15 มิ.ย. เวลา 10:38 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 129

ศึกเมืองเกาถัง (7) พิชิตเกาเหลียน
เจ้าเมืองเกาเหลียนตะโกนด่ามาว่า “เจ้าพวกโจรหนองน้ำ บังอาจยกมารุกราน คงต้องรบกันให้รู้แพ้ชนะ ใครหนีก็ไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
ซ่งเจียงถามว่า “ใครจะอาสาฆ่าไอ้โจรนี่” หลีกว่างน้อยถือทวนควบม้าออกมายืนกลางวง
เกาเหลียนตวาดถามว่า “ใครจะอาสาจับเจ้าโจรนี่”
ขุนพลเซวียหยวนฮุย 薛元辉 ควบม้าออกจากแถว ใช้ดาบคู่ปรี่เข้ารบกับฮวาหยงได้หลายเพลง ฮวาหยงชักม้าควบหนี เซวียหยวนฮุยต้องกลควงดาบไล่ ฮวาหยงชะลอม้าหยิบลูกธนูขึ้นพาดสาย บิดตัวกลับยิงใส่เซวียหยวนฮุยตกลงจากหลังม้า
เกาเหลียนเห็นดังนั้นก็โกรธจัด หยิบแผ่นสำริดสรรพสัตว์ชุมนุมมาจากข้างอานใช้กระบี่เคาะสามที ทรายเหลืองหอบใหญ่หมุนควงพัดออกจากกลางวงกองทหารเทพ เข้าบดบังแสงอาทิตย์จนฟ้ามืดคลุ้ม เหล่าสัตว์ร้ายปรากฏกายจากกลางพายุวิ่งเข้าใส่ศัตรู ทหารซ่งเจียงตั้งท่าหนี
กงซุนเสิ้งอยู่บนหลังม้า ถือกระบี่กู่ติ้งลายต้นสนชี้มาทางศัตรูบริกรรมคาถาแล้วตวาดว่า “จี๋ 疾” แสงทองลำหนึ่งพุ่งตรงไปยังฝูงสัตว์ร้ายร่วงผล็อยลงหน้าทัพ กลายเป็นกระดาษขาวตัดเป็นรูปสิงสาราสัตว์ พายุทรายสงบลง ซ่งเจียงยกแส้ม้าชี้ไปทางศัตรู เหล่าทัพบุกตลุยขึ้นหน้าไล่ฆ่าฟัน เกาเหลียนนำหน้ากองทหารเทพหนีเข้าเมือง ทหารซ่งเจียงยกเข้าล้อม ทหารบนกำแพงระดมทิ้งหิน ท่อนไม้ลงมาสกัด ซ่งเจียงให้ตีม้าล่อเรียกทหารกลับค่าย สำรวจความเสียหายและบำเหน็จความชอบในวันนั้น
วันรุ่งขึ้น ทัพซ่งเจียงแบ่งกำลังเข้าล้อมปีนกำแพงตีเมือง กงซุนเสิ้งกล่าวกับซ่งเจียง อู๋ย่งว่า
“เมื่อวานทัพศัตรูแตกพ่ายเสียกำลังไปกว่าครึ่ง แต่กองทหารเทพสามร้อยยังถอยเข้าเมืองได้ วันนี้ถูกล้อมโจมตีอย่างหนัก ค่ำวันนี้ศัตรูคงออกมาลอบโจมตีค่ายของเรา เย็นนี้เมื่อถอยทัพให้รวมกำลังไว้ ตกค่ำให้กระจายกำลังออกซุ่มโดยรอบทิ้งไว้แต่ค่ายเปล่า รอฟ้าผ่าเป็นสัญญาน เมื่อเห็นแสงไฟในค่ายให้เข้าตีพร้อมกัน”
ยามเว่ย 未牌 หลังถอนทัพที่ล้อมตีเมืองกลับเข้าค่ายแล้วก็ทำทีกินดื่มส่งเสียงเอ็ดตะโร พอค่ำลงก็ลอบออกจากค่ายซุ่มกำลังรอสัญญานนัด
ซ่งเจียง อู๋ย่ง กงซุนเสิ้ง ฮวาหยง ฉินหมิง หลวี่ฟาง กวอเสิ้งซุ่มอยู่บนลาดเขา
คืนนั้นเกาเหลียนมาปล้นค่ายตามคาด ให้ทหารเทพสามร้อยสะพายน้ำเต้าเหล็กบรรจุกำมะะถันเชื้อปะทุ ถือตะขอเหล็ก ไม้กวาดเหล็ก ปากคาบก้านอ้อ พอยามสองเปิดประตูเมืองทอดสะพาน เกาเหลียนนำหน้ากองทหารเทพ ทหารม้าสามสิบกว่านายตามหลัง พอมาใกล้ค่าย เกาเหลียนก็ร่ายเวท ไอดำปกคลุมฟ้า พายุพัดกรวดหินดินทรายคละคลุ้ง ทหารเทพสามร้อยจุดเชื้อปะทุน้ำเต้าเหล็ก เป่านกหวีดก้านอ้อ แต่ละคนเจิดจ้าด้วยแสงเพลิงกลางฟ้ามืดดำดูน่าเกรงขาม ถืออาวุธในมือกรูเข้ามาในค่าย
กงซุนเสิ้งอยู่บนที่สูงชักกระบี่ร่ายเวท ปรากฎสายฟ้าผ่าฟาดลงกลางค่าย ทหารเทพสามร้อยจึงเตรียมถอย ในค่ายเกิดเพลิงไหม้หลายจุดจนฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดง ไฟสกัดทางหนี ทหารที่ซุ่มอยู่เห็นสายฟ้าและเปลวไฟเป็นสัญญาน ก็ล้อมวงเข้ามา ทหารเทพทั้งสามร้อยถูกล้อมสังหารสิ้นไม่มีเหลือรอด หนีได้แต่เกาเหลียนและทหารม้าสามสิบกว่านายควบหนีกลับเมือง
หลินชงนำทหารม้ากวดตามหลัง เกาเหลียนตะโกนสั่งให้ทอดสะพานมารับ เกาเหลียนกับทหารม้าแปดเก้านายหนีเข้าเมืองทัน ที่เหลือถูกพวกหลินชงจับเป็นได้ทั้งคนทั้งม้า เกาเหลียนหนีเข้าเมืองได้ให้รักษากำแพงเมืองอย่างมั่นคง แต่ทหารเทพเหินฟ้าและทหารม้าของเกาเหลียนนับได้ว่าถูกทำลายสิ้น
วันรุ่งขึ้น ซ่งเจียงนำทหารเข้าล้อมตีเมืองอีก
เกาเหลียนตรองว่า “ข้าฝึกวิชามาหลายปี ไม่คิดว่าจะถูกทำลายได้วันนี้ จากนี้ควรทำเช่นไรดี คงต้องขอความช่วยเหลือจากเมืองใกล้เคียง”
จึงเร่งทำหนังสือส่งไปยังเมืองตงชาง 东昌 และ เมืองโค่วโจว 寇州 ซึ่งอยู่ไม่ไกล
“เจ้าเมืองทั้งสองเมืองนี้ต่างได้รับการส่งเสริมจากพี่ชายข้า” ขอให้เร่งส่งทหารมาช่วย แล้วคัดนายทหารสองนายตีฝ่าออกทางประตูเมืองตะวันตกไปส่งหนังสือ
ทางด้านทหารฝ่ายซ่งเจียงใคร่ไล่ตามผู้ส่งสาส์นทั้งสอง แต่อู๋ย่งว่า “ปล่อยพวกเขาไป ใช้แผนซ้อนแผน”
ซ่งเจียงถามว่า “ท่านเสนาธิการมีแผนเช่นไร”
อู๋เสวียจิวว่า “ในเมืองทหารมีน้อยจึงได้ไปขอความช่วยเหลือ ทางเราก็จัดทัพสองทัพทำทียกมาช่วย พอเกิดปะทะกัน เกาเหลียนย่อมยกออกมาช่วยกระหนาบ เราก็ใช้โอกาสนี้ ด้านหนึ่งเข้ายึดเมือง และด้านหนึ่งล่อให้เกาเหลียนมาตามทางน้อย ย่อมจับตัวได้”
ซ่งเจียงได้ฟังก็ชอบใจยิ่ง ให้ไต้จงรีบกลับเขาเหลียงซานให้จัดทัพสองทัพแยกกันมา
ทางฝ่ายเกาเหลียนให้ทหารนำกิ่งไม้ใบหญ้าแห้งมาสุมก่อควันขอความช่วยเหลือจนคลุ้งฟ้าทุกวัน วันหนึ่งทหารรักษากำแพงเมืองมารายงานว่าในค่ายซ่งเจียงเกิดความโกลาหลขึ้นทั้งที่ฝ่ายเราไม่มีทัพยกออกไปรบ เกาเหลียนสวมเกราะขึ้นไปสังเกตการณ์บนกำแพงเมือง แลเห็นกองทัพสองกองโจมตีกองทัพซ่งเจียงที่ล้อมเมืองแตกหนี เกาเหลียนมั่นใจว่าเป็นทัพที่ขอความช่วยเหลือไปทั้งสอง จึงให้ทหารในเมืองเปิดประตูเมืองออกตีกระหนาบ
เกาเหลียนมาถึงหน้าค่ายซ่งเจียง แลเห็นซ่งเจียงพาฮวาหยงและฉินหมิงควบม้าหนีไปตามทางน้อย จึงนำทหารไล่ตามไป ไม่ทันไรก็มีเสียงปืนใหญ่ยิงจากบนลาดเขา เกาเหลียนเอะใจหันกลับไปดู ก็มีเสียงม้าล่อดังขึ้นจากสองข้างทาง หลวี่ฟางโผล่มาทางด้านซ้าย กวอเสิ้งทางด้านขวา แต่ละคนนำทหารห้าร้อยนายกรูเข้ามา
เกาเหลียนรีบควบม้าหนี มองไปบนกำแพงเมืองเห็นมีแต่ธงทิวเขาเหลียงซานปักอยู่ ทหารที่ยกทัพมาช่วยกลับไม่เห็นใคร จึงนำทหารติดตามหนีขึ้นเขามาตามทางน้อยได้ไม่ถึงสิบลี้ มีทหารขบวนหนึ่งนำโดยวี่ฉืออมโรคซุนลี่โผล่จากหลังเขาออกมาสกัดหน้าไว้ตะโกนลั่นมาว่า
“ข้ามารอเจ้าอยู่นานแล้ว ลงม้ามาให้จับโดยดี”
1
เกาเหลียนชักม้ากลับหลัง ก็เห็นเจ้าเครางามจูถงนำทหารอีกขบวนมาสกัดทางถอย
เกาเหลียนจึงทิ้งม้าไต่หนีขึ้นเขา พวกทหารเหลียงซานไต่ตามมา เกาเหลียนไต่ไปบริกรรมคาถาไปแล้วตวาดว่า “ขึ้น” มีเมฆดำให้เกาเหลียนขี่ ค่อยๆ ลอยสูงขึ้นไปยังยอดเขา กงซุนเสิ้งขี่ม้าอยู่ที่ลาดเขาเห็นดังนั้นก็แกว่งกระบี่ร่ายมนตร์แล้วเอากระบี่ชี้มาตวาดว่า “จี๋ 疾” เกาเหลียนตกจากก้อนเมฆ เสือติดปีกเหลยเหิงอยู่ใกล้พรวดเข้าหาใช้ดาบพอเตาฟันร่างเกาเหลียนขาดเป็นสองท่อน
可怜五马诸侯贵,化作南柯梦里人
น่าสมเพชผู้ว่าเทียมห้าม้า
กลายมาเป็นความฝันที่หนานเคอ
(ความฝันที่หนานเคอ 南柯一梦 เป็นนิทานสมัยถัง ฉุนหวีเฟิน 淳于棼 เมาแล้วหลับฝันไปว่าได้เป็นราชบุตรเขยและเป็นผู้ว่าหนานเคอมีชีวิตสุขสบาย พอสร่างเมาปรากฎว่าทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน
 
ห้าม้า 五马 คำเรียก ผู้ว่า 太守 เนื่องจากผู้ว่าใช้รถเทียมม้าห้าตัว)
上临之以天鉴,下察之以地祗。
明有王法相继,暗有鬼神相随。
行凶毕竟逢凶,恃势还归失势。
劝君自警平生,可叹可惊可畏。
เบื้องบนยังมีคันฉ่องสวรรค์
เบื้องล่างนั้นมีรุกขเทวา
ในที่แจ้งมีกฎของพระราชา
ที่ลับตานั้นมีผีปีศาจ
ก่อกรรมชั่วย่อมได้ชั่วตามกรรม
เหลิงอำนาจกลับทำสูญอำนาจ
จงระวังทั้งชีวิตอย่าผิดพลาด
อาจเสียดายตระหนกหรือหวาดกลัว
เหลยเหิงตัดคอเกาเหลียนหิ้วลงเขามารายงานความชอบ ซ่งเจียงรู้ว่าเกาเหลียนถูกสังหารแล้วก็ยกทัพเข้าเมืองเกาถัง มีประกาศกำชับทหารห้ามทำร้ายชาวบ้าน และให้รีบปล่อยตัวไฉจิ้นออกจากคุก พวกพัศดีและผู้คุมต่างหนีเอาตัวรอดกันหมดแล้ว ผู้ต้องขังราวห้าสิบคนถูกปล่อยตัวหมดแต่ในกลุ่มนั้นไม่มีไฉจิ้น ซ่งเจียงงุนงงให้ค้นต่อให้ละเอียด พบห้องพิเศษที่ควบคุมตัวครอบครัวของไฉหวงเฉิง และอีกห้องครอบครัวของไฉจิ้น แต่ก็ยังไม่พบไฉจิ้น
อู๋เสวียจิวให้ตามตัวเจ้าหน้าที่ พัศดีและผู้คุมที่เกี่ยวข้องกับเรือนจำเกาถังทั้งหมดมาสอบถาม พบคนผู้หนึ่งแจ้งว่า
“ผู้น้อยเป็นพัศดีชื่อ ลิ่นเหยิน 蔺仁 ได้รับมอบหมายให้ควบคุมตัวไฉจิ้น โดยมีคำสั่งกำกับไว้ว่าหากเกิดเรื่องดีร้ายไม่คาดฝัน ให้ลงมือกำจัดเสียก่อนอย่ารีรอ
สามวันก่อน เจ้าเมืองเกาเหลียนต้องการนำตัวไฉจิ้นไปลงโทษ ผู้น้อยเห็นว่าคนผู้นี้เป็นคนดี ไม่อาจทนดูเขาถูกฆ่าจึงบ่ายเบี่ยงไปว่า “คนผู้นี้กำลังป่วยหนัก ยังไม่ควรลงมือ”
ต่อมามีคำสั่งมาเร่งรัด ผู้น้อยจึงแจ้งไปว่าไฉจิ้นตายแล้ว ท่านเจ้าเมืองติดพันการศึกจึงยังไม่ทันไต่ถาม ผู้น้อยเกรงว่าความจะแตก เมื่อวานจึงได้นำตัวไฉจิ้นถอดคาออกลงไปซ่อนตัวที่บ่อน้ำแห้งหลังคุก ตอนนี้ยังไม่รู้อยู่ดีหรือไม่”
ซ่งเจียงให้ลิ่นเหยินนำทางไปยังบ่อแห้งหลังคุก มองลงไปเห็นแต่ความดำมืดไม่รู้ตื้นลึก ตะโกนเรียกดูก็ไม่มีเสียงขานตอบ จึงให้หย่อนเชือกตรวจสอบความลึกคะเนได้ราวแปดเก้าจ้าง ซ่งเจียงจึงว่า
“ท่านขุนนางใหญ่ไฉดูท่าจะไม่รอดเสียแล้ว”
แล้วก็หลั่งน้ำตา
อู๋เสวียจิวว่า “ท่านแม่ทัพอย่าเพิ่งวิตกกังวล ให้คนลงไปสำรวจดูให้รู้แน่ว่ายังอยู่หรือไม่”
พูดไม่ทันขาดคำ พายุหมุนดำหลี่ขุยตะโกนลั่นมาว่า “ข้าลงไปเอง”
ซ่งเจียงว่า “ดีแล้ว เจ้าเป็นคนส่งท่านลงไป วันนี้จะได้แก้ตัว”
หลี่ขุยหัวเราะแล้วว่า “ลงไปข้าไม่กลัว พวกท่านอย่าตัดเชือกทิ้งก็แล้วกัน”
อู๋เสวียจิวว่า “เจ้าก็อย่าเล่นตุกติก”
ตะกร้าไม้ไผ่จักสานใบใหญ่นำมาผูกเชือกยาวพาดบนคานไม้เหนือบ่อ หลี่ขุยถอดเสื้อผ้าล่อนจ้อนถือขวานคู่ลงไปนั่งในตะกร้า กระดิ่งสองใบผูกไว้กับเชือก แล้วค่อยๆ หย่อนหลี่ขุยลงบ่อไป พอถึงก้นบ่อ หลี่ขุยก้าวออกจากตะกร้าใช้มือคลำๆ ไปเจอกองกระดูกจึงร้องว่า “พ่องแม่งเอ๊ย นกเขาไรหว่า” แล้วก็คลำต่อไปตามพื้นอีกด้านพบว่าชื้นแฉะ หาที่เหยียบไม่ได้
หลี่ขุยเอาขวานคู่วางลงในตะกร้า แล้วคลำต่อตามพื้นจนพบร่างคนผู้หนึ่งดูเหมือนนอนกองอยู่กลางหลุมที่มีน้ำ หลี่ขุยตะโกนเรียก “ท่านขุนนางใหญ่ไฉ” แต่ไม่มีความเคลื่อนไหว พอคลำต่อ รู้สึกว่าจะมีเสียงแผ่วๆ เล็ดลอดมาจากปาก
หลี่ขุยว่า “ขอบคุณสวรรค์ ยังพอมีทางช่วย”
หลี่ขุยก้าวกลับลงในตะกร้า เอามือสั่นกระดิ่ง ด้านบนจึงลากตัวขึ้นไป พอถึงด้านบนหลี่ขุยจึงเล่าเหตุการณ์ด้านล่างให้ฟัง
ซ่งเจียงว่า “เจ้าลงไปใหม่ เอาท่านไฉใส่ในตะกร้าพาขึ้นมาก่อน แล้วค่อยหย่อนตะกร้ากลับลงไปรับตัวเจ้า”
หลี่ขุยว่า “ท่านพี่ไม่รู้อะไร ไปจี้โจวเที่ยวก่อน ข้าโดนเล่นงานไปสองรอบ เที่ยวนี้อาจจะเป็นรอบที่สาม”
ซ่งเจียงหัวเราะแล้วว่า “ข้าจะไปล้อเจ้าเล่นทำไม รีบลงไปเถิด”
หลี่ขุยกลับลงไปก้นบ่อ ก้าวออกจากตะกร้า หาตัวไฉจิ้นพบก็อุ้มลงตะกร้าแล้วสั่นกระดิ่ง ด้านบนก็สาวตะกร้ากลับขึ้นไป พอเห็นไฉจิ้นก็ต่างยินดี ซ่งเจียงเห็นไฉจิ้นหัวร้างข้างแตก สองขาถูกโบยจนเนื้อแตกปริ ลืมตาได้หน่อยก็หลับตาลงอีก ซ่งเจียงให้รีบตามหมอมาดูอาการ
ทางด้านหลี่ขุยอยู่มืดๆ ที่ก้นบ่อจึงส่งเสียงเอะอะเอ็ดตะโร ซ่งเจียงได้ยินเสียงจึงให้หย่อนตะกร้าลงไปรับตัวกลับขึ้นมา พอขึ้นมาถึง หลี่ขุยก็โวยวายว่า “พวกท่านไม่ดี ไม่ส่งตะกร้าไปรับข้า”
ซ่งเจียงว่า “มัวแต่ห่วงท่านขุนนางใหญ่ไฉ ก็เลยลืมเจ้าไป ต้องขอโทษที”
ซ่งเจียงให้นำไฉจิ้นขึ้นไปนอนบนรถ จัดรถสำหรับครอบครัวทั้งสองของไฉหวงเฉิงและไฉจิ้น ทรัพย์สินที่ยึดกลับมาได้รวมแล้วยี่สิบกว่าคันรถให้หลี่ขุย เหลยเหิงคุ้มกันกลับขึ้นเขาเหลียงซานก่อน ให้เอาตัวครอบครัวเกาเหลียนสามสิบกว่าชีวิตไปประหารกลางตลาด ให้รางวัลแก่ลิ่นเหยิน ให้ขนทรัพย์สินในคลังและเสบียงในยุ้งเมืองเกาถัง อีกทั้งทรัพย์สมบัติของเกาเหลียนใส่รถบรรทุกแล้วยกทัพกลับขึ้นเขา ระหว่างทางห้ามทำอันตรายชาวบ้าน
เดินทางอยู่หลายวัน พอกลับถึงเขา อาการไฉจิ้นก็ฟื้นฟู จึงกล่าวขอบคุณเฉา ซ่ง และเหล่าหัวหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ เฉาไก้เชิญไฉจิ้นพำนักที่บนยอดเขา สร้างที่พักใหม่ติดกับของซ่งเจียงสำหรับไฉจิ้นและครอบครัว
หลังศึกเกาถังครั้งนี้ เขาเหลียงซานมีหัวหน้าเพิ่มมาสองคนคือ ไฉจิ้นและทังหลง
ตอนก่อนหน้า : เสือดาวเหรียญทอง
ตอนถัดไป : ฮูหยันจว๋อ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา