3 มิ.ย. เวลา 15:34 • ท่องเที่ยว
Wadi Rum desert

Jordan Part I

Wadi Rum (Moon Village)
เกิดมาเพิ่งเคยมาทะเลทรายเป็นครั้งแรก คือรู้มาว่ามันจะร้อนมากตอนกลางวันแล้วก็หนาวมากๆ ตอนกลางคืน แต่นี่คือลมเย็นทั้งวัน แถมกลางคืนต้องห่มผ้า 2 ชั้นไปอี๊ก ฮีททงฮีทเทคไม่ต้องใช้อะค่ะ ณ จุดนี้ต้องใส่เสื้อขนเป็ดแล้วคุณ คือตอนที่ไปเป็น April 2024 อากาศหนาวสุด 9 องศา ส่วนกลางวัน 15 ค่ะ
ออกจาก Eilat (Israel) ทาง Wadi Araba Border ข้ามไป Aqaba (Jordan)ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ถึงแม้ว่าจะไปแต่เช้า แต่แถวยาวเวอร์วัง แถมยังโดนแขกแซงคิวแบบมึนๆ (ไม่ต้องห่วง คนไทยแซงคืนแบบมึนๆ เรียบร้อย 😎 เพราะด่าไปก็เท่านั้น ) เจ้าหน้าที่ก็ทำงานช้าเวอร์ ด้วยเหตุนี้กว่าจะขึ้น Taxi ไปถึง Wadi Rum ได้ก็เกือบ 11 โมง
ทางจาก Aqaba ไป Wadi Rum คือสวยมาก Landscape อลังการ อยากจะหยุดถ่ายรูป แต่ว่าเจ้าของทัวร์ Whats App มาตามรัวๆ เลยต้องรีบไป
🚩การเที่ยวใน Jordan ไม่ยากค่ะ ซื้อ Jordan Pass ไปเลย ถ้ามี Pass แล้วก็ไม่ต้องขอ VISA แถมมันยัง Include ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ อย่าง Wadi Rum, Petra, etc. ลองดูใน Package ก่อนได้ค่ะ ค่อยตัดสินใจ แต่นี่ว่าคุ้มอะ เพราะอยู่ Jordan ตั้ง 5 วัน
ส่วนการเที่ยวใน Wadi Rum ทางนี้จองทัวร์ไปค่ะ เป็น Full Day Tour with Overnight Stay at Bedouin Camp ส่วนใหญ่แล้ว Tour ที่ Wadi Rum มี Program ทัวร์ไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะนั่งรถจิ๊บทัวร์ หรือขี่อูฐไป หรือแม้แต่เดิน!!!! (มันมีคนเดินจริงจริ๊ง”) แต่ที่สังเกตคือเป็นการเที่ยวตามรอยหนัง Lawrence of Arabia เช่น Lawrence Spring, Lawrence House ซะเยอะ
นอกจากนี้แล้วก็มี Landmark อื่นๆ เช่น Red Sand Dune, Abu Kashaba Canyon, Khazali Canyon ที่มีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์, Burdah rock bridge, Mushroom Rock ซึ่งแต่ละที่ก็ไม่รู้นะ ว่าอะไรเป็นอะไร นี่ก็แค่ตามๆ ไกด์ไป แต่พอจบทริปเนี่ย ขอยกให้การเที่ยวใน Wadi Rum เป็นทัวร์ที่ดีที่สุดในชีวิต (So Far) ตั้งแต่เที่ยวมา
ทะเลทรายที่ Wadi Rum เป็นสีส้มๆ ชมพูๆ สีสวยมาก ส่วนภูเขามีทั้งภูเขาหิน Canyon ที่มี Layer สวยๆ แล้วก็มี Dune ทรายสีส้มๆ มีแม้กระทั่งดินขาวๆ คือ ถ่ายรูปเพลินมาก
“เค้าถ่าย Star War, Spider Man กับ Dune ที่นี่ด้วยนะครับ” ไกด์เบดูอินพูดด้วยความภาคภูมิใจ”
ไกด์พานั่งรถจิ๊บแว้นในทะเลทรายไป Red Sand Dune ที่แรกเลย การเดินบน Dune แอบลำบากนิดนึง เพราะทุกครั้งที่เท้าย่ำลงไป ทรายมันก็ยุบด้วย ต้องใช้กำลังขาไต่ขึ้นไป โชคดีที่เป็น Dune เล็กๆ เลยใช้เวลาขึ้นไม่ถึง 5 นาที ด้านบนเป็นภูเขาหิน ที่คนมานิยมถ่ายรูปกัน ทางนี้ติด Stun ไปเลย Landscape ที่ Wadi Rum สวยแบบไม่ธรรมดา อะ ให้ดู
วิวมุมสูงจาก red sand dune
ที่ๆ 2 ที่ไกด์พาไปคือ Khazali Canyon เป็น Canyon เล็กจิ๊ดเดียว (ทางเดินเล็กมาก เดินสวนกันทีลำบากมาก) เดินประมาณ 10 นาที ความเริ่ดของมันคือมี Petroglyph (ภาพเขียนสีทางประวัติศาสตร์) อยู่ตามจุดต่างๆ แล้วก็มีบทสวดถูกสลักอยู่ เข้าใจว่าคน Nabatean เป็นคนทำ
จุดนี้ไกด์จะโชว์สกิลงานอาร์ตโดยการวาดรูปอูฐบนทรายให้ดู ส่วนสาวไทยวาดรูปช้างโชว์จ้ะ 😁
ต่อไปก็เป็น Lawrence House ซึ่งไกด์บอกว่า จริงๆ แล้วมันเป็นถ้ำที่คนนาบาเทียนมาสร้างไว้อาศัยชั่วคราว แต่หนังมา Claim ว่าเป็นบ้านของ Lawrence เฉยเลย ตัวที่เขาบอกว่าเป็น “บ้าน” จริงๆ แล้วเป็นถ้ำเล็กๆ 1 ห้อง ทีนี้ ไม่ต้องสนใจค่ะ ให้เดินวนรอบเขาไปเลย มันโคตรว้าว เพราะวิวด้านบนสวยมากจริงๆ
ระหว่างทัวร์มีพักกลางวันด้วย คือ น้องไกด์ ซึ่งเป็นทั้งไกด์ คนขับรถ แล้วก็พ่อครัว จะพาเราไปตามช่องเขา แล้วก็ทำอาหารแบบเบดูอินให้ (ส่วนใหญ่เป็นผักค่ะ มะเขือเทศ มัน แครอท หอมใหญ่ คลุกๆ กัน ทางนี้ถูกใจ แต่เพื่อนที่เป็นสายเนื้อ ไม่ชอบใจเท่าไหร่ 5555) แล้วไกด์ก็ปล่อยให้เรา (และตัวเอง) นอนจนถึง 13.30 น. ก่อนจะเที่ยวต่อ
รูปถ่ายตอนที่นอนพักกลางวันหลังกินข้าวเสร็จ
ถามว่าคนไทยหลับไหม หลับค่ะ กรนเลย 😎
Mushroom Rock นี่ไม่รู้จะพูดอะไร มันเป็นเหมือนภูเขาหินที่มีรูปร่างคล้ายเห็ด
Abu Kashaba Canyon เป็น Canyon ที่มี Landscape สวยมาก มีชั้นหินที่ไล่สีไปตาม Layer สวยมากๆ ระหว่างทางจะเห็นต้นไม้ ที่ไม่ใช่กระบองเพชร แต่คิดว่าน่าจะเป็นตระกูล Cactus นั่นแหละ แต่สวยแล้วก็แปลกตาดี เป็นจุดที่ชอบที่สุดแล้ว
ชอบรูปแรกมาก เพราะองค์ประกอบสวยเวอร์
Burdah rock bridge ตรงนี้มีจุดถ่ายรูปแกรนด์ ๆ อยู่ 2 จุด คือช่องด้านล่าง และสะพานด้านบน คนไทยปีนขึ้นบนก่อนเลยค่ะ 5555 (ฝรั่งด้านล่าง มองตามงงๆ) ตอนแรกไม่รู้ว่าขึ้นทางไหน คือ มันดูไม่มีหินงอกหินย้อยให้ปีนเลย แต่ต้องสังเกตดีๆ ข้างๆ ช่องเขาที่เป็นจุดถ่ายรูป เราสามารถปีนขึ้นได้ค่ะ พอถึงด้านบนปุ๊บ คนไทยไม่ได้ถ่ายรูปค่ะ แต่คนไทยนอน 555555555555555555555 ถ้างีบหลับ นอนดิ้นๆ ก็คือตกลงมาคอหักตายค่ะ
“ก็ลมมันเย็น” เพื่อนชายว่างั้น
และ Highlight ของวัน SANDSURF จ้าาา
ทางนี้เคยเล่น surf มาบ้าง เลยเล่นได้ แต่ความยากของมันคือการแบกกระดานขึ้น dune นี่แหละ คือมันหนักมาก ต้องช่วยกันหอบขึ้นไป
โคตรมันส์ บอกเลย 555555
ก่อนตะวันตกดิน ไกด์พาขับไปตาม Dune เพื่อไปหาภูเขาว่างๆ ให้ปีนขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตก ซึ่งแต่ละทัวร์มีจุดดูพระอาทิตย์ตกที่แตกต่างกัน ทัวร์นี้มีแค่ 2 คน เลยไม่ต้องแชร์ภูเขากับใคร (ส่วนเขาลูกใกล้ๆ กันมาเป็น 10 เสียงดังครึกครื้นดี) แล้วเจ้าของทัวร์ก็ตามมา นังเดินเท้าเปล่าขึ้นมาบนภูเขาหิน พร้อมกับชาร้อนๆ นี่แทบกราบ เพราะนี่หนาวจนแทบทนไม่ไหว
“เพตราหนาวกว่านี้นะ จะตายไหมเนี่ย” เจ้าของทัวร์พูดติดตลก
“บอกทีว่าที่พักมีน้ำร้อน” คนไทยพูดปากสั่น
“มั้ง!” นังหัวเราะเสร็จก็เดินถือกาน้ำชาไป ทิ้งให้คนไทยนั่งตัวสั่นดูพระอาทิตย์ตกต่อไป
จบทริปของวัน ไกด์ก็พาไปที่พัก ซึ่งเป็น Beduoin Camp กลางทะเลทราย มีอยู่ 8 เต็นท์ สร้างติดๆ กับภูเขา (ที่พักแถวนี้มักจะสร้างติดกับภูเขา เจ้าของที่พักว่า “กันลม” นี่ไม่รู้ว่ากันลม หรือว่าเป็น “ช่องลม” กันแน่ เพราะลมพัดแรงเวอร์ หนาวเวอร์)
แน่นอนว่ามีน้ำร้อน!
วิวจากที่พัก, ทรายสีนี้สวยอะ งือออ
อาหารค่ำแบบเบดูอินเสิร์ฟตอน 20.30 คือเขาจะขุดดิน แล้วเอาไก่อบสมุนไพร กับพวก potato carrot Onion Tomato + ผักนั่นนี่ ใส่ลงไป ให้แดดทะเลทราบ ทำให้อาหารสุก เขาจะเริ่มกระบวนการนี้ตอนบ่ายๆ อบไปเลยจ้ะ 5 – 6 ชั่วโมง ไก่ก็สุก แล้วค่อยเอาขึ้นมาตอนที่แขกมาถึงที่พัก ซึ่งเจ้าของที่คะยั้นคะยอให้เรามาดูตอนที่เอาอาหารขึ้นมาจากดิน (ไม่เปื้อนดินนะคะ เพราะมี Cover) ตอนแรกคิดว่าจะแห้ง แต่ว่าไก่มัน Juicy มากกกกกกกกกกกกก อร่อยมากกกกกกกกกกก
หลังกินอาหารเสร็จ เจ้าของที่พัก และน้องไกด์ ซึ่งเป็นทั้งคนขับรถ และพ่อครัว (ตอนมื้อเที่ยง) ก็มาชวนเล่น Uno ทางนี้เล่นไปเกมส์นึงแล้วก็กลับไปที่เต็นท์ ยืนดูดาวอยู่แป๊บนึง (ดาวเต็มท้องฟ้าเลย แต่มีฝุ่นอะ) แล้วก็นอนเลย
ก่อนจบทัวร์ นี่มีโอกาสสัมภาษณ์ไกด์ + เจ้าของทัวร์ คืองงมากว่าเขาจำทางกันได้ยังไง นี่ว่าวิวๆ มันเหมือนกันหมดเลย
“ก็ผมเกิดที่นี่อะ แล้วภูเขามันไม่ได้เหมือนกันทั้งหมดนะ มันต่างกัน แล้วแต่ละลูกมันก็มีชื่อด้วย” ไกด์อธิบาย
อะ ตามนั้น
🚩 เกร็ดเล็กๆน้อยๆ
  • ​ตอนหาข้อมูลเพื่อจองทัวร์ นี่ Search ทั้ง TripAdvisor Booking Google Klook นั่นนี่ มีแต่คนแนะนำว่าให้จองทัวร์มา ซึ่งปกติแล้วเป็นคนไม่เที่ยวกับ Tour Agency แต่พอมาถึงจริงๆ แล้ว ขอแนะนำสำหรับคนที่จะมาว่า “จองทัวร์เถอะค่ะ ทางมันงง จริงๆ”
  • ​Wadi Rum แบ่งเป็น 2 Zones คือ Village และ Desert คน 2 พื้นที่นี้ไม่ถูกกัน เพราะทำธุรกิจทับไลน์กัน เข้าใจว่าอย่างนั้นนะ
  • ​ทุกอย่างที่นี่จ่ายเป็นเงินสดค่า no credit card จ้า
  • ​ที่พักไม่มีที่ชาร์ตแบตโทรศัพท์กับอินเทอร์เน็ตนะคะ อยู่แบบ ธรรมชาติจริงๆ
  • ​มี Public Bus ระหว่างเมืองนะคะ แนะนำว่าให้จองไปก่อน (ถึงแม้เจ้าของทัวร์จะบอกว่า ให้จองผ่านเขาก็ตาม) แต่ของผ่าน web ก็สะดวกดี (Google ได้เลยค่ะ)
  • ​ทะเลทรายจอร์แดน ช่วง มี.ค. – เม.ย. ไม่ร้อนนะคะ ถ้าจะมาควรมาช่วงนี้ค่ะ เพราะตั้งแต่ พ.ค. มันจะเริ่มร้อนแล้ว
  • ​attraction แต่ละจุดมีของขายนะ น้ำชาเอย กาแฟเอย มีครบ แต่ไม่มีห้องน้ำแฮะ 😅

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา