20 มิ.ย. เวลา 10:39 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 131

ม้าห่วงโซ่ปราบเหลียงซาน (2) ม้าห่วงโซ่
ยามฟ้าสางเช้าวันรุ่งขึ้น สองทัพรัวกลองข่มขวัญกันสามรอบ แม่ทัพทั้งสองฝ่ายยืนม้าประจันหน้า
หันเทาตะโกนด่าฉินหมิงว่า “กองทัพสวรรค์อยู่ที่นี่ รีบลงม้ามาสามิภักดิ์ หากกล้าขัดขืนเท่ากับรนหาที่ตาย ข้าจะถมหนองน้ำของเจ้าให้เป็นที่ราบ เหยียบเหลียงซานให้แหลกละเอียด จับพวกโจรขบถอย่างเจ้าส่งเมืองหลวง ไปสับเป็นหมื่นชิ้น”
ฉินหมิงเป็นคนเลือดร้อนอยู่แล้ว จึงไม่ตอบโตัอะไร แต่ควงกระบองควบม้าเข้าหา หันเทาชูทวนควบม้าเข้ารบ สู้กันได้ยี่สิบกว่าเพลง หันเทากำลังน้อยกว่า เตรียมชักม้าหนี ก็พอดีฮูหยันจว๋อยกทัพมาถึง เห็นหันเทาเอาชนะฉินหมิงไม่ได้ จึงรำกระบองคู่ควบกาดำเตะหิมะเข้ามาช่วย
หัวเสือดาวหลินชงนายทัพที่สองก็มาถึงเช่นกันจึงตะโกนบอกฉินหมิงว่า “ผู้บัญชาการฉิน เชิญท่านพักก่อน ข้าจะรบเองสักสามร้อยเพลง” และชูทวนควบม้าเข้ารบกับฮูหยันจว๋อ ฉินหมิงจึงถอยไปทางหลังลาดเขา หลินชงรบกับฮูหยันจว๋ออย่างสูสีได้ห้าสิบกว่าเพลง ไม่รู้ผลแพ้ชนะ ทัพที่สามของหลีกว่างน้อยฮวาหยงก็มาถึงหน้าค่ายพยุหะ ตะโกนบอกหลินชงว่า “ขุนพลหลิน เชิญพักสักครู่ ข้าจะจับหมอนี่เอง”
หลินชงชักม้ากลับหลัง ฮูหยันจว๋อเห็นหลินชงฝีมือเข้มแข็งก็ไม่ไล่ตาม ขักม้ากลับมาหน้าค่ายฝ่ายตน หลินชงนำทัพอ้อมไปหลังลาดเขา ปล่อยให้ฮวาหยงควงทวนควบม้าออกรบ ทัพหลังของฮูหยันจว๋อยกมาถึง ขุนพลเนตรสวรรค์เผิงฉี่ ถือทวนสามปลายสองคมควบม้าเหลือง อู่หมิงเชียนหลี่ 五明千里 ขึ้นหน้ามาตะโกนด่าฮวาหยง “ไอ้โจรขบถ เสียราคาพูดคุย มาสู้กันให้รู้ดีชั่ว”
ฮวาหยงโกรธจัด ไม่ตอบอะไร ควบม้าเข้ารบเผิงฉี่ได้ยี่สิบกว่าเพลง ฮูหยันจว๋อเห็นเผิงฉี่กำลังตก จึงรีบเข้ามาช่วย รบฮวาหยงได้ไม่ถึงสามเพลง ทัพที่สี่ของอีจ้างชิงหู้ซานเหนียงก็มาถึง ตะโกนมาว่า “ขุนพลฮวา เชิญท่านพักก่อน ให้ข้าจับหมอนี่” ฮวาหยงจึงถอยทัพไปด้านขวาอ้อมลงหลังลาดเขา
เผิงฉี่ควบม้าเข้ารบกับอีจ้างชิงได้ไม่ทันไร ทัพที่ห้าของวี่ฉืออมโรคซุนลี่ก็มาถึงยืนม้ารออยู่หน้าค่ายมองมาเห็นหู้ซานเหนียงรบเผิงฉี่จนฝุ่นตลบ สู้กันได้ยี่สิบกว่าเพลง หู้ซานเหนียงก็ชักม้าหนี เผิงฉี่หวังเอาความชอบ ควบม้ากวดมา หู้ซานเหนียงเอาดาบคู่พาดเก็บกับอาน ล้วงลงในชุดศึกนำบ่วงบาศ 套索 แพรแดงยี่สิบสี่ตะขอทองออกมา รอเผิงฉี่เข้ามาใกล้ได้ระยะ ก็บิดตัวกลับเล็งแล้วโยนบ่วงบาศขึ้นไปกลางอากาศ เผิงฉี่ไม่ทันระวังถูกคล้องตกลงจากหลังม้า ซุนลี่ตวาดสั่งทหารให้เข้าจับตัวเผิงฉี่ไว้เป็นเชลย
ฮูหยันจว๋อเห็นดังนั้นก็โกรธจัด เร่งม้าจะเข้ามาช่วย อีจ้างชิงควบม้ามาสกัดสู้กันได้สิบกว่าเพลง ฮูหยันจว๋อแค้นจนใคร่จะกินนางแต่ก็ไม่อาจเผด็จศึก นึกในใจว่า
“นางนี่ร้ายกาจนัก รับมือข้าได้ถึงสิบกว่าเพลง”
แล้วก็เห็นช่องโหว่ ใช้กระบองมือขวาฟาดลงกลางศีรษะ อีจ้างชิงตาไว ยกดาบมือขวาขึ้นสกัดจนไฟแล่บ แล้วอีจ้างชิงก็ชักม้าหนี ฮูหยันจว๋อไล่ตาม วี่ฉืออมโรครีบชูทวนควบม้าออกสกัด พอดีซ่งเจียงยกทัพหลวงนำสิบขุนพลมาถึง อีจ้างชิงควบม้าลงลาดเขาหนีไป
ซ่งเจียงเห็นว่าจับเผิงฉี่เป็นเชลยได้ก็ยินดียิ่งนัก ยืนม้าดูซุนลี่รบกับฮูหยันจว๋อ
ซุนลี่นั้นเก็บทวนขึ้นแล้ว ชักกระบองคู่สู้กับกระบองคู่ของฮูหยันจว๋อ อาวุธทั้งสองเป็นชนิดเดียวกัน แต่งตัวคล้ายกัน เกราะสีดำกับทอง ม้าของซุนลี่เป็นม้ากาดำ กระบองข้อไม้ไผ่นัยน์ตาเสือเหมือนวี่ฉือกง 尉迟恭 ม้าของฮูหยันจว๋อคือม้ากาดำเตะหิมะ สีดำเท้าขาว กระบองทรงบวบแปดเหลี่ยม กระบองมือซ้ายหนักสิบสองชั่ง กระบองมือขวาหนักสิบสามชั่งเช่นเดียวกับฮูหยันจ้านบรรพบุรุษ ทั้งสองรบกันถึงสามสิบกว่าเพลงยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ ซ่งเจียงเห็นแล้วได้แต่นึกชม
各跨乌骓健似龙,呼延赞对尉迟恭。
双鞭遇敌真奇事,更好同归水浒中。
ต่างขี่ม้ากาดำแกร่งดังมังกร
ฮูหยันจ้านราญรอนวี่ฉือกง
กระบองคู่ต่อสู้ดูพิศวง
ให้ดีคงคืนสุยหู่เสียทั้งคู่
หันเทาเห็นเผิงฉี่ถูกจับเป็นเชลย จึงลงไปบัญชาทัพหลังให้รุกขึ้นหน้า ซ่งเจียงชี้แส้ม้าให้สิบขุนพลเข้าโจมตี ทัพหน้าทั้งสี่ที่กลับลงไปเป็นทัพหลังแบ่งเป็นสองทางตีขนาบเข้ามา ฮูหยันจว๋อเห็นดังนั้นก็รีบสั่งถอยทัพไปยี่สิบกว่าลี้จึงตั้งค่ายใหม่
ซ่งเจียงก็ต้องถอยทัพไม่อาจตามตีทั้งนี้ก็เพราะ ฮูหยันจว๋อมีทหารม้าหนักเรียกว่า ม้าห่วงโซ่ 连环马 ม้าใส่เกราะเหล็กกรอมเท้า ทหารที่ขี่ก็สวมเกราะหนัก หมวกเจาะเพียงตา ถึงยิงธนูเข้าใส่ก็แทบไม่สะเทือน อีกทั้งแต่ละคนยังมีธนูสำหรับยิงตอบโต้ ยากเข้าประชิดตัว การตามตีอาจสร้างความเสียหายอย่างหนัก
ซ่งเจียงถอยทัพมายังค่ายฟากเขาตะวันตก แล้วให้คนนำตัวเผิงฉี่ที่ถูกจับออกมา เมื่อนำตัวมาถึง ซ่งเจียงก็สั่งให้ทหารถอยไป แล้วลงไปแก้มัดให้เผิงฉี่ด้วยตัวเอง เชิญเข้ามานั่งในค่าย แล้วซ่งเจียงก็กระทำคารวะ
เผิงฉี่รีบคารวะตอบแล้วกล่าวว่า “ผู้น้อยถูกจับเป็นเชลย โดยหลักแล้วสมควรตาย เหตุใดท่านขุนพลจึงรับรองดังแขกเหรื่อ”
ซ่งเจียงว่า “เหล่าพวกเรานี้ไร้ที่พึ่งพิง จึงต้องอาศัยหนองน้ำแห่งนี้เป็นที่หลบภัยชั่วคราว ก่อเรื่องไว้ไม่น้อย วันนี้ทางราชสำนักส่งท่านขุนพลมาจับกุม เดิมก็สมควรจะต้องยอมให้จับ แต่เกรงว่าจะไม่รอดชีวิต จึงต้องบังอาจขัดขืนต่อสู้ ลบหลู่เกียรติของท่าน ได้โปรดอภัย”
1
เผิงฉี่ว่า “เคยได้แต่ฟังว่าท่านขุนพลเป็นผู้มีคุณธรรมน้ำใจ มักช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก มิคาดว่าจะทรงคุณธรรมดังร่ำลือ หากผู้น้อยยังมีชีวิต ก็พร้อมพลีเป็นประกันให้ท่านต่อราชสำนัก”
ซ่งเจียงว่า “พวกเราเหล่าพี่น้องก็เฝ้ารอให้ทรงพระกรุณานิรโทษ ได้อยู่รอดกลับไปรับใช้บ้านเมือง แม้นตายก็ไม่บ่ายเบี่ยง”
忠为君王恨贼臣,义连兄弟且藏身。
不因忠义心如一,安得团圆百八人。
ภักดีราชันชังขุนนางร้าย
พี่น้องเร้นกายได้คุณธรรมพึ่ง
ภักดีมีคุณธรรมรวมใจเป็นหนึ่ง
จนถึงวันครบครันร้อยแปดคน
ซ่งเจียงให้คนนำขุนพลเนตรสวรรค์เผิงฉี่ไปพบกับโลกบาลเฉายังค่ายใหญ่ แล้วให้เผิงฉี่พำนักอยู่ที่นั่น
ทางด้านฮูหยันจว๋อหารือกับหันเทาถึงวิธีที่จะรบเอาชัยพวกเขาเหลียงซาน
หันเทาว่า “วันนี้ตอนที่ข้าเร่งทัพเข้าตี พวกนั้นก็รีบบุกตลุยเข้ามา พรุ่งนี้หากเรารวมกำลังทหารม้าทั้งหมดเข้าด้วยกันทุ่มเข้าตี ย่อมต้องได้ชัย”
ฮูหยันจว๋อว่า “ข้าก็เตรียมการไว้ดังนี้เช่นกัน เพียงแต่ต้องหารือกับท่านเพื่อจะได้เข้าใจตรงกัน”
แล้วจึงมีคำสั่งให้ “ทัพม้าสามพันให้จัดเป็นแถว ม้าแถวละสามสิบตัว ร้อยโซ่เหล็กเรียงกันเป็นหนึ่งตับ ยามพบศัตรู ระยะไกลใช้ธนูยิง ระยะใกล้ใช้ทวนทะลวง ทหารม้าห่วงโซ่สามพันแบ่งเป็นหนึ่งร้อยตับ ทหารราบห้าพันเดินตามหนุนหลัง พรุ่งนี้ไม่ต้องสนใจการท้ารบ ข้าจะรอสัญญาณกับพวกท่านอยู่ด้านหลัง ถึงเวลาเข้ารบศัตรู ให้จัดเป็นสามแถวตอน”
วันรุ่งขึ้น ซ่งเจียงให้จัดทัพหน้าห้ากอง ทัพหลังสิบขุนพล ทัพซุ่มสองข้างทาง ฉินหมิงนำหน้าออกไปท้าฮูหยันจว๋อรบ ได้ยินแต่เสียงโห่ร้องจากฝ่ายตรงข้าม แต่ไม่มีทหารยกออกมาต่อสู้
ทัพหน้าทั้งห้าตั้งแถวหน้ากระดาน ตรงกลางคือ ฉินหมิง ด้านซ้ายคือ หลินชง อีจ้างชิง ด้านขวาคือ ฮวาหยง ซุนลี่
ซ่งเจียงยกทัพหลังนำสิบขุนพลมาถึง ตั้งขบวนต่อกันไปเป็นชั้นๆ แล้ว ฝ่ายตรงข้ามก็ยังเฉยอยู่ เห็นแต่ทหารราบราวหนึ่งพัน ตีกลองโห่ร้องแต่ไม่ออกรบ ซ่งเจียงนึกสงสัย สั่งให้ทัพหลังถอยกลับ ส่วนตัวเองควบม้าไปสังเกตการณ์ที่ขบวนของฮวาหยง
1
พลันได้ยินเสียงปืนสัญญาณยิงเป็นชุด ทหารราบหนึ่งพันฝ่ายตรงข้ามแหวกออกยืนสองข้าง ทหารม้าห่วงโซ่สามแถวตอนทะยานออกมา สองแถวด้านข้างระดมยิงธนูเข้าหา แถวกลางถือทวนยาวควบเข้ามา ซ่งเจียงเห็นเข้าก็ตกใจ สั่งให้ทหารยิงธนูสกัดแต่ธนูทำอะไรเกราะหนักทหารม้าห่วงโซ่ไม่ได้เลย
ทหารม้าห่วงโซ่ตับละสามสิบม้าควบทะยานใส่ทัพหน้าทั้งห้าแตกกระเจิง ทัพหลังก็ไม่อาจตั้งรับ พากันหนีจ้าละหวั่น ซ่งเจียงเองก็ลนลานหนีด้วยความคุ้มครองของสิบขุนพล มีทหารม้าห่วงโซ่กวดติดตามหลังมา
หลี่ขุย กับหยางหลินที่ซุ่มกำลังอยู่สองข้างทาง ออกมาสกัดช่วยเอาไว้ ซ่งเจียงพาทหารหนีมาได้ถึงริมน้ำลงเรือที่หลี้จวิ้น จางเหิง จางซุ่น สามหย่วนพี่น้องเตรียมไว้รอรับ ทหารม้าห่วงโซ่ตามมาถึงริมตลิ่งระดมยิงธนูใส่ ดีที่เรือล้วนมีเกราะป้องกันไว้พร้อมจึงไม่เสียหาย
เรือพาแล่นหนีมาขึ้นฝั่งที่หาดปากเป็ด สำรวจดูความเสียหายเห็นเสียกองกำลังไปกว่าครึ่ง แต่เหล่าหัวหน้ายังอยู่ครบ สักพักหนึ่ง สือหย่ง สือเชียน ซุนซิน กู้ต้าเส่าก็หนีขึ้นเขามาเช่นกัน แจ้งว่า “มีทหารราบบุกมาพังร้านค้าเสียหายหมด พวกเราอาศัยเรือสัญญาณหลบหนีมาได้ มิฉะนั้นคงถูกจับ”
ซ่งเจียงสำรวจดูผู้บาดเจ็บ เหล่าหัวหน้าถูกธนูอยู่หกคน มีหลินชง เหลยเหิง หลี่ขุย สือสิ้ว ซุนซิน หวงซิ่น พวกลิ่วล้อบาดเจ็บนับไม่ถ้วน
เฉาไก้พอได้ข่าวก็ลงเขามาพร้อมอู๋ย่ง กงซุนเสิ้ง เห็นซ่งเจียงหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าวิตกกังวล อู๋ย่งจึงปลอบว่า “ท่านพี่อย่าได้กังวล แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรดา หาต้องใส่ใจ ไว้ค่อยหาอุบายแยบยล ทำลายม้าห่วงโซ่”
เฉาไก้สั่งทัพน้ำให้กวดขันลาดตระเวนรักษาหาดต่างๆ ให้จงดี ทั้งกลางวันกลางคืน แล้วเชิญซ่งกงหมิงขึ้นไปพักบนเขา ซ่งเจียงไม่ยอมขึ้นเขา ขออยู่ในค่ายที่หาดปากเป็ด ส่งแต่เหล่าหัวหน้าที่บาดเจ็บขึ้นไปพักรักษา
ทางด้านฮูหยันจว๋อได้ชัยชนะใหญ่กลับมาถึงค่ายให้ถอดโซ่ล่ามม้าห่วงโซ่ ทหารมารายงานความชอบ สังหารศัตรูได้เหลือคณานับ จับเป็นได้ห้าร้อยกว่าคน จับม้าได้สามร้อยกว่าตัว จึงส่งรายงานชำนะศึกไปยังเมืองหลวง
เกาไท่เว่ยได้รับรายงานก็ยินดียิ่ง จึงกราบทูลพระเจ้าซ่งฮุยจงในที่ออกขุนนางเช้าวันรุ่งขึ้น ซ่งฮุยจงฮ่องเต้ทรงพระราชทาน สุรามงคลสิบขวด ชุดแพรหนึ่งชุด เงินหนึ่งแสนก้วนให้ขุนนางผู้หนึ่งนำไปพระราชทานให้แก่ฮูหยันจว๋อ
ฮูหยันจว๋อรับสิ่งของพระราชทานแล้ว ก็ให้แม่ทัพหันนำเงินรางวัลแจกจ่ายแก่เหล่าทหาร เลี้ยงสุรารับรองขุนนางผู้อัญเชิญพระราชสาส์น และกล่าวถึงเชลยที่จับได้ห้าร้อยคน รอจับพวกหัวหน้าได้จับส่งตัวไปรับโทษที่เมืองหลวง ขุนนางผู้นั้นถามถึงขุนพลเผิงฉี่ ฮูหยันจว๋อแจ้งว่าถูกศัตรูจับตัวไป และที่ศัตรูพ่ายแพ้ไปครั้งนี้คงไม่กล้ายกมารบ แต่หากจะตามจับก็ติดอยู่ที่ค่ายของศัตรูมีน้ำล้อมรอบ
“ทราบมาว่า ที่เมืองหลวงมีนายทหารปืนใหญ่ชื่อหลิงเจิ้น 凌振 มีฉายาว่า ฟ้าคำราม 轰天雷 เชี่ยวชาญปืนไฟ สามารถยิงได้ไกลสิบห้าลี้ กระสุนตกที่ไหนฟ้าถล่มดินทลาย หากได้คนผู้นี้มาช่วย ย่อมทำลายค่ายโจรได้ คนผู้นี้ยังช่ำชองการรบด้วยเพลงอาวุธ หากท่านได้รายงานท่านเกาไท่เว่ยให้ส่งคนผู้นี้มาช่วย คงบุกยึดค่ายโจรได้ในเร็ววัน”
ขุนนางผู้นั้นรับปากไปแจ้งแก่เกาไท่เว่ย เกาไท่เว่ยทราบแล้วจึงให้ตามหลิงเจิ้นมาพบ หลิงเจิ้นเป็นชาวเมืองเอี้ยนหลิง 燕陵 นับเป็นผู้เชี่ยวชาญปืนไฟมือหนึ่งของราชสำนักซ่ง
强火发时城郭碎,烟云散处鬼神愁。
金轮子母轰天振,炮手名闻四百州。
เพลิงพิฆาตตกต้องกำแพงทลาย
หมอกควันกระจายผีสางต่างเข็ดขาม
ล้อทอง แม่ลูก ฟ้าคำราม
มือปืนใหญ่นามกระเดื่องสี่ร้อยเมือง
 
(ล้อทอง 金轮 แม่ลูก 子母 เป็นชื่อประเภทปืนใหญ่ของหลิงเจิ้น)
หลิงเจิ้นรับคำสั่งแล้วกลับมาเก็บข้าวของ ตระเตรียมปืน ฐานยิง ลูกกระสุน ดินปืน สิ่งของจำเป็น ออกเดินทางพร้อมทหารติดตามสี่สิบนายจากเมืองหลวงตงจิงมุ่งสู่ค่ายหน้าเขาเหลียงซาน
ตอนก่อนหน้า : ฮูหยันจว๋อ
ตอนถัดไป : ฟ้าคำราม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา