5 มิ.ย. เวลา 10:10 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 125

ศึกเมืองเกาถัง (3) ตามหามังกรดั้นเมฆ
ออกเดินทางจากเกาถังได้ยี่สิบกว่าลี้ หลี่ขุยก็ขอแวะหาเหล้าดื่ม
ไต้จงว่า “เจ้าอยู่ระหว่างใช้คาถาเทพเดินหนติดตามข้า ดื่มได้แต่เครื่องดื่มไม่มึนเมา”
หลี่ขุยว่า “กินเนื้อบ้างเล็กน้อย คงไม่เป็นไรมัง”
ไต้จงว่า “เอาอีกแล้วนะ วันนี้ก็เย็นแล้ว หาที่พักเถิด พรุ่งนี้ค่อยออกแต่เช้า”
เดินทางต่ออีกสามสิบกว่าลี้ ฟ้ามืดลงจึงหาที่พักแล้วจัดแจงหุงหาอาหาร สั่งเหล้าซู่จิ่วมาหนึ่งเจี่ยว หลี่ขุยยกข้าวและน้ำแกงเจมาให้ไต้จงในห้อง
ไต้จงถามว่า “แล้วทำไมเจ้าไม่กินข้าว”
หลี่ขุยว่า “ข้ายังไม่อยากกิน”
ไต้จงจึงคิดว่า “ไอ้หมอนี่ต้องซ่อนอะไรไว้แอบกินลับหลังข้าแน่”
ไต้จงรีบกินข้าวเสร็จก็ย่องมาด้านหลัง เห็นหลี่ขุยสั่งเหล้ามาสองเจี่ยว เนื้อวัวหนึ่งจานนั่งกินอยู่ จึงคิดว่า “ข้าว่าแล้ว แต่ยังไม่เปิดโปงเจ้า พรุ่งนี้ค่อยเล่นงานสั่งสอนหน่อย” แล้วย่องกลับมานอน
หลี่ขุยกินอิ่มแล้ว กลัวไต้จงรู้ก็ย่องกลับมานอนเช่นกัน
เช้ายามห้า ไต้จงปลุกหลี่ขุยให้ลุกมาหุงหาอาหารกิน แล้วแบ่งสัมภาระกันสะพายหลังออกเดินทาง เดินทางมาได้ไม่ถึงสองลี้ ไต้จงบอกว่า “เมื่อวานข้ายังไม่ได้ใช้คาถาเทพเดินหน วันนี้ต้องเร่งเดินทางแล้ว เจ้ามัดสัมภาระติดตัวให้แน่น ข้าจะเสกคาถา เดินทางได้แปดร้อยลี้แล้วค่อยพัก”
ไต้จงนำผ้ายันต์ม้าออกมาสี่ผืน มัดสองขาหลี่ขุยไว้ กำชับว่า “เจ้าไปรอข้าที่ร้านอาหารข้างหน้า” แล้วก็เสกคาถาเป่าใส่ขาของหลี่ขุย หลี่ขุยก้าวเท้าออกเดินเหมือนดังเหยียบเมฆ ไวปานเหินลม
ไต้จงหัวเราะคิดว่า “ปล่อยให้อดสักวันให้เข็ด” แล้วก็ผูกผ้ายันต์ม้าให้ตัวเองไล่หลังมา
หลี่ขุยยังไม่รู้จักวิชานี้ เวลาเดินก็ดูเหมือนปกติธรรมดา เพียงแต่ได้ยินเสียงลมพัดอู้อยู่ข้างหู ต้นไม้และบ้านเรือนสองข้างทางไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว เท้าเหมือนเหยียบเมฆหมอก หลี่ขุยนึกกลัวขึ้นมา อยากจะหยุดเท้า แต่เท้าไม่ฟังคำสั่งเหมือนคนฉุดอยู่ให้เดินไปข้างหน้าจนเท้าไม่แตะดิน พอเห็นร้านอาหาร จะแวะเข้าไปกินก็ไม่ได้ ได้แต่ร้องว่า “เจ้าพ่อ ช่วยหยุดที”
มองดูฟ้า ตะวันคล้อยไปทางตะวันตกมากแล้ว ทั้งหิวทั้งกระหาย ก็ยังหยุดเท้าไม่ได้ ตกใจจนเหม็นเหงื่อไปทั้งตัว หายใจหอบ จึงเห็นไต้จงตามมาข้างหลังตะโกนมาว่า “พี่หลี่ ทำไมไม่ยอมหยุดแวะหาอะไรรองท้อง”
หลี่ขุยว่า “พี่ท่านช่วยที ควายเหล็กหิวจะตายอยู่แล้ว”
ไต้จงควักเอาชุยปิ่งจากอกเสื้อมาเคี้ยวกิน
หลี่ขุยตะโกนมาว่า “ข้าหยุดแวะซื้อกินไม่ได้ พี่ท่านเอามาแบ่งข้าสักสองชิ้นเถิด”
ไต้จงว่า “น้องเรา มาเอาสิ”
หลี่ขุยเอื้อมมือออกไปแต่รับของไม่ได้ทั้งที่ห่างกันเพียงหนึ่งจ้าง จึงตะโกนว่า “พี่ที่แสนดี รอข้าเดี๋ยว”
ไต้จงว่า “วันนี้ก็แปลก สองเท้าข้าก็ไม่ยอมหยุดเหมือนกัน”
หลี่ขุยว่า “ไอ้หยา ขาข้าไม่ฟังข้าสักนิด คงต้องเอาขวานฟันทิ้งสักครึ่งท่อน”
ไต้จงว่า “ตัดทิ้งไปก็ดีอยู่ มิเช่นนั้นคงเดินไปถึงวันที่หนึ่งเดือนหนึ่งปีหน้า ก็ยังไม่หยุด”
หลี่ขุยว่า “พี่ที่แสนดี อย่าล้อเล่น ตัดขาทิ้งไป ท่านจะได้หัวเราะเยาะข้า”
ไต้จงว่า “เมื่อคืนนี้ เจ้าไม่ฟังข้า วันนี้ข้าเองยังต้องเดินไม่หยุด เจ้าก็เดินของเจ้าเอง”
หลี่ขุยตะโกนว่า “เจ้าพ่อ ช่วยหยุดข้าที”
ไต้จงว่า “วิชานี้ของข้า ห้ามกินของคาว อันดับแรกคือเนื้อวัว หากกินไปหนึ่งชิ้น จะต้องเดินสิบหมื่นลี้จึงหยุดได้”
หลี่ขุยว่า “งั้นก็ซวยแล้ว เมื่อคืนข้าปิดพี่ท่าน แอบซื้อเนื้อวัวกินไปหลายชั่ง ทีนี้จะทำอย่างไร”
ไต้จงว่า “มิน่าเล่า วันนี้ข้าเองก็ยังเดินไม่หยุด คงต้องรอจนหมดฤทธิ์สักสามถึงห้าปี”
หลี่ขุยฟังแล้วได้แต่โอดครวญต่อสวรรค์
ไต้จงหัวเราะว่า “จากนี้ไป เจ้าต้องฟังข้าเรื่องหนึ่ง ข้าจึงจะถอนวิชานี้”
หลี่ขุยว่า “ท่านพ่อ ตอนนี้ข้าฟังท่านทุกเรื่อง”
ไต้จงว่า “จากนี้ไป เจ้ากล้าแอบกินของคาวอีกหรือไม่”
หลี่ขุยว่า “จากนี้ไป หากกินของคาว ขอให้ฝีขึ้นที่ลิ้นใหญ่เท่าชาม ข้าเห็นพี่ท่านกินเจ ควายเหล็กกินไม่ลง แอบกินเนื้อไป วันหลังไม่กล้าแล้ว”
ไต้จงว่า “เช่นนั้น ก็ปล่อยเจ้าไปสักเที่ยว”
ไต้จงก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เอาแขนเสื้อปัดไปที่ขาของหลี่ขุยทีหนึ่ง ตวาดว่า “หยุด”
เหมือนตะปูตอกตรึงเอาไว้ สองขาหลี่ขุยหยุดนิ่งกับพื้นไม่ขยับ
ไต้จงว่า “ข้าล่วงหน้าไปก่อน เจ้าค่อยค่อยตามมา”
หลี่ขุยจะยกเท้าก้าวเดิน แต่เหมือนเหล็กหล่อยึดไว้ ยกไม่ขยับ จึงตะโกนลั่นว่า “ซวยอีกแล้ว ค่ำลงจะทำอย่างไร” แล้วตะโกนว่า “พี่ท่านช่วยข้าด้วย”
ไต้จงหันมาหัวเราะแล้วว่า “ทีนี้จะฟังข้าไหมเล่า”
หลี่ขุยว่า “ท่านคือพ่อผู้บังเกิดเกล้า ข้าจะไม่ขัดท่านเลย”
ไต้จงว่า “ต่อไปต้องฟังข้า” แล้วก็เอามือจับตัวหลี่ขุย ตวาดว่า “ขึ้น” สองขาหลี่ขุยเดินได้ง่ายดาย
หลี่ขุยว่า “พี่ท่านเห็นใจควายเหล็ก วันนี้พักกันเช้าหน่อย”
ทั้งสองเข้าพักยังโรงแรมที่พักข้างหน้า พอเข้าถึงห้อง ไต้จงแก้ผ้ายันต์ออก เผาเงินกระดาษบูชาครู แล้วถามหลี่ขุยว่า “ตอนนี้เป็นอย่างไร”
หลี่ขุยว่า “สองขาข้า กลับมาเป็นของข้าแล้ว”
ไต้จงว่า “เมื่อคืน ใครให้เจ้าแอบกินเหล้ากินเนื้อ”
หลี่ขุยว่า “ท่านไม่ให้กินคาว ข้าแอบกิน ท่านก็เล่นงานข้าจนเข็ดแล้ว”
ยามห้าเช้าวันรุ่งขึ้น ล้างหน้าล้างตากินอาหารเช้าแล้วออกเดินทางได้ราวสามลี้ ไต้จงก็หยิบผ้ายันต์ม้าออกมาแล้วว่า “น้องเรา วันนี้ข้าจะผูกให้เพียงสองแผ่น เดินช้าลงสักหน่อย”
หลี่ขุยว่า “ท่านพ่อบังเกิดเกล้า ข้าไม่ผูกแล้ว”
ไต้จงว่า “เมื่อเจ้าฟังคำข้า ข้ากับเจ้ายังมีงานใหญ่ ข้าจะแกล้งเจ้าทำไม แต่หากเจ้าไม่ฟังข้า ข้าจะตรึงเจ้าไว้ตรงนี้ ข้าไปจี้โจวหากงซุนเสิ้งพบแล้วค่อยกลับมาปล่อยเจ้า”
หลี่ขุยรีบตะโกนบอกว่า “ข้าฟัง ข้าฟัง”
วันนั้นไต้จงกับหลี่ขุยจึงผูกผ้ายันต์เดินทางกันเพียงคนละสองผืน
อันเวทเทพเดินหนของไต้จงนี้ จะเดินก็เดิน จะหยุดก็หยุด สุดแต่ไต้จง แต่ไต้จงสั่งสอนหลี่ขุยจนไม่กล้าขัดขืนอีก ตลอดทางจึงกินดื่มแต่อาหารพิสุทธิ์ เดินทางไม่ถึงสิบวัน ลุถึงนอกเมืองจี้โจว จึงหาที่พัก
วันถัดมา ทั้งสองเข้าเมืองไปสืบหา ไต้จงแต่งตัวเป็นนาย หลี่ขุยแต่งตัวเป็นบ่าว วนรอบเมืองอยู่ทั้งวัน ไม่มีใครรู้จักกงซุนเสิ้ง จึงกลับออกมาพักกันนอกเมือง วันถัดมาก็ยังคงเข้าเมืองไปหาตามตรอกซอกซอยเล็ก แต่ยังคงไร้ร่องรอย หลี่ขุยร้อนใจด่าว่า “เจ้านักพรตขอทานนี่ ไปหลบอยู่รูนกเขาไหน ถ้าเจอตัวต้องจิกหัวไปหาท่านพี่”
ไต้จงว่า “เอาอีก ถ้าไม่ฟังคำข้า คงต้องสั่งสอนเจ้า”
หลี่ขุยหัวเราะแล้วว่า “ข้าก็แค่ล้อเล่น”
ไต้จงตำหนิไปอีกยก หลี่ขุยไม่กล้าตอบโต้ เย็นนั้นก็กลับเข้าที่พัก
เช้าวันรุ่งขึ้น ออกตามหานอกเมืองตามตำบลใกล้เคียง พอพบผู้เฒ่า ไต้จงก็ลองถามว่ารู้จักท่านอาจารย์กงซุนเสิ้งไหม แต่ไม่มีใครรู้จัก ตามหามาสิบกว่าแห่งจนกระทั่งเที่ยงวัน ท้องเริ่มหิว เห็นร้านขายบะหมี่เจริมทางจึงเดินเข้าไปหาที่นั่งแต่โต๊ะเต็มหมด
ขณะยืนเก้ๆ กังๆ อยู่  กว้อไม่ 过卖 (บริกร)ก็มาถามว่า “ลูกค้าจะกินบะหมี่หรือ นั่งโต๊ะเดียวกับผู้เฒ่าท่านนี้ก็ได้”
ไต้จงเห็นผู้เฒ่านั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะตัวใหญ่จึงขานคารวะแล้วนั่งลงตรงข้าม หลี่ขุยนั่งลงข้างไต้จง ไต้จงสั่งบะหมี่สี่ที่ แล้วว่า “ข้ากินหนึ่ง เจ้ากินสาม คงพอกระมัง”
หลี่ขุยว่า “ไม่ไหว เอามาหกที่” กว้อไม่หัวเราะ
นั่งรออยู่ครึ่งค่อนวัน บะหมี่ไม่มาเสียที เห็นแต่ยกเข้าไปด้านใน หลี่ขุยหงุดหงิดเสียห้าส่วนแล้ว บริกรยกบะหมี่มีไอร้อนมาให้ผู้เฒ่าที่นั่งตรงข้าม ผู้เฒ่าก็ไม่รีรอ ก้มลงกิน
หลี่ขุยไม่เห็นมีของตน ชักฉุนตะโกนว่า “กว้อไม่ ให้พ่อรอตั้งครึ่งวันแล้ว” แล้วเอามือตบโต๊ะ ชามบะหมี่ของผู้เฒ่าพลิกคว่ำ น้ำหกกระเซ็นลวกหน้าผู้เฒ่า
ผู้เฒ่าอารมณ์เสีย จับหลี่ขุยไว้ตวาดว่า “อย่างไรกัน ทำบะหมี่ข้าหกหมด”
หลี่ขุยกำหมัดจะชกผู้เฒ่า ไต้จงรีบตวาดห้ามแล้วกล่าวขอโทษผู้เฒ่า “ผู้อาวุโสอย่าถือสาเขาเลย ผู้น้อยชดใช้บะหมี่ให้แก่ผู้อาวุโส”
เฒ่าผู้นั้นว่า “ท่านยังไม่รู้ ข้าต้องเดินทางอีกไกล จะรีบกินแล้วรีบไปฟังธรรม ช้าไปจะไม่ทัน”
ไต้จงถามว่า “ผู้อาวุโสเป็นคนที่ไหน ไปฟังผู้ใดบรรยายธรรม”
ผู้เฒ่าว่า “ผู้เฒ่าเป็นชาวเมืองจี้โจวนี่แหละ อยู่ที่เขาเอ้อเซียนอำเภอจิ่วกง 九宫县二仙山 เข้าเมืองมาซื้อเครื่องหอมชั้นดี แล้วจะกลับไปฟังท่านหลอเจินเหยิน 罗真人 บรรยายอมตะธรรม”
ไต้จงตรองดูว่า “ดีไม่ดี กงซุนเสิ้งอาจจะอยู่ที่นั่น” จึงเอ่ยถามว่า “ที่หมู่บ้านของผู้อาวุโส มีคนชื่อกงซุนเสิ้งไหม”
ผู้เฒ่าว่า “ท่านถามคนอื่นคงไม่ได้ความ คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก แต่ข้าเป็นเพื่อนบ้านเขา แม่ของเขายังอยู่ อาจารย์ท่านนี้แต่ไหนแต่ไรท่องเที่ยวไปทั่ว ตอนนั้นเรียกกันว่า กงซุนอีชิง 公孙一清 เดี๋ยวนี้สละแซ่ 出姓 เรียกชื่อทางธรรมว่า นักพรตชิง 清道人 (ชิงเต้าเหยิน) ไม่เรียกกงซุนเสิ้งแล้ว นั่นเป็นชื่อฆราวาสไม่มีใครรู้จัก”
ไต้จงว่า “นั่นสิ
踏破铁鞋无觅处,得来全不费工夫
เดินจนเกือกเหล็กสึกหาเห็นไม่
ยามจะได้เจอะเจอไม่เปลืองแรง”
ไต้จงถามต่อว่า “เขาเอ้อเซียนอำเภอจิ่วกงห่างจากที่นี่สักเท่าไร นักพรตชิงอยู่บ้านไหม”
ผู้เฒ่าว่า “เขาเอ้อเซียนห่างจากที่นี่สี่สิบห้าลี้ นักพรตชิงเป็นศิษย์เอกของหลอเจินเหยิน ท่านจึงให้คอยอยู่แต่ข้างกาย”
ไต้จงยินดียิ่งนัก เร่งให้ยกบะหมี่มากินด้วยกันกับผู้เฒ่า คิดเงินแล้วออกจากร้านมา ไต้จงถามเส้นทางแล้วบอกว่า “ผู้อาวุโสเดินทางไปก่อน ผู้น้อยจะหาซื้อกระดาษและธูปเทียน แล้วจะตามไป”
ไต้จงกับหลี่ขุยกลับมาเก็บสัมภาระที่โรงแรม ผูกผ้ายันต์ม้า ออกเดินทางมายังเขาเอ้อเซียนอำเภอจิ่วกง ด้วยอิทธิฤทธิ์ผ้ายันต์ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหน้าอำเภอ ถามทางไปเขาเอ้อเซียน มีคนบอกว่า “จากอำเภอไปทางตะวันออกราวห้าลี้” พอมุ่งหน้ามาไม่ทันห้าลี้ ก็แลเห็นแต่ไกล
青山削翠,碧岫堆云。
两崖分虎踞龙盘,四面有猿啼鹤唳。
朝看云封山顶,暮观日挂林梢。
流水潺漫,涧内声声鸣玉佩;
飞泉瀑布,洞中隐隐奏瑶琴。
若非道侣修行,定有仙翁炼药。
ขุนเขาเขียวระฟ้า ยอดดอยเสียดเมฆา
 
สองผาคั่นขอบ เสือหมอบมังกรขด
สี่ด้านปรากฎลิงกระเรียนร้องก้องป่า
อรุณรุ่งเมฆปกคลุมยอดผา
สายัณห์ตะวันลาลับยอดไม้
 
ธารน้ำรินไหลเสียงใสกระทบหยก
เสียงน้ำตกดังพิณลอบบรรเลงถ้ำใน
ธรรมสถานเหล่านักพรตฤๅไฉน
เซียนเฒ่าคงเอาไว้ปรุงโอสถ
ตอนก่อนหน้า : ศึกไสยเวท
ตอนถัดไป : มังกรฤๅคืนหมู่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา