4 ก.ค. เวลา 10:34 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 136

ศึกสามเขาตีเมืองชิงโจว (1) ตีเขาดอกท้อ
บนเขาดอกท้อ ขุนพลสยบเสือหลี่จงและป้าอ๋องน้อยโจวทงลักม้ากาดำเตะหิมะซึ่งเป็นยอดอาชามาได้ก็เลี้ยงฉลองกันอยู่หลายวัน วันนี้ลิ่วล้อมารายงานว่า “มีทัพจากเมืองชิงโจวบุกมาโจมตี”
ป้าอ๋องน้อยโจวทงลุกขึ้นกล่าวว่า “พี่ท่านอยู่รักษาค่าย ผู้น้องจะลงไปขับไล่ทหาร” แล้วกะเกณฑ์ลิ่วล้อหนึ่งร้อยคน ถือทวนขึ้นม้าลงเขามารับศึก
ฮูหยันจว๋อนำกำลังสองพันมาถึงหน้าเขา ก็จัดตั้งกระบวนพยุหะ เห็นป้าอ๋องน้อยโจวทงนำทหารมาตั้งแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งประจันหน้า
身着团花宫锦袄,手持走水绿沉枪。
声雄面阔须如戟,尽道周通赛霸王。
สวมเสื้อนวมลายบุปผามาเต็มสวน
มือถือทวนกวนน้ำสีเขียวเข้ม
ทำเสียงห้าวหน้าใหญ่เคราแข็งเต็ม
ดูมาดเข้มโจวทงดังป้าอ๋อง
(绿沉枪 ลวี่เฉินเชียง ทวนมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ มีสีเขียวเข้ม อาจจะด้วยการแต่งสีหรือจากเนื้อเหล็ก จึงมักมีคนนิยมใช้ทวนสีเขียวตั้งชื่อนี้)
(โจวทงมีฉู่ป้าอ๋องเป็นต้นแบบ พยายามเลียนแบบให้เหมือนตามที่ตนคิดทั้งการแต่งตัว ไว้เครา ดัดเสียง แต่ลักษณะการบรรยายของซือไน่อัน ดูเหมือนว่าจะได้เพียงแค่พยายามให้ดูเหมือน)
ฮูหยันจว๋อตะโกนกร้าวไปว่า “โจรชั่ว รีบลงม้ามาให้จับ” แล้วควบม้าเข้าหา โจวทงควบม้ามารับ ประมือกันได้ไม่ถึงเจ็ดเพลง โจวทงกำลังตกสู้ไม่ได้ ชักม้าหนีกลับขึ้นเขา ฮูหยันจว๋อตามมาได้ระยะหนึ่ง กลัวจะเป็นอุบาย ก็กลับลงเขามา ให้ทหารตั้งค่ายรอรบใหม่
โจวทงกลับมาถึงค่ายเล่าให้หลี่จงฟังว่า “ฮูหยันจว๋อฝีมือเข้มแข็งนัก ข้ารับมือไม่ไหว ต้องหนีขึ้นเขามา นี่ถ้าหากเขาบุกมาถึงค่าย เราจะทำเช่นไร”
หลี่จงว่า “ฟังว่าสงฆ์ลงลายหลู่จื้อเซินอยู่ที่วัดแก้วมณีเขาสองมังกร มีพวกพ้องอยู่เยอะ ใครอะไรที่เรียกว่าสัตว์หน้าครามหยางจื้อ แล้วก็คนมาใหม่เรียกผู้จาริกอู่ซง ล้วนฝีมือฉกาจต้านคนได้นับหมื่น เราเขียนหนังสือขอความช่วยเหลือให้ลิ่วล้อถือไป ถ้าเขายอมช่วย ต่อไปก็ขอขึ้นกับค่ายเขา ส่งส่วยให้เป็นรายเดือน”
โจวทงว่า “ผู้น้องยอมรับว่าเขาฝีมือดี กลัวแต่ว่าสงฆ์นั่นจะติดใจเรื่องเก่า ไม่ยอมมาช่วย”
หลี่จงหัวเราะแล้วว่า “คราวนั้นเขาเล่นงานเจ้า แต่ก็ขนเครื่องถ้วยเนื้อเงินทองของเราไปตั้งเยอะ ยังจะมาคาใจอะไรอยู่ อีกทั้งเขาเป็นคนตรงไปตรงมา ถ้าให้คนไปขอความช่วยเหลือ คงพาทหารมาด้วยตัวเอง”
โจวทงว่า “พี่ท่านพูดก็ถูก”
หลี่จงจึงรีบเขียนหนังสือให้ลิ่วล้อสองคนลงเขาถือไปยังเขาสองมังกร
ค่ายใหญ่ที่วัดแก้วมณีเขาสองมังกรมีหัวหน้าใหญ่สามคน ลำดับที่หนึ่งสงฆ์ลงลายหลู่จื้อเซิน ลำดับที่สองสัตว์หน้าครามหยางจื้อ ลำดับที่สามผู้จาริกอู่ซง
และมีรองหัวหน้าอยู่สี่คน คนหนึ่งคือสมิงตาทองซือเอิน บุตรชายผู้กำกับแดนจำเมืองเมิ่งโจว พออู่ซงสังหารจางตูเจียนตายทั้งครอบครัว คดีก็ตามมาถึงตัว จึงต้องหนีมาเร่ร่อนในวงนักเลง ต่อมาบิดามารดาถึงแก่กรรม รู้ข่าวว่าอู่ซงมาอยู่เขาสองมังกร จึงตามมาขอเข้าเป็นพวก
คนหนึ่งคือภูตชาญมีดเฉาเจิ้ง เคยบุกวัดแก้วมณีสังหารเติ้งหลงพร้อมกับหลู่จื้อเซินและหยางจื้อ ต่อมาจึงมาอยู่ร่วมด้วย
อีกสองคนคือคนสวนผักจางชิง และนางยักษ์ซุนเอ้อเหนียง สองสามีภรรยาที่เคยอยู่ลาดสี่แพร่งเมืองเมิ่งโจว หลู่จื้อเซินกับอู่ซง ทำหนังสือเชิญไปบ่อยครั้งจนยอมมาอยู่ร่วมด้วย
เฉาเจิ้งฟังว่ามีหนังสือมาจากเขาดอกท้อ จึงมาสอบถามรายละเอียดก่อนจะรายงานไปยังสามหัวหน้าใหญ่ หลู่จื้อเซินว่า
“ส่าเจียตอนลงจากเขาอู่ไถใหม่ๆ ได้ไปพักแรมที่หมู่บ้านดอกท้อ เคยตีกับเจ้านกเขาหัวทู่โจวทง เจ้าหลี่จงนั่นจำส่าเจียได้ เลยเชิญขึ้นเขาไปกินเหล้ากันทั้งวัน แถมร่วมสาบานยกส่าเจียเป็นพี่ และจะให้เป็นหัวหน้าใหญ่ของค่าย ข้าเห็นว่าพวกมันขี้เหนียวไปหน่อย เลยเก็บเครื่องถ้วยเนื้อเงินทองหนีมาเสีย ตอนนี้มาขอความช่วยเหลือ ดูสิว่าอย่างไร ให้ลิ่วล้อนั่นเข้าด่านมา”
เฉาเจิ้งไปได้ไม่นานก็พาลิ่วล้อกลับเข้ามา ลิ่วล้อขานคารวะแล้วกล่าวว่า
“เจ้าเมืองมู่หยงเมืองชิงโจว รับตัวกระบองคู่ฮูหยันจว๋อขุนพลพ่ายศึกปราบเขาเหลียงซานเอาไว้เร็วๆ นี้ บัดนี้เจ้าเมืองมู่หยงมีคำสั่งให้มากวาดล้างพวกเราเขาดอกท้อ เขาสองมังกร เขาพยัคฆ์ขาวเสีย แล้วจะให้ยืมทหารกลับไปชำระแค้นเขาเหลียงซาน ท่านหัวหน้าของพวกเราใคร่ขอความกรุณาท่านหัวหน้านำคนลงเขาไปช่วยเหลือ เสร็จศึกนี้เมื่อใด จะขอน้อมส่งบรรณาการแก่ท่าน”
หยางจื้อว่า “พวกเราเดิมต่างก็รักษาค่ายใครค่ายมัน ไม่ก้าวก่ายกัน ส่าเจียมีความเห็นว่า ข้อหนึ่งเราควรรักษาจารีตวงนักเลง ข้อสองหากเขาดอกท้อแตก ก็จะมาย่ำยีพวกส่าเจียที่นี่ ควรให้จางชิง ซุนเอ้อเหนียง ซือเอิน เฉาเจิ้งอยู่รักษาค่าย พวกเราสามคนไปด้วยตัวเองสักครา”
แล้วจึงสั่งจัดทัพลิ่วล้อห้าร้อยคน ม้าศึกหกสิบกว่า ลงเขามาช่วยเขาดอกท้อ
ทางด้านหลี่จงพอรู้ข่าวจากทางเขาสองมังกร ก็จัดทัพลิ่วล้อสามร้อยคนยกไปสมทบ ฮูหยันจว๋อได้ข่าวก็นำทัพมาสกัด เห็นหลี่จงระหว่างทาง
头尖骨脸似蛇形,枪棒林中独擅名。
打虎将军心胆大,李忠祖是霸陵生。
หัวหูหลิมโครงหน้าดังงูเงี้ยว
เชี่ยวช่ำชองพลองทวนหนึ่งในป่า
ขุนพลสยบเสือขวัญหาญกล้า
อย่าปรามาสหลี่จงเชื้อป้าหลิง
(กลอนบทนี้เผยข้อเท็จจริงว่า แม้ฝีมือของหลี่จงจะเป็นเพียงกระบองลีลาตามที่หวางจิ้นอาจารย์ของสื่อจิ้นเรียก ไม่อาจใช้ต่อสู้ได้จริง แต่ฉายาขุนพลสยบเสือ อาจมาจากบรรพบุรุษหลีกว่าง 李广 ขุนพลผู้ฆ่าเสือสมัยฮั่นผู้เคยอาศัยอยู่ป้าหลิง 霸陵)
หลี่จงไหนเลยจะสู้ฮูหยันจว๋อได้ รบกันได้ราวสิบเพลงก็ชักม้าหนีกลับขึ้นเขา ฮูหยันจว๋อเห็นฝีมือหลี่จงอ่อนหัดปานนั้นจึงกวดตามขึ้นเขามา โจวทงซึ่งเฝ้าระวังอยู่กลางเขา จึงให้ทิ้งหินลงมาสกัด ฮูหยันจว๋อจึงต้องถอยกลับลงมา ก็ได้ยินเสียงทัพหลังส่งเสียงโห่ร้อง จึงถามว่า “โห่ร้องกันทำไม”
ทหารรายงานว่า ด้านหลังเห็นมีทัพยกมาแต่ไกล ฮูหยันจว๋อจึงรีบมายังทัพหลังมองไปเห็นสงฆ์ร่างอ้วนใหญ่ขึ่ม้าขาวฝุ่นตลบนำทัพมา
自从落发寓禅林,万里曾将壮士寻。
臂负千斤扛鼎力,天生一片杀人心。
欺佛祖,喝观音,戒刀禅杖冷森森。
不看经卷花和尚,酒肉沙门鲁智深。
แต่ปลงผมสู่ร่มกาสาวพัสตร์
เที่ยวตุหรัดตุเหร่คบหาผู้กล้า
กำลังแขนพันชั่งยกติ่งสามขา
จิตปาณาติบาตแต่ชาตกาล
พุทธะก็รังแก กวนอิมตวาดใส่
ใช้มีดศีลไม้เท้าหนาวสะท้าน
สงฆ์ลงลายคัมภีร์ไม่เคยอ่าน
สมณะทานทั้งเนื้อเหล้าหลู่จื้อเซิน
หลู่จื้อเซินตวาดมาจากบนหลังม้าว่า “ไอ้นกเขาหัวทู่พ่ายศึกเหลียงซานหน้าไหนวะ บังอาจมาข่มขู่คนในถิ่นข้า”
ฮูหยันจว๋อว่า “ฆ่าเจ้าลาหัวเถิกก่อน ระบายโทสะข้า”
หลู่จื้อเซินควงไม้เท้าเหล็ก ฮูหยันจว๋อรำกระบองคู่เข้าต่อสู้ ทหารสองฝ่ายโห่ร้องเรียกขวัญ รบกันได้ห้าสิบเพลงไม่รู้แพ้ชนะ ฮูหยันจว๋อแอบชมในใจ “พระนี่ ฝีมือดีทีเดียว”
สองฝ่ายตีม้าล่อ พักรบชั่วครู่
ฮูหยันจว๋อพักพอหายเหนื่อ ก็ชักม้าขึ้นหน้าตะโกนท้ามาว่า “ไอ้พระโจรออกมาอีก รบกันให้รู้แพ้ขนะ”
หลู่จื้อเซินกำลังจะควบม้าออกมา ด้านข้างมีเสียงตะโกนมาว่า “พี่ท่านพักก่อน ดูส่าเจียจับเจ้าหมอนี่” แล้วควบม้ารำดาบปรี่เข้าหาฮูหยันจว๋อ
曾向京师为制使,花石纲累受艰难。
虹霓气逼牛斗寒。
刀能安宇宙,弓可定尘寰。
虎体狼腰猿臂健,跨龙驹稳坐雕鞍。
英雄声价满梁山。
人称青面兽,杨志是军班。
เป็นหัวหมู่เมืองหลวง
ทำหินประดับร่วงลงน้ำ
ชีวิตจึงตกต่ำ
แม้ดังรุ้งเคยทะยาน
ดาบปราบจักรภพ
ธนูสยบโลกบาล
รูปร่างดังเสือขาล
ควบขี่หลังมังกรปาน
 
วีรบุรุษเลื่องเหลียงซาน   เชื้อชายชาติทหาร
หยางจื้อขนานสัตว์หน้าคราม
หยางจื้อเข้ารบกับฮูหยันจว๋อสี่สิบกว่าเพลงไม่รู้แพ้ชนะ ฮูหยันจว๋อเห็นฝีมือหยางจื้อเข้มแข็งนัก จึงคิดว่า “ทำไมจึงมีคนฝีมือดีดังนี้ถึงสองคน ดูท่าไม่ใช่โจรธรรมดา”
หยางจื้อเห็นฝีมือฮูหยันจว๋อฉกาจนัก ฉวยโอกาสได้ช่องโหว่ชักม้าหนีกลับมาหน้ากระบวน ฮูหยันจว๋อก็ไม่ไล่ตาม ทั้งสองฝ่ายจึงพากันแยกย้ายถอยทัพ
หลู่จื้อเซินหารือกับหยางจื้อว่า “พวกเราเพิ่งมาถึง ไม่ควรตั้งค่ายประชิดนัก ถอยไปสักยี่สิบลี้ค่อยตั้งค่าย”
ฮูหยันจว๋อพอกลับถึงค่ายก็นั่งมึนงง “คิดว่าจับโจรพวกนี้จะง่ายเหมือนผ่าไม้ไผ่ กลับมาเจอตอเข้าเสียนี่ ชีวิตข้าช่างอาภัพนัก”
ยังไม่ทันคิดวางแผนอย่างไรต่อ ก็มีคนเดินสาส์นจากเจ้าเมืองมู่หยงให้มาตามทัพกลับ “ขอให้ท่านขุนพลนำทัพกลับมาป้องกันเมือง บัดนี้ ข่งหมิง ข่งเลี่ยงยกทัพจากเขาพยัคฆ์ขาวมายืมเสบียงเมืองชิงโจว เกรงจะเกิดพลาดพลั้ง จึงขอเชิญท่านขุนพลกลับมารักษาเมือง”
ฮูหยันจว๋อจึงต้องยกทัพกลับเมืองโดยทันที
ตอนก่อนหน้า : ปืนทวนประสานทำลายม้าห่วงโซ่
ตอนถัดไป : พันธมิตรสามเขา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา