12 มิ.ย. เวลา 10:35 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 128

ศึกเมืองเกาถัง (6) เสือดาวเหรียญทอง
กงซุนเสิ้งคุกเข่าน้อมรับคำชี้แนะจากอาจารย์
หลอเจินเหยินกล่าวว่า
“ศิษย์เรา วิชาอาคมที่เจ้าร่ำเรียนมาก่อนหน้านี้ เพียงทัดเทียมกับเกาเหลียนเท่านั้น บัดนี้ข้าจะถ่ายทอดหัวใจคาถาเทพฟ้าห้าคำรณ 五雷天罡正法 (อู่เหลยเทียนกัง เจิ้งฝ่า)
ปฏิบัติตามนี้ สามารถช่วยซ่งเจียง พิทักษ์ชาติประชา ผดุงธรรมแทนฟ้า
อย่าปล่อยตัณหาครอบงำ ทำจนเสียงานใหญ่ จงมีใจแน่วแน่ ในหลักธรรมที่เคยร่ำเรียน
สำหรับมารดาของเจ้า ข้าจะให้คนไปดูแลเช้าเย็น อย่าได้เป็นห่วง
เจ้าคือดาวเทียนเสียน 天闲星 จุติ ข้าจึงอนุญาตให้ไปช่วยซ่งกงหมิง
ข้ามีคำแปดคำ เจ้าต้องจำขึ้นใจ ถึงเวลาอย่าได้เสียการ
逢幽而止,遇汴而还。
พบอิวจงหยุด  พบเปี้ยนจงกลับ”
กงซุนเสิ้งกราบคารวะรับถ่ายทอดเคล็ดวิชา แล้วกราบอำลาพระอาจารย์ และอำลาเพื่อนนักพรตลงเขามาพร้อมกับไต้จง หลี่ขุย
กลับมาถึงบ้าน ก็จัดแจงเก็บชุดพรต กระบี่อาคมสองเล่ม มงกุฎเหล็ก ป้ายหยูอี้ และสิ่งของต้องใช้ กราบอำลาแม่เฒ่า แล้วออกเดินทางมาได้ราวสามสี่สิบลี้
ไต้จงว่า “ผู้น้อยล่วงหน้าไปรายงานท่านพี่ก่อน ท่านอาจารย์กับหลี่ขุยค่อยตามมาตามทางหลวง ไว้พบกันใหม่”
กงซุนเสิ้งว่า “ดีแล้ว น้องเราล่วงหน้าไปแจ้งก่อน ข้าจะรีบตามไป”
ไต้จงกำชับหลี่ขุยว่า “ระหว่างทางต้องปรนนิบัติท่านอาจารย์ อย่าขาดตกบกพร่อง มิฉะนั้นข้าจะเล่นงานเจ้า”
หลี่ขุยว่า “ท่านอาจารย์มีวิชาเหมือนท่านหลอเจินเหยิน ข้าจะกล้าล่วงเกินได้อย่างไร”
ไต้จงผูกผ้ายันต์ม้าร่ายเวทเดินหนล่วงหน้าไปก่อน
ทางด้านกงซุนเสิ้งกับหลี่ขุยเดินทางตามทางหลวงจากเขาเอ้อเซียนอำเภอจิ่วกง หลี่ขุยไม่กล้าเล่นพิเรนตลอดทางด้วยกลัวอาคมของกงซุนเสิ้ง ล่วงเข้าวันที่สามมาถึงตำบลอู่กังเจิ้น 武冈镇 ในตลาด บ้านเรือนแน่นขนัด กงซุนเสิ้งว่า “สองวันนี้เดินทางกันเหนื่อยล้า แวะหาอาหารเจกินกันแล้วค่อยเดินทางต่อ”
ทั้งสองแวะยังร้านอาหารริมทางสั่งเหล้าซู่จิ่วและอาหารเจมากิน แล้วกงซุนเสิ้งก็ถามว่า “ท่านมีของว่างเจอะไรบ้าง”
กว้อไม่ว่า “ที่ร้านเราขายเหล้าและเนื้อ ไม่มีของว่าง แต่ที่ปากทางมีร้านขายขนมพุทรา”
1
หลี่ขุยอาสาไปซื้อ หยิบเงินปลีกจากห่อผ้าไปซื้อขนมพุทราแล้วเดินกลับมา ระหว่างทางได้ยินคนร้องชมว่า “แข็งแกร่งจริง”
หลี่ขุยหันไปดูเห็นจีนมุงกำลังชื่นชมชายฉกรรจ์รำค้อนลูกตุ้มหัวแตงผู้หนึ่ง ชายผู้นั้นสูงกว่าเจ็ดฉื่อ ใบหน้ามีรอยแผลเป็น แม้บนดั้งจมูกก็มีแผลแถบหนึ่ง หลี่ขุยคะเนน้ำหนักของค้อนใหญ่หัวแตงคงราวสามสิบกว่าชั่ง ชายผู้นั้นใช้ทุบหินแตกละเอียดแล้ววางค้อนอยู่ข้างทาง หลี่ขุยคันไม้คันมือ เอาขนมพุทรายัดใส่อกเสื้อ แล้วเดินไปคว้าค้อนขึ้นมา
ชายผู้นั้นตวาดว่า “เจ้าเป็นพวกนกเขาไร กล้ามาหยิบค้อนข้า”
หลี่ขุยว่า “เจ้าใช้นกเขานี่ได้ดี คนต่างชม ข้าเห็นแล้วขัดลูกตา เจ้ามาดูพ่อใช้ให้คนชมบ้าง”
ชายผู้นั้นว่า “ข้าให้เจ้ายืม แต่ถ้ายกไม่ขึ้น ก็เจอกำปั้นข้า”
หลี่ขุยรับค้อนลูกตุ้มหัวแตงมาเหวี่ยงเหมือนเล่นลูกหิน ค่อยๆ วางลง หน้าไม่แดง ใจไม่สั่น หายใจไม่หอบ
ชายผู้นั้นกลับก้มคารวะแล้วว่า “ขอทราบนามพี่ท่าน”
หลี่ขุยย้อนถามว่า “บ้านท่านอยู่ที่ไหน”
ชายผู้นั้นว่า “อยู่ข้างหน้านี่แหละ”
แล้วพาหลี่ขุยมายังบ้าน ประตูใส่กุญแจอยู่ ชายผู้นั้นเอาลูกกุญแจไขเปิดแล้วเชิญหลี่ขุยเข้าไปนั่งในบ้าน หลี่ขุยเห็นในบ้านมี ค้อน ทั่ง เตา คีม สิ่ว พวกเครื่องเหล็ก จึงคิดว่า
“คนผู้นี้ต้องเป็นช่างตีเหล็ก บนเขาเรากำลังต้องการใช้ มิสู้ชวนไปอยู่ด้วยกัน”
หลี่ขุยว่า “ไอ้หนุ่ม เจ้าบอกชื่อแซ่มา”
ชายผู้นั้นว่า “ผู้น้อยแซ่ทัง 汤 ชื่อหลง 隆 เดิมบิดารับราชการเป็นหัวหน้าค่ายเมืองหยันอัน 延安府 เป็นช่างตีเหล็กรับใช้นายท่านฉงจิงเลวี่ยผู้เฒ่า เสียชีวิตในหน้าที่ ตัวผู้น้อยติดการพนันจึงเร่ร่อนอยู่ในวงนักเลง จนได้กลายมาเป็นช่างตีเหล็กหากินอยู่ที่นี่ ผู้น้อยใช้ทวนกระบองได้ช่ำชอง เนื่องด้วยมีแผลเป็นอยู่เต็มตัว จึงมีฉายาว่า เสือดาวเหรียญทอง 金钱豹子 ขอบังอาจถามนามพี่ท่าน”
หลี่ขุยว่า “ข้าเป็นพวกเขาเหลียงซาน พายุหมุนดำหลี่ขุย”
ทังหลงกราบคารวะอีกครั้งว่า “ได้ยินชื่อพี่ท่านมานาน ใครเลยจะคิดว่าวันนี้จะเผอิญพบ”
หลี่ขุยว่า “เจ้าอยู่ที่นี่ เมื่อไรจะได้รุ่ง มิสู้ตามข้าขึ้นเขาเหลียงซาน เจ้าก็จะได้เป็นหัวหน้า”
ทังหลงว่า “หากพี่ท่านไม่ทอดทิ้ง ยอมพาผู้น้อยติดสอยห้อยตาม ผู้น้อยยินดีเป็นแส้เป็นบังโกลนให้ช่วงใช้”
แล้วก็กราบคารวะหลี่ขุยเป็นพี่ หลี่ขุยจึงรับทังหลงเป็นน้อง
1
ทังหลงว่า “ข้าไม่มีครอบครัว ขอไปร่วมดื่มเหล้าจืดชืดที่ตลาดกับพี่ท่านสักสามจอกยินดีกับการได้ร่วมสาบานกับพี่ท่าน คืนนี้พักแรมที่นี่สักคืน พรุ่งนี้ค่อยเดินทาง”
หลี่ขุยว่า “อาจารย์ท่านหนึ่งรอข้าเอาขนมพุทราไปให้อยู่ที่ร้านข้างหน้านี่ คงเถลไถลไม่ได้ ไปกันเดี๋ยวนี้เถิด”
ทังหลงว่า “ทำไมต้องรีบขนาดนี้”
หลี่ขุยว่า “เจ้ายังไม่รู้ว่าท่านพี่ซ่งกงหมิงตอนนี้ทำศึกอยู่ที่เมืองเกาถัง กำลังรออาจารย์ท่านนี้ไปช่วยอยู่”
ทังหลงถามว่า “อาจารย์ท่านนี้คือผู้ใด”
หลี่ขุยว่า “เจ้าอย่าเพิ่งถาม รีบเก็บของไปกันเถิด”
ทังหลงรีบเก็บข้าวของ ค่าเดินทาง สวมหมวก คาดมีดที่เอว ถือดาบพอเตา ทิ้งบ้านหลังเก่าติดตามหลี่ขุยมาพบกงซุนเสิ้งที่ร้านอาหาร
(เสือดาวเหรียญทองทังหลง 金钱豹子汤隆 ดาวมารดิน ตี้ส้า ลำดับที่ 52 ลำดับรวมที่ 88 เป็นหัวหน้านายช่างตีเหล็กผลิตอาวุธชุดเกราะของเขาเหลียงซาน)
กงซุนเสิ้งต่อว่าหลี่ขุยว่า “ท่านไปไหนเสียตั้งนาน หากช้ากว่านี้ ข้าคงล่วงหน้าไปก่อน”
หลี่ขุยไม่กล้าเถียง นำทังหลงมาคารวะกงซุนเสิ้ง เล่าเรื่องที่ร่วมสาบานเป็นพี่น้องให้ฟัง กงซุนเสิ้งได้ฟังว่าเป็นช่างตีเหล็ก ก็ยินดียิ่ง หลี่ขุยนำขนมพุทราส่งให้กว้อไม่นำไปอุ่น ทั้งสามสั่งเหล้ามาร่วมดื่มพร้อมกินขนมพุทรา คิดเงินแล้วออกเดินทางรอนแรมต่อมายังเมืองเกาถัง ไต้จงนั้นมาคอยรอรับอยู่
กงซุนเสิ้งพบหน้าไต้จงก็ยินดีสอบถามว่า “การศึกช่วงนี้เป็นเช่นไร”
ไต้จงว่า “แผลธนูเกาเหลียนนั้นหายแล้ว จึงส่งคนมาท้ารบอยู่ทุกวัน ท่านพี่ให้รักษาค่ายไม่ออกรบ รอท่านอาจารย์มา”
กงซุนเสิ้งว่า “เช่นนั้นก็ไม่ยาก”
หลี่ขุยพาทังหลงมาทำความรู้จักกับไต้จง และเล่ารายละเอียดให้ฟัง
ทั้งสี่มุ่งมายังเมืองเกาถัง ห่างจากค่ายราวห้าลี้ พบหลวี่ฟาง กวอเสิ้งนำทหารม้าหนึ่งร้อยนายมารอรับ ทั้งสี่เปลี่ยนขึ้นขี่ม้ามายังค่าย พบซ่งเจียง อู๋ย่ง ทักทายตามธรรมเนียมแล้ว ก็นำมาพบกับเหล่าหัวหน้า รวมทั้งพาทังหลงมาแนะนำในฐานะสมาชิกใหม่ วันนั้นก็จัดเลี้ยงรับรองกันในค่าย
วันรุ่งขึ้นซ่งเจียง อู๋ย่ง กงซุนเสิ้งหารือกันในค่ายถึงวิธีรับมือเกาเหลียน
กงซุนเสิ้งว่า “ท่านแม่ทัพโปรดมีบัญชาให้ย้ายค่าย ดูทีว่าฝ่ายนั้นจะทำเช่นไร พรตผู้ยากมีวิธีรับมือ”
ซ่งเจียงมีคำสั่งให้ทุกทัพมุ่งเข้าใกล้เมืองเกาถังแล้วตั้งค่ายลง
เช้าวันรุ่งขึ้นยามห้าให้ทหารหุงหาอาหารกินกันเรียบร้อยแล้ว ก็ยกเข้าประชิดเมืองตั้งค่ายพยุหะ ทางด้านเกาเหลียน พอทหารมารายงานว่าซ่งเจียงยกทัพมา ก็นำทหารหลวงรวมทั้งกองทหารเทพสามร้อยเปิดประตูเมืองทอดสะพานยกออกตั้งค่ายพยุหะที่หน้าเมือง
สองทัพตั้งค่ายพยุหะประจันหน้า โบกธงรัวกลองสร้างขวัญ ซ่งเจียงเปิดประตูค่ายพยุหะขี่ม้านำสิบนายทัพขี่ม้าเป็นแถวปีกกา ด้านซ้ายห้านายมี ฮวาหยง ฉินหมิง จูถง โอวเผิง หลวี่ฟาง ด้านขวาห้านายมี หลินชง ซุนลี่ เติ้งเฟย หม่าหลิน กวอเสิ้ง ตรงกลางสามม้ามีซ่งเจียงและสองเสนาธิการ ซ่งเจียงเป็นแม่ทัพใหญ่
头顶茜红巾,腰系狮蛮带。
锦征袍大鹏贴背,水银盔彩凤飞檐。
抹绿靴斜踏宝镫,黄金甲光动龙鳞。
描金鞯随定紫丝鞭,锦鞍鞯稳称桃花马。
ผ้าโพกย้อมสีชาด
เอวคาดเข็มขัดราชสีห์
หลังชุดศึกปักอินทรี
หมวกเกราะเงินขอบหงส์ร่อน
รองเท้าเขียวเหยียบโกลนขี่
เกราะทองตีเกล็ดมังกร 
อานแต้มทองม่วงจามร
แพรคลุมเหมาะม้าเถาฮวา
 
(ม้าเถาฮวา 桃花马 ม้าขนสีขาวแซมแดง)
ด้านซ้ายคือเสนาธิการอู๋เสวียจิว
五明扇齐攒白羽,九纶巾巧簇乌纱。
素罗袍香皂沿边,碧玉环丝绦束定。
凫舄稳踏葵花镫,银鞍不离紫丝缰。
两条铜链腰间挂,一骑青骢出战场。
พัดโบกขนนกขาว
โพกเกล้าผ้าดำกวนจิน
เสื้อโปร่งขาวขลิบนิล
เอวผ้ามัดหยกรัดห่วง
ฝูซี่โกลนทานตะวัน
อานม้าหิรัญบังเหียนม่วง
โซ่สองสายเอวพ่วง
ขี่ม้าชิงชงออกศึก
(พัดอู่หมิง 五明扇 พัดใช้ในงานพิธี ในที่นี้หมายถึงพัดขนนกขาว
ผ้าโพกเก้าแบบ 九巾 ในลัทธิเต๋า มีแบบหนึ่งเรียกว่า กวนจิน 纶巾 หรือเรียกว่า ผ้าจูเก่อ 诸葛巾 เนื่องจากจูกัดเหลียง ขงเบ้งมักโพกผ้าแบบนี้
ฝูซี่ 凫舄 ชื่อรองเท้าที่เซียนสวมใส่
ขุยฮวา 葵花 ดอกทานตะวัน
อู๋ย่งใช้โซ่ทองเหลืองสองสายเป็นอาวุธ
ชิงชง 青骢 ม้าสีเขียวแซมขาว)
ด้านขวาคือรองเสนาธิการกงซุนเสิ้ง
星冠耀日,神剑飞霜。
九霞衣服绣春云,六甲风雷藏宝诀。
腰间系杂色短须绦,背上悬松文古定剑。
穿一双云头点翠早朝靴,骑一匹分鬃昂首黄花马。
名标蕊笈玄功著,身列仙班道行高。
มงกุฎดาวพราวแสงตะวันฉาย
กระบี่เทพทอประกายเหมยขาบพร่า
ลายเมฆวสันต์เสื้อเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า
ลิ่วเจี่ยพายุคะนองซ่อนไสยมนตร์
เอวคาดสายพู่ถักหลายหลากสี
สะพายกระบี่กู่ติ้งลายต้นสน
หัวเกือกเมฆาเตี่ยนชุ่ยเรียงขน
ขี่มาบนอาชาเหลืองดอกไม้
ฝากชื่อดุจเกสรขจรขจาย
ฝากกายศีลภาวนาหมายมุ่งเซียน
(ลิ่วเจี่ย 六甲 หกเทพสงครามชื่อขึ้นต้นด้วยเจี่ย 甲 ในลัทธิเต๋า ตามระบบนับกิ่งฟ้าก้านดิน
松文古定剑 กระบี่ของกงซุนเสิ้งเรียกกระบี่กู่ติ้งนัยว่าตีจากตำบลกู่ติ้ง มีลายต้นสนบนกระบี่
เตี่ยนชุ่ย 点翠 ศิลปะหัตถกรรมจีน ใช้ขนนกระเต็น 翠鸟 สีฟ้าประดับบนเรือนทองหรือเงิน)
ทั้งสามขี่ม้าประจันหน้าฝ่ายตรงข้าม เกาเหลียนเจ้าเมืองเกาถัง ยืนม้าใต้ธง แวดล้อมด้วยนายทัพยี่สิบกว่านาย
束发冠珍珠嵌就,绛红袍锦绣攒成。
连环铠甲耀黄金,双翅银盔飞彩凤。
足穿云缝吊墩靴,腰系狮蛮金裎带。
手内剑横三尺水,阵前马跨一条龙。
รัดผมแซมอัญมณี
ชุดแพรแดงมีลายปัก
เกราะทองห่วงโซ่ถัก
หมวกเกราะเงินปีกหงส์คู่
สนับเข่าสวมขารัด
เอวคาดเข็มขัดสิงห์อยู่
น้ำสามคืบกระบี่ชู
อาชาดูราวมังกร
(น้ำสามคืบ 三尺水 คำอุปมาของกระบี่ ปกติมีความยาวสามคืบกว่า คมเงาเหมือนสายน้ำ)
ตอนก่อนหน้า : พายุหมุนดำรับบทเรียน
ตอนถัดไป : พิชิตเกาเหลียน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา