16 ก.ค. เวลา 10:14 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 140

ขุนเขาตะวันตก (2) ระฆังทองนมัสการ
ซ่งเจียงเห็นกำแพงและค่ายคูแข็งแรงปานนั้น คิดหาแผนที่ดีไม่ได้ อู๋ย่งจึงว่า
“กลับค่ายก่อนค่อยหารือกัน”
พอกลับมาถึง ซ่งเจียงก็เอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด อู๋ย่งจึงว่า
“ให้ลิ่วล้อสิบคนแยกย้ายกันไปหาข่าวใกล้ไกล”
สองวันต่อมา ลิ่วล้อคนหนึ่งกลับมารายงานว่า “ราชสำนักให้เตี้ยนซือไท่เว่ย 殿司太尉 อัญเชิญระฆังแขวนทองคำ 金铃吊挂 พระราชทาน มาสักการะขุนเขาตะวันตก 西岳 มาทางแม่น้ำเหลืองแล้วเข้าสู่แม่น้ำเว่ย 渭河”
อู๋ย่งฟังแล้วจึงว่า “พี่ท่านอย่าได้กังวล แผนอยู่ตรงนี้แล้ว” แล้วก็ตามหลี่จวิ้น จางซุ่นมาสั่งการว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
หลี่จวิ้นว่า “ไม่มีใครรู้ทาง ต้องหาคนนำทาง”
งูร้อยก้าวหยางชุนว่า “ผู้น้องไปช่วยท่านด้วย”
ซ่งเจียงชอบใจยิ่ง ทั้งสามจึงอำลาลงเขาไป
วันถัดมา อู๋เสวียจิวเชิญซ่งเจียง หลี่อิ้ง จูถง ฮูหยันจว๋อ ฮวาหยง ฉินหมิง สวีหนิง เจ็ดคนลอบนำทหารห้าร้อยคนลงเขามายังท่าข้ามปากน้ำเว่ย หลี่จวิ้น จางซุ่น หยางชุนเตรียมเรือใหญ่สิบลำรออยู่แล้ว อู๋ย่งให้ฮวาหยง ฉินหมิง สวีหนิง ฮูหยันจว๋อสี่คนนำทหารซุ่มอยู่บนฝั่ง ซ่งเจียง อู๋ย่ง จูถง หลี่อิ้ง ลงเรือลอยลำอยู่ หลี่จวิ้น จางซุ่น หยางชุนนำเรือไปหลบที่หัวหาด
ทั้งหมดพักรออยู่หนึ่งคืน เช้าวันรุ่งขึ้น พอฟ้าแจ้ง มีเสียงมโหรีโหมมาแต่ไกล เรือหลวงสามลำแล่นมาปักธงเหลืองเขียนอักษร “钦奉圣旨西岳降香太尉宿元景 พระราชบัญชาสักการะขุนเขาตะวันตกไท่เว่ยซู่หยวนจิ่ง”
ซ่งเจียงเห็นแล้วแอบยินดี “ก่อนหน้านี้ พระแม่เจ้าทรงดำรัส “遇宿重重喜 พบซู่ดีหนักหนา” วันนี้ได้พบท่าน คงได้สมประสงค์”
เรือหลวงของไท่เว่ยใกล้ถึงปากน้ำ จูถง หลี่อิ้งถือทวนยาวยืนอยู่หลังซ่งเจียง อู๋ย่ง เรือหลวงแล่นมาหยุดอยู่ที่ท่า หวีโห้วยี่สิบกว่าคนใส่ชุดสีม่วงเข็มขัดเงินออกมาจากโถงเรือตวาดมาว่า
“พวกเจ้าเป็นใคร บังอาจนำเรือมาขวางขุนนางใหญ่”
ซ่งเจียงถือคทา 骨朵 ก้มกายขานคารวะ อู๋เสวียจิวยืนบนหัวเรือกล่าวว่า
“ซ่งเจียงแห่งเหลียงซานป๋อ มารอเข้าพบด้วยความเคารพ”
เลขาออกมากล่าวว่า “ไท่เว่ยแห่งราชสำนักรับพระราชบัญชามาสักการะขุนเขาตะวันตก พวกเจ้าเป็นโจรเหลียงซานป๋อ บังอาจมาขวางทาง”
อู๋ย่งว่า “พวกเรายึดมั่นคุณธรรม ใคร่ขอเข้าพบท่านไท่เว่ย”
เลขาว่า “พวกเจ้าเป็นพวกไหน บังอาจขอเข้าพบท่านไท่เว่ย” หวีโห้วที่ยืนขนาบข้างตวาดมาว่า “ลดเสียง”
ซ่งเจียงว่า “ใคร่ขอเชิญท่านไท่เว่ยบนฝั่งสักครู่ มีเรื่องสำคัญจะปรึกษา”
เลขาว่า “หยุดเหลวไหล ไท่เว่ยเป็นขุนนางสำคัญของราชสำนัก มีอะไรต้องปรึกษากับเจ้า”
ซ่งเจียงว่า “หากท่านไท่เว่ยไม่ให้พบ เกรงว่าพวกเด็กๆ อาจทำให้ไท่เว่ยต้องตกใจ”
จูถงโบกธงสัญญานซึ่งผูกติดอยู่กับทวน ฮวาหยง ฉินหมิง สวีหนิง ฮูหยันจว๋อนำทหารม้าออกมายังปากน้ำ โก่งคันธนูเตรียมพร้อม นายท้ายเรือรีบมุดหนีเข้าไปในโถงเรือ เลขาตกใจรีบเข้าไปรายงาน ซู่ไท่เว่ยจึงเดินออกมานั่งยังหัวเรือ
ซ่งเจียงค้อมกายขานคารวะแล้วกล่าวว่า “พวกซ่งเจียงมิบังอาจลบหลู่”
ซู่ไท่เว่ยว่า “ผู้กล้าเหตุใดจึงมาขวางเรือ”
ซ่งเจียงว่า “พวกข้าจะบังอาจขวางทางได้อย่างไร เพียงแต่ใคร่ขอเชิญขึ้นฝั่ง ด้วยมีเรื่องจะกราบเรียน”
ซู่ไท่เว่ยว่า “ข้ารับพระราชบัญชาให้ไปสักการะขุนเขาตะวันตก มีอะไรต้องปรึกษาหารือกับท่าน ขุนนางใหญ่แห่งราชสำนัก จะขึ้นฝั่งเฉยๆ ได้เช่นไร”
ซ่งเจียงว่า “หากไท่เว่ยไม่ยินยอม เกรงว่าพวกลูกน้องจะไม่ยินยอม”
หลี่อิ้งโบกทวนธงสัญญาน หลี่จวิ้น จางซุ่น หยางชุน แจวเรือกันออกมา ซู่ไท่เว่ยเห็นแล้วตระหนก หลี่จวิ้น จางซุ่นถือดาบวาววับโดดขึ้นเรือมาจับหวีโห้วสองคนโยนลงน้ำ
ซ่งเจียงตวาดว่า “อย่าทำเหลวไหล ให้พระคุณท่านตกใจ”
หลี่จวิ้น จางซุ่นจึงโดดลงน้ำฉุดสองหวีโห้ว ผลักกลับขึ้นเรือ ทั้งสองอยู่ในน้ำเหมือนยืนบนดิน กระโดดกลับขึ้นเรือหลวงมาอีก ทำเอาซู่ไท่เว่ยขวัญหายไม่อยู่กับตัว
ซ่งเจียงตวาดว่า “เด็กๆ ถอยไป อย่าทำให้พระคุณท่านตกใจ ข้าจะค่อยๆ เชิญท่านขึ้นฝั่งเอง”
ซู่ไท่เว่ยว่า “ผู้กล้ามีเรื่องอันใด เชิญกล่าวมาเถิด”
ซ่งเจียงว่า “ที่นี่ไม่สะดวกเจรจา ขอเชิญท่านไท่เว่ยไปยังค่ายบนเขาแล้วค่อยกราบเรียน หามีเจตนาร้ายไม่ หากว่ามี ขอให้เทพแห่งขุนเขาลงทัณฑ์”
ซู่ไท่เว่ยจึงจำต้องขึ้นฝั่ง ซ่งเจียงให้ฮวาหยง ฉินหมิงนำม้ามาให้ไท่เว่ย พาขึ้นเขาไปก่อน ซ่งเจียงจัดการให้นำทหาร ธูปเทียนเครื่องสักการะ และ ระฆังแขวนทองคำ ขึ้นเขาตามไป คงให้หลี่จวิ้น จางซุ่นนำทหารหนึ่งร้อยคนเฝ้าเรือไว้
พอมาถึงค่าย ซ่งเจียงนำซู่ไท่เว่ยมายังโถงร่วมธรรม ให้นั่งเก้าอี้ตัวกลาง เหล่าหัวหน้านั่งเรียงรายอยู่สองข้าง ซ่งเจียงกระทำสี่กราบแล้วคุกเข่าอยู่ตรงหน้ากล่าวว่า
“ซ่งเจียงเดิมเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยอยู่อำเภอวิ่นเฉิง ต้องคดีจำต้องหนีสู่ป่าเขา มาอาศัยหนองน้ำเหลียงซานลี้ภัย รอราชสำนักนิรโทษ เพื่อหวนกลับไปรับใช้บ้านเมือง มาบัดนี้ มีพี่น้องสองคนถูกเห้อไท่โส่วใส่ร้ายโดยไร้สาเหตุสั่งจำคุก จึงใคร่ขอยืมธูปสักการะ และระฆังทองนมัสการจากท่านไท่เว่ยเพื่อไปช่วยเหลือที่ฮว่าโจว เสร็จงานแล้วก็จะส่งมอบคืน ไม่ให้เดือดร้อนถึงท่านไท่เว่ย ท่านไท่เว่ยโปรดพิจารณา”
1
ซู่ไท่เว่ยว่า “รู้กันอยู่ว่าท่านนำเครื่องสักการะไปใช้ วันหน้าความก็ต้องแตก เดือดร้อนถึงข้าอยู่ดี”
ซ่งเจียงว่า “ไท่เว่ยกลับถึงเมืองหลวง ก็ผลักภาระทั้งสิ้นมายังซ่งเจียงก็พอ”
1
ซู่ไท่เว่ยดูสภาพแต่ละคนแล้ว สุดจะบ่ายเบี่ยง มีแต่จำยอม ซ่งเจียงสั่งให้จัดสุราอาหาร ชูจอกขอบคุณ ให้ถอดเสื้อทหารติดตามออกมาให้ยืม คัดลิ่วล้อรูปร่างพอเหมาะคนหนึ่งให้โกนหนวดเคราสวมชุดไท่เว่ย ซ่งเจียง อู๋ย่งแปลงเป็นเลขา เซี่ยเจิน เซี่ยเป่า หยางสยง สือสิ้วแปลงเป็นหวีโห้ว ลิ่วล้อแต่งม่วงคาดเข็มขัดเงินอัญเชิญระฆังทอง ธงทิวและเครื่องบัตรพลีบูชา ฮวาหยง สวีหนิง จูถง หลี่อิ้ง แปลงเป็นทหารหลวง
จูอู่ เฉินต๋า หยางชุน คอยจัดเลี้ยงรับรองไท่เว่ยและผู้ติดตามให้สำราญ
ให้ฉินหมิง ฮูหยันจว๋อนำทหารหนึ่งกอง ให้หลินชง หยางจื้อนำทหารอีกหนึ่งกอง แยกเป็นสองทางเตรียมบุกยึดเมือง
ให้อู่ซงล่วงหน้าไปรอที่ประตูศาลซีเยว่ 西岳门 รอฟังสัญญาน
ขบวนสักการะจำแลงลงจากเขามาลงเรือที่ปากแม่น้ำแล่นตรงมายังศาลซีเยว่ 西岳庙 ไม่ได้แวะเมืองแจ้งไท่โส่ว แต่ให้ไต้จงล่วงหน้ามาแจ้งเจ้าอาวาสอารามซีเยว่ให้มารอรับขึ้นฝั่งที่ท่าเรือ อัญเชิญธงทิว เทียนตะเกียง ดอกไม้หอม และธูปไปยังศาลา คนในศาลมาช่วยกันหามตู้ระฆังตามมา
เจ้าอาวาสมาคารวะไท่เว่ย อู๋เสวียจิวว่า
“ไท่เว่ยเป็นไข้ระหว่างเดินทาง ให้นำเกี้ยวมารับ”
แม้ไท่เว่ยจำแลงจะแต่งได้เหมือนแต่พูดจาแบบไท่เว่ยไม่ได้ ความจะแตก
เจ้าหน้าที่ช่วยกันพยุงไท่เว่ยขึ้นเกี้ยวมาพักยังห้องโถงในศาลซีเยว่
อู๋ย่งเลขาจำแลงกล่าวว่า “ฮ่องเต้ทรงพระราชทานธูปหลวง ระฆังทองนมัสการองค์เสิ้งตี้ เหตุไฉนขุนนางเมืองนี้ไม่มาต้อนรับ”
เจ้าอาวาสว่า “ได้ให้คนไปแจ้งแล้ว อีกสักครู่คงมาถึง”
สักพักขุนนางระดับทุยกวน 推官 (ศาลจังหวัด) ก็นำผู้ติดตามเจ็ดสิบคนมาถึงนำสุราและผลไม้มาคารวะไท่เว่ย เห็นไท่เว่ยพักอยู่บนเตียง ธงทิวเครื่องยศนั้นเป็นของไท่เว่ยจริง
เลขาจำแลงทำเป็นรายงานไปสองครั้ง แล้วพาทุยกวนเข้าไปคารวะใกล้ๆ ไท่เว่ยไม่พูดจาทำท่าชี้มือ
อู๋ย่งจึงกล่าวตำหนิว่า “ไท่เว่ยเป็นผู้แทนโอรสสวรรค์ เดินทางไกลนับพันลี้เพื่อมาถวายสักการะ จนต้องล้มป่วยลงระหว่างเดินทาง ขุนนางหัวเมืองนี้ เหตุใดจึงไม่มารอต้อนรับแต่ไกล”
ทุยกวนตอบว่า “ก่อนเดินทางมามีหนังสือแจ้งมาทางหัวเมือง แต่ไม่มีรายงานตอนที่ใกล้ถึง จึงได้เสียมารยาท เมื่อท่านไท่เว่ยมาถึงศาลบูชาแล้ว ท่านไท่โส่วสมควรมาต้อนรับ แต่เนื่องจากโจรเขาเส่าฮว่าสมคบกับโจรเขาเหลียงซานเตรียมโจมตีเมือง จึงต้องเฝ้าป้องกันเมืองมิอาจมาได้สะดวก จึงให้ข้าน้อยนำสุรามาคารวะก่อน ท่านไท่โส่วจึงค่อยตามมา”
อู๋เสวียจิวว่า “ไท่เว่ยไม่ดื่มสุราไม่สมฐานะ (涓滴) รอไท่โส่วมาถึงจึงค่อยดำเนินการตามระเบียบพิธี”
ทุยกวนจึงให้นำสุราเชิญเหล่าผู้ติดตามท่านไท่เว่ยดื่ม เลขาจำแลงเข้าไปรายงาน แล้วกลับออกมาพร้อมลูกกุญแจเปิดตู้อัญเชิญระฆังแขวนทองคำคู่หนึ่งมาแขวนบนเสาไม้ไผ่
浑金打就,五彩妆成。
双悬缨络金铃,上挂珠玑宝盖。
黄罗密布,中间八爪玉龙盘;
紫带低垂,外壁双飞金凤递。
对嵌珊瑚玛瑙,重围琥珀珍珠。
碧琉璃掩映绛纱灯,红菡萏参差青翠叶。
堪宜金屋琼楼挂,雅称瑶台宝殿悬。
ทองคำบริสุทธิ์เนรมิต
แต้มวิจิตรเบญจรงค์งามรงรอง
ระฆังทองรายสร้อยเกยูรสอง
บรรจงกรองไข่มุกฝาครอบปก
ผ้าตาข่ายสีเหลืองถักถี่บัง
มังกรกางเล็บอัจกลับหยก
รายรอบห้อยแถบภูษาผ้าม่วงยก
หงส์ทองผกโผขนาบสองผนัง
แซมปะการังกัลปังหา
แน่นหนาอำพันอัญมณีฝัง
โคมแดงมีกระเบื้องหยกล้อมบัง
บัวหลวงสะพรั่งบังใบหยกขจี
 
ควรค่าแขวนเรือนทองห้องโมรา
ประดับประดาตำหนักมุกมณี
อู๋ย่งบอกให้ทุยกวนทัศนาดูแล้วก็เก็บเข้าหีบตามเดิม แล้วนำเอกสารราชการให้ทุยกวนดู แล้วกำชับให้ไปบอกไท่โส่วให้รีบมาหารือกำหนดเวลาประกอบพิธี ทุยกวนเห็นเอกสารและระฆังพระราชทานอันเป็นฝีมือช่างชั้นสูงในวังหลวง ช่างทั่วไปไม่อาจทำเลียนแบบ จึงรีบกลับไปรายงานเห้อไท่โส่ว
ซ่งเจียงยังแอบขำในใจ รู้ว่าเป็นกลอุบาย แต่ก็หลอกจนหูตาลาย อู่ซงนั้นเตรียมพร้อมที่จะลงมืออยู่ที่ประตูศาลอยู่แล้ว อู๋ย่งใช้ให้สือสิ้วซ่อนมีดไปเตรียมพร้อมช่วยอู่ซงที่ประตูด้วยอีกคน และให้ไต้จงแต่งตัวเป็นหวีโห้วแทน
เจ้าอาวาสทำพิธีบวงสรวงอาหารที่ลานหยุนไถ แล้วให้ตระเตรียมด้านในศาลให้พร้อมไว้ ซ่งเจียงเที่ยวเดินชมตำหนักต่างๆ แล้วกลับมาที่ตำหนักใหญ่จุดธูปอีกครั้งพร้อมทั้งแอบอธิษฐานให้สำเร็จสมหวัง แล้วเดินกลับมาที่ห้องโถง
คนเฝ้าประตูขานว่า “เห้อไท่โส่วมาถึงแล้ว”
ซ่งเจียงให้ฮวาหยง สวีหนิง จูถง หลี่อิ้งที่แต่งเป็นทหารยืนอยู่สองข้าง เซี่ยเจิน เซี่ยเป่า หยางสยง ไต้จงที่แต่งเป็นหวีโห้วยืนเฝ้ารับใช้ซ้ายขวา
เห้อไท่โส่วนำผู้ติดตามสามร้อยคนเศษอาวุธครบมือลงม้าหน้าศาลแห่กันเข้ามา เลขาจำแลงอู๋เสวียจิวจึงตวาดว่า
“ไท่เว่ยแห่งราชสำนักอยู่ที่นี่ ผู้ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้ามา”
เห้อไท่โส่วจึงเข้ามาคารวะไท่เว่ยตามลำพัง เลขาจำแลงว่า
“ท่านไท่เว่ยขอเชิญท่านไท่โส่วเข้าพบ”
เห้อไท่โส่วเข้ามาในห้องโถงคารวะไท่เว่ยแล้ว เลขาก็ถามว่า “ไท่โส่ว ท่านรู้ความผิดหรือไม่”
ไท่โส่วว่า “ผู้แซ่เห้อไม่ทราบว่าท่านไท่เว่ยมาถึงแล้ว ขอโปรดให้อภัย”
อู๋ย่งว่า “ไท่เว่ยรับพระราชบัญชามาสักการะขุนเขาตะวันตก เหตุใดจึงไม่มารอต้อนรับแต่ไกล”
ไท่โส่วว่า  “หามีผู้ใดแจ้งเมื่อใกล้มาถึง จึงมิได้ต้อนรับแต่ไกล”
อู๋ย่งตวาดว่า “จับตัวไว้”
เซี่ยเจิน เซี่ยเป่าชักมีดสั้นก้าวมาเตะใส่ไท่โส่วล้มลง แล้วตัดหัว ซ่งเจียงตวาดสั่งว่า “พี่น้อง ลงมือ”
ผู้ติดตามสามร้อยกว่าคนตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก พวกฮวาหยงกรูกันออกมาสังหารล้มราวแป้นลูกคิด ราวครึ่งหนี่งหนีมาทางประตู อู่ซง สือสิ้วไล่ฆ่าจากประตูเข้ามา ลิ่วล้อต่างช่วยลงมือด้วย สามร้อยคนตายเกือบสิ้น ที่เหลือรอดไปถึงริมน้ำ จางซุ่น หลี่จวิ้นเก็บเศษจนหมด
ซ่งเจียงสั่งให้นำเครื่องสักการะและระฆังลงเรือแล่นมายังฮว่าโจว เห็นในเมืองไฟไหม้อยู่ จึงแห่เข้าเมือง รุดไปช่วยสื่อจิ้น หลู่จื้อเซินออกมา เปิดคลังและยุ้งฉาง เก็บกวาดทรัพย์และเสบียงขึ้นรถกลับมายังเขาเส่าฮว่า นำเครื่องสักการะและระฆังส่งคืนแล้วกราบคารวะขอบคุณท่านไท่เว่ย มอบเงินทองถาดใหญ่ให้ท่านไท่เว่ยและผู้ติดตาม จัดเลี้ยงส่งแล้วนำกลับมาลงเรือที่ปากน้ำ นำเรือที่ยืมมาคืนสู่เจ้าของ แล้วกลับมายังเขาเส่าฮว่า
ซ่งเจียงเกลี้ยกล่อมหัวหน้าค่ายทั้งสี่แล้วก็จัดการเก็บทรัพย์สิน เผาค่ายทิ้ง แล้วออกเดินทางตามกันมาสู่เขาเหลียงซาน
ซู่ไท่เว่ยโดยสารเรือมาถึงเมืองฮว่าโจว ซ่งเจียงนั้นปล้นคลังและเสบียงไปแล้ว ฆ่าทหารตายไปอีกร้อยกว่า ม้าถูกชิงไปทั้งหมด ยังไม่รวมที่ไปตายบนเขาซีเยว่ จึงให้ทุยกวนทำหนังสือกราบบังคมทูลว่า
“ซ่งเจียงชิงธูป และระฆังนมัสการไประหว่างทาง ลวงเจ้าเมืองไปสังหารที่ศาลซีเยว่”
ซู่ไท่เว่ยมาประกอบพิธีสักการะ ส่งมอบระฆังให้เจ้าอาวาสหยุนไถ แล้วกลับเมืองหลวงไป
ตอนก่อนหน้า : สงฆ์ลงลายพลาดท่า
ตอนถัดไป : สามจอมมาร

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา