10 มิ.ย. เวลา 10:42 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 127

ศึกเมืองเกาถัง (5) พายุหมุนดำรับบทเรียน
ทั้งสามกลับลงมาถึงบ้านของกงซุนเสิ้ง จัดแจงหาอาหารค่ำกินกันแล้ว กงซุนเสิ้งกล่าวว่า “พักกันอีกสักคืน พรุ่งนี้ค่อยกลับไปขอร้องท่านอาจารย์ใหม่ หากท่านยินยอมจึงค่อยไป”
ไต้จง กับหลี่ขุยแก้ห่อสัมภาระจัดแจงพักผ่อนในห้องหนึ่ง หลับกันจนถึงใกล้ยามห้า หลี่ขุยแอบลุกขึ้นมา ได้ยินเสียงไต้จงนอนกรนอยู่
หลี่ขุยตรองว่า “เรื่องหัวนกเขาเหี่ยวอะไรกันนี่ เดิมเจ้าก็เป็นคนในค่าย ยังจะต้องมาถามอาจารย์นกเขาไร พรุ่งนี้เช้าไอ้หมอนั่นก็ไม่ยอมอีก มิเสียงานใหญ่ท่านพี่หรือ ข้าทนไม่ไหวแล้ว ฆ่าไอ้โจรแก่นั่นทิ้ง เจ้าก็ไม่รู้จะถามใครเดี๋ยวก็ไปกับข้าเอง”
หลี่ขุยคลำหาขวานคู่ ค่อยๆ เปิดประตูห้อง อาศัยแสงดาวกระจ่าง ขึ้นเขามาถึงหน้าอารามจื่อซวี เห็นประตูอารามปิดอยู่ รั้วกำแพงไม่สูงนัก หลี่ขุยโดดข้ามรั้วไปเปิดประตูแล้วคลำทางด้านในจนไปถึงหน้าศาลาซงเห้อ หลังหน้าต่างมีเสียงท่องคัมภีร์วี่ซูเป่า 玉枢宝经 (คัมภีร์ในลัทธิเต๋า ชื่อเต็มว่า 九天应元雷声普化天尊玉枢宝经 ไม่ทราบชื่อผู้ประพันธ์)
หลี่ขุยใช้น้ำลายแตะกระดาษหน้าต่างขาด มองเห็นหลอเจินเหยินนั่งอยู่ตามลำพังบนบัลลังก์เมฆา บนโต๊ะด้านหน้ามีเตาจุดเครื่องหอมชั้นดี เทียนไขมีลวดลายสองเล่ม นั่งท่องคัมภีร์อยู่
หลี่ขุยว่า “ไอ้โจรนี่ นั่งรอความตาย” แล้วย่องมาริมประตูใช้มือผลักดังเอี๊ยด หลี่ขุยพรวดเข้าไปในห้อง ชูขวานขึ้นจามลงกลางกระหม่อมหลอเจินเหยินล้มลงบนบัลลังก์เมฆา เลือดไหลออกมาเป็นสีขาว
หลี่ขุยเห็นแล้วขำ หัวเราะว่า “ดูแล้วไอ้พรตโจรนี่อย่างกับเด็ก ยังไม่เคยเสียความบริสุทธิ์ ดูสิ สีแดงสักนิดก็ไม่มี” หลี่ขุยตรวจดูเห็นมงกุฎพรตแตกเป็นสองซีก หัวแบะลงไปถึงคอ
หลี่ขุยว่า “กำจัดภัยไปหนึ่ง ไม่มาคอยกันท่ากงซุนเสิ้งไปไม่ไป”
หลี่ขุยกลับออกมาจากศาลาซงเห้อ หนีมาทางระเบียงข้างมาเจอกุมารชุดเขียวเหนี่ยวตัวหลี่ขุยรั้งไว้ตวาดว่า “เจ้าฆ่าอาจารย์ข้า แล้วจะหนีไปไหน”
หลี่ขุยว่า “ไอ้พรตโจรน้อย กินขวานซะ” หลี่ขุยใช้ขวานจามล้มลงข้างแท่น
หลี่ขุยฆ่าตายไปสองศพ หัวเราะว่า “ให้ดีก็เผ่นซะ” แล้วรีบออกจากอาราม วิ่งเร็วปานเหาะลงเขามายังบ้านกงซุนเสิ้ง ย่องกลับเข้าห้องปิดประตู เห็นไต้จงยังหลับอยู่ จึงกลับเข้าไปนอนตามเก่า
พอฟ้าสาง กงซุนเสิ้งตื่นมาตระเตรียมอาหารเช้ารับรองทั้งสอง ไต้จงว่า “เชิญท่านอาจารย์นำพวกเราทั้งสองขึ้นเขาขอร้องท่านเจินเหยินอีกครั้ง”
หลี่ขุยฟังแล้วก็แอบหัวเราะเยาะในใจ
ทั้งสามใช้เส้นทางเดิมขึ้นเขามายังอารามจื่อซวี เข้ามาถึงศาลาซงเห้อพบกุมารสองคนเก่า กงซุนเสิ้งถามว่า “ท่านเจินเหยินอยู่หรือไม่”
กุมารว่า “ท่านเจินเหยินนั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่บนบัลลังก์เมฆา”
หลี่ขุยได้ฟังก็ตกใจ แลบลิ้นออกมาครึ่งค่อนวัน หดกลับไม่เข้า
ทั้งสามเลิกม่านเดินเข้ามาด้านในเห็นหลอเจินเหยินประทับบนบัลลังก์เมฆา หลี่ขุยแอบคิดว่า “เมื่อคืนคงฆ่าผิดคน”
หลอเจินเหยินว่า “พวกท่านทั้งสามมาทำอะไรอีก”
ไต้จงว่า “เจตนามาอ้อนวอนขอความกรุณาพระอาจารย์ โปรดช่วยขจัดภัยให้เหล่าประชา”
หลอเจินเหยินถามว่า “ชายตัวดำนี้เป็นใคร”
ไต้จงว่า “น้องบุญธรรมของผู้น้อย แซ่หลี่ชื่อขุย”
หลอเจินเหยินหัวเราะแล้วว่า “เดิมทีไม่อนุญาตให้กงซุนเสิ้งไป แต่เห็นแก่หน้าเขา อนุญาตให้ไปสักครั้ง”
ไต้จงกราบคารวะขอบพระคุณ หลี่ขุยแอบตรองว่า “หมอนี่คงรู้ว่าข้าจะฆ่าเขา จึงได้พูดจาภาษานกเขา”
หลอเจินเหยินว่า “ข้าส่งพวกเจ้าทั้งสามไปถึงเมืองเกาถังเสียตอนนี้เลยดีไหม”
ทั้งสามขอบพระคุณ ไต้จงตรองว่า “ท่านหลอเจินเหยินคงมีวิชาดีกว่าเทพเดินหนของข้า”
เจินเหยินให้กุมารนำผ้าเช็ดหน้ามาสามผืน
ไต้จงว่า “กราบเรียนถามพระอาจารย์ จะให้พวกเราถึงเมืองเกาถังทันทีด้วยวิธีใด”
หลอเจินเหยินลุกขึ้นกล่าวว่า “ตามข้ามา”
ทั้งสามเดินตามออกมานอกอารามถึงหินใหญ่ก้อนหนึ่ง เจินเหยินหยิบผ้าเช็ดหน้าสีแดงปูลงบนหินแล้วว่า “ศิษย์ข้าขึ้นไป”
กงซุนเสิ้งก้าวขึ้นไปเหยียบทั้งสองเท้า หลอเจินเหยินใช้แขนเสื้อปัดแล้วตวาดว่า “ขึ้น”
ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นกลายเป็นก้อนเมฆสีแดงพาร่างกงซุนเสิ้งค่อยๆ ลอยสูงขึ้นจนสูงพ้นจากพื้นราวยี่สิบจ้าง หลอเจินเหยินจึงตวาดว่า “หยุด” เมฆแดงหยุดลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น
หลอเจินเหยินปูผ้าเช็ดหน้าสีเขียวให้ไต้จงก้าวขึ้นเหยียบ ตวาดว่า “ขึ้น” ผ้าเช็ดหน้ากลายเป็นก้อนเมฆสีเขียวพาร่างไต้จงไปลอยอยู่กลางฟ้า ก้อนเมฆสีแดงและเขียวขนาดราวผืนเสื่อกก ทำเอาหลี่ขุยตะลึงมองอ้าปากค้าง
หลอเจินเหยินปูผ้าเช็ดหน้าสีขาวบนก้อนหิน เรียกหลี่ขุยก้าวขึ้นเหยียบ หลี่ขุยไม่ไว้ใจหัวเราะแล้วว่า “ท่านอย่าเล่นตลก ตกลงมา กลายเป็นเนื้อก้อนใหญ่”
หลอเจินเหยินว่า “เจ้าก็เห็นสองคนนั่นแล้ว”
หลี่ขุยก้าวขึ้นเหยียบผ้า หลอเจินเหยินตวาดว่า “ขึ้น” ผ้าเช็ดหน้ากลายเป็นก้อนเมฆขาวพาร่างหลี่ขุยพุ่งพรวดขึ้นฟ้า หลี่ขุยตะโกนว่า “ไอ้หยา ข้าทรงตัวไม่ได้ ปล่อยข้าลง”
หลอเจินเหยินโบกมือครั้งหนึ่ง เมฆแดงเขียวค่อยๆ ลอยลงสู่พื้น ไต้จงกราบคารวะแล้วยืนอยู่ตรงหน้า กงซุนเสิ้งยืนอยู่ด้านซ้าย
ส่วนหลี่ขุยยังลอยอยู่ด้านบนตะโกนมาว่า “ข้าปวดฉี่ จะฉี่ ถ้าไม่ปล่อยข้าลงไป ข้าจะฉี่รดกบาลเจ้า”
หลอเจินเหยินถามว่า “พวกข้าเป็นผู้ออกบวชไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้เจ้า เหตุใดจึงปีนกำแพงในยามวิกาล เอาขวานมาฟันหัวข้า หากมิมีพระธรรมคุ้มภัยคงถูกเจ้าสังหารไปแล้ว ทั้งยังสังหารกุมารไปอีกหนึ่ง”
หลี่ขุยว่า “ไม่ใช่ข้า ท่านจำคนผิด”
หลอเจินเหยินหัวเราะแล้วว่า “แม้เจ้าจะเพียงฟันน้ำเต้าเสียหายไปสองลูก แต่นับว่าเจ้ามีจิตใจชั่วร้าย ต้องชดใช้กรรม”
หลอเจินเหยินโบกมือตวาดว่า “ไป” พายุหอบหลี่ขุยเข้ากลีบเมฆ แล้วมีจอมพลังคาดผ้าเหลืองสองนายเข้าประกบตัว หลี่ขุยได้ยินแต่เสียงลมพัดอู้อยู่ข้างหู มือไม้สั่นดังวิญญาณจะออกจากร่าง ไม่ทันรู้ตัวก็เข้าเขตเมืองจี้โจว 蓟州 แล้วก็เกิดเสียงดังโครมคราม ร่างหลี่ขุยกลิ้งหลุนๆ ลงมาจากหลังคาที่ว่าการเมืองจี้โจว
หม่าสื้อหง 马士弘 เจ้าเมืองจี้โจวนั่งว่าการอยู่ มีเจ้าหน้าที่เรียงรายอยู่ในห้องโถง เห็นชายตัวดำร่วงลงมาจากฟ้า ต่างพากันตกตะลึง
เจ้าเมืองหม่าตะโกนบอกว่า “จับตัวเจ้านั่นมานี่”
ราชมัลสิบกว่านายกรูเข้าจับตัวหลี่ขุยมายังเบื้องหน้าเจ้าเมือง
เจ้าเมืองหม่าตวาดถามว่า “เจ้าเป็นปีศาจมาจากไหน ถึงได้ตกลงมาจากฟ้า”
หลี่ขุยตกลงมาจนหัวร้างข้างแตก พูดอะไรไม่ออกอยู่ครึ่งค่อนวัน
เจ้าเมืองหม่าว่า “ต้องเป็นปีศาจแน่ เอาเครื่องรางของขลังมา”
ราชมัลกับพวกพัศดีจับตัวหลี่ขุยกดไว้กับสนามหญ้าหน้าโถงที่ว่าการ หวีโห้วคนหนึ่งนำเลือดสุนัขมารดใส่หัว อีกคนหนึ่งนำถังอาจมมาสาดใส่จนเลอะตั้งแต่หัวถึงเท้า
หลี่ขุยอาจมเต็มปากจมูกร้องตะโกนว่า “ข้าไม่ใช่ปีศาจ ข้าเป็นผู้ติดตามท่านหลอเจินเหยิน”
ชาวเมืองจี้โจวทุกผู้ต่างรู้จักหลอเจินเหยินว่าเป็นเทพเดินดิน จึงไม่กล้าทำอันตรายหลี่ขุย จับตัวมาหน้าโถงที่ว่าการ
เจ้าหน้าที่นายหนึ่งว่า “ท่านหลอเจินเหยินเป็นเทพเดินดิน หากเป็นผู้ติดตามของท่าน มิอาจลงทัณฑ์”
เจ้าเมืองหม่าว่า “ข้าศึกษาตำรามาหลายเล่ม ตำนานโบราณก็ฟังมามาก ไม่เคยได้ยินว่าทวยเทพมีศิษย์แบบนี้ ต้องเป็นปีศาจ ราชมัล โบยมันให้หนัก”
ราชมัลจึงจับหลี่ขุยคว่ำลงแล้วโบยหนักจนถึง หนึ่งประสูติ สองนิพพาน
เจ้าเมืองหม่าตวาดถามว่า “ยอมรับโดยดีว่าเป็นปีศาจ จะไม่โบยต่อ”
หลี่ขุยจึงรับสารภาพว่าคือ “ปีศาจหลี่เอ้อ”
เจ้าเมืองสั่งให้จับใส่คา นำตัวไปจำคุกมหันตโทษ
หลี่ขุยมาถึงคุกมหันตโทษก็กล่าวว่า “ข้าเป็นขุนพลเทพเข้าเวร 直日神将 จะมาใส่คาข้าได้อย่างไร ชั่วดีข้าจะให้พวกเจ้าชาวเมืองจี้โจวต้องตายทั้งเมือง”
พวกพัศดีผู้คุมและเจ้าหน้าที่คุกล้วนรู้ว่าหลอเจินเหยินเป็นผู้สำเร็จธรรมขั้นสูง ทุกคนต่างเคารพนับถือ จึงพากันมาถามหลี่ขุยว่า “ที่แท้ ท่านเป็นใครกันแน่”
หลี่ขุยว่า “ข้าเป็นขุนพลเทพเข้าเวรประจำวันของท่านหลอเจินเหยิน กระทำความผิดไปล่วงเกินท่านเจินเหยินเข้า จึงถูกจับโยนมาที่นี่เพื่อเป็นการลงโทษ อีกไม่กี่วันคงจะมารับตัวข้า พวกเจ้าหากไม่หาเหล้ายาปลาปิ้งเลี้ยงดูข้า ข้าจะให้พวกเจ้าต้องตายยกครัว”
พวกพัศดีและผู้คุมต่างเกรงกลัวจึงซื้อเนื้อซื้อเหล้ามาเลี้ยงดู หลี่ขุยเห็นพวกนี้เชื่อจนกลัวจึงยิ่งโม้หนัก อยากได้น้ำร้อนมาอาบ เสื้อใหม่มาใส่ก็ยังได้มา
หลี่ขุยว่า “หากเหล้าอาหารขาดเหลือ ข้าจะเหาะหนีไป ทิ้งให้พวกเจ้ารับเคราะห์”
เหล่าพัศดีผู้คุมต่างคอยเอาใจหลี่ขุย หลี่ขุยจึงติดคุกสุขสบายอยู่จี้โจว
ทางด้านหลอเจินเหยินนำพฤติกรรมคืนก่อนหน้าของหลี่ขุยแจ้งแก่ไต้จง ไต้จงจึงได้แต่ร้องขอความกรุณาให้ละเว้นหลี่ขุย
หลอเจินเหยินให้ไต้จงพำนักอยู่ที่อาราม และสอบถามถึงเรื่องต่างๆ บนเขาเหลียงซาน ไต้จงกล่าวยกย่องโลกบาลเฉาและซ่งกงหมิงว่ามีคุณธรรมน้ำใจ ผดุงธรรมแทนฟ้า สาบานจะไม่ทำร้ายผู้สุจริต ซื่อสัตย์กตัญญู สารพัดข้อดีแก่หลอเจินเหยิน
ไต้จงพักอยู่ที่อารามห้าวัน คำนับขอขมาหลอเจินเหยินทุกวันให้ละเว้นหลี่ขุย
หลอเจินเหยินว่า “คนประเภทนี้ควรกำจัด ไม่ควรพากลับไป”
ไต้จงว่า “หลี่ขุยแม้จะโง่ทึ่ม ไม่รู้ขนบธรรมเนียม แต่มีข้อดีหลายข้อ หนึ่งคือซื่อตรงไม่ละโมบ สองคือไม่สอพลอแม้ตายก็ภักดีไม่มีเปลี่ยน สามคือไม่มีจิตใจต่ำช้า คิดคดทรยศ กล้าหาญแซงออกหน้า ดังนั้นซ่งกงหมิงจึงรักใคร่ หากแม้นไม่กลับไป ผู้น้อยคงไม่อาจสู้หน้าท่านพี่ซ่งกงหมิง”
หลอเจินเหยินหัวเราะแล้วว่า “พรตผู้ยากก็ทราบดีว่าคนผู้นี้คือดาวเทียนซา 天杀星 (ดาวเพชฌฆาต) มาจุติ ใต้หล้าก่อกรรมมากเกินไปจึงส่งมาลงทัณฑ์สังหาร ไฉนเลยจะอาจฝืนลิขิตฟ้า ทำร้ายคนผู้นี้ เพียงแต่ต้องอบรมเสียบ้าง ข้าจะคืนตัวให้กับท่าน” ไต้จงจึงคารวะขอบคุณ
หลอเจินเหยินตะโกนเสียงดังว่า “จอมพลังอยู่หรือไม่” เกิดลมหอบหนึ่งหน้าศาลา จอมพลังคาดผ้าเหลืองปรากฎตัวตรงหน้า
面如红玉,须似皂绒。
仿佛有一丈身材,纵横有千斤气力。
黄巾侧畔,金环日耀喷霞光;
绣袄中间,铁甲霜铺吞月影。
常在坛前护法,每来世上降魔。
พักตราหยกแดงก่ำ
หนวดเคราดำกำมะหยี่
กายสูงหนึ่งจ้างมี
พละกำลังพันชั่งกว่า
ผ้าเหลืองด้านข้างพาด
ห่วงทองสาดทอรุ้งพร่า
เสื้อลายปักกลางกายา
เกราะเหล็กกล้ากลืนเงาจันทร์
 
ยืนแท่นพิทักษ์กฎคงมั่น  ทุกคราลาสวรรค์
คือมาพิชิตหมู่มาร
จอมพลังถามว่า “พระอาจารย์มีบัญชาใด”
หลอเจินเหยินว่า “ผู้ที่ให้ท่านคุมตัวไปส่งที่จี้โจว บัดนี้รับโทษครบถ้วนแล้ว ท่านจงไปนำตัวมาจากคุกเมืองจี้โจว รีบไปรีบมา”
จอมพลังขานรับ ราวครึ่งชั่วยาม หลี่ขุยก็ถูกโยนลงมาจากฟ้า
ไต้จงรีบเข้าไปพยุงหลี่ขุยถามว่า “น้องเราสองวันนี้ไปอยู่ไหน”
หลี่ขุยเห็นหลอเจินเหยิน จึงโขกศีรษะคารวะแล้วว่า “ต่อไปควายเหล็กไม่กล้าแล้ว”
หลอเจินเหยินว่า “นับจากนี้ไป เจ้าต้องรู้จักระงับอารมณ์ คอยช่วยเหลือซ่งกงหมิง อย่าได้มีจิตคิดร้าย”
หลี่ขุยคารวะอีกคำรบ “มิกล้าขัดบัญชาท่านเจินเหยิน”
ไต้จงถามว่า “เจ้าไปไหนมาเสียหลายวัน”
หลี่ขุยว่า “วันนั้นลมหอบข้าไปเมืองจี้โจวแล้วทิ้งข้ากลิ้งลงมาจากหลังคา ถูกคนในที่ว่าการจับตัวไว้ เจ้าเมืองหม่านั่นหาว่าข้าเป็นปีศาจ เอาเลือดหมาและอาจมสาดข้าเต็มตัว โบยจนสองขาแตกปริ จับใส่คาขังในคุกมหันตโทษ พวกในคุกถามว่าข้าเป็นเทพใดตกจากสวรรค์ ข้าบอกว่าเป็นขุนพลเทพเข้าเวรติดตามท่านหลอเจินเหยิน ล่วงเกินท่านจึงถูกลงโทษ อีกสองสามวัน ต้องมารับตัวกลับ ถึงจะถูกโบย ข้าก็หลอกกินดื่มได้อิ่ม
พวกนั้นกลัวท่านเจินเหยิน ยังอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ให้ข้า เมื่อกี้กำลังหลอกกินเนื้อกินเหล้าอยู่ ก็มีจอมพลังชุดเหลืองโดดลงมาจากฟ้า ถอดคาข้าออกบอกให้หลับตา แล้วเหมือนฝันพามาอยู่นี่”
กงซุนเสิ้งว่า “จอมพลังชุดเหลืองนี่มีอยู่พันกว่าท่านเป็นผู้ติดตามท่านอาจารย์เจินเหยิน”
หลี่ขุยว่า “พระพุทธมีชีวิต แล้วท่านก็ไม่บอกก่อน ข้าจะได้ไม่ก่อเรื่อง” แล้วก็เอาแต่โขกศีรษะคำนับ
ไต้จงก็กราบคารวะขอร้องอีกว่า “ผู้น้อยมาได้หลายวันแล้ว ที่เมืองเกาถังนั้นคับขันนัก ขอพระอาจารย์โปรดกรุณาให้อาจารย์กงซุนไปช่วยท่านพี่ซ่งกงหมิงกับผู้น้อย กำจัดเกาเหลียนได้แล้วจะน้อมส่งท่านกลับขึ้นเขา”
หลอเจินเหยินว่า “เดิมข้าไม่คิดจะให้ไป แต่เห็นแก่คุณธรรมที่พวกท่านมี ก็อนุญาตให้ไปสักครั้ง ข้ายังมีวาจา ที่เจ้าจะต้องจดจำ”
ตอนก่อนหน้า : มังกรฤๅคืนหมู่
ตอนถัดไป : เสือดาวเหรียญทอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา