13 ก.ค. เวลา 10:34 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 139

ขุนเขาตะวันตก (1) สงฆ์ลงลายพลาดท่า
เมื่อมีพี่น้องมาเพิ่มอีกหลายคน ซ่งเจียงจึงให้ทังหลงผลิตอาวุธและชุดเกราะเพิ่ม ให้โหวเจี้ยนทำธงทิว เพิ่มประเภทธงตามหมู่ดาว ธงมังกรบิน เสือบิน หมีบิน เสือดาวบิน เครื่องยศต่างๆ ให้สร้างหอเตือนภัยขึ้นริมเขาทั้งสี่ทิศ ให้ต่อเติมป้อมค่ายทั้งสามด่าน
ปรับปรุงร้านอาหารสำหรับสอดแนมและรับรองเหล่าผู้กล้าสองแห่ง ร้านทางทิศตะวันตกเปลี่ยนผู้ดูแลเป็นจางชิง ซุนเอ้อเหนียงสองสามีภรรยาซึ่งเป็นอาชีพเดิมอยู่แล้ว ร้านทางทิศใต้ยังคงให้ซุนซิน กู้ต้าเส่าดูแล ร้านทางทิศตะวันออกจูกุ้ย เยว่เหอตามเดิม ร้านทางทิศเหนือยังคงเป็นหลี่ลี่ สือเชียน
อยู่มาวันหนึ่ง หลู่จื้อเซินมาบอกซ่งกงหมิงว่า “จื้อเซินมีสหายเก่าผู้หนึ่งซึ่งน้องหลี่จงก็รู้จัก เรียกว่ามังกรเก้าลายสื่อจิ้น ตอนนี้ตั้งค่ายอยู่เขาเส่าฮว่า อำเภอฮว่าอินเมืองฮว่าโจว 华州华阴县少华山 ที่ค่ายยังมีเสธ.เทวะจูอู่ เสือโจนห้วยเฉินต๋า งูร้อยก้าวหยางชุน รวมสี่คน ก่อนหน้านี้ก็ยังเคยช่วยส่าเจียที่วัดหว่าก้วน ส่าเจียคิดถึงอยู่เสมอไม่เคยลืม ส่าเจียอยากจะไปเยี่ยมแล้วชวนทั้งสี่คนมาเข้าเป็นพวก ไม่ทราบว่าท่านเห็นเช่นไร”
ซ่งเจียงว่า “ข้าก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ของสื่อจิ้นอยู่ หากท่านอาจารย์ไปเชิญมาได้ย่อมดียิ่ง ถึงอย่างนั้น ก็อย่าไปตามลำพัง คงต้องรบกวนน้องอู่ซงให้ไปเป็นเพื่อน เขาเป็นผู้จาริก คนถือบวชเช่นกันไปด้วยกันได้พอเหมาะ”
ทั้งสองเตรียมตัวแล้วออกเดินทางในวันนั้น ข้ามเรือที่หาดทรายทอง เดินทางโดยไม่แวะที่ไหนจนถึงอำเภอฮว่าอิน มุ่งมายังเขาเส่าฮว่า ทางด้านซ่งเจียง เมื่อทั้งสองเดินทางไปแล้ว ไม่ค่อยวางใจ จึงขอให้จอมเวทเทพเดินหนไต้จงตามหลังไป คอยฟังข่าว
หลู่จื้อเซิน อู่ซงมาถึงตีนเขาเส่าฮว่า ลิ่วล้อที่ซุ่มดูลาดเลาอยู่ออกมาสกัดหน้าถามว่า “นักบวชทั้งสองมาจากที่ไหนหรือ”
อู่ซงว่า “ขุนนางใหญ่สื่อ 史大官人 อยู่บนเขาหรือไม่”
ลิ่วล้อว่า “มาหาท่านอ๋องใหญ่สื่อหรือ เชิญรอสักครู่ ข้าจะขึ้นไปรายงานท่านหัวหน้าให้ลงมารับ”
ลิ่วล้อหายไปไม่นาน เสธ.เทวะจูอู่ เสือโจนห้วยเฉินต๋า งูร้อยก้าวหยางชุน ก็ลงเขามารับหลู่จื้อเซิน และอู่ซง แต่ไม่เห็นสื่อจิ้น
หลู่จื้อเซินถามว่า “ขุนนางใหญ่สื่อไปอยู่ไหน ทำไมไม่เห็น”
จูอู่ก้าวขึ้นหน้ามาถามว่า “ท่านอาจารย์คือหลู่ถีเสียเมืองหยันอันใช่หรือไม่”
หลู่จื้อเซินว่า “คือส่าเจียเอง และผู้จาริกนี่คืออู่ตูโถวผู้ปราบเสือเนินจิ่งหยาง”
ทั้งสามจึงรีบกระทำเจี่ยนฝูแล้วว่า “ได้ยินชื่อเสียงมานาน เห็นว่าท่านทั้งสองตั้งค่ายอยู่บนเขาสองมังกร เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่”
หลู่จื้อเซินว่า “พวกเราไม่ได้อยู่เขาสองมังกรแล้ว มาเข้าเป็นพวกซ่งกงหมิงที่เขาเหลียงซาน วันนี้ตั้งใจมาหาขุนนางใหญ่สื่อ”
จูอู่ว่า “ในเมื่อพวกท่านทั้งสองมาถึงที่นี่แล้ว ก็ขอเชิญบนเขาเถิด ให้ผู้น้อยค่อยเล่ารายละเอียดให้ฟัง”
หลู่จื้อเซินว่า “มีอะไรก็ว่ามาเถอะ รีๆ รอๆ นกเขาใครจะรอไหว”
อู่ซงว่า “ท่านอาจารย์เป็นคนใจร้อน มีอะไรก็พูดมาเถิด”
จูอู่ว่า “พวกผู้น้อยทั้งสามคนตั้งค่ายอยู่บนเขาแห่งนี้ นับแต่ท่านขุนนางใหญ่สื่อมาเข้าร่วมด้วย ค่ายของเราก็รุ่งเรืองขึ้น ไม่นานมานี้ ขุนนางใหญ่สื่อลงเขามา ได้พบช่างเขียนคนหนึ่งเป็นชาวเมืองเป่ยจิงต้าหมิงฝู่ 北京大名府 แซ่หวาง 王 ชื่ออี้ 义 ได้บนบานไว้กับศาลจินเทียนเสิ้งตี้ 金天圣帝庙 ที่เขาฮว่าซาน 华山ขุนเขาตะวันตก 西岳 ว่าจะวาดภาพบนผนังลอย 影壁 หน้าศาล จึงเดินทางมาแก้บน พาบุตรสาวมาด้วย นางมีชื่อว่า วี่เจียวจือ 玉娇枝
เห้อไท่โส่ว 贺太守 เจ้าเมืองฮว่าโจวแห่งนี้เดิมเป็นคนของราชครูไฉ้ 蔡太师 เป็นขุนนางขี้ฉ้อ ละโมบและขูดรีดชาวบ้าน วันหนึ่งเห้อไท่โส่วมาไหว้เจ้าที่ศาล เห็นวี่เจียวจืองดงามถูกใจ จึงส่งคนมาขอนางไปเป็นอนุ หวางอี้ไม่ยินยอม ไท่โส่วจึงใช้กำลังชิงตัวนางไปเป็นอนุ และหาเรื่องสักตราหน้าเนรเทศหวางอี้ไปยังเมืองไกล
ผู้คุมพาเดินทางผ่านมาทางเขานี้ ก็ประจวบกับที่ขุนนางใหญ่สื่อลงเขามาพบเข้า หวางอี้เล่าเรื่องให้ฟัง ขุนนางใหญ่สื่อจึงสังหารสองผู้คุมเสีย แล้วพาหวางอี้ขึ้นมาอยู่บนเขา ตัวสื่อจิ้นเองเข้าเมืองไปเพื่อจะลอบสังหารเห้อไท่โส่ว แต่เขารู้ตัวเสียก่อน กลับเป็นสื่อจิ้นถูกจับเข้าคุกไป แล้วนี่เขายังเตรียมกำลังจะบุกตีค่ายนี้ พวกเรากำลังกลุ้มไม่รู้จะทำเช่นไรอยู่”
หลู่จื้อเซินได้ฟังแล้วจึงว่า “เจ้านกเขาหัวทู่นี่บังอาจเสียมารยาท แต่ร้ายกาจนัก ส่าเจียจะช่วยท่านกำจัดหมอนี่เอง”
จูอู่ว่า “ขอเชิญท่านทั้งสองขึ้นเขาหารือกัน”
ทั้งห้าขึ้นเขาเส่าฮว่าถึงค่ายแล้ว จูอู่ก็ตามหวางอี้มาพบ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลู่จื้อเซิน อู่ซงฟัง พร้อมทั้งสั่งล้มม้าฆ่าวัวจัดอาหารเลี้ยงรับรอง
หลู่จื้อเซินว่า “เห้อไท่โส่ว หมอนี่ไร้เหตุผลสิ้นดี พรุ่งนี้ส่าเจียจะเข้าเมืองไปฆ่ามันเสียให้สิ้นเรื่อง”
อู่ซงว่า “พี่ท่านอย่าได้รีบร้อน ท่านกับข้ารีบกลับเขาเหลียงซานไปบอกท่านซ่งกงหมิงให้นำทัพเข้าตีเมืองฮว่าโจวช่วยขุนนางใหญ่สื่อดีกว่า”
หลู่จื้อเซินตะโกนมาว่า “กว่าจะรอพวกเราไปตามคนมา ชีวิตน้องแซ่สื่อไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้ว”
อู่ซงว่า “ถึงฆ่าเจ้าเมืองได้ ก็ยังช่วยขุนนางใหญ่สื่อออกมาไม่ได้ อู่ซงไม่ให้พี่หลู่จื้อเซินไปหรอก”
จูอู่ช่วยกล่อมว่า “ท่านอาจารย์อย่าได้โมโห ที่อู่ตูโถวพูดก็ถูกต้อง”
หลู่จื้อเซินลุกพรวดขึ้นแล้วว่า “พวกท่านมัวโอ้เอ้แบบนี้ จึงทำให้น้องแซ่สื่อของข้าต้องเสียท่าไป ท่านเองก็ไม่ต้องไปเหลียงซาน คอยดูส่าเจียก็พอ”
เย็นวันนั้น ไม่ว่าใครก็ห้ามไว้ไม่อยู่ ยามสี่เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ถือไม้เท้า สะพายมีดศีล มุ่งหน้าเมืองฮว่าโจว อู่ซงปรารภว่า “ไม่ฟังใครเลย ไปคราวนี้น่าจะเสียมากกว่าได้”
จูอู่จึงให้ลิ่วล้อสองคนตามไปฟังข่าวคราว
หลู่จื้อเซินไปถึงเมืองฮว่าโจวถามทางไปยังที่ว่าการ มีคนชี้บอกว่า “ข้ามสะพานเข้าเมืองไปทางตะวันออกก็ถึง”
หลู่จื้อเซินเดินขึ้นมาบนสะพาน มีคนบอกว่า “พระท่านหลบหน่อย ท่านเจ้าเมืองกำลังมา”
หลู่จื้อเซินคิดว่า “ข้าจะไปหามัน มันก็วิ่งเข้าอุ้งมือส่าเจียเอง ถือว่ามันรนหาที่”
คนนำทางให้ไท่โส่วก้าวอาดๆ เป็นคู่ๆ เกี้ยวของไท่โส่วเป็นเกี้ยวปิดม่านรอบด้าน 暖轿 สองข้างหน้าต่างมีหวีโห้วเดินขนาบข้างละสิบคน ถือพลองทวนโซ่เหล็กคอยคุ้มกัน
หลู่จื้อเซินคิดว่า “เล่นงานไอ้นกเขาหัวทู่นี่ ถ้าไม่สำเร็จคงถูกเยาะ”
เห้อไท่โส่วมองผ่านช่องหน้าต่างเห็นหลู่จื้อเซินยืนเก้ๆ กังๆ พอเกี้ยวข้ามสะพานมาถึงที่ว่าการลงเกี้ยวแล้วก็เรียกหวีโห้วสองคนมาบอกว่า
“เจ้าไปตามพระอ้วนบนสะพานนั่นมาบิณฑบาตที่จวน”
หวีโห้วมาแจ้งแก่หลู่จื้อเซิน หลู่จื้อเซินคิดว่า “รนหาที่จริงๆ ข้าจะลงมือก็กลัวว่าจะรับมือไม่อยู่ ปล่อยมันผ่านไป มันกลับมาตามส่าเจียเอง”
แล้วก็เดินตามหวีโห้วเข้ามาในจวน
ไท่โส่วสั่งไว้ก่อนแล้วว่าให้พาไปยังห้องโถง แต่ก่อนจะผ่านโถงหน้าเข้าไปโถงหลังให้ฝากไม้เท้าและมีดศีลไว้ก่อน
หลู่จื้อเซินไม่ยอมในตอนแรก แต่คนในจวนก็ท้วงว่า “ท่านเป็นนักบวช ทำไมไม่เข้าใจว่า จะเข้าบ้านชั้นในไม่ให้พกอาวุธ”
หลู่จื้อเซินคิดว่า “แค่สองกำปั้นข้า ก็ทุบหัวมันแตกแล้ว” จึงยอมฝากอาวุธไว้แล้วตามหวีโห้วเข้าไป
เห้อไท่โส่วนั่งอยู่ในโถงหลัง โบกมือตวาดสั่ง “จับเจ้าโจรหัวเถิกไว้”
เจ้าพนักงานสี่สิบคนจากหลังม่านสองข้างกำแพง โผล่ออกมาตะครุบจับฉุดกระชากลากถูหลู่จื้อเซิน ถึงเป็นนาจาแปดแขนก็หนีไม่พ้น ถูกจับกดลงหน้ายกพื้น
เห้อไท่โส่วตวาดถาม “เจ้าลาหัวเถิก 秃驴 นี่มาจากไหน”
หลู่จื้อเซินว่า “ส่าเจียทำผิดอะไร”
ไท่โส่วว่า “สารภาพมา ใครใช้เจ้ามาสังหารข้า”
หลู่จื้อเซินว่า “ข้าเป็นนักบวช มาถามอะไรแบบนี้”
ไท่โส่วตะคอกว่า “ข้าเห็นอยู่ว่า เจ้าลาหัวเถิกจะเอาไม้เท้าฟาดเกี้ยวข้า แต่ลังเลไม่กล้าลงมือ ลาหัวเถิก สารภาพมาโดยดี”
หลู่จื้อเซินว่า “ส่าเจียไม่เคยคิดจะฆ่าเจ้า เจ้าจับส่าเจียยัดข้อหาทำไม”
ไท่โส่วด่าว่า “ข้าไม่เคยเห็นนักบวชที่ไหนเรียกตัวเองว่า ส่าเจีย เจ้าลาหัวเถิกนี่ต้องเป็นโจรปล้นชิงอยู่แถวกวนซี 关西 มาล้างแค้นให้เจ้าสื่อจิ้น ไม่โบยคงไม่รับสารภาพ เจ้าหน้าที่ โบยเจ้าลาหัวเถิกให้หนัก”
หลู่จื้อเซินตะโกนลั่นว่า “อย่าทำร้ายพ่อนะเว้ย ข้าจะบอกให้ ข้าคือสงฆ์ลงลายหลู่จื้อเซินแห่งเหลียงซาน ข้าตายน่ะไม่เท่าไร ซ่งกงหมิงพี่ชายส่าเจียรู้เข้า คงลงเขามากุดหัวลาโง่ของพวกเจ้าทิ้งหมด”
เห้อไท่โส่วได้ฟังยิ่งโมโห ให้โบยอย่างหนักแล้วใส่คาใหญ่ จับเข้าคุกมหันตโทษ ทำเรื่องร้องเรียนเบื้องบนให้กำหนดบทลงโทษ ไม้เท้ามีดศีลให้ริบเข้าหลวง
เรื่องนี้ลือไปทั่วเมือง ลิ่วล้อสองคนรีบกลับมารายงาน อู่ซงตกใจใหญ่ว่า “พวกข้ามาธุระที่ฮว่าโจวกันสองคน หายไปหนึ่ง จะกลับไปบอกพวกพี่น้องอย่างไร”
ยังมึนงงอยู่นั้น ลิ่วล้อมารายงานว่า “มีหัวหน้าท่านหนึ่งมาจากเขาเหลียงซาน เรียกว่า จอมเวทเทพเดินหนไต้จง รออยู่ที่ตีนเขา”
อู่ซงรีบลงมารับขึ้นเขาไปพบพวกจูอู่ทั้งสาม แล้วเล่าเรื่องที่เกิดกับหลู่จื้อเซินให้ฟัง
ไต้จงได้ฟังก็ตกใจว่า “ข้าคงอยู่ช้าไม่ได้ ต้องรีบกลับเหลียงซานไปบอกท่านพี่ให้รู้ จะได้รีบนำทัพมาช่วย”
อู่ซงว่า “ผู้น้องจะรออยู่ที่นี่ หวังว่าพี่ท่านคงรีบไปรีบมา”
ไต้จงใช้เวทเดินหน สามวันก็กลับมาถึงค่ายรายงานหัวหน้าเฉา ซ่ง ทั้งสองถึงเรื่องที่หลู่จื้อเซินไปลอบสังหารเห้อไท่โส่วเพื่อช่วยสื่อจิ้น แต่พลาดถูกจับ
ซ่งเจียงตกใจว่า “น้องทั้งสองเกิดเรื่องต้องรีบไปช่วย รอช้าไม่ได้ ให้เตรียมทัพสามทัพ เร่งออกเดินทาง”
ทัพหน้าฮวาหยง ฉินหมิง หลินชง หยางจื้อ ฮูหยันจว๋อ ห้านายทัพนำทหารม้าหุ้มเกราะหนึ่งพัน ทหารเดินเท้าสองพัน เปิดทางไปก่อน เจอทางรกให้แผ้วถาง เจอลำน้ำให้สร้างสะพาน
ทัพกลางซ่งกงหมิงเป็นแม่ทัพหลวง อู๋ย่งเป็นเสนาธิการ จูถง สวีหนิง เซี่ยเจิน เซี่ยเป่า หกนายทัพนำทหารม้าและเดินเท้ารวมสองพัน
ทัพหลังรับผิดชอบขนส่งเสบียง หลี่อิ้ง หยางสยง สือสิ้ว หลี่จวิ้น จางซุ่น ห้านายทัพนำทหารม้าและเดินเท้ารวมสองพันปิดท้าย
ออกเดินทางจากเหลียงซานโดยไม่แวะที่ไหนตรงสู่ฮว่าโจว ให้ไต้จงล่วงหน้าไปแจ้งทางเขาเส่าฮว่า
ซ่งเจียงนำสามทัพมาถึงเขาเส่าฮว่า ก็ถามถึงสถานการณ์ในเมือง
จูอู่ว่า “หัวหน้าทั้งสองถูกเห้อไท่โส่วจำขังอยู่ในคุก รอราชสำนักสั่งการลงมา”
ซ่งเจียงถามอู๋ย่งว่า “จะวางแผนช่วยสื่อจิ้น หลู่จื้อเซินออกมาเช่นไรดี”
จูอู่ว่า “กำแพงเมืองฮว่าโจวกว้างใหญ่ คูเมืองกว้างลึก ยากที่จะบุกตี ต้องนอกในประสานกัน จึงเข้ายึดได้”
อู๋เสวียจิวว่า “พรุ่งนี้เราไปดูลาดเลาชัยภูมิเมืองกันก่อนแล้วค่อยกลับมาหารือ”
เย็นนั้นซ่งเจียงนั่งดื่มจนดึก ฟ้าไม่ทันสางก็จะออกไปดูชัยภูมิ อู๋เสวียจิวว่า “ในเมืองขังสองพยัคฆ์ไว้ ย่อมมีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ กลางวันแสกๆ คงไปไม่ได้ คืนนี้จันทร์กระจ่าง ราวยามเซิน 申牌 (16:00) ค่อยลงเขา ไปถึงที่นั่นราวยามหนึ่ง”
พอตะวันบ่าย ซ่งเจียง อู๋ย่ง ฮวาหยง ฉินหมิง จูถง ห้าคนก็พากันลงเขาลัดเลาะมาถึงนอกเมืองฮว่าโจวราวยามหนึ่ง ฟ้าราตรีกลางเดือนสอง แสงจันทร์กระจ่างไร้เมฆหมอกสว่างราวกลางวัน เห็นกำแพงเมืองสูงใหญ่มีประตูเมืองหลายประตู คูน้ำกว้างลึก ทั้งยังเห็นเขาฮว่าซานขุนเขาตะวันตกได้ชัดเจนแต่ไกล
峰名仙掌,观隐云台。
上连玉女洗头盆,下接天河分派水。
乾坤皆秀,尖峰仿佛接云根;
山岳推尊,怪石巍峨侵斗柄。
巨灵神忿怒,劈开山顶逞神通;
陈处士清高,结就茅庵来盹睡。
千古传名推华岳,万年香火祀金天。
อารามลานเมฆา
ยอดนามว่าหัตถาเซียน
บ่อนางฟ้าสระเศียร
ธารสวรรค์ปันละหาน
งดงามคู่ดินฟ้า
ยอดเขารากเมฆาปาน
ขุนเขาเคารพสถาน
ตระหง่านกำด้ามดาวกระบวย
เทพจวี้หลิงโกรธา
เขาขวางธารผ่าขวานช่วย
เฉินชู่สื้อสำรวย
ปลูกกระท่อมนอนสำราญ
 
ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ   ฮว่าซานนมัสการ
จินเทียนหวางพันหมื่นปี
อารามหยุนไถ 云台观 อารามที่ฮ่องเต้เสด็จบูชาขุนเขา
华岳仙掌 หัตถาเซียนเขาฮว่าซาน ยอดเขาทิศตะวันออกของเขาฮว่าซานเห็นเป็นรูปมือมีห้านิ้ว หนึ่งในแปดสุดยอดทิวทัศน์แห่งกวนจง 关中八景
บ่อนางฟ้าสระเศียร 玉女洗头盆 บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์หน้าศาลนางฟ้า 玉女祠 บนยอดเขา
เทพจวี้หลิงผ่าเขา 巨灵劈山 เดิมเขาฮว่าซานกับฮว่าซานน้อย (เส่าฮว่าซาน 少华山) ติดต่อกันขวางทางแม่น้ำหวงเหอทำให้เกิดน้ำท่วม เทพจวี้หลิงแห่งแม่น้ำหวงเหอจึงใช้ขวานผ่าเปิดทางน้ำ กลายเป็นเขาสองลูก
เทพจวี้หลิงทิ้งร่องรอยไว้สองแห่งคือ หัตถาเซียน 仙人掌 ที่ยอดเขาตะวันออก และรอยเท้าจวี้หลิง 巨灵足 ที่ยอดเขาตะวันตก
ศาลซีเยว่ 西岳庙 บนเขาฮว่าซานเป็นศาลบูชาเทพจินเทียนหวาง 金天王
ตอนก่อนหน้า : ฮูหยันจว๋อสามิภักดิ์
ตอนถัดไป : ระฆังทองนมัสการ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา