8 ก.ค. เวลา 10:22 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 137

ศึกสามเขาตีเมืองชิงโจว (2) พันธมิตรสามเขา
เช้าวันรุ่งขึ้น หลู่จื้อเซิน หยางจื้อ อู่ซงนำลิ่วล้อโบกธงโห่ร้องมาถึงตีนเขาไม่เห็นแม้แต่เงาทัพฮูหยันจว๋อ ถึงกับตะลึงงง หลี่จง โจวทง นำคนลงมารับทั้งสามขึ้นเขา ล้มม้าฆ่าโค จัดโต๊ะเลี้ยงฉลอง พร้อมทั้งให้คนไปสืบข่าวทัพฮูหยันจว๋อ
ทางด้านฮูหยันจว๋อกลับมาถึงเมือง พบทัพหนึ่งยกมาถึงหน้าเมือง ผู้นำทัพคือบุตรชายของข่งไท่กงแห่งเขาพยัคฆ์ขาว ดาวหางข่งหมิง ดาวเพลิงข่งเลี่ยง ทั้งสองเกิดวิวาทกับเศรษฐีในเมืองผู้หนึ่ง จึงสังหารเขาเสียทั้งครอบครัว แล้วพาลูกน้องเจ็ดร้อยคนไปตั้งส้องโจรที่เขาพยัคฆ์ขาว ออกเที่ยวปล้นชิงทรัพย์ ข่งปิน 孔宾 ผู้เป็นอาของทั้งสองอาศัยอยู่ในตัวเมืองชิงโจวจึงถูกเจ้าเมืองมู่หยงสั่งให้จับกุมไปจำคุก ข่งหมิง ข่งเลี่ยงจึงระดมพวกลิ่วล้อยกมาบุกเมืองชิงโจวเพื่อช่วยอา
พอฮูหยันจว๋อมาถึงก็บุกเข้าตีทัพข่งหมิง ข่งหมิงถือทวนเข้ารบฮูหยันจว๋อ เจ้าเมืองมู่หยงยืนดูอยู่บนหอคอยกำแพงเมือง ฮูหยันจว๋อต้องการแสดงฝีมือให้ปรากฎ รบกับข่งหมิงได้ยี่สิบกว่าเพลง เห็นข่งหมิงเอาแต่ปัดป้อง รู้ว่าข่งหมิงเพลงยุทธสู้ไม่ได้ จึงหาจังหวะจับตัวข่งหมิงจากหลังม้า ข่งเลี่ยงเห็นดังนั้นก็พาลิ่วล้อหนี เจ้าเมืองมู่หยงชี้สั่งการจากบนกำแพงเมืองให้ไล่ตาม ทหารตามจับเชลยได้ร้อยกว่าคน ตัวข่งเลี่ยงหนีกระเซอะกระเซิงจนเย็นมาถึงศาลเจ้าเก่าแห่งหนึ่งจึงเข้าอาศัยพักแรม
ด้านฮูหยันจว๋อจับตัวข่งหมิงได้ จับมัดตัวส่งเจ้าเมืองมู่หยง เจ้าเมืองให้ใส่คานำตัวไปจำคุกห้องเดียวกับข่งปิน แล้วสอบถามฮูหยันจว๋อถึงสถานการณ์ที่เขาดอกท้อ
ฮูหยันจว๋อว่า “แต่แรกก็คิดว่าจะง่ายเหมือนจับตะพาบในไห ที่ไหนได้ มีโจรอีกพวกหนึ่งมาช่วย กลุ่มนี้มีพระอ้วนกับชายหน้าคราม ได้สู้กันยังไม่รู้แพ้ชนะ สองคนนี้ฝีมือดีไม่ใช่โจรธรรมดา นับเป็นจอมยุทธ จึงยังจับโจรไม่ได้”
เจ้าเมืองมู่หยงว่า “พระนั่นคือหลู่ต๋า 鲁达 ถีเสียในสังกัดฉงจิงเลวี่ยผู้เฒ่าเมืองหยันอัน ปลงผมออกบวชเรียกกันว่า สงฆ์ลงลายหลู่จื้อเซิน ส่วนชายหน้าครามนั่นเป็นหัวหมู่ทหารองครักษ์หลวง เรียกว่า สัตว์หน้าครามหยางจื้อ ยังมีผู้จาริกแสวงบุญอีกคนชื่อว่าอู่ซง ก็คืออู่ตูโถวผู้ฆ่าเสือเนินจิ่งหยาง สามคนนี้ตั้งส้องโจรอยู่บนเขาสองมังกร เคยรบกับทัพที่ไปปราบอยู่หลายครั้ง สังหารนายทัพไปแล้วห้าคน จนถึงบัดนี้ยังจับตัวไม่ได้”
ฮูหยันจว๋อว่า “ข้าก็ว่าฝีมือพวกนี้ดีจริง ที่แท้ก็คือหยางจื้อสื่อกับหลู่ถีเสีย สมคำร่ำลือ แต่พระคุณท่านโปรดวางใจ ฮูหยันจว๋อรู้เชิงยุทธพวกเขาแล้ว ช้าหรือเร็ว จะจับเป็นทุกคนมาลงโทษ”
ทางด้านข่งเลี่ยงพาทหารหนีตายเดินทางอยู่นั้น พบเข้ากับกองกำลังชุดหนึ่งโผล่ออกมาจากราวป่า
直裰冷披黑雾,戒箍光射秋霜。
额前剪发拂眉长,脑后护头齐项。
顶骨数珠灿白,杂绒绦结微黄。
钢刀两口迸寒光,行者武松形象。
เสื้อคลุมยาวแลหนาวราวหมอกดำ
ห่วงทองทอน้ำค้างแข็งฤดูสารท
ไว้ผมยาวเสมอคิ้วปรกนลาฏ
ด้านหลังพาดคลุมมาเสมอไหล่
ประคำขาวร้อยด้วยกระดูกขม่อม
เหลืองมอมเชือกสีถักคาดเอวไว้
มีดสองเล่มแวววาวหนาวจับใจ
หาใช่ใครอู่ซงผู้จาริก
ผู้นำมาคือผู้จาริกอู่ซง ข่งเลี่ยงรีบลงจากม้ามาคารวะ “ท่านผู้กล้าสบายดี”
อู่ซงรีบมาพยุงแล้วตอบว่า “ฟังว่าพวกท่านสองพี่น้องไปตั้งค่ายอยู่บนเขาพยัคฆ์ขาว ว่าจะไปเยี่ยมอยู่หลายครั้ง แต่หนึ่งคือไม่ได้ลงเขามา สองคือหนทางไม่เป็นใจ จึงยังไม่มีโอกาสได้พบ วันนี้ทำไมจึงมาอยู่ที่นี่”
ข่งเลี่ยงจึงเล่าเรื่องที่จะมาช่วยท่านอาข่งปินจนพี่ชายถูกจับให้ฟัง
อู่ซงว่า “ท่านอย่าได้วิตก ข้ามีพี่น้องหกเจ็ดคนชุมนุมกันอยู่ที่เขาสองมังกร ตอนนี้หลี่จง โจวทงเขาดอกท้อถูกทหารชิงโจวบุกตีจึงขอให้พวกเรามาช่วย หัวหน้าหลู่ หยางสองคนมาถึงก่อนได้รบกับฮูหยันจว๋อ ฮูหยันจว๋อหนีไปตอนกลางคืน ทางค่ายเขาดอกท้อจึงเลี้ยงฉลองให้เราสามพี่น้อง แล้วมอบม้าพระราชทานมาให้ นี่ข้ากำลังพาพวกกลับเขาก่อน สองคนนั่นจะตามมาทีหลัง ข้าไปบอกพวกเขาให้เข้าตีเมืองชิงโจวช่วยท่านอากับพี่ชายท่านดีไหม”
ข่งเลี่ยงกราบขอบคุณอู่ซง แล้วอยู่รอกันครึ่งค่อนวันจึงเห็นหลู่จื้อเซินกับหยางจื้อขึ่ม้ามาถึง อู่ซงพาข่งเลี่ยงไปคารวะทั้งสองแล้วบอกว่า
“ตอนนั้นข้าพบกับซ่งเจียงที่บ้านของเขา รบกวนอยู่หลายวัน วันนี้พวกเราควรเห็นแก่คุณธรรม รวมกำลังสามเขาเข้าตีเมืองชิงโจว สังหารเจ้าเมืองมู่หยง จับตัวฮูหยันจว๋อ แบ่งทรัพย์และเสบียงในเมืองไว้ใช้สอยในค่าย ท่านว่าอย่างไร”
หลู่จื้อเซินว่า “ส่าเจียก็คิดเหมือนกัน ให้คนไปบอกทางเขาดอกทัอ ให้หลี่จง โจวทงพาเด็กๆ มาสมทบ พวกเราสามเขาเข้าตีเมืองชิงโจว”
หยางจื้อว่า “เมืองชิงโจวค่ายคูแข็งแรง ทหารเข้มแข็ง อีกทั้งยังมีฮูหยันจว๋ออยู่ ไม่ใช่ข้าจะข่มขวัญกันเอง จะเข้าตีจริงก็พอมีทางอยู่”
อู่ซงว่า “พี่ท่าน ช่วยไขแผนการ”
หยางจื้อว่า “จะตีเมืองชิงโจว ต้องใช้ทหารจำนวนมากจึงจะสำเร็จ ข้ารู้กิตติศัพท์ของซ่งกงหมิงแห่งเขาเหลียงซาน เรียกกันว่าฝนยามแล้ง ทั้งยังมีความแค้นต้องชำระกับฮูหยันจว๋อ พวกเราพี่น้องรวมกำลังกับสกุลข่ง และพวกเขาดอกท้อ เข้าตีเมืองชิงโจวก่อน ข่งเลี่ยงน้องเรา เร่งเดินทางไปเขาเหลียงซานด้วยตัวเอง เชิญซ่งกงหมิงรวมกำลังมาตีเมือง นี่จึงเป็นวิธีที่ดี ซ่งซานหลางกับท่านก็สนิทสนมกันอยู่ พวกท่านเห็นเช่นไร”
หลู่จื้อเซินว่า “ก็เอาตามนี้ วันนี้มีคนบอกว่าซ่งซานหลางดี พรุ่งนี้ก็มีคนบอกอีกว่าซ่งซานหลางดี เสียดายส่าเจียไม่เคยพบ ฟังแต่คนพูดกรอกหูส่าเจียจนหูจะหนวกอยู่แล้ว คิดว่าคงเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ชื่อเสียงถึงได้กระฉ่อนหล้าเช่นนี้ คราวก่อนที่อยู่กับหัวหน้าค่ายฮวาที่เขาชิงเฟิง ส่าเจียเคยคิดว่าจะไปหาอยู่ พอจะไปหาก็ฟังว่าไปที่อื่นเสียแล้ว ถึงว่าไม่มีวาสนาก็ไม่ได้พบ เอาละ ข่งเลี่ยงน้องเรา จะช่วยพี่ชายเจ้าละก็ รีบไปเชิญพวกเขาเองโดยไว พวกส่าเจียจะล่อกับเจ้าพวกนกเขาหัวทู่ไปพลางๆ ระหว่างรออยู่ที่นี่”
ข่งเลี่ยงส่งมอบเหล่าลิ่วล้อให้หลู่จื้อเซิน พาผู้ติดตามไปเพียงคนเดียว แต่งตัวเป็นพ่อค้าเร่งรุดมาเหลียงซานป๋อ
หลู่จื้อเซิน หยางจื้อ อู่ซงให้คนกลับค่ายไปบอกให้ซือเอิน เฉาเจิ้งนำกำลังมาสมทบอีกสองร้อยคน ทางด้านเขาดอกท้อ พอหลี่จง โจวทงรู้ข่าวก็เหลือลิ่วล้อไว้เฝ้าค่ายห้าสิบคน ที่เหลือทั้งหมดยกมาสมทบเข้าประชิดเมืองชิงโจว
ข่งเลี่ยงออกจากชิงโจว ลัดเลาะตามทางมายังเขาเหลียงซาน มาถึงร้านของตุลาการปลิดชีพหลี่ลี่จึงแวะกินอาหารและถามทาง หลี่ลี่ไม่คุ้นหน้าคนทั้งสอง พอเข้าร้านมาก็เชิญนั่งแล้วถามว่า
“ลูกค้ามาจากที่ไหน”
ข่งเลี่ยงว่า “มาจากชิงโจว”
หลี่ลี่ถามว่า “ท่านจะไปหาใครที่เหลียงซาน”
ข่งเลี่ยงว่า “ข้ารู้จักคนบนเขา ตั้งใจมาหา”
หลี่ลี่ว่า “บนเขามีแต่อ๋องใหญ่ทั้งนั้น ท่านจะไปได้อย่างไร”
ข่งเลี่ยงว่า “ที่จะไปหาก็อ๋องใหญ่ซ่ง”
หลี่ลี่ว่า “จะไปหาท่านหัวหน้าซ่งหรอกหรือ ที่นี่เรามีธรรมเนียมอยู่”
แล้วให้ลูกน้องนำเหล้าธรรมเนียม 分例酒 มารับรอง
ข่งเลี่ยงว่า “ยังไม่รู้จักกัน เหตุใดจึงรับรอง”
หลี่ลี่ว่า “ลูกค้าท่านคงยังไม่รู้ พวกที่มาหาเหล่าหัวหน้าค่าย ก็มักเป็นสหายเก่าที่คบหากันมาแต่เดิม จะเสียมารยาทไม่รับรองได้อย่างไร แล้วจะให้รายงานว่าใคร”
ข่งเลี่ยงว่า “ผู้น้อยคือข่งเลี่ยงบ้านอยู่หน้าเขาพยัคฆ์ขาว”
หลี่ลี่ว่า “เคยได้ยินท่านพี่ซ่งกงหมิงเอ่ยนามของท่าน วันนี้ยินดียิ่งนักที่มาขึ้นเขา”
ดื่มเหล้าแล้วเสร็จ หลี่ลี่ก็พามายังศาลาริมน้ำ เปิดหน้าต่างยิงศรเสียงสัญญาน ลิ่วล้อแจวเรือเล็กมาจากพงอ้อฝั่งตรงข้าม พอมาถึงศาลาหลี่ลี่ก็เชิญข่งเลี่ยงลงเรือข้ามมายังหาดทรายทอง ลิ่วล้อรายงานขึ้นไป ซ่งเจียงรีบลงมารับ
ข่งเลี่ยงเห็นซ่งเจียงก็ก้มกราบคารวะ ซ่งเจียงถามว่า “น้องเรามีเหตุอันใดจึงมาถึงที่นี่”
ข่งเลี่ยงกราบคารวะแล้ว ก็ร้องไห้ยกใหญ่
ซ่งเจียงว่า “น้องเรามีเรื่องทุกข์ร้อนอันใด บอกมาเถิดไม่ต้องเกรงใจ ถึงต้องบุกน้ำลุยไฟ ก็ต้องหาทางช่วย เชิญลุกขึ้นเถิด”
ข่งเลี่ยงว่า “หลังจากท่านอาจารย์อำลามาแล้ว ท่านพ่อก็ถึงแก่กรรม พี่ข่งหมิงเกิดมีเรื่องวิวาทกับเศรษฐีในตำบล จึงไปสังหารเขาเสียทั้งครอบครัว ทางการมาตามจับ จึงต้องหนีขึ้นเขาพยัคฆ์ขาวมีลูกน้องอยู่ด้วยราวเจ็ดร้อยคน ออกตีชิงปล้นทรัพย์
ท่านอาข่งปินอาศัยอยู่ในตัวเมืองชิงโจวจึงถูกเจ้าเมืองมู่หยงจับใส่คาจำคุก พวกเราพี่น้องจึงพาคนไปตีเมืองชิงโจวจะช่วยท่านอาข่งปิน คิดไม่ถึงว่าพอไปติดเมืองจะพบกับฮูหยันจว๋อที่ใช้กระบองคู่ พี่ข่งหมิงเข้ารบด้วย จึงถูกจับตัวไปขังไว้ที่คุกเมืองชิงโจว เป็นตายยังไม่รู้ ผู้น้องก็ถูกตามล่า
มาวันรุ่งขึ้น ได้พบกับอู่ซง ยังได้กล่าวถึงนามท่านอาจารย์ เขาพาข้าไปคารวะพี่น้องร่วมค่าย คนหนึ่งคือสงฆ์ลงลายหลู่จื้อเซิน อีกคนคือสัตว์หน้าครามหยางจื้อ ได้พบท่านทั้งสองเหมือนเคยรู้จักกันมานาน จึงได้หารือกันเรื่องจะไปช่วยพี่ชาย อู่ซงว่า “ข้าจะเชิญท่านหัวหน้าหลู่ และหยาง รวมทั้งหลี่จง โจวทงแห่งเขาดอกท้อ รวมกำลังสามเขาเข้าตีเมืองชิงโจว ส่วนท่านให้รีบมาเหลียงซานป๋อโดยไว บอกเล่าแก่ท่านอาจารย์ซ่งกงหมิง ขอให้มาช่วยท่านอาและพี่ชาย ” ข้าจึงได้ดั้นด้นมาถึงที่นี่”
ซ่งเจียงว่า “เรื่องนี้ไม่ยาก เจ้าวางใจ ก่อนอื่นไปคารวะท่านหัวหน้าเฉาก่อน แล้วค่อยหารือกัน”
ซ่งเจียงพาข่งเลี่ยงมาพบกับเฉาไก้ อู๋ย่ง กงซุนเสิ้งและเหล่าหัวหน้า เล่าถึงเรื่องฮูหยันจว๋อหนีไปชิงโจวพึ่งเจ้าเมืองมู่หยง ตอนนี้จับตัวข่งหมิงไว้ ข่งเลี่ยงจึงมาขอความช่วยเหลือ
เฉาไก้ว่า “ผู้กล้าทั้งสองแห่งทางนั้นก็ยึดถือคุณธรรมเป็นที่ตั้ง อีกทั้งซานหลางท่านก็คบหากับเขาสนิทสนม เหตุใดจะไม่ไปช่วย
ซานหลางน้องเรา ท่านลงเขาไปหลายครั้งแล้ว คราวนี้ก็อยู่รักษาค่าย ให้พี่ชายทึ่มคนนี้ไปแทนท่านสักครา”
ซ่งเจียงว่า “พี่ท่านเป็นเสาหลักของค่าย มิควรไปไหนโดยง่าย อีกทั้งเรื่องนี้เกี่ยวพันกับผู้น้อง เขาเดินทางไกลมาขอความช่วยเหลือ หากผู้น้อยไม่ไปเอง เกรงว่าพวกเขาพี่น้องจะลำบากใจ ผู้น้อยใคร่ขอเชิญพี่น้องจำนวนหนึ่งไปด้วยกันสักเที่ยว”
พูดไม่ทันจบ ก็มีเสียงขานรับทั้งห้องโถง “ขอเป็นม้ารับใช้ ติดตามท่านไป”
ซ่งเจียงยินดียิ่งนัก ให้จัดเลี้ยงรับรองข่งเลี่ยง แล้วก็ขอให้ตุลาการหน้าเหล็กคัดทหารที่จะลงเขาไปโดยแบ่งเป็นห้าทัพ ทัพหน้าฮวาหยง ฉินหมิง เอี้ยนซุ่น เสือเตี้ยหวาง ทัพที่สอง มู่หง หยางสยง เซี่ยเจิน เซี่ยเป่า ทัพกลาง แม่ทัพหลวงซ่งเจียง อู๋ย่ง หลวี่ฟาง กวอเสิ้ง ทัพที่สี่ จูถง ไฉจิ้น หลี่จวิ้น จางเหิง ทัพหลัง ซุนลี่ หยางหลิน โอวเผิง หลิงเจิ้น รวมห้าทัพ ยี่สิบนายทัพ ทหารสามพัน เหล่าหัวหน้าที่เหลืออยู่รักษาค่ายกับเฉาไก้
จัดทัพแล้วเสร็จ ซ่งเจียงอำลาเฉาไก้ลงเขาไปพร้อมกับข่งเลี่ยง
初离水泊,浑如海内纵蛟龙;
乍出梁山,却似风中奔虎豹。
五军并进,前后列二十辈英雄;
一阵同行,首尾分三千名士卒。
绣彩旗如云似雾,蘸钢刀灿雪铺霜。
鸾铃响,战马奔驰;画鼓振,征夫踊跃。
卷地黄尘霭霭,漫天土雨蒙蒙。
宝纛旗中,簇拥着多智足谋吴学究;
碧油幢下,端坐定替天行道宋公明。
过去鬼神皆拱手,回来民庶尽歌谣。
แรกอำลาบึงหนอง
หมู่มังกรคะนองละหาน
เริ่มออกจากเหลียงซาน
เหล่าเสือสางลำพองขน
ห้าทัพเคลื่อนกำลัง
หน้าหลังยี่สิบขุนพล
เดินทัพร่วมสถล
หัวท้ายสามพันทหารหาญ
ธงทิวปักลวดลายคล้ายเมฆหมอก
ดาบหอกชุบทอแสงหิมะฉาน
กระพรวนม้าระรัวยามควบทะยาน
กลองศึกก้องกังวานทหารลำพอง
ฝุ่นเหลืองฟุ้งตลบกลบธรณิน
พิรุณดินฟุ้งกระจายแผ่นฟ้าหมอง
อู๋เสวียจิวกลางธวัชจัดคุ้มครอง
ผดุงคลองธรรมชูธงซ่งกงหมิง
 
ผีสางเทวาขาไปพนมหัตถ์
ประชารัฐขากลับขับขานเพลง
ตอนก่อนหน้า : ตีเขาดอกท้อ
ตอนถัดไป : ฮูหยันจว๋อสามิภักดิ์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา