7 มิ.ย. เวลา 10:43 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 126

ศึกเมืองเกาถัง (4) มังกรฤๅคืนหมู่
ไต้จง หลี่ขุยมาถึงตีนเขาเอ้อเซียนเห็นชายตัดฟืน ไต้จงทักทายแล้วถามว่า “รบกวนถามว่าละแวกนี้มีบ้านนักพรตชิงอยู่ที่ไหน”
คนตัดฟืนชี้บอกว่า “ข้ามเดือยภูเขา 山嘴 ที่เหมือนเขาซ้อนทางตะวันออกไป หน้าบ้านมีสะพานหินเล็กๆ ที่นั่นแหละ”
ทั้งสองเดินผ่านเดือยภูเขามา เห็นกระท่อมหญ้าสิบกว่าหลังล้อมด้วยกำแพงเตี้ย หน้ากำแพงมีสะพานหินขนาดเล็ก ทั้งสองมาถึงข้างสะพานเห็นสาวชาวบ้านนางหนึ่งถือตะกร้าผลไม้สดเดินออกมาจึงถามว่า
“แม่นางออกมาจากบ้านนักพรตชิง นักพรตชิงอยู่หรือไม่”
นางตอบว่า “ปรุงยาอยู่หลังบ้าน”
ไต้จงแอบดีใจ หันมาบอกหลี่ขุยว่า “เจ้าไปหลบหลังต้นไม้ ข้าเข้าไปเองก่อน พบเขาแล้วจะออกมาตาม”
ไต้จงเดินเข้าไปในเขตบ้าน เห็นกระท่อมหญ้าตั้งเรียงเป็นสามแถว หน้าประตูมีม่านไม้กก ไต้จงส่งเสียงกระแอมไอ เห็นหญิงชราผมเผ้าขาวเดินออกมาจากด้านใน
苍然古貌,鹤发酡颜。
眼昏似秋月笼烟,眉白如晓霜映日。
青裙素服,依稀紫府元君;
布袄荆钗,仿佛骊山老姥。
形如天上翔云鹤,貌似山中傲雪松。
ผ่านโลกมาโชกโชน
ผมขาวโพลนหน้าเปล่งปลั่ง
ตาฟางจันทร์ควันบัง
คิ้วดังเหมยขาบเช้าตรู่
กระโปรงครามเสื้อขาว
ราวสำเร็จธรรมอยู่จื๋อฝู่
ปิ่นหนามชุดมิหรู
พระแม่หลีซานซ่อมฟ้า
 
ดุจกระเรียนเฉี่ยวเมฆา   เหินบนนภา
ฤๅสนทนหิมะหนา
(จื๋อฝู่ 紫府 ที่อยู่ของเซียนตามลัทธิเต๋า
หยวนจวิน 元君 สตรีผู้บรรลุธรรมในลัทธิเต๋า)
(พระแม่เขาหลีซาน 骊山老姥 หนึ่งในสามกษัตริย์ตามตำนาน ร่วมกับ ฝูซี 伏羲 และเสินหนง 神农 มีหลายชื่อเรียก ตำนานหนึ่งเรียกว่า หนวี่วอ 女娲 ซ่อมฟ้าที่ทะลุ)
ไต้จงทักทายตามธรรมเนียมแล้วว่า “เรียนท่านแม่เฒ่า ผู้น้อยใคร่ขอพบท่านนักพรตชิง”
แม่เฒ่าถามว่า “นายท่านแซ่อะไร”
ไต้จงว่า “ผู้น้อยแซ่ไต้ชื่อจง เดินทางมาจากซานตง”
แม่เฒ่าว่า “ลูกชายข้าออกไปท่องโลก ยังไม่กลับบ้าน”
ไต้จงว่า “ผู้น้อยคบหากันมานานแล้ว ต้องการคุยเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ใคร่ขอพบสักครั้ง”
แม่เฒ่าว่า “ไม่อยู่บ้านสิ มีอะไรก็ฝากบอกไว้ได้ รอกลับมาแล้วค่อยมาพบ”
ไต้จงว่า “ไว้ผู้น้อยค่อยมาใหม่” แล้วอำลาแม่เฒ่า
พอมาถึงหน้าประตูจึงมาหาหลี่ขุยแล้วว่า “ครานี้ ต้องใช้งานเจ้าแล้ว เมื่อครู่มารดาของเขาบอกว่า เขาไม่อยู่บ้าน ตอนนี้เจ้าเข้าไปขอพบบ้าง หากนางบอกว่าไม่อยู่อีก เจ้าก็ทำทีลงไม้ลงมือ แต่ห้ามทำร้ายแม่เฒ่าให้บาดเจ็บ ข้าจะเข้าไปตวาดห้าม เจ้าต้องหยุดมือ”
หลี่ขุยนำขวานคู่ออกจากห่อผ้านำมาเหน็บไว้ที่ต้นขาทั้งสอง ก้าวเข้าประตูแล้วตะโกนว่า “ใครก็ได้ออกมา”
แม่เฒ่ารีบออกมาถามว่า “ใครกัน” พอเห็นหลี่ขุยถลึงตาจ้องมาก็รู้สึกกลัว ถามว่า “ท่านพี่ มีเรื่องอันใด”
หลี่ขุยว่า “ข้าคือพายุหมุนดำแห่งเขาเหลียงซาน รับบัญชาท่านพี่มาเชิญตัวกงซุนเสิ้ง เรียกเขาออกมา พระพุทธมีตา หากไม่ยอมออกมา ข้าจะวางเพลิงนกเขา เผาบ้านนี้ทิ้งให้เป็นที่เปล่า ห้ามบอกว่าไม่ รีบออกมา”
แม่เฒ่าว่า “ผู้กล้า อย่าทำเช่นนี้ ที่นี่ไม่ใช่บ้านของกงซุนเสิ้ง ที่เรียกว่านักพรตชิง”
หลี่ขุยว่า “ท่านเรียกเขาออกมา ข้าจำหน้านกเขาของเขาได้เอง”
แม่เฒ่าว่า “ออกไปท่องโลกยังไม่กลับ”
หลี่ขุยชักขวานออกมาจามกำแพงพังไปแถบหนึ่ง แม่เฒ่าเข้ามายุดมือไว้
หลี่ขุยว่า “ไม่เรียกลูกชายเจ้าออกมา ข้าจะฆ่าเจ้า” แล้วใช้ขวานจามลงไปอีก ทำเอาแม่เฒ่าตกใจล้มลงกับพื้น
กงซุนเสิ้งจึงออกมาจากด้านใน ตะโกนมาว่า “อย่าเสียมารยาท”
药炉丹灶学神仙,遁迹深山了万缘。
不是凶神来屋里,公孙安肯出堂前。
เฝ้าฝึกฝนเป็นเซียนปรุงโอสถ
ลดละวางเร้นกายปลีกวิเวก
หากเป็นเพราะจอมมารเกกมะเหรก
กงซุนละอุเบกขายอมปรากฏ
ไต้จงจึงออกมาตวาดว่า “ควายเหล็ก ทำไมทำแม่เฒ่าตกใจหกล้ม” แล้วไต้จงก็รีบเข้าไปพยุงแม่เฒ่า
หลี่ขุยทิ้งขวานขานคารวะ 唱喏 แล้วว่า “ขออภัยพี่ท่าน หากมิทำเช่นนี้ ท่านก็มิยอมออกมา”
กงซุนเสิ้งพยุงมารดาเข้าไปข้างในก่อน แล้วจึงกลับออกมาเชิญไต้จง หลี่ขุยไปนั่งยังห้องที่สงบ แล้วว่า “ลำบากท่านทั้งสองมาถึงที่นี่”
ไต้จงว่า “ตั้งแต่ท่านอาจารย์ลงเขามา ผู้น้อยเคยมาจี้โจวตามหาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่พบ กลับได้พี่น้องกลุ่มหนึ่งขึ้นเขาไปเป็นพวก เที่ยวนี้ท่านพี่ซ่งกงหมิงยกทัพไปเมืองเกาถังเพื่อช่วยท่านขุนนางใหญ่ไฉ แต่พลาดท่าพ่ายแพ้ต่อไสยเวทมนตร์ดำของเจ้าเมืองเกาเหลียนสองสามครั้ง หาทางรับมือไม่ได้ จึงให้ผู้น้อยกับหลี่ขุยมาเชิญใต้เท้า 足下  หาจนทั่วตัวเมืองจี้โจวก็ไม่เจอ
เผอิญได้พบผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่ร้านบะหมี่เจบอกทางมา พอมาถึงก็พบชาวบ้านนางหนึ่งบอกว่าท่านกำลังปรุงยาอยู่ในบ้าน แต่มารดาของท่านกลับบ่ายเบี่ยง จึงจำต้องให้หลี่ขุยบีบให้ท่านออกมา ออกจะหยาบคายไปบ้าง ต้องขออภัยด้วย ท่านพี่ที่เกาถัง ผ่านวันดังปี ขอเชิญท่านอาจารย์เดินทางไปช่วยเหลือ เห็นแก่อุดมการณ์ที่มีอยู่ร่วมกัน”
กงซุนเสิ้งว่า “พรตผู้ยากเมื่อยังเยาว์ท่องทั่ววงนักเลง ได้คบหาผู้กล้ามากมาย นับแต่อำลาเขาเหลียงซานกลับบ้านมา ยังหาได้เปลี่ยนแปลงเจตนา ทว่า หนึ่งคือ มารดาชราแล้ว ไม่มีผู้ดูแล สองคือ หลอเจินเหยินผู้อาจารย์รั้งตัวไว้ให้อยู่กับบ้าน ทั้งเกรงว่าจะมีผู้มาตามจึงเปลี่ยนชื่อให้เป็นนักพรตชิง ซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
ไต้จงว่า “บัดนี้ท่านซ่งกงหมิงตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมอันตราย ขอความกรุณท่านอาจารย์ โปรดเดินทางไปสักครา”
กงซุนเสิ้งว่า “ติดขัดอยู่ที่มารดาชราไม่มีผู้เลี้ยงดู และท่านอาจารย์หลอเจินเหยินคงไม่อนุญาต จึงไม่อาจไปได้”
ไต้จงกราบอ้อนวอนอีกครั้ง กงซุนเสิ้งพยุงให้ลุกขึ้นว่า “ค่อยหารือกัน”
กงซุนเสิ้งให้ไต้จง หลี่ขุยรอในห้อง ตนไปเตรียมอาหารมารับรอง
หลังอาหาร ไต้จงก็วิงวอนอีกว่า “หากท่านอาจารย์มิยอมไปช่วย ท่านซ่งกงหมิงคงต้องพ่ายเกาเหลียนและถูกจับตัว อุดมการณ์ของค่ายเราคงล่มสลาย”
กงซุนเสิ้งว่า “ขอให้ข้าไปเรียนถามท่านอาจารย์ใหญ่หลอเจินเหยิน หากท่านอนุญาตก็ไปด้วยกัน”
ไต้จงว่า “เช่นนั้นเราไปหาท่านอาจารย์ใหญ่กันเลย”
กงซุนเสิ้งว่า “พักให้สบายใจสักคืน พรุ่งนี้ค่อยไปแต่เช้า”
ไต้จงว่า “ท่านพี่อยู่ที่นั่น ผ่านวันดังปี รบกวนท่านอาจารย์ไปกันเลย”
กงซุนเสิ้งจึงออกนำทางไต้จง หลี่ขุยมายังเขาเอ้อเซียน ช่วงนี้เป็นปลายฤดูสารทต่อเหมันต์ กลางวันสั้นกลางคืนยาว พอมาถึงกิ่วเขา ตะวันแดงคล้อยตะวันตกแล้ว ทางน้อยใต้ร่มสนนำทางสู่อารามของหลอเจินเหยิน  หน้าอารามมีป้ายสีแดงอักษรทองสามตัวเขียนว่า “紫虚观 จื่อ ซวี กวน”  นับเป็นสถานปฏิบัติธรรมของเหล่าเซียนโดยแท้
青松郁郁,翠柏森森。
一群白鹤听经,数个青衣碾药。
青梧翠竹,洞门深锁碧窗寒;
白雪黄芽,石室云封丹灶暖。
野鹿衔花穿径去,山猿擎果度岩来。
时闻道士谈经,每见仙翁论法。
虚皇坛畔,天风吹下步虚声;
礼斗殿中,鸾背忽来环琨韵。
只此便为真紫府,更于何处觅蓬莱?
ดงสนไป่มรกต
ร่มครึ้มเขียวสดงามล้ำ
ฝูงกระเรียนฟังธรรม
เหล่าพรตบดยางานยาว
อู๋ไผ่ชอุ่มงาม
ถ้ำล่ามทวารสนิทกันหนาว
หน่อเหลืองแทงหิมะขาว
ในหลืบอุ่นเตาปรุงยา
กวางคาบผการายทาง
ค่างเก็บผลไม้จากผา
ฟังพรตถกตำรา
เซียนเฒ่าเล่าวิทยาทาน
แท่นซวีหวงบังคม
ลมโชยปู้ซวีเซิงอ่าน
โถงดาวเหนือนมัสการ
หงส์เทินเครื่องหยกเคารพ
 
นี่คือจื๋อฝู่แดนสงบ   บนผืนพิภพ
ไยต้องใฝ่หาเผิงไหล
(ซวีหวง 虚皇 เทพในลัทธิเต๋า
ปู้ซวีเซิง 步虚声 ชื่อทำนองอ่านคัมภีร์ของลัทธิเต๋า มีความหมายว่า เสียงเทพเดิน
โถงบูชาเทพดาวเหนือ 礼斗殿  ดาวเหนือ 北斗
จื๋อฝู่ 紫府 ที่อยู่ของเซียนตามลัทธิเต๋า
เผิงไหล 蓬莱 ที่อยู่ทวยเทพ)
กงซุนเสิ้ง ไต้จง หลี่ขุย ทั้งสามมาถึงศาลาแต่งตัว 着衣亭 จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเดินผ่านตำหนักมายังศาลาซงเห้อ 松鹤轩 (ศาลาสนกระเรียน) ที่ด้านหลัง กุมารเห็นกงซุนเสิ้งนำคนมาจึงกราบเรียนหลอเจินเหยินให้ทราบ ก่อนจะอนุญาตให้กงซุนเสิ้งนำไต้จง และหลี่ขุยเข้าไปในศาลา พอเข้าไปเห็นท่านหลอเจินเหยินประทับบนบัลลังก์เมฆา 云床 ไต้จงคุกเข่ากราบคารวะ ส่วนหลี่ขุยแค่ยืนมอง
หลอเจินเหยินถามว่า “สองท่านนี้มาจากที่ใด”
กงซุนเสิ้งว่า “เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ซานตง ตามที่ศิษย์เคยกราบเรียนท่านอาจารย์ บัดนี้ที่เมืองเกาถัง เจ้าเมืองเกาเหลียนใช้ไสยเวท ท่านพี่ซ่งเจียงจึงใช้ผู้น้องทั้งสองท่านนี้มาตามศิษย์ไปช่วย ศิษย์มิกล้าตัดสินใจโดยพลการ จึงมากราบเรียนถามท่านอาจารย์”
หลอเจินเหยินว่า “ศิษย์เราก็ข้ามพ้นบ่อเพลิงเพื่อศึกษาอมตะธรรม แล้วเหตุใดจึงยังจะกลับลงไปแปดเปื้อน”
ไต้จงกราบคารวะอีกหนแล้วเรียนว่า “ได้โปรดอนุญาตให้ท่านอาจารย์ลงเขาไปชั่วคราวเพื่อกำจัดเกาเหลียน แล้วจะส่งท่านกลับขึ้นเขา”
หลอเจินเหยินว่า “ท่านทั้งสองไม่รู้หรือ นี่หาใช่ธุระของผู้ออกบวช พวกท่านลงเขาไปหารือกันเองเถิด”
กงซุนเสิ้งจึงนำทั้งสองออกจากศาลาซงเห้อลงเขามาในเย็นวันนั้นเลย
หลี่ขุยถามว่า “อาจารย์เซียนเฒ่านั่นว่าอย่างไร”
ไต้จงว่า “เจ้าไม่ได้ยินที่ท่านกล่าวหรือ”
หลี่ขุยว่า “ฟังภาษานกเขานั่นไม่รู้เรื่อง”
ไต้จงว่า “อาจารย์ของท่านบอกไม่ให้ท่านไป”
หลี่ขุยโวยวายทันทีว่า “ให้พวกข้าสองคนเดินทางมาตั้งไกล อุปสรรคมากมายสารพัด มาฟังเสียงผายลม พ่ออารมณ์เสียแล้ว ข้าจะใช้มือขยี้มงกุฎเจ้าให้เละ อีกมือหิ้วเอวเจ้าโจรเฒ่าโยนลงเขาเสีย”
ไต้จงชำเลืองมองมาว่า “เจ้าอยากให้ตรึงเท้าเจ้าไว้อีกสิ”
หลี่ขุยว่า “มิกล้า มิกล้า ข้าก็แค่ล้อเล่น”
1
ตอนก่อนหน้า : ตามหามังกรดั้นเมฆ
ตอนถัดไป : พายุหมุนดำรับบทเรียน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา