18 มิ.ย. เวลา 10:41 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 130

ม้าห่วงโซ่ปราบเหลียงซาน (1) ฮูหยันจว๋อ
ทางด้านเมืองตงชางและเมืองโค่วโจวที่เกาเหลียนทำหนังสือขอความช่วยเหลือไปนั้น พอรู้ข่าวว่าเมืองเกาถังแตก เกาเหลียนถูกสังหารก็มีหนังสือแจ้งไปยังเมืองหลวง บวกกับข้าราชการที่หนีออกจากเมืองเกาถังเข้าไปแจ้งข่าว เกาฉิวจึงรู้ว่าน้องชายของตนตายเสียแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น ยามห้าสามเตี่ยน ฮ่องเต้เสด็จออกว่าราชการ เกาไท่เว่ยกราบทูลว่า “บัดนี้มีชุมโจรส้องสุมที่เหลียงซานป๋อนำโดยเฉาไก้และซ่งเจียง เที่ยวปล้นชิง ปล้มสดมภ์และปล้นเมือง ก่อกรรมทำเข็ญไว้ไม่น้อย สังหารทหารเมืองจี้โจว เผาเมืองอู๋เหวยจวินที่เจียงโจว บัดนี้ยังได้ปล้นฆ่าเมืองเกาถังจนเป็นเมืองร้าง ชิงเสบียงหลวงไปเสียสิ้น หากปล่อยเอาไว้จนกล้าแข็งขึ้นจะยิ่งกำจัดยาก ขอทรงโปรดมีพระราชโองการให้ปราบปราม”
ฮ่องเต้จึงมีพระราชโองการให้เกาไท่เว่ยจัดทัพไปปราบ
เกาไท่เว่ยว่า “ปราบโจรกลุ่มนี้ คงไม่จำเป็นต้องยกทัพใหญ่ แต่จะคัดแม่ทัพให้ยกไปปราบ”
เกาไท่เว่ยกราบทูลต่อว่า “คนผู้นี้เป็นเชื้อสายฮูหยันจ้าน 呼延赞 แห่งเหอตง 河东 ขุนพลผู้บุกเบิกแผ่นดิน มีชื่ออักษรเดียวว่าจว๋อ 灼 ใช้กระบองทองเหลืองคู่เป็นอาวุธ (硬鞭 แส้กระด้าง หรือ กระบองสั้นมีด้าม) ฝีมือเข้มแข็งต้านคนได้นับหมื่น ปัจจุบันเป็นผู้บัญชาการทหารเมืองหยู่หนิง 汝宁郡 มีผู้ใต้บังคับบัญชาที่เข้มแข็งห้าวหาญ เกล้ากระหม่อมเห็นว่าสามารถปราบโจรเหลียงซานป๋อได้”
ฮูหยันจว๋อ 呼延灼 เมื่อได้รับพระราชโองการก็พาคนสนิทสามสิบกว่าคนติดตามเข้าเมืองหลวง เกาไทเว่ยนำตัวเข้าเฝ้าซ่งฮุยจงฮ่องเต้ จึงทรงพระราชทานม้ากาดำเตะหิมะ 踢雪乌骓 วิ่งได้วันละพันลี้ให้สำหรับขี่ ม้านี้มีสีดำปลอดทั้งตัว แต่เท้าทั้งสี่ขาวราวหิมะ จึงมีชื่อดังกล่าว
开国功臣后裔,先朝良将玄孙。
家传鞭法最通神,英武熟经战阵。
仗剑能探虎穴,弯弓解射雕群。
将军出世定乾坤,呼延灼威名大振。
เชื้อสายอำมาตย์บุกเบิกแว่นแคว้น
ลูกหลานขุนพลแผ่นดินก่อนหน้า
สืบเพลงกระบองอาวุธเทวา
ทแกล้วกล้าช่ำชองผองพิชัย
อาศัยกระบี่บุกรุกถ้ำเสือ
โก่งธนูเงื้อยิงอินทรีใหญ่
ขุนพลถือกำเนิดเทิดไผท
นามเกรียงไกรไพรีพรั่นฮูหยันจว๋อ
ฮูหยันจว๋อติดตามเกาไท่เว่ยมายังที่ว่าการ เพื่อหารือเรื่องการปราบปรามเขาเหลียงซาน “เรียนท่านอำมาตย์ ผู้น้อยสืบทราบว่าเขาเหลียงซานส้องสุมผู้มีฝีมือเข้มแข็งจำนวนมาก มิอาจประมาทศัตรู จึงขอเสนอชื่อขุนพลสองนายเป็นแม่ทัพหน้า”
เกาไท่เว่ยถามว่า “สองขุนพลที่ท่านเห็นว่าสมควรเป็นแม่ทัพหน้านั้นคือผู้ใด”
ฮูหยันจว๋อว่า “คนแรกเป็นผู้บัญชาการทหารระดับถวนเลี่ยนสื่อ 团练使 เมืองเฉินโจว 陈州 แซ่หัน 韩 ชื่อเทา 滔 เป็นชาวเมืองหลวง เข้ารับราชการทหารโดยการสอบคัดเลือก 武举 ใช้ทวนยาว 枣木槊 (ทวนยาวด้ามไม้พุทรา) เป็นอาวุธ มีฉายาว่า ขุนพลร้อยชัย 百胜将军 ผู้นี้ให้เป็นแม่ทัพเอกทัพหน้า
อีกผู้หนึ่งคือ ถวนเลี่ยนสื่อเมืองอิ่งโจว 颍州 แซ่เผิง 彭 ชื่อฉี่ 玘 ชาวเมืองหลวงเช่นกัน เป็นลูกหลานขุนพลหลายชั่วคน ใช้ทวนสองคมสามปลายเป็นอาวุธ ฝีมือฉกาจเหนือผู้ใด มีฉายาว่า ขุนพลเนตรสวรรค์ 天目将军 ผู้นี้ให้เป็นรองแม่ทัพหน้า”
เกาไท่เว่ยชอบใจนักว่า “หากได้หัน เผิง สองคนนี้เป็นแม่ทัพหน้า คงมิต้องกังวลเรื่องโจร” จึงให้ทำหนังสือตามตัวทั้งสองมายังเมืองหลวง ไม่ถึงสิบวันทั้งสองก็มาถึงเมืองหลวง เข้าพบเกาไท่เว่ยและฮูหยันจว๋อ
วันรุ่งขึ้นเกาไท่เว่ยนำทั้งสามไปยังลานฝึกชมการสวนสนามแล้วกลับที่ว่าการมาถามว่า “ทหารของพวกท่านทั้งสามเมืองมีกำลังเท่าใด”
ฮูหยันจว๋อตอบว่า “ทั้งสามเมืองรวมแล้วมีทหารม้าห้าพัน ทหารราบหนึ่งหมื่น”
เกาไท่เว่ยว่า “ท่านทั้งสามแยกย้ายกลับเมืองเกณฑ์ทหารม้ามาสามพัน ทหารราบห้าพัน นัดหมายกำหนดวันนำทัพโจมตีรังโจรเหลียงซานป๋อ”
ฮูหยันจว๋อว่า “ทหารทั้งสามเมืองล้วนเข้มแข็งฝึกฝนมาอย่างดี ไม่กังวลเรื่องตระเตรียมกำลัง แต่เกรงว่าชุดเกราะยังมีไม่ครบ อาจไม่ทันกำหนดนัด”
เกาไท่เว่ยว่า “เช่นนั้นท่านจงไปเบิกที่คลังยุทธภัณฑ์หลวงให้เพียงพอไม่มีข้อจำกัด กลับไปตระเตรียมกำลังให้พร้อม ถึงกำหนดออกเดินทัพข้าจะส่งคนไปตรวจตรา”
แม่ทัพทั้งสามไปเบิกยุทธภัณฑ์ยังคลังหลวงตระเตรียมไว้ วันจะออกเดินทางกลับเมือง เกาไท่เว่ยได้คัดม้ามาให้สามพันตัว เงินทองแพรพรรณสำหรับรางวัลทหาร และเสบียงสำหรับใช้ในการศึก แม่ทัพทั้งสามอำลาแล้วเดินทางมายังเมืองหยู่หนิง 汝宁州
เมื่อถึงเมืองหยู่หนิง ฮูหยันจว๋อก็ให้หันเทา เผิงฉี่ แยกย้ายกลับไปเกณฑ์กำลังมาสมทบกันที่หยู่หนิง ไม่ทันครึ่งเดือนดี ทั้งสองก็นำกำลังมาถึง ฮูหยันจว๋อให้แจกจ่ายยุทธภัณฑ์ที่เบิกมาจนครบถ้วนแล้วก็เตรียมออกเดินทัพ เกาไท่เว่ยส่งเจ้าหน้าที่สองนายมาตรวจความพร้อม
鞍上人披铁铠,坐下马带铜铃。
旌旗红展一天霞,刀剑白铺千里雪。
弓弯鹊画,飞鱼袋半露龙梢;
笼插雕翎,狮子壶紧拴豹尾。
人顶深盔垂护项,微漏双睛;
马披重甲带朱缨,单悬四足。
开路人兵,齐担大斧;
合后军将,尽拈长枪。
数千甲马离州城,三个将军来水泊。
ทหารหาญสวมเกราะเหล็กขี่เหนืออาน
อาชาชาญสวมกระพรวนทองสำริด
ธงทิวแดงดังแสงสางอุทัยทิศ
อาวุธวาวขาวสนิทหิมะสะท้อน
คันธนูทรงปีกนกกางเขน
หางงอนเช่นมังกรซ่อนซองคันศร
ลูกธนูขนหางอินทรีร่อน
กระบอกศรลายสิงห์ผูกหางเสือดาว
หมวกเกราะป้องศีรษะเจาะสองตา
เกราะม้าหนาผูกพู่แดง คลุมเหลือสี่เท้า
ทหารแถวหน้าคอนขวานใหญ่คมขาว
พลทวนยาวปิดหลังตามขุนมา
กรีธาทัพนับพันม้า   ออกจากนครา
สามขุนพลพาสู่หนองน้ำ
พอได้ฤกษ์ยามแม่ทัพหน้าหันเทา แม่ทัพหลวงฮูหยันจว๋อ แม่ทัพหลังเผิงฉี่ยกพลมุ่งสู่เหลียงซาน
ทางฝ่ายเขาเหลียงซาน เพิ่งเสร็จจากงานฉลองต้อนรับไฉจิ้นขึ้นเขา เฉาไก้ ซ่งเจียง อู๋ย่ง กงซุนเสิ้งและเหล่าหัวหน้าชุมนุมอยู่ที่โถงร่วมธรรม สายสืบรายงานว่า “กระบองคู่ฮูหยันจว๋อ 双鞭呼延灼 เมืองหยู่หนิงยกทัพมาเพื่อปราบปราม” จึงหารือกันเรื่องการรับศึก
อู๋ย่งว่า “ข้าฟังมาว่าคนผู้นี้เป็นเชื้อสายฮูหยันจ้านแห่งเหอตงขุนนางยุคบุกเบิกราชวงศ์ ฝีมือรบช่ำชองใช้กระบองทองเหลืองคู่เป็นอาวุธ ศัตรูยากจะประชิดตัว จำต้องใช้ขุนพลฝีมือดีเปิดการโจมตีด้วยกำลัง แล้วค่อยล่อจับด้วยอุบาย”
พูดไม่ทันจบ หลี่ขุยชิงอาสา “ข้าจะจับไอ้หมอนี่ให้ท่านเอง”
ซ่งเจียงว่า “เจ้าจะไปหรือไม่ ข้าจัดทัพเอง
ให้อสนีบาตฉินหมิงนำพลเข้าตีเป็นกองแรก หัวเสือดาวหลินชงเข้าตีเป็นกองที่สอง หลีกว่างน้อยฮวาหยงเป็นกองที่สาม อีจ้างชิงหู้ซานเหนียงเป็นกองที่สี่ วี่ฉืออมโรคซุนลี่เป็นกองที่ห้า กองหน้าทั้งห้าให้หมุนเข้าตีเหมือนกงล้อปั่นด้าย โจมตีแล้วหมุนวนไปต่อหลัง
ข้าจะนำพี่น้องสิบนายเป็นทัพใหญ่หนุนหลัง ปีกซ้ายห้าขุนพล จูถง เหลยเหิง มู่หง หวงซิ่น หลวี่ฟาง ปีกขวาห้าขุนพล หยางสยง สือสิ้ว โอวเผิง หม่าหลิน กวอเสิ้ง
ทัพน้ำ หลี่จวิ้น จางเหิง จางซุ่น สามหย่วนพี่น้อง นำกองเรือคอยหนุน
ให้หลี่ขุยและหยางหลินนำพลเดินเท้าซุ่มไว้สองข้างทาง”
ซ่งเจียงจัดทัพแล้วเสร็จ อสนีบาตฉินหมิงทัพหน้าสุดก็ยกลงเขามาหาที่ราบตั้งค่ายพยุหะ แม้ช่วงนี้จะเป็นฤดูหนาวแต่อากาศกลับอบอุ่น ตั้งทัพรออยู่หนึ่งวัน ทัพหน้าของขุนพลร้อยชัยหันเทาก็ยกมาถึง จึงตั้งค่ายประจันหน้า แต่ยังไม่ออกรบในวันนั้น
กระบองคู่ฮูหยันจว๋อ 双鞭呼延灼 ดาวเทพฟ้า เทียนกัง ลำดับที่ 8 เป็นหนึ่งในห้าแม่ทัพขุนพลพยัคฆ์เขาเหลียงซาน ลำดับที่สี่
อาวุธของฮูหยันจว๋อคือ กระบองคู่ 双鞭 ที่ออกจะสร้างปัญหาในการเรียกอยู่ อาวุธที่เรียกว่า 鞭 (เปี่ยน) นั้นมีสองประเภทคือ แบบอ่อน 软鞭 และแบบกระด้าง 硬鞭
แบบอ่อน 软鞭 ทำจากหนัง ในภาษาไทยเรียกว่าแส้ไม่มีปัญหา แต่แบบกระด้าง 硬鞭 นั้นทำจากเหล็ก หรือทองเหลือง เป็นแท่งโลหะยาวมีด้าม แท่งโลหะกลมเป็นข้อๆ หรือปล้อง ในภาษาไทยไม่เรียกแส้ แต่เรียกกระบอง
แต่กระบองในทำเนียบอาวุธจีนมีแยกแยะไว้อีก
กระบองที่ไม่มีด้ามขนาดสั้นหรือยาว คือ 棍 (กุ้น) หรือ 棒 (ปั้ง)
กระบองสั้นทรงกลมมีด้าม คือ 鞭 (เปี่ยน) ไม่มีคม
กระบองสั้นทรงสี่เหลี่ยมมีด้าม คือ 锏 (เจี่ยน)เนื่องจากเป็นสี่เหลี่ยมจึงมีสี่มุม หรือเรียกว่ามีสี่คม
สำหรับ 鞭 (เปี่ยน)นั้นหากเรียกเฉยๆ อาจหมายถึงแส้เช่น แส้ม้า แต่หากเรียกอาวุธโบราณมักหมายถึงกระบองโลหะสั้น มากกว่าที่จะหมายถึงแส้หนัง หากจะเรียกทับศัพท์ 硬鞭 ว่า แส้แข็ง หรือ แส้กระด้าง คงจะสร้างความสับสนมากกว่าเรียกตามลักษณะจริงว่า กระบองสั้น
ขุนพลร้อยชัยหันเทา 百胜将军韩滔 ดาวมารดิน ตี้ส้า ลำดับที่ 6 ลำดับรวมที่ 42 เป็นหนึ่งในสิบหกสมิงลาดตระเวนเขาเหลียงซาน ลำดับที่ห้า และนายค่ายบกทิศเหนือ
ขุนพลเนตรสวรรค์เผิงฉี่ 天目将军彭玘 ดาวมารดิน ตี้ส้า ลำดับที่ 7 ลำดับรวมที่ 43 เป็นหนึ่งในสิบหกสมิงลาดตระเวนเขาเหลียงซาน ลำดับที่หก และนายค่ายบกทิศเหนือ
1
ตอนก่อนหน้า : พิชิตเกาเหลียน
ตอนถัดไป : ม้าห่วงโซ่
จาก “ม้าห่วงโซ่” ของซือไน่อัน สู่ “เรือห่วงโซ่” ในศึกผาแดง
“ม้าห่วงโซ่” เป็นตอนสำคัญที่ฮูหยันจว๋อใช้บุกเหลียงซาน
หลอก้วนจงผู้เป็นศิษย์มาเขียนสุยหู่จ้วนภาคหลังต่อจากซือไน่อัน แปลงเป็น “เรือห่วงโซ่” ในตอนผีผมแดงเผาทัพเรือ เมื่อเกาฉิวบุกเหลียงซานทางน้ำครั้งที่หนึ่ง แตกทัพถูกซุ่มตีรายทางหัวซุกหัวซุน
ในที่สุด หลอก้วนจง นำไปขยายความอลังการอีกครั้งในศึกผาแดง ตอนโจโฉแตกทัพเรือ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา