ต่อมาในช่วงปี 1800 เริ่มมีพ่อค้าชาวยุโรปเดินทางเข้ามาค้าขายที่ Los Angeles และใช้พื้นที่บริเวณนี้เป็นที่พักระหว่างทาง ซึ่งชาวยุโรปกลุ่มแรกที่เข้ามาคือพ่อค้าชาวสเปน และพวกเขาได้ตั้งชื่อพื้นที่บริเวณนี้ว่า Las Vegas (ลาสเวกัส) ซึ่งเป็นภาษาสเปนหมายถึง "ทุ่งหญ้าหรือที่ราบลุ่ม"
ในยุคนั้น Las Vegas ยังเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเม็กซิโก แต่ต่อมาเมื่ออเมริกาทำสงครามชนะเม็กซิโกก็ได้ผนวกเอารัฐ Nevada เข้าไปเป็นดินแดนของตนด้วย แต่พื้นที่บริเวณนี้ก็ยังคงร้างผู้คนเพราะมันกันดารและเต็มไปด้วยอันตราย
บุคคลที่มีความสำคัญต่อความเจริญของ Las Vegas คือ Octavius Gass นักธุรกิจและนักการเมืองผู้มีบทบาทสำคัญในการก่อสร้างทางรถไฟสาย Los Angeles-Salt Lake ซึ่งวิ่งผ่าน Las Vegas และเชื่อมต่อกับส่วนอื่นๆ ของประเทศ ซึ่งทางรถไฟสายนี้ได้ดึงดูดผู้คนและธุรกิจเข้ามายัง Las Vegas มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภครวมถึงระบบชลประทานควบคู่ไปด้วย ทำให้เมืองนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
เศรษฐกิจของ Las Vegas ยังคงเฟื่องฟูอย่างมาก เนื่องจากในช่วงปี 1931 มีโครงการขนาดยักษ์คือการก่อสร้าง Hoover Dam (เขื่อนฮูเวอร์) (เดี๋ยวจะมาเล่าเรื่องเขื่อนในตอนหน้านะคะ 😄) ซึ่งโครงการนี้ต้องใช้คนเป็นจำนวนมากในการก่อสร้าง จึงเกิดการหลั่งไหลของแรงงานชายเข้ามามากมาย เมื่อมีชายโสดเข้ามารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก สถานบันเทิง สถานบริการทางเพศ และบ่อนการพนันก็เกิดขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน
Las Vegas ไม่เพียงแต่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักแสวงโชคเท่านั้น แม้แต่ดารา นักแสดง และนักร้องชื่อดังมากมายไม่ว่าจะเป็น Frank Sinatra, Barbra Streisand, The Beatles และ Elvis Presley ก็เคยมาเปิดการแสดงที่นี่
Las Vegas Strip
ปัจจุบันอิทธิพลของมาเฟียได้เลือนหายไปแล้ว และเมือง Las Vegas ก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ปลอดภัย และดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้หลั่งไหลเข้ามามากมาย
และปัจจุบัน Las Vegas ไม่ได้ขึ้นชื่อแค่เรื่องของคาสิโนและสถานบันเทิงเท่านั้น มันยังเป็นเมืองยอดนิยมที่ติดอันดับ Top 3 สำหรับจัดการประชุมทางธุรกิจระดับประเทศอีกด้วย
นี่ก็เป็นประวัติย่อๆ ของเมือง Las Vegas หรือ Sin City ที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักกัน
เรื่องของเมือง Las Vegas เป็นเรื่องที่เขียนแล้วสนุกมากเลย เพราะเหมือนเราได้อ่านประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองนี้ไปด้วย
Blog นี้ก็ประมาณนี้ค่ะ อยากพาพวกเรามารู้จักกับ "เมืองบาป" ที่โด่งดังไปทั่วโลก ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวอเมริกา ลองหาเวลาซัก 2–3 วันมาเที่ยวที่ Las Vegas นะคะ รับรองจะต้องร้อง WoW กับแสงสีที่ได้เห็นแน่นอน
สำหรับคนที่ไม่ชอบเล่นคาสิโน ในเมืองยังมีที่ให้ทำกิจกรรมที่น่าสนใจอีกเยอะเลยนะ ไม่ว่าจะเป็น The Sphere ตึกทรงกลมที่ใหญ่ที่สุดในโลก, ชิงช้าสวรรค์ The Linq, SlotZilla's Zipline ที่เล่นไปด้วยชมเมืองไปด้วย และโชว์ดีๆ อีกมากมาย
และถ้าใครเบื่อเมืองอยากชมธรรมชาติ ไม่ไกลจาก Las Vegas ก็ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจให้ไปทำกิจกรรมกันด้วย ซึ่งเราจะพาไปใน Blog หน้าค่ะ อย่าลืมมาอ่านกันนะ สำหรับ Blog นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ 😊