2 มิ.ย. เวลา 16:36 • ท่องเที่ยว
อิสราเอล

Israel Part III.

Historic Site & Nature Reserve in Israel
นอกจากศาสนสถานแล้ว อิสราเอลยังมีที่เที่ยวอีกเยอะมาก ทั้งสถานที่ทางประวัติศาสตร์และสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ Part นี้จะพาไปเที่ยวอิสราเอล ตั้งแต่ Tel-Aviv จนถึง Eilat เลย~~~~~
1) Old Jaffa หรือ Ancient Yafo (Tel-Aviv)
Old Jaffa เป็นเมืองเก่าที่อยู่แถวๆ North-West ของ Tel-Aviv ด้วยความที่เป็นท่าเรือที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เคยเป็น Provincial Capital ในสมัยกษัตริย์ Thutmose III เลยยังเห็นร่องรอยของความเจริญในสมัยนั้นผ่านสถาปัตยกรรม ทั้งโบสถ์ ทั้งบ้าน แม้กระทั่งทางเดิน คือมันสวยไปหมด
ป.ล. เป็นพื้นที่ที่ยังมีคนอาศัยอยู่จริงๆ มีเลขที่บ้านกำกับพร้อม แล้วประตูบ้านแต่ละหลังสวยมาก เหมือนอยู่ในยุคกลางเลย
อาคารในเขตเมืองเก่าสร้างขึ้นบนเนินเขา (Hill of Old Jaffa) เดินเพลินมาก แค่ชั่วโมงเดียวไม่พอ บอกเลย ถ้าได้กลับไปอีกคงจะอยู่ซักครึ่งวัน เพราะในนั้น มีทั้ง Art Gallery มีทั้ง Balcony ร้านกาแฟ นั่งดูวิวทะเลเมดิเตอเรเนียน คือ มันเพลินมากจริงๆ
ทางนี้เดินไปใกล้ๆ กับ St.Peter’s Church ก็จะมี Zodiac Circle แล้วก็ Wishing Bridge ที่ว่ากันว่า หากใครยืนบนสะพานแล้วถือ Zodiac Sign ของตัวเองไว้ แล้วก็มองไปที่ทะเลเมดิเตอเรเนียน สิ่งที่เขาคิดก็จะสมหวัง ทางนี้คือ ไม่รู้จะไปเอา Zodiac Sign ของตัวเองที่ไหน เลยเดินข้ามไปข้ามมา โดยคิดว่าเหมือนสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง (ก็คือๆ กันนั่นแหละเนอะ 5555)
zodiac sign and St.Peter's.Church
เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ Jaffa แปลว่า Beautiful คือเราจะเห็นคำนี้ทั่วอิสราเอลเลย
ค่าเข้า: ฟรี แต่ทางนี้โดนค่า Parking 10 NIS/hr เพราะเช่ารถขับเองจ้า (ใช้บัตรจ่ายได้ค่ะ แตะๆ กับเครื่องเอานะ)
2) The White City of Tel-Aviv (Tel-Aviv)
“คือระ? มันสำคัญยังไง? ทำไมต้องไปวะ?” ชะนีไทยงงมาก คือไม่เคยได้ยินเลยว่ามีสิ่งเหล่านี้อยู่ในอิสราเอล
“เห้ย! ต้องไปเว้ย UNESCO ประกาศเป็น World Heritage นา ไปเหอะ ไปให้รู้”
เอาจริงๆ มันเป็นเขตเมืองที่มีอาคารสไตล์ Bauhaus สีขาว อยู่เต็มไปหมด เขาว่ากันว่าเป็น Hub ของ Startup ซึ่งก็คงจะจริง เพราะอาคารดู Modern มาก แล้วก็พื้นที่รอบๆ ดูเจริญ มีร้านอาหาร มีคนนั่งกินกาแฟเต็มไปหมด Vibe เดียวกับตอนไปเที่ยวยุโรปเลย
3) The Lowest Bar in the world, Dead Sea (Jericho, Palestine)
A Must To Visit ค่าาาาาา วิวดี เบียร์ดี~ 😁
เป็นสถานที่เที่ยวที่จู่ๆ ก็งอกขึ้นมากระทันหัน (อยู่ห่างจาก Ancient Jericho ประมาณ 14 km) แต่ถามว่าไปไหม ไปค่ะ 555
คือมันเป็นรีสอร์ทที่สร้างขึ้นตรง Kalia Beach ในนั้นมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร แล้วก็ Bar ติดทะเล Dead Sea วันที่ไปมีชายฉกรรจ์ชาวอินเดียใส่ชุดว่ายน้ำโพสต์ท่าถ่ายรูป (แต่ไม่เล่นน้ำ) อยู่ 4 หน่อถ้วน
จุด check in ที่หนุ่มๆ อินเดียโพสต์ถ่ายรูปอยู่นาน
Dead Sea ตรงนี้คือเป็นน้ำที่มีคราบขาวๆ เข้าใจว่าเป็นเกลือ อยู่ติดริมหาด ส่วนน้ำที่อยู่ห่างออกไป เป็นสีแบบน้ำทะเลธรรมดา ถ้าดูจากในรูป ภูเขาฝั่งตรงข้ามก็จอร์แดนแล้วอะ ว่ากันว่า Dead Sea ฝั่งอิสราเอลสวยกว่าจอร์แดน นี่เลยอยากเห็นฝั่งจอร์แดนบ้าง
ไปถึงที่ทั้งทีก็ต้องมีเบียร์เนอะ มีคนแนะนำว่าให้กิน Gold Star เลยต้องสั่งตามเขาว่า (ราคาแรงอยู่จ้ะ แต่ก็เอาอะ บรรยากาศมันได้~~~~~) ประเด็นคือ เบียร์ดี นุ่ม อร่อยเลย~~~~~
ค่าเข้า: 18 NIS/คน มีบวกค่าจอดรถอีก 36 NIS (แพ้งงงงงงงงงงงงงงง)
ค่าเบียร์ 39 NIS แพงแต่ก็จ่ายได้เนอะ 555
4) Dead Sea (Ein Bokek)
ขอพาไปจุดเล่นน้ำ Dead Sea อีกที่ ก็คือ Ein Bokek ซึ่งเป็นเมืองที่มี Public Beach เยอะมาก ที่นี่ไปคือจุด Hordus Department Store ซึ่งมีจุดให้คนทั่วไปเล่นน้ำได้ฟรี มีห้องน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และจุดอาบน้ำจืดบริการฟรี (แถวนี้ไม่มี Storage เก็บกระเป๋านะคะ ต้องนั่งเฝ้าเอง)
Dead Sea ตรงนี้เป็นน้ำใสๆ เค็มแล้วก็ขม (“เห้ย กินทำไม๊?” เพื่อนถามแบบตกใจ แต่สุดท้ายมันก็กินเหมือนกัน … ศีลเสมอกันสุด 5555)
Dead Sea, on the way to Masada (from Jerusalem)
เคยอ่านมาว่าถ้ามา Dead Sea ให้พอกโคลนด้วย เพราะมันมีแร่ธาตุและสารอาหารเยอะ (ที่มาของความขม) แต่หาดนี้ไม่มีโคลนแฮะ นี่พยายามเดินหาโคลนหลายๆ จุดแล้วก็ไม่เจอ ใต้ทะเลเป็นทรายขาวๆ อะ เสียใจ
“แถวนี้ไม่มีโคลนหรอกจ้ะสาว ต้องไปซื้อในห้างนู้น” พี่สาวชาวอิสราเอลตะโกนบอกก่อนพาลูกไปเล่นน้ำต่อ
ถึงจะเสียใจ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะแค่นอนลอยตัวบน Dead Sea ก็ฟินแล้ว .. จะบ้าหรอ นี่แช่ตัวแป๊บเดียวก็แสบผิวแล้วแม่!!!! 😫 ต้องรีบขึ้นมาล้างตัว แต่ใดๆ คือประทับใจในความสะอาด และ Facility ของที่นี่มาก คือมีทั้งห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า (ไม่มีประตูอะ ต้องให้เพื่อนเฝ้า) มีห้องน้ำฟรีและสะอาด แล้วก็มีจุดอาบน้ำจืด (ทำโคตรดี) มีที่ร่มผ้าใบกลางทะเล (เกิดมาเพิ่งเคยเห็น) แล้วก็มี Life Guard ที่ตะโกนด่าคนที่พยายามไปจุดลึกๆ ตลอดเวลา คือรู้เลยว่าเขาใช้เงินภาษีคุ้มค่าจริง
ส่วน Landscape แถวนี้ไม่ต้องพูดถึง สวยเวอร์วัง
ค่าเข้า: ฟรี
5) Masada National Park (Masada)
เป็นป้อมปราการบนภูเขาที่สร้างขึ้นก่อนคริสตกาล เป็นที่มั่นสุดท้ายของชาวยิวในการสู้กับทหารโรมัน ป้อมมาซาดา ตั้งอยู่กลางทะเลทราย ด้านบนมองเห็น Dead Sea อยู่ไกลๆ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม สำหรับคนที่รักประวัติศาสตร์ และคนที่รักการ Hiking เพราะมี Trail สวยๆ ให้เดิน หรือถ้าใครไม่อยากเดินก็มี Cable Car ให้บริการ แต่ต้องจ่าย 46 NIS ต่อคน เลยเลือกที่จะเดินดีกว่า 45 นาทีก็ถึงด้านบน
การเดินทางไปป้อมมาซาดานั้นง่ายมาก ทางนี้เลือกขึ้น Public Bus ไปลงหน้าทางเข้า แบกกระเป๋า (12 kg) เดินขึ้นเขาไปนิดนึง ซื้อตั๋ว (31 NIS) + ฝากกระเป่าใน Locker (10/20 NIS) ข้างในมีร้านขายของ + Restaurant แต่แน่นอนว่าราคาก็แรงอยู่ ที่จริงแล้ว ด้านบนก็มีน้ำขายแต่คิดเอาเองว่าราคาน่าจะแพงกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่คิดไปเอง มันมีน้ำก๊อกฟรีกินได้อยู่จ้ะ 555
การเดินขึ้นเขาไม่ได้ลำบากนัก (มั้ง) แล้วก็ไม่หลงแน่ เพราะทางขึ้นทางลงมีทางเดียว 5555 และไม่อันตราย (ยกเว้นขึ้น Cable Car) แต่วิวระหว่างทางคือดีมาก ทางนี้เจอแพะภูเขากระโดดผ่านหน้าไป 1 ตัวถ้วน 555 ด้านล่างจะเห็นซากกำแพงเมืองอยู่ 2-3 จุด คือ เห็นชัดมากว่าเป็นซากเมือง มีกำแพงล้อมรอบเป็นรูปสี่เหลียมจตุรัส พอขึ้นไปถึงด้านบนแล้วคือจึ้ง วิวร้อยล้านพันล้านมากแม่
ในรูปมีอพะภูเขา 1 ตัว .. หาเจอใช่ไหม
“ที่บอกว่าวิวนี่ไม่ได้มีแค่วิวของโบราณสถานนะคะ แต่ Landscape แบบภูเขาหิน ภูเขาดิน คืออลังการมาก เหมือน Desktop Window 5555 อะ อวด!
วิวสวยเหมือน desktop window เลยแฮะ
ด้านบนมีอาคารโรมัน – ไบแซนไทน์ ไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการ วัง โรงอาบน้ำ คือ มันเหมือนอยู่ในโรมันจริงๆ บางจุดรายละเอียดยังชัดอยู่มาก ยกเว้น North Palace (ซึ่งเป็น Highlight ของที่นี่) คือมันเหลือแค่เสาหิน แล้วก็รูปวาด (ฉากหลัง) ของพระราชวัง
นี่คิดว่าการเดินไป North Palace นี่เป็น Trail เล็กๆ ซึ่งตอนเดินขึ้นเดินลงเขา แอบหอบอยู่ค่ะ 55555 ส่วทางเดินด้านบนเป็นทางราบ เดินชิลล์เลยจ้ะ 55555
ค่าเข้า: 31 NIS
ค่า Locker เก็บกระเป๋า: 10 หรือ 20 NIS แล้วแต่ไซส์กระเป๋า
---------------------
ยังคุยกับเพื่อนอยู่เลยว่าอิสราเอลคงเป็นประเทศที่เจริญที่สุดแล้วในบรรดาสถานที่ที่จะไป คือเดินทางง่าย จ่ายตังค์ผ่าน App ได้ อินเตอร์เน็ตดี (ยกเว้นแถวๆ ทะเล) อาหารการกินหลากหลาย (มีก๋วยเตี๋ยว กับ หม้อไฟจีนด้วยอะ) คือมันเริ่ดอยู่
แต่ว่า ติดแค่เรื่อง Security นี่แหละ คืออย่าเดินไปเรื่อย (เหมือนที่เคยทำบ่อยๆ) เพราะสถานการณ์มันยังไม่สงบ แล้วก็มีข่าวคนโดนลักพาตัวอยู่ทุกวัน (มีคนไทยด้วย) แถมตอนที่มา กำลังฮึ่มๆ กับอิหร่าน ทำเอาคนที่บ้านใจหายใจคว่ำไปเลยเหมือนกัน แต่ว่าใดๆ คือ จำเบอร์สถานทูตไว้ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยคุณได้ เขาให้ทำอะไรก็ทำอะ
จุดที่ไป มีจุดที่ทำให้ Depressed อยู่หลายจุดมาก ทั้ง West Bank, White City หรือแม้แต่ Tel-Aviv ก็ตาม ไม่คิดเลยว่าเมืองที่สวยขนาดนี้มันจะมีสงคราม ยิ่งในเขต West Bank คือ เหมือนไม่มีรัฐเลย ตามถนนมีแต่ขยะ ไม่มีคนกวาด เด็กๆ ก็ไม่ได้ไปโรงเรียน ตอน Taxi พาไปกำแพงตรงเขต West Bank ทำน้ำตาไหลเหมือนกัน คือมันไม่ไหวจริง คนใน West Bank บอกว่า เดิมทีเค้ามีอุตสาหกรรม ทำผลิตภัณฑ์จาก Olive Tree ขาย แล้วก็เป็นเมืองท่องเที่ยวอะ แต่ตอนนี้มันเงียบมาก ฟังเค้าระบายแล้วก็หดหู่ เราไม่รู้จะช่วยยังไงจริงๆ
แต่อย่างไรก็ตาม มีคนนึงเคยพูดไว้ว่า ที่จริงแล้วจุดที่เกิดเหตุมันมีแค่จุดๆ เดียว มันไม่ได้ represent เหตุการณ์ทั้งประเทศ คน(บางพื้นที่) ก็ยังใช้ชีวิตได้ปกติ แต่ว่าเราก็จะเห็นทหารเดินถือปืนตามจุดต่างๆ ในเมือง (ตอนแรกก็กลัว ตอนหลังก็ชิน คือเห็นจนเป็นปกติ) บอกเลยว่าเป็นครั้งแรกที่ไปโบถส์แล้วนั่งอธิษฐานให้คนอื่น ไม่เคยอธิษฐานให้ตัวเองเลย ประเทศสวยขนาดนี้ไม่ควรมีสงครามอะ
แต่ถ้าถามว่าจะกลับมาอีกไหม ตอบเลยว่ากลับมาแน่นอน เมืองสวยขนาดนี้ ที่เที่ยวก็โคตรเยอะ แถมยังมีจุดที่ยังไม่ได้สำรวจอีก (แถวๆ North East ของประเทศ) ยังไงก็กลับมาแน่นอน
คิดว่าคงจบ Series Israel แค่นี้ เดี๋ยวพาไป Jordan ต่อในตอนถัดไปค่ะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา