หลังจากไปชมแสงสีในเมือง Las Vegas กันมาใน Blog ที่แล้ว วันนี้เราจะออกไปที่เที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเท่าไหร่ และภารกิจของวันนี้คือ…ตามล่าหาของดีที่ซ่อนอยู่ในทะเลทรายค่ะ
ทุกคนรู้มั้ย Nevada เป็นดินแดนแห่งทะเลทรายก็จริง แต่มันมีที่เที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้ที่ Arizona เลยนะ อย่างที่ที่เราจะไปกันวันนี้ เริ่มจากที่แรก Valley of Fire State Park ค่ะ
Valley of Fire State Park หรือหุบเขาแห่งไฟ ตั้งอยู่ใน Mojave Desert (ทะเลทรายโมฮาวี) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ Las Vegas มีระดับความสูงระหว่าง 402–917 เมตร ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 46,000 เอเคอร์ หรือประมาณ 116,380 ไร่ อุทยานแห่งนี้เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1934 แล้วและเป็นอุทยานที่เก่าแก่ที่สุดของรัฐ Nevada
ในอดีตเมื่อประมาณ 150 ล้านปีก่อน Valley of Fire คือพื้นที่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำทะเล ต่อมาน้ำทะเลได้ลดลงจนเหือดแห้งทำให้พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นทะเลทราย จากนั้นได้เกิดการเคลื่อนตัวของเนินทรายจนเนินทรายเหล่านี้ได้ก่อตัวเป็นภูเขาหินทรายสีแดงส้มที่เรียกว่า Aztec Sandstone (หินทรายแอซเท็ก)
ด้วยลักษณะของหินที่เป็นสีแดงส้มนี้ทำให้เวลาที่มันสะท้อนกับแสงอาทิตย์จะดูเหมือนมันลุกเป็นไฟก็เลยทำให้ได้ชื่อว่า Valley of Fire นั่นเอง (ภาพประกอบด้านล่าง)
นอกจากนั้น Valley of Fire ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมในการถ่ายหนังโฆษณารถยนต์ และเป็นโลเคชั่นในการถ่ายหนังดังอีกหลายเรื่อง เช่น Viva Las Vegas ที่นำแสดงโดย Elvis Presley, Total Recall, Star Trek Generations เป็นต้น
เล่ามาขนาดนี้…น่าไปดูซักครั้งใช่มะ 😄
เราใช้เวลาเดินทางจากตัวเมือง Las Vegas ประมาณ 45 นาทีก็ถึง Valley of Fire แล้วค่ะ อ้อ ! ที่นี่ต้องเสียค่าเข้าคันละ $10 ค่ะ
คำเตือน !!! ใครที่จะมาเที่ยวที่นี่อย่าลืมเตรียมอุปกรณ์กันแดดกันมาให้เต็มที่นะคะ ทั้งหมวก แว่นกันแดด เสื้อคลุม เพราะแดดและลมที่นี่แรงมากๆ และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาเที่ยวที่ Valley of Fire คือตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนเมษายน เพราะอากาศจะไม่ร้อนจัดแล้ว (เรามาเดือนพฤษภาคมก็เตรียมใจเลย 🥵)
นี่ปิดขนาดนี้ยังไม่รอดหน้าดำ
ภายใน Valley of Fire มีจุดให้ไปชมหลายจุดเลย แต่เราปักหมุดไว้ว่าอยากไปดูบางจุดเท่านั้นเพราะคิดว่าไปทั้งหมดคงไม่ไหว ด้วยความที่มันค่อนข้างร้อนและแดดแรงมากๆ
สรุป…ถึงจะอดเห็น Fire Wave ที่ตั้งใจมาดูที่สุด แต่ก็ประทับใจ Valley of Fire นะเพราะมันมีความสวยงามในแบบของมันเอง เป็นความงามที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางทะเลทราย ต้องขอบคุณธรรมชาติที่สร้างสิ่งหล่านี้ให้กับพวกเราและขอให้มันยังคงอยู่แบบนี้ไปอีกนานๆ นะ
จาก Valley of Fire เราไปดูอะไรให้รู้สึกเย็นๆ ขึ้นหน่อยที่ Hoover Dam ซึ่งอยู่ไม่ไกลค่ะ
ระหว่างทางผ่าน Lake Mead ด้วย
Hoover Dam (เขื่อนฮูเวอร์) หรืออีกชื่อที่รู้จักกันคือ Boulder Dam (เขื่อนโบลเดอร์) เป็นเขื่อนคอนกรีตรูปโค้งที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำ Colorado บริเวณหุบเขา Black Canyon ระหว่างชายแดนของรัฐ Arizona และรัฐ Nevada มีความสูง 221.4 เมตร และยาว 379 เมตร
การก่อสร้าง Hoover Dam ถือเป็นหนึ่งในโครงการวิศวกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา ต้องใช้แรงงานคนมากกว่า 1,000 คน และเมื่อสร้างเสร็จก็มีคนงานที่ต้องสังเวยชีวิตไปมากกว่า 100 คน
Hoover Dam
และน้ำที่ Hoover Dam เก็บกักได้ก็ทำให้เกิดเป็น Lake Mead (ทะเลสาบมี้ด) ที่เราขับรถผ่านก่อนเข้ามาที่เขื่อน
เมื่อเริ่มก่อสร้างเขื่อน ได้มีการสร้างเมือง Boulder ขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยของคนงาน นั่นเลยเป็นที่มาของชื่อ Boulder Dam ซึ่งเป็นอีกชื่อของ Hoover Dam นั่นเอง ซึ่งเมือง Boulder ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง Las Vegas
ในสมัยนั้นมีกฎหมายเข้มงวดที่ห้ามเล่นการพนันและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเมือง Boulder ทำให้บรรดาคนงานที่เข้ามาก่อสร้างเขื่อนต้องหนีเข้าไปหาความสำราญที่ Las Vegas ในวันหยุดแทน ทำให้ธุรกิจการพนัน แอลกอฮอล์ และสถานบันเทิงใน Las Vegas เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างที่เราเล่าไปใน Blog ที่แล้ว
มาต่อกันที่วันสุดท้ายใน Las Vegas กันเลย เพราะมีที่เที่ยวอีกทีที่อยากจะพาไป ฟีลทะเลทรายเหมือนกัน
สัมภาระกองพะเนินกับการย้ายบ้านครั้งสุดท้ายแล้ว
จุดเที่ยวนี้จะอยู่ระหว่างทางจาก Las Vegas เข้า Los Angeles ที่เราว่าควรมาเพราะมันสวยดีและใช้เวลาไม่นาน (ไม่เหมือนเดินเทรลเมื่อวานแน่นอน 😅) ชื่อว่า Seven Magic Mountains
ใครมาเที่ยว Las Vegas ก็ยังเจอกับงานชิ้นนี้ได้จนถึงปี 2027 นะคะ
ก็จบ Blog พาเที่ยวทะเลทรายยาวๆ อีก Blog แล้ว หวังว่าจะชอบกันนะคะ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าที่เราจะกลับเข้าเมือง LA แล้ว สำหรับ Blog นี้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ 😊