2 ก.ค. เวลา 10:51 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 135

ม้าห่วงโซ่ปราบเหลียงซาน (6) ปืนทวนประสานทำลายม้าห่วงโซ่
ฮูหยันจว๋อยังยกทหารออกท้ารบอยู่ทุกวันแม้จะเสียขุนพลเผิงฉี่และหลิงเจิ้นไปเป็นเชลย แต่เขาเหลียงซานมีน้ำล้อมรอบด้าน ไม่ยอมออกรบ สั่งให้ค่ายน้ำปักขวากและคอยลาดตระเวน ทั้งยังให้หลิงเจิ้นเร่งผลิตปืนไฟเตรียมพร้อมที่จะลงเขาเมื่อทหารฝึกทวนตะขอได้ชำนาญ
ซ่งเจียงว่า “ผู้น้อยมีอุบายตื้นเขินนำเสนอ มิทราบเหล่าท่านจะเห็นด้วยหรือไม่”
อู๋ย่งว่า “ขอรับทราบแผนของท่าน”
ซ่งเจียงว่า “พรุ่งนี้เราจะไม่ใช้ทหารม้า แม้แต่เหล่าหัวหน้าก็จะเดินเท้ารบ พิชัยสงครามซุนอู๋ 孙吴兵法 (ซุนอู่ 孙武 และ อู๋ฉี่ 吴起) กล่าวไว้ถึงการรบในบึงหนองรกร้าง เราจะให้ทัพพลเดินเท้าแบ่งเป็นสิบกองออกไปท้ารบ พอทหารม้าศัตรูมาถึงก็ทำทีแตกหนีเข้าไปในพงอ้อแขม ซึ่งเราจะซุ่มพลทวนตะขอเอาไว้ โดยหน่วยพลทวนตะขอสิบคน ก็จะมีคนใช้ตะขอยาวอีกสิบคน เมื่อม้ามาถึง ทวนตะขอจะเกี่ยวม้าล้มลง ตะขอยาวก็จะเกี่ยวจับคนขี่ ทางราบที่แคบเราก็จะซุ่มแบบเดียวกัน พวกท่านเห็นเช่นไร”
1
อู๋เสวียจิวว่า “ควรใช้แผนนี้ซุ่มจับ”
สวีหนิงว่า “ทวนตะขอบวกตะขอยาว สมควรเป็นตามนี้”
ซ่งเจียงจึงกำหนดตัวนายทัพสิบกองดังนี้ หลิวถัง ตู้เชียนนำกองหนึ่ง มู่หง มู่ชุนกองหนึ่ง หยางสยง เถาจงว่างกองหนึ่ง จูถง เติ้งเฟยกองหนึ่ง เซี่ยเจิน เซี่ยเป่ากองหนึ่ง โจวยวน โจวยุ่นกองหนึ่ง อีจ้างชิง เสือเตี้ยหวางกองหนึ่ง เซวียหย่ง หม่าหลินกองหนึ่ง เอี้ยนซุ่น เจิ้งเทียนโซ่วกองหนึ่ง หยางหลิน หลี่หยุนกองหนึ่ง สิบกองนี้ให้ลงเขาไปท้ารบก่อน
ให้หลี่จวิ้น จางเหิง จางซุ่น สามหย่วน ถงเวย ถงเหมิ่ง เมิ่งคังทั้งเก้านำทัพเรือคอยหนุน
ให้ฮวาหยง ฉินหมิง หลี่อิ้ง ไฉจิ้น ซุนลี่ โอวเผิงทั้งหกนำทหารม้าคอยหนุนอยู่เชิงเขา หลิงเจิ้น ตู้ซิง ใช้ปืนไฟ
ให้สวีหนิง ทังหลงบัญชาพลทวนตะขอ
ซ่งเจียง อู๋ย่ง กงซุนเสิ้ง ไต้จง หลวี่ฟาง กวอเสิ้งอยู่ทัพหลวงคอยให้อาณัติสัญญาณ นายค่ายที่เหลือให้อยู่รักษาค่ายใหญ่
ซ่งเจียงจัดกำลังเรียบร้อยแล้ว คืนนั้นยามสามพลทวนตะขอข้ามน้ำไปเป็นชุดแรกเข้าประจำจุดซุ่มกำลัง พอยามสี่ทัพหน้าทั้งสิบข้ามน้ำไปตั้งกระบวนทัพ หลิงเจิ้น ตู้ซิงนำปืนลมไฟ และปืนใหญ่ขึ้นตั้งบนเนินสูง
พอฟ้าสาง ทัพหลวงของซ่งเจียงยังไม่ข้ามน้ำแต่รัวกลองโบกธงโห่ร้อง ฮูหยันจว๋อได้รับรายงาน จึงให้หันเทาแม่ทัพหน้านำกำลังมาสำรวจดู และสั่งม้าห่วงโซ่ให้ร้อยโซ่ เมื่อพร้อมแล้วก็สวมเกราะขึ้นม้ากาดำเตะหิมะนำทัพมาริมน้ำเหลียงซาน มองไปฝั่งตรงข้ามเห็นซ่งเจียงจัดทัพใหญ่ตั้งอยู่ ฮูหยันจว๋อจึงให้ทัพม้าตั้งแถว
หันเทาแม่ทัพหน้ารายงานว่า “ทางทิศใต้มีทัพทหารเดินเท้ายังไม่รู้จำนวนที่แน่นอน”
ฮูหยันจว๋อว่า “ไม่สำคัญว่าจำนวนเท่าไร ส่งทหารม้าห่วงโซ่บุกตลุยเข้าไป”
หันเทานำทหารม้าห้าร้อยแยกออกไป พลันมีอีกทัพยกมาทางตะวันออกเฉียงใต้ หันเทาคิดจะแยกทหารม้าออกรับศึก ก็มีอีกทัพยกมาทางตะวันตกเฉียงใต้ ส่งเสียงโห่ร้องตามลมมาแต่ไกล หันเทาจึงนำทหารกลับมารายงานฮูหยันจว๋อว่า “ทางใต้มีทัพโจรรวมสามทัพล้วนชูธงเขาเหลียงซาน”
ฮูหยันจว๋อว่า “เจ้าพวกนี้ไม่ยอมออกรบหลายวัน คงมีแผนอะไรมา”
พูดไม่ทันขาดคำ ได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นทางทิศเหนือ ฮูหยันจว๋อออกปากด่าว่า “ปืนใหญ่นี่ต้องเป็นหลิงเจิ้นสมคบโจรยิงมา”
ขณะที่ระวังด้านใต้อยู่ ทางทิศเหนือก็มีทัพยกมาอีกสามทัพ ฮูหยันจว๋อกล่าวกับหันเทาว่า “นี่เป็นแผนชั่วของพวกโจร ท่านกับข้าแยกกันรับศึกคนละด้าน ข้าจะรับทางเหนือ ท่านรับทางใต้”
ไม่ทันไร ทางตะวันตกมีทัพยกมาอีกสี่ทัพ ฮูหยันจว๋อเริ่มกังวล เสียงปืนใหญ่จากทิศเหนือดังเป็นชุดเล็งใกล้ลาดเขาเข้ามา นี่คือปืนแม่ลูก 子母炮 ของหลิงเจิ้น ปืนแม่หนึ่งกระบอกแวดล้อมด้วยปืนลูกสี่สิบเก้ากระบอกยิงตามกันเป็นชุด แผดคำรามมาตามลม ทหารของฮูหยันจว๋อ พอได้ยินก็ขวัญหนีทั้งที่ยังไม่ได้รบ
ฮูหยันจว๋อกับหันเทาจึงต้องแบ่งกำลังออกรับศึกรอบด้าน แต่สิบทัพเหลียงซานนี้ พอทางไหนถูกโจมตี ทางนั้นก็แตกหนี ฮูหยันจว๋อเกิดโทสะ นำทหารไล่ตามตีทางทิศเหนือ ทหารของซ่งเจียงก็หนีจ้าละหวั่นเข้าไปในพงอ้อแขม ฮูหยันจว๋อให้ทหารม้าห่วงโซ่กวดตามเข้าไปในพง แนวม้าห่วงโซ่ห้อตะบึงยากหยุดยั้ง เหยียบเอาอ้อแขมล้มลงเป็นแถบ แล้วก็มีเสียงเป่าปากในพง ทวนตะขอโผล่ออกมาเป็นแนว เข้าเกี่ยวตัดเท้าม้าจากสองข้างเข้าไป พอม้าสองข้างล้ม ม้าตรงกลางล้มตามไปด้วย ทวนตะขอตรึงแนวม้าเอาไว้แล้ว ตะขอยาวตามมาเกี่ยวจับทหารมัด
ฮูหยันจว๋อเห็นว่าตนต้องอุบายเสียแล้ว จึงชักม้ากลับ จะไปทางทิศใต้สมทบกับหันเทา แต่ปืนใหญ่จากที่สูงยิงสกัดหลังไว้ ด้านซ้ายขวาทั่วทุ่ง พลเดินเท้าหวนกลับมาตามโจมตี ทหารม้าห่วงโซ่ของหันเทาและฮูหยันจว๋อตกเข้าในพงอ้อแขมถูกจับหมดสิ้น
ฮูหยันจว๋อและหันเทารู้ว่าพลาดท่าจึงควบม้าหนี แต่เส้นทางต่างๆ ล้วนมีธงทิวเหลียงซานอยู่จึงไม่กล้าไป เหลือเปิดไว้แต่เส้นทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ มาได้เพียงห้าหกลี้ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งออกสกัดไว้นำโดยจอมบุ่มบ่ามมู่หงและบุ่มบ่ามน้อยมู่ชุนถือดาบพอเตาตวาดมาว่า “ขุนพลพ่ายศึก ยอมให้จับโดยดี”
ฮูหยันจว๋อเกิดโทสะควงกระบองคู่เข้ารบมู่หง มู่ชุน ได้เพียงสี่ห้าเพลง มู่ชุนก็วิ่งหนี ฮูหยันจว๋อกลัวต้องกลจึงไม่กวดตาม แต่ควบม้าหนีมาตามทางด้านทิศเหนือ มีคนอีกกลุ่มโผล่มาจากลาดเขาเข้าสกัด นำโดยอสรพิษสองหัวเซี่ยเจิน และ แมงป่องสองหางเซี่ยเป่า ต่างถือสามง่ามปรี่เข้ามารบกับฮูหยันจว๋อได้ไม่ถึงเจ็ดเพลง เซี่ยเจิน เซี่ยเป่าก็หันหลังหนี ฮูหยันจว๋อกวดตามมาไม่ถึงครึ่งลี้ สองข้างทางมีทวนตะขอโผล่มายี่สิบสี่เล่ม ฮูหยันจว๋อไม่คิดจะสู้ ชักม้าหนีไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ
เสือเตี้ยหวาง อีจ้างชิงสองสามีภรรยา พาคนมาสกัดทาง ฮูหยันจว๋อเห็นภูมิประเทศไม่ใช่ที่ราบ และเป็นดงหนาม จึงหวดกระบองคู่เปิดทางควบม้าหนีโดยไวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ เสือเตี้ยหวาง อีจ้างชิงไล่ตามไม่ทัน
十路军兵振地来,乌骓踢雪望风回。
连环尽被钩镰破,剩得双鞭出九垓。
 
ทัพสิบสายถะถั่งประดังมา
กาดำเตะหิมะเหินเหาะหนี
ทวนตะขอล่อม้าห่วงโซ่เสียที
เหลือกระบองคู่หนีไกลไปสุดหล้า
(九垓 พื้นที่ตรงกลางบวกแปดทิศโดยรอบ เท่ากับทั่วหล้า)
ทางด้านซ่งเจียงให้ตีม้าล่อถอยทัพกลับค่ายปูนบำเหน็จทหารตามความชอบ ม้าห่วงโซ่สามพัน ส่วนหนึ่งถูกทวนตะขอเกี่ยวเท้าขาดได้แต่นำมาชำแหละเนื้อม้าเป็นอาหาร ที่เหลือกว่าครึ่งได้มาใช้งาน ทหารที่ใส่เกราะส่วนใหญ่ถูกจับเป็นเชลย ทหารเดินเท้าห้าพันที่ตามเข้ากลางพงก็ถูกตะขอจับ ที่หนีลงน้ำก็ถูกทัพเรือจับส่งขึ้นหาด ค่ายของฮูหยันจว๋อถูกรื้อทิ้ง ร้านอาหารสำหรับสอดแนมสองแห่งที่ถูกรื้อทำลายก็สร้างใหม่ให้ผู้ดูแลเดิมคือ ซุนซิน กู้ต้าเส่า สือหย่ง สือเชียน กลับไปทำหน้าที่เดิม
หลิวถัง กับ ตู้เชียนจับตัวหันเทาแม่ทัพหน้าได้ นำตัวขึ้นเขา ซ่งเจียงมาแก้มัดให้ด้วยตัวเอง และให้เผิงฉี่ หลิงเจิ้น ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เข้ามาเป็นพวก หันเทานี้เป็นหนึ่งในกลุ่มดาวมารดินตี้ส้ามาจุติ จึงไม่ยากที่จะเกลี้ยกล่อม จากนั้นก็ให้ทำหนังสือให้คนไปรับครอบครัวจากเมืองเฉินโจวมาอยู่ด้วยกันบนเขา ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ได้ม้าศึก ขุดเกราะ อาวุธ และเชลยใช้แรงงานมาเป็นจำนวนมากเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ค่ายเหลียงซานป๋อ
ทางด้านฮูหยันจว๋อแตกทัพเสียทหารจำนวนมาก ไม่กล้ากลับเมืองหลวง ถอดเกราะมัดไว้กับหลังม้า ขี่กาดำเตะหิมะมาโดยลำพัง เงินทองใช้จ่ายไม่มี จึงถอดเข็มขัดทองออกขายมาใช้เป็นค่าเดินทาง พลางตรองว่า
“ไม่คิดว่าจะตกอยู่ในสภาพนี้ แล้วนี่จะไปพึ่งพาอาศัยใครได้”
พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ “เจ้าเมืองมู่หยง慕容知府 เมืองชิงโจว 青州 เคยรู้จักมักคุ้นกัน อาศัยสายสัมพันธ์กับพระสนมมู่หยงกุ้ยเฟย ไปขอพึ่งพา หาจังหวะนำทหารกลับมาชำระแค้น”
เดินทางมาได้สองวัน เย็นวันนั้นมาถึงร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ทั้งหิวทั้งกระหาย นำม้าผูกไว้กับต้นไม้หน้าร้านแล้วเข้าไปนั่งในร้านเรียกบริกรมาสั่งเหล้าสั่งอาหาร
บริการว่า “ที่ร้านผู้น้อยนี้ขายแต่เหล้า ไม่มีเนื้อขาย แต่ในหมู่บ้านเขาเพิ่งล้มแพะ ถ้าท่านต้องการผู้น้อยจะไปซื้อมาให้”
ฮูหยันจว๋อหยิบเงินจากกระเป๋าคาดเอวที่ได้จากการขายเข็มขัดนับส่งให้บริกรว่า
“ช่วยซื้อขาแพะมาปรุงสุกให้ขาหนึ่ง หาหญ้าให้ม้าข้าด้วย คืนนี้ข้าจะค้างแรมที่นี่ พรุ่งนี้จะเข้าเมืองชิงโจว”
บริกรว่า “นายท่าน จะค้างแรมไม่มีปัญหา เพียงแต่เราไม่มีเตียงอย่างดี”
ฮูหยันจว๋อว่า “ข้าเป็นทหาร มีที่ซุกหัวนอนก็ใช้ได้แล้ว”
บริกรนำเงินไปซื้อเนื้อแพะ ฮูหยันจว๋อเอาชุดเกราะลงจากหลังม้า แล้วแก้เข็มขัดนั่งผึ่งพุงรออยู่หน้าร้านเป็นครึ่งค่อนวันกว่าบริกรจะนำขาแพะมา จ่ายค่าแป้งหมี่อีกสามชั่งให้นำไปปั้นแป้ง ซื้อเหล้าสองเจี่ยว พอแพะกับแป้งสุก บริกรยกมาให้ ฮูหยันจว๋อก็ชวนให้นั่งกินด้วยกัน
“ข้าเป็นข้าทหารในราชสำนัก รับพระบัญชามาปราบโจรเขาเหลียงซานแต่พลาดท่า จึงจะมาอาศัยท่านเจ้าเมืองมู่หยงที่ชิงโจว ม้าของข้านี้ เจ้าต้องช่วยดูแลให้ดี เป็นม้าพระราชทานเรียกว่าม้ากาดำเตะหิมะ พรุ่งนี้ข้าจะมีรางวัลให้”
“ขอบพระคุณนายท่าน แต่มีเรื่องหนึ่งที่นายท่านควรรู้ ห่างจากที่นี่ไม่ไกลคือเขาดอกท้อ บนเขามีส้องโจร ตัวหัวหน้าใหญ่เรียกว่าขุนพลสยบเสือหลี่จง หัวหน้ารองป้าอ๋องน้อยโจวทง มีลิ่วล้อราวเจ็ดร้อยคน ออกเที่ยวปล้นชิง บางครั้งก็มาที่นี่ ทางการส่งคนไปปราบหลายครั้งแต่ล้วนล้มเหลว นายท่านเวลานอนก็ยังต้องระวังตัว”
ฮูหยันจว๋อว่า “ฝีมือข้าสู้คนได้นับหมื่น นับประสาอะไรกับพวกโจรแค่นี้ เจ้าดูแลม้าของข้าให้ดีก็พอ”
หลังอาหาร บริกรจัดแจงนำเตียงมาปูให้
ฮูหยันจว๋อเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางบวกกับดื่มเหล้าไปมากจึงเข้านอนทั้งเสื้อผ้าไม่ได้เปลี่ยน หลับรวดเดียวจนมารู้สึกตัวตื่นเอายามสาม ได้ยินเสียงบริกรคร่ำครวญอยู่ จึงโดดลุกจากเตียงคว้ากระบองคู่ เดินไปทางหลังร้านถามบริกรว่า “เจ้าร้องทำไม”
บริกรว่า “ข้าตื่นขึ้นมาจะเอาหญ้าให้ม้า พอผลักประตูรั้วเข้ามา จึงรู้ว่าม้าของนายท่านถูกลักไปเสียแล้ว มีแสงคบไฟอยู่แต่ไกลนั่น คงเป็นของพวกโจรที่มาลักไป”
ฮูหยันจว๋อถามว่า “ที่เจ้าเห็นอยู่ทางไหน”
บริกร “ทางสายนั้น เป็นพวกโจรเขาดอกท้อมาลักไปแน่”
ฮูหยันจว๋อให้นำทางตามไปได้สองสามลี้ แต่ไม่เห็นแสงคบเพลิงใดเสียแล้ว
“กาดำเตะหิมะหายไปเสียแล้ว จะทำเช่นไรดี”
“พรุ่งนี้นายท่านเข้าเมืองไปแจ้งความให้ส่งคนไปปราบโจร คงได้ม้าคืน”
ฮูหยันจว๋อนั่งมึนงงจนฟ้าสาง จึงออกเดินทางมาชิงโจว ถึงตัวเมืองเอาเมื่อฟ้าค่ำ จึงหาที่พักในเมืองอีกคืน
เช้าวันรุ่งขึ้น ฮูหยันจว๋อไปยังที่ว่าการกระทำคารวะต่อท่านเจ้าเมือง เจ้าเมืองมู่หยงพอเห็นฮูหยันจว๋อก็ตกใจด้วยจำได้จึงถามว่า “ทราบมาว่าท่านขุนพลไปปราบโจรที่เขาเหลียงซาน เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่”
ฮูหยันจว๋อจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง เจ้าเมืองมู่หยงได้ฟังจบแล้วกล่าวว่า
“แม้ท่านขุนพลจะเสียทหารไปมาก แต่หาใช่ท่านทำผิดต่อหน้าที่ แต่พลาดท่าต้องอุบายของพวกโจร หาเป็นไรไม่ ในพื้นที่รับผิดชอบของผู้ต่ำศักดิ์นี้ก็มีโจรผู้ร้ายอยู่หลายพวก ในเมื่อท่านขุนพลมาถึงที่นี่แล้ว ก็ปราบโจรเขาดอกท้อเสียเลย ชิงม้าพระราชทานกลับมา อีกทั้งส้องโจรอีกสองแห่งที่เขาสองมังกร และเขาพยัคฆ์ขาว เมื่อปราบโจรได้แล้ว ผู้ต่ำศักดิ์จะทูลเกล้าขอรับรองให้ท่านได้นำทัพกลับไปล้างแค้นอีกหน ดีหรือไม่”
ฮูหยันจว๋อ “ขอบพระคุณ พระคุณท่านเป็นอย่างยิ่ง เช่นนี้ข้าน้อยขอทำหน้าที่สุดกำลัง”
ท่านเจ้าเมืองจึงให้จัดห้องพักรับรอง และจัดหาเสื้อผ้าให้ผัดเปลี่ยน
ผ่านไปสามวัน ฮูหยันจว๋อร้อนใจใคร่ได้ม้าพระราชทานคืน จึงมาเร่งรัดให้เตรียมทหาร เจ้าเมืองมู่หยงให้ยืมทหารสองพันนาย และม้าชิงจง 青鬃马 สำหรับขี่ ฮูหยันจว๋อจึงนำทหารมาบุกโจมตีส้องโจรเขาดอกท้อ
ตอนก่อนหน้า : มือทวนทองต้องอุบาย
ตอนถัดไป : ตีเขาดอกท้อ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา