26 มิ.ย. เวลา 14:25 • ครอบครัว & เด็ก

บันทึกนึกได้ ตอน แปะพลาสเตอร์ยา

พอเหลานริ่มโตขึ้นก็ไม่ค่อยมาพูดมาคุยด้วยเหมือนแต่ก่อนเ ”โต“ในที่นี้เราหมายถึงโตขึ้นแค่5 ขวบนะ เพราะแต่ก่อนตอนที่หลานยังเล็กกว่านี้ เกิดอะไรขึ้นในชีวิตหลานเราจะรู้ทั้งหมด
แต่พอหลานโตขึ้น แค่ 5 ขวบ นี่แหละโตแล้วมั้งในความคิดของเค้า เค้าจะก็จะมีโลกส่วนตัวมากขึ้น ไม่ค่อยพูดอะไรให้เราฟังเหมือนแต่ก่อน
เพราะวันฉะนั้น เมื่อวันนึงหลานชายวัย 5 ขวบมาพูดอะไรให้ฟังเราจึงดีใจมาก
หลานชายพูดว่า
“ วันนี้เป็นเบนหกล้มแหละ ”
เราก็เป็นห่วงนิดหน่อย เพราะว่าในวัยเด็กเล็ก การหกล้มถือเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเราคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แสดงออกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา หลานก็ จะไม่ตีโพยตีพาย
เราก็เลยๅทำเสียงปกติถามกลับไปว่า
“ แล้วเบนทำยังไงล่ะครับ ”
“ เบนก็เอาพลาสเตอร์ยามาติดครับ ”
“ แล้วเบนตกใจไหมครับ ร้องไห้หรือเปล่า ”
“ ไม่ร้องหรอกครับ แค่นิดเดียวเองไม่เจ็บ เบนหกล้มที่สนาม เพราะวิ่งเร็วมากเลยสะดุดแค่นั้นเอง ”
เราก็ได้รู้เรื่องราวความเป็นมาเป็นไป ซึ่งก็ดีแล้วที่หลานไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ มันหกล้มแผลถลอกนิดเดียวจริงๆ อาจจะมีเลือดไหลบ้างแต่มันนิดเดียว ไม่น่าเป็นห่วงอะไร
แต่เราดีใจที่หลานชายไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ร้องโวยวายเพราะว่าหลานคนนี้มักจะแอ็คติ้งเกินจริงคือเจ็บจริง 10 แสดงออกเป็น 1000 ก็ดีแล้วที่เขาไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
แล้วเราก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าน่าจะเป็นเพราะว่าการแสดงออกของเราที่ไม่แตกตื่นด้วยหรือเปล่า ตลอดมาเวลาที่ผ่านมาหลายปี เวลาหลานเจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ ปู่ย่าจะทำเป็นเรื่องใหญ่มากมายทั้งที่แผลนิดเดียว แต่เราจะทำตรงกันข้ามคือพยาพยายามคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาเป็นเรื่องเล็กไม่ควรจะใส่ใจอะไรมากมายมากมาย
แล้วหลานก็เหมือนจะค่อยๆซึมซับความคิดนี้ ปัจจุบันนี้ตอนหกล้มเค้าจะไม่โวยวายหรือทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่อะไรอีกแล้ว
มันน่าภูมิใจนะที่ความคิดของเราบังเกิดผล แต่มันก็ต้องใช้เวลาแหละ เราทำแบบนี้มาตั้งแต่หลานเริ่มเดินได้ จนถึงตอนนี้ก็ ก็ 3 ปีแล้วล่ะ
ถ้าชอบบทความแบบนี้ช่วยกดไลค์กดติดตามกันให้ด้วยนะคะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา