าไม่ได้อีก สุดท้ายแล้วก็ทำได้แค่ร้องไห้คร่ำครวญให้กับกำแพงที่ถูกทำลายไป แล้วก็มาสวดมนต์ที่กำแพงนี้แหละค่ะ
ป.ล. ไม่ได้ไป Dome of Rock กับ Al-Aqsa Mosque นะคะ เพราะตอนที่ไป (April 2024) เขาเปิดเฉพาะวันอาทิตย์อะ เปิดวันนั้นวันเดียว (ทำไมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม 😭) คือทางขึ้นอยู่ตรงๆ หลังคาก็เห็นอยู่เนี่ย แต่เข้าไม่ได้อะ T^T
- ค่าเข้า: ฟรี
- Opening hour: เขาบอกว่าเปิด 24/7 แต่ถามจริง ใครจะเดินใน old Jerusalem กลางคืนอะ - -‘
- Bible Timeline: ขอ Scope แค่ส่วนของการสร้างพระวิหาร (Temple) ก็จะมี 1 Chronicle, 1 King ส่วน Solomon นี่ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกพูดถึงเท่าไหร่
5) Mount of Olives, Jerusalem
หรือภูเขามะกอกเทศซึ่งไม่รู้ว่ามีต้นมะกอกหรือสุสานชาวยิวเยอะกว่ากัน มีศาสนสถานตั้งอยู่ 5 – 6 แห่ง เช่น สวน Gethsemane (เรียกว่าศาสนสถานได้ไหม?) Church of all Nations, Church of Mary Magdalene สุสานของ Virgin Mary ภูเขาอยู่ติดกันกับเมืองเก่าเยรูซาเล็ม เป็นสถานที่เกิดเหตุการณ์มากมายในไบเบิล
ต้น olive เต็มเลย, กำแพงตรงนั้นคือเยรูซาเล็ม และ golden gate ที่ปิดไปค่ะ
แต่วันที่ไปฝนตกหนักอยู่ เลยเดินแค่ Church of all Nations, Tomb of Mary แล้วก็ คิดว่า Gethsemane ส่วน Church of Mary Magdalene ที่สวยๆ นั้น หาไม่เจอจ้ะ (ทั้งๆ ที่ใน google map บอกว่าอยู่ใกล้กันมาก)
- ค่าเข้า: ฟรีจ้ะ
- เวลาเปิด-ปิด: วันเสาร์ – พฤหัส : 08.00 – 17.00 น. (วันศุกร์ 8.00 – 16.00 น.)
- Bible Timeline: ในไบเบิล mention ถึงภูเขามะกอกเทศทั้งในคัมภีร์เก่าและใหม่
• Old Testament: 2 Samuel 30, Zechariah: 14
• New Testament: Matthew: 21, 24, 26 | Mark 11, 13, 14, Luke: 21, 22 John 8:, Act 1
6) Church of All Nation (Basilica of Agony)
เป็น Roman Catholic Church ที่ตั้งอยู่บนภูเขามะกอกเทศ เป็นอาคารหลังเดียวสวยๆ ทางเข้าอยู่ด้านข้าง (ตรงข้ามกับโบสถ์ของ Mary Magdalene) ไม่ใช่รั้วด้านหน้า ตอนแรกก็งงค่ะ แต่ถามชาวบ้านเอาเลยไปถูก มันเป็นศาสนสถาน เป็นโบสถ์ที่ยังมีการนมัสการอยู่ในปัจจุบัน (วันที่ไปก็มี class bible อะ) ข้างในสวยดี แต่เอาจริง แถวนี้ก็สวยทุกโบสถ์เลย ว่ากันว่าเป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นทับหินที่พระเยซูอธิษฐานก่อนโดนจับไปตรึงกางเขน
สวนเกทเสมนี (เกทเสมนี = Olive = มะกอก) เนี่ยเขาว่าอยู่ติดๆ กันกับ Church of All Nations เข้าใจว่าเดินผ่าน แต่ไม่แน่ใจว่าใช่ไหม คือมันเป็นเหมือนสวนสวยๆ ที่มีต้นมะกอกอยู่เต็มไปหมด ที่นี่ก็เป็นสถานที่สำคัญในพระคัมภีร์เหมือนกัน คือ พระเยซูมาเทศนาก็ที่นี่ โดนทหารจับก็ที่นี่
- ค่าเข้า: ฟรีจ้ะ
- เวลาเปิด-ปิด: วันเสาร์ – พฤหัส : 08.00 – 17.00 น. (วันศุกร์ 8.00 – 16.00 น.)
7) Tomb of Virgin Mary
เป็นสุสานของ Virgin Mary ที่ตั้งอยู่บนภูเขามะกอกเทศ เป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นบนถ้ำที่ฝัง Virgin Mary พอเดินผ่านทางเข้าไปแล้วจะเป็นห้องโถงในถ้ำใหญ่ มีกลิ่นกำยาน (รึ่มเลยจ้ะ) พอเดินลึกลงไปในถ้ำ จะเห็นแท่นบูชาวางอยู่ตรงกลาง 1 จุด ซ้าย 1 ขวาอีก 1 ตรงแท่นบูชามีรูปวาดของ Virgin Mary กับพระเยซู อยู่ ขลังดี
ข้างในถ้ำ virgin Mary's Tomb
- ค่าเข้า: ฟรี
- เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์ - เสาร์ (6.00 – 12.00) และ (13.00 – 17.00)
- Bible Timeline: ไม่มีการพูดถึงใน Bible
8) Church of St.Anne
เป็นโบสถ์เล็กๆ แถวๆ Lion’s Gate (ตรงข้ามกับ Mt. Olives) ดีที่สังเกตเห็นป้ายเล็กๆ เลยพุ่งเข้าไปเลย (แบบไม่คิด)
ตัวโบสถ์มี 3 ชั้น ชั้นบนสุดเป็น Sanctuary ซึ่งเป็นสถานที่นมัสการ ชั้นหนึ่ง (Ground Floor) เป็นห้องโถงทางเข้า ส่วนชั้นใต้ดิน เป็นถ้ำแฮะ ไม่มีไฟด้วย นี่เดินเปิดไฟฉาย ลงไปตามทางมืดๆ แป๊บเดียว ก็จะเห็นเป็นห้องกว้างๆ โล่งๆ มีป้ายแปะไว้ว่าเป็น Birth Place of Virgin Mary
- ค่าเข้า: ฟรี
- เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์ - เสาร์ (6.00 – 12.00) และ (14.00 – 17.00) ปิดวันอาทิตย์
- Bible Timeline: ไม่ได้ถูกพูดถึงใน Bible เลยแฮะ ข้อนี้ผ่านค่ะ
9) Church of Redeemer
เป็นโบสถ์ของคณะ Lutheran ข้างในตกแต่งเรียบง่าย ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับทางเข้า Church of Sepulchre
ข้างในมี Museum ด้วย แต่ว่าตอนไปถึง (บ่ายสองจ้ะ) คนดูแลก็คือปิดประตูใส่หน้าแล้ว จนนี่ต้องอ้อนขอเข้าไป เขาเลยให้เข้า 55555 ดูข้างนอกใหญ่มาก แต่ว่าพื้นที่ข้างในเล็กนิดเดียว Ground Floor มีแค่ Sanctuary แต่เขาว่ากันว่าข้างใต้เป็น Archeologist Site ที่แจ่มว้าวที่นึง แต่ก็อย่างว่าอะ เขาปิดประตูแล้ว ก็อยู่ได้แป๊บเดียว ก็ต้องออก ไม่ได้สำรวจเลย 😭
Sanctuary inside Church of Redeemer
- ค่าเข้า: ฟรี
- เวลาเปิด-ปิด: จันทร์ - เสาร์ (10.00 – 17.00 น.)
- Bible Timeline: ไม่ได้ถูกพูดถึงใน Bible เลยแฮะ ข้อนี้ผ่านค่ะ
10) Church of Sepulchre
โบสถ์นี้มีเรื่องให้พูดถึงเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นทั้งประวัติศาสตร์หรือสถาปัตยกรรม คือดูข้างนอกเหมือนเป็นแค่โบสถ์เก่าเหมือนโบสถ์อื่นๆ แต่ว่าข้างในแกรนด์มาก ถ้าใครอ่าน route Via Dolorosa น่าจะอินมาก
เริ่มที่โถงทางเข้าก็จะเห็นแท่นหินที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน แล้วยังมีจุดที่เชื่อกันว่าเป็นที่ฝังศพพระเยซูด้วย (เรื่องนี้ก็แอบสับสนนิดหน่อย ว่าตรงไหนคือจุดฝังศพที่แท้จริงกันแน่) คือมันเป็น Altar ขนาดเล็ก กลาง Main Entrance เข้าได้ทีละ 3 คน มี Priest คอยจัดคิว แล้วก็ที่สำคัญคือห้ามใช้เสียงค่ะ เพราะว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
นอกจากนี้แล้วยังมีส่วนชั้นใต้ดินเป็นจุดที่เชื่อกันว่าเป็นจุดที่นำพระศพลงมาจากกางเขน แล้วมอบให้พระมารดาของพระเยซู ส่วนชั้น 2 เป็น Sanctuary เดินขึ้นไปนมัสการด้วย ข้างบนก็สวยเวอร์วัง คือมันเป็นโบสถ์ Orthodox ที่แกรนด์มากโบสถ์นึงเลย
เอาล่ะ โบสถ์นี้ จริงๆ แล้วสร้างขึ้นมาสมัยจักรพรรดิคอนสแตนตินของโรมัน บ้างก็ว่าจักรพรรดิเป็นคนสร้างเอง บ้างก็ว่าจริงๆแล้วเป็นพระมารดาของพระองค์ต่างหากที่เป็นคนสร้าง
เรื่องของเรื่องคือ ตอนนั้นอยู่ในยุคสงครามครูเสด คริสเตียนกับมุสลิมทะเลาะกัน ก็มีความพยายามจะยึดครองพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิคอนสแตนติดคงจะฟีลแบบ เจอเขาโกลโกธาแล้ว มันต้องเป็นที่สำคัญทางศาสนา ข้าสร้างโบสถ์คริสตร์ทับไปแล้ว เพราะฉะนั้น ตอนนี้มันกลายเป็นพื้นที่ของคริสเตียนแล้วจ้า
ส่วน Artefact อื่นๆ ที่ถูกค้นพบในพื้นที่นี้ก็ถูกนำกลับไปโรมตามระเบียบ อาทิ ผ้าคลุมหน้าแห่งตูริน เป็นต้น) ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แล้วก็ไม่ชัวร์กันหรอกว่าของจริงหรือเปล่า
- ค่าเข้า: ฟรี
- เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน ตั้งแต่ 5.00 – 20.00 น.
- Bible Timeline: ยอห์น 19
11) The Garden’s Tomb
ว่ากันว่าเป็นสุสานที่ฝังพระศพของพระเยซูที่แท้จริง ตั้งอยู่บนภูเขาหัวกระโหลก เดินเข้าไปทาง Arab’s Market ตรงข้ามกับ Damascus Gate
ในพื้นที่มีทั้งสุสาน ห้องนมัสการเล็กๆ อยู่เต็มไปหมด สถานที่ตกแต่งสวยมาก เหมือนเดินอยู่ในสวนดอกไม้เลย ทางนี้ถ่ายรูปเพลินมาก มีคุณป้าที่เข้ามานมัสการเดินเข้ามาชวนคุยนั่นนี่ ตอนแรกคิดว่าจะมาคิดตังค์ แต่เขาแค่มา Blessed ให้เฉยๆ แล้วก็ไป น่ารักมากจริงๆ
ทางเดินไป tomb
ตัวสุสานจริงๆ เป็นถ้ำเล็กๆ (เข้าได้แค่ 2 คนต่อครั้ง) ในถ้ำมีแท่นหิน มีกรงเหล็กหรือกระจกครอบไว้กันคนทำเสียหาย (มันก็ 2000 กว่าปีแล้วเนอะ)
เอาเข้าจริง นี่ไม่รู้เหมือนกันว่าสุสานไหนเป็นของจริง ที่ Church of Holy Sepulchre หรือว่า The Garden Tomb แล้วทุกวันนี้ก็ยังเถียงกันอยู่
- ค่าเข้า: ฟรีจ้ะ
- เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์ - เสาร์ (8.30 – 12.00) และ (14.00 – 17.30) ปิดวันอาทิตย์
- Bible Timeline: ยอห์น 19
12) Kidane Mehret Church Ethiopian Orthodox Church (Jerusalem, Israel)
เป็นโบสถ์ Ethiopian Orthodox ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่นอกเมืองเก่า เดินออกจาก New Gate ของ Jerusalem ขึ้นไปทาง St. Louis Hospital (อาคารที่ติดกับ City Hall ไม่ไกลเท่าไหร่) ตัวโบสถ์เป็นทรงกลม มีโดมสวยๆ อยู่ด้านบน ดูแปลกตาดี ไม่ค่อยเห็นโบสถ์ทรงกลมแบบนี้เท่าไหร่
ชั้นในสุดเป็น Sanctuary ซึ่งมีเฉพาะ priest ที่เข้าไปได้ คนอื่นอยู่ได้แค่ Outer Ring เท่านั้น ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้เห็นด้านใน แต่การตกแต่งภายนอกก็สวยมากเช่นกัน
Ethiopia Church
- ค่าเข้า: ฟรี
- เวลาเปิด - ปิด: 8.00 – 17.00 น. (แต่ไปถึง 16.30 น. ก็ปิดแล้ว)
13) Hurva Sygnagogue
ความที่เจ็บใจเพราะไปดู temple mount, dome of rock, Al-Aqsa ไม่ได้ นี่เลยต้องหาที่ดูวิวเยรูซาเล็มมุมสูงใหม่ ทีนี้ search google ดูก็เห็นว่ามี sygnagogue (โบสถ์ยิว) อยู่ไม่ไกล ใช้เวลาตัดสินใจไม่เกิน 5 นาที ก็เลยตัดสินใจพุ่งไปเลย
sygnagogue อยู่ใน Jewish Quarter (เอ้าแน่นอน) ตัวอาคารมีโดมสูงให้ขึ้นไปดูวิว Jerusalem มุมสูง ซึ่งแน่นอนว่าเห็น Dome of Rock กับ Al-Aqsa ด้วย (แต่ก็ไกลๆ) ชั้นใต้ดินเป็น Archeologist Site ทั้งยังขุดกันอยู่ นี่ยังเห็นกำแพงหิน ซากปรักหักพัง อยู่เป็นจุดๆ
Jerusalem Top View from Sygnagogue
ค่าเข้า: 22 NIS
เหมือนว่าจะไปมากกว่านี้แฮะ แต่เขียนเท่านี้ก็ยาวแล้วอะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา