27 ก.ค. เวลา 10:43 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 144

ตลาดใหม่ตระกูลเจิง (2) โลกบาลล้ม
ย่างเข้าวันที่สี่ มีภิกษุสองรูปมาขอพบเฉาไก้ที่ค่าย ทหารนำมาถึงค่ายใหญ่แล้วภิกษุทั้งสองก็แจ้งว่า “สงฆ์ผู้น้อย 小僧 เป็นสงฆ์ผู้ดูแลวัดฝ่าหัว 法华寺 ทางตะวันออกของเจิงโถวสื้อ ทางวัดมักถูกห้าเสือตระกูลเจิงรีดนาทาเร้นอยู่เป็นประจำ ขูดรีดเอาทรัพย์สินเงินทองต่างๆ นานา สงฆ์ผู้น้อยรู้สายสนกลในการป้องกันค่ายเป็นอย่างดี จึงใคร่มากราบเรียนเชิญท่านหัวหน้าเข้าชิงเอาค่ายกำจัดภัยร้ายนี้เสีย”
เฉาไก้ได้ฟังแล้วชอบใจนักเชิญภิกษุทั้งสองนั่งลงเลี้ยงเครื่องดื่ม หลินชงติงว่า “พี่ท่านอย่าเพิ่งเชื่อ นี่อาจเป็นอุบาย”
ภิกษุว่า “สงฆ์ผู้น้อยเป็นผู้ออกบวช ไฉนเลยจะมุสา ยินกิตติศัพท์มาว่าชาวเหลียงซานยึดถือคุณธรรมมีน้ำใจ ไปถึงไหนไม่รังควานชาวบ้าน จึงตั้งใจมาเรียนเชิญ หาได้มีเจตนามาหลอกลวงแต่อย่างใด อีกทั้งตระกูลเจิงก็ยังหาได้ชัยเหนือท่านขุนพล เหตุใดจึงได้ระแวง”
เฉาไก้ว่า “น้องเราอย่าเอาแต่สงสัยจนเสียงานใหญ่ คืนนี้ข้าจะไปเองสักครั้ง”
หลินชงว่า “พี่ท่านอย่าไป ให้พวกข้าแบ่งกำลังครึ่งหนึ่งเข้าตีค่าย พี่ท่านคอยประสานอยู่ด้านนอก”
เฉาไก้ว่า “ข้าไม่ไปเอง แล้วใครจะยอมออกหน้า ท่านก็คงกำลังไว้ครึ่งหนึ่งคอยประสานอยู่ด้านนอก”
หลินชงถามว่า “ท่านพี่จะพาใครไปด้วย”
เฉาไก้ว่า “นายทัพสิบนาย แบ่งกำลังทหารไปสองพันห้า”
สิบนายทัพคือ หลิวถัง หยวนเสี่ยวเอ้อ ฮูหยันจว๋อ หยวนเสียวอู่ โอวเผิง หยวนเสี่ยวชี เอี้ยนซุ่น ตู้เชียน ซ่งว่าน ไป๋เสิ้ง
หลังอาหารเย็น ให้ถอดกระพรวนม้า ทหารให้คาบกิ่งไม้ ยกทัพอย่างเงียบเชียบตามภิกษุทั้งสองมายังวัดฝ่าหัว ซึ่งพอเห็นก็รู้ว่าเป็นวัดโบราณ พอเฉาไก้มาถึงลงม้าเข้าไปในวัดก็แปลกใจว่าไม่มีพระรูปอื่นเลย จึงถามภิกษุทั้งสองว่า “วัดใหญ่โตปานนี้ เหตุใดจึงไม่มีสงฆ์เลยสักรูป”
ภิกษุตอบว่า “ก็เพราะพวกเดรัจฉานสกุลเจิงมาคอยก่อกวน จึงพากันสึกไป เหลือแต่เจ้าอาวาสและพระอุปัฏฐากไม่กี่รูป จำวัดอยู่แถวลานพระเจดีย์ ท่านหัวหน้าเชิญเข้ามาพักทหารก่อน รอดึกสักหน่อย สงฆ์ผู้น้อยจะนำท่านไปยังค่ายฝ่ายนั้น”
เฉาไก้ถามว่า “ค่ายฝ่ายนั้นตั้งอยู่ที่ไหน”
ภิกษุว่า “มีอยู่สี่ค่าย ค่ายทางเหนือคือค่ายที่พี่น้องสกุลเจิงพำนักอยู่ หากตีค่ายนี้ได้ อีกสามค่ายก็ไม่จำเป็น”
เฉาไก้ว่า “แล้วจะไปกันเวลาไหน”
ภิกษุว่า “ตอนนี้เป็นเวลายามสอง รอถึงยามสาม เขาจะหย่อนการป้องกัน”
ในช่วงต้นยามนั้นเสียงกลองบอกเวลาในตลาดใหม่ยังตีบอกครบถ้วน พอผ่านไปครึ่งชั่วยาม ก็ไม่มีเสียงตีบอกเวลาเตี่ยน 点 อีก (หนึ่งชั่วยามมีห้าเตี่ยน หนึ่งเตี่ยนเท่ากับ ยี่สิบสี่นาทีในปัจจุบัน) ภิกษุจึงว่า “ทหารคงเข้านอนแล้ว ได้เวลาไปกันแล้ว”
เฉาไก้จึงให้ทหารยกกำลังตามหลังภิกษุไป
เดินกันไปไม่ถึงห้าลี้ ภิกษุทั้งสองก็หายตัวไปในเงามืด ทหารกองหน้าจึงไม่กล้าไปต่อ หยุดมองดูรอบด้านมีทางแยกซับซ้อน ไม่เห็นแสงบ้านเรือน จึงกังวลขึ้นมา กลับมารายงานเฉาไก้ ฮูหยันจว๋อจึงบอกให้ถอยทัพ พอถอยกันมาได้เพียงร้อยกว่าก้าว ก็มีเสียงฆ้องกลองดังขึ้นรอบด้าน เสียงทหารโห่ร้องดังก้อง แล้วปรากฎแสงคบเพลิงขึ้นโดยรอบ
เฉาไก้นำทัพถอยมาตามทางได้สองเลี้ยว ก็ปะทหารกองหนึ่งระดมยิงธนูเข้าใส่ ธนูดอกหนึ่งยิงถูกหน้าเฉาไก้จนตกลงจากหลังม้า ฮูหยันจว๋อ เอี้ยนซุ่นจึงขี่ม้าป้องกันอยู่ด้านหน้า หลิวถัง ไป๋เสิ้งเดินเท้าตามมา เข้าพยุงเฉาไก้ขึ้นม้าแล้วคุ้มกันหลังบุกออกมา หลินชงนำทัพหนุนมารออยู่ปากทาง จึงตั้งรับได้อยู่ ทั้งสองฝ่ายรบกันจนฟ้าสางจึงแยกย้ายกันกลับค่าย
หลินชงสำรวจทหารดู สามหย่วน ตู้เชียน ซ่งว่าน หนีลงน้ำเอาตัวรอดมาได้ ทหารสองพันห้าที่พาเข้าไปเหลือหนึ่งพันสองร้อยกว่าคนติดตามโอวเผิงรอดกลับมา
เหล่าพี่น้องมาดูอาการเฉาไก้ เห็นธนูดอกนั้นยิงถูกหน้าผากเฉาไก้ พอถอนลูกธนูออกมาก็สลบไป บนลูกธนูมีอักษรเขียนว่า “สื่อเกวินกง 史文恭” เป็นธนูอาบยาพิษ หลินชงให้นำยาทวนทอง 金枪药 พอกไว้ เฉาไก้ถูกพิษธนู ไม่สามารถพูดได้ หลินชงนำขึ้นรถให้สามหย่วน ตู้เชียน ซ่งว่านนำส่งกลับขึ้นเขาก่อน
นายทัพที่เหลือสิบห้านายปรึกษากันว่า “ท่านพี่โลกบาลเฉา ลงเขามาคราวนี้ประสบเคราะห์สมดังลางร้ายบอกเหตุพายุพัดธงหัก พวกเราควรถอนทัพกลับก่อน เจิงโถวสื้อคงไม่อาจตีได้ในครั้งนี้”
ฮูหยันจว๋อว่า “ควรรอท่านพี่ซ่งกงหมิงมีคำสั่งมาจึงค่อยถอนทัพ”
วันนั้นเหล่านายทัพต่างมึนงง เหล่าทหารไม่มีใจรบ ต่างอยากกลับเขา
蛇无头而不行,  鸟无翅而不飞.
งูไร้หัวมิอาจเคลื่อนไหว นกไร้ปีกมิอาจโบยบิน
ยามสองคืนนั้น เหล่าสิบห้านายทัพยังนั่งทอดถอนใจอยู่ในค่าย ทหารเข้ามาแจ้งว่า “ด้านนอกมีทหารล้อมไว้รอบด้าน คบเพลิงนับจำนวนไม่ถ้วน”
พวกหลินชงออกมาขึ้นม้าเห็นแสงคบเพลิงส่องสว่างดังกลางวัน มีเสียงโห่ร้องรอบด้าน จึงให้รีบถอยทัพหนี ทหารตระกูลเจิงกวดตามหลังมา รบพลางถอยพลาง ถอยมาได้ห้าหกสิบลี้จึงมีโอกาสพัก สำรวจดูไพร่พลสูญหายไปอีกเจ็ดร้อยคน พ่ายแพ้ยับเยิน เดินทัพกลับเหลียงซาน มาได้ครึ่งทางจึงพบไต้จงนำคำสั่งให้ถอนทัพมาถึง
พอกลับมาถึงค่ายใหญ่ เข้าไปดูอาการเฉาไก้ ก็เห็นว่าไม่สามารถกินอาหารเองได้เสียแล้ว ร่างกายก็บวม พวกซ่งเจียงเฝ้ากันอยู่ข้างเตียงร่ำไห้ คอยพอกยา และกรอกยาให้
ยามสามคืนนั้น เฉาไก้รู้สึกกายหนัก หันหัวมามองซ่งเจียงแล้วสั่งเสียว่า
“贤弟保重。若那个捉得射死我的,便教他做梁山泊主!
น้องเรารักษาตัวจงดี หากใครจับคนที่ยิงข้าตายได้ ก็ให้เขาเป็นประมุขเหลียงซานป๋อ”
กล่าวจบก็หลับตาสิ้นลม
ซ่งเจียงเห็นเฉาไก้สิ้นใจ ดังสูญเสียผู้ให้กำเนิด ร่ำไห้จนสลบไป เหล่าหัวหน้าพยุงออกมาพยาบาล อู๋ย่ง กงซุนเสิ้งปลอบว่า “พี่ท่านอย่าได้เศร้าโศกเสียใจ เกิดและตายเป็นเรื่องสามัญของคนเรา ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ”
ซ่งเจียงให้นำน้ำหอมมาล้างศพ แต่งหน้าสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ นำมาตั้งกลางโถงร่วมธรรมให้เหล่าหัวหน้ามาคารวะ เร่งต่อโลงชั้นในและโลงชั้นนอก เลือกฤกษ์ดีบรรจุร่างแล้วตั้งไว้กลางห้องโถง ตั้งปะรำพิธี จัดตั้งป้ายวิญญานจารึกว่า
“ป้ายวิญญานโลกบาลเฉาประมุขเหลียงซานป๋อ 梁山泊主天王晁公神主”
ทุกคนในค่ายต่างแต่งกายไว้ทุกข์ ลูกธนูสำคัญดอกนั้นถูกนำมาตั้งไว้หน้าป้ายวิญญาน นิมนต์พระสงฆ์จากอารามใกล้ค่ายมาประกอบพิธีกงเต็กส่งวิญญาน
ซ่งเจียงไม่มีใจที่จะจัดการงานในค่าย หลินชง อู๋ย่ง กงซุนเสิ้ง และเหล่าหัวหน้าหารือกันว่าสมควรยกซ่งเจียงขึ้นเป็นประมุขเหลียงซานป๋อ
เช้าวันถัดมา หลินชงเป็นประธาน นำเทียนตะเกียงและดอกไม้สด นำเหล่าหัวหน้ามาเชิญซ่งเจียงออกมานั่งกลางโถงร่วมธรรม
อู๋ย่ง หลินชง กล่าวนำว่า “ท่านพี่โปรดรับฟัง “บ้านเมืองมิอาจขาดประมุขแม้สักวัน บ้านเรือนมิอาจขาดเจ้าบ้านแม้สักวัน” ท่านหัวหน้าเฉากลับสู่สวรรค์แล้ว กิจการทั้งหลายในค่ายนี้จะขาดประมุขได้เช่นไร สี่สมุทรล้วนทราบนามอันเกรียงไกรของท่านพี่ วันนี้เป็นวันมงคล ขอเชิญท่านพี่ขึ้นเป็นประมุขแห่งค่าย พวกเราล้วนน้อมฟังบัญชา”
ซ่งเจียงว่า “ท่านโลกบาลเฉาได้สั่งเสียไว้ก่อนสิ้นใจว่า หากใครจับตัวสื่อเหวินกงได้ ให้ผู้นั้นเป็นประมุขเหลียงซานป๋อ พวกท่านล้วนได้ยิน บัดนี้สังขารยังไม่ทันเย็น จะลืมไปได้เช่นไร แค้นยังไม่ทันชำระ จะดำรงตำแหน่งนี้ได้เช่นไร”
อู๋ย่งว่า “แม้ท่านโลกบาลเฉาจะกล่าวไว้เช่นนั้น บัดนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดจับตัวคนผู้นั้นได้ ทว่าค่ายเราจะเว้นว่างไร้ประมุขสักวันได้อย่างไร หากพี่ท่านไม่รับ แล้วจะมีผู้ใดกล้าดำรงตำแหน่งนี้ เหล่าทหารในค่าย ผู้ใดจะบัญชา แม้คำสั่งเสียจะเป็นเช่นนี้ ก็ขอให้ท่านพี่รับตำแหน่งนี้ชั่วคราว วันหน้าเมื่อมีเหตุเหมาะสมค่อยจัดการตามสมควร”
ซ่งเจียงว่า “ท่านเสนาธิการกล่าวได้ถูกต้อง วันนี้ผู้น้อยจะดำรงตำแหน่งนี้เพื่อรอวันชำระแค้นจับตัวสื่อเหวินกงได้ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร ก็จะได้ดำรงตำแหน่งนี้”
พายุหมุนดำหลี่ขุยยืนอยู่ด้านข้างตะโกนมาว่า “พี่ท่านอย่าเป็นเลยประมุขเหลียงซานป๋อ เป็นฮ่องเต้ต้าซ่งเลย ไม่ดีกว่าหรือ”
ซ่งเจียงตวาดมาว่า “เจ้ามืดนี่พูดจาเหลวไหลอีกแล้ว ถ้าพูดเช่นนี้อีก ข้าจะตัดลิ้นเจ้าทิ้งเสีย”
หลี่ขุยว่า “ข้าไม่ได้ขอให้พี่ท่านมาเป็นหัวหน้า ข้าขอเชิญพี่ท่านเป็นฮ่องเต้ กลับจะมาตัดลิ้นข้า”
อู๋เสวียจิวว่า “เจ้านี่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง พี่ท่านอย่าไปวุ่นวายกับมัน ขอเชิญท่านพี่จัดการงานใหญ่เถิด”
ซ่งเจียงจุดธูปทำพิธีแล้วก็ดำรงตำแหน่งประมุขชั่วคราว นั่งลงบนเก้าอี้ลำดับที่หนึ่ง หัวแถวเสนธิการอู๋ย่ง ท้ายแถวกงซุนเสิ้ง แถวที่นั่งทางฝั่งซ้าย มีหลินชงเป็นหัวหน้า แถวที่นั่งทางฝั่งขวา มีฮูหยันจว๋อเป็นผู้นำ (ที่นั่งจัดเป็นฝั่งซ้ายขวาเริ่มตั้งแต่ตอนที่ซ่งเจียงขึ้นมาอยู่บนเขา ฝั่งซ้ายผู้อยู่เดิมคือพวกเฉาไก้เดิม ฝั่งขวาผู้ติดตามซ่งเจียงขึ้นมาอยู่ใหม่ บัดนี้ก็ยังแบ่งเช่นนี้อยู่ ฝั่งขวาจึงมีคนเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ) ทั้งหมดกระทำคารวะแล้วก็ทยอยนั่งลงทั้งสองฝั่ง
ซ่งเจียงกล่าวว่า “ผู้น้อยรับตำแหน่งชั่วคราวในวันนี้ ด้วยการอุ้มชูของเหล่าพี่น้อง ร่วมแรงร่วมใจ ร่วมผดุงคุณธรรมแทนฟ้า
บัดนี้มีผู้คนมากกว่าก่อน จึงขอให้พี่น้องแบ่งหน้าที่กันเป็นหกค่ายใหญ่
โถงร่วมธรรม 聚义厅 บัดนี้ให้เปลี่ยนชื่อเป็น หอธรรมภักดิ์ 忠义堂 (จงอี้ถัง)
ซ้ายขวาหน้าหลังให้ตั้งค่ายบกสี่ค่าย สำหรับบนเขานี้ ด้านหลังเขา ตั้งค่ายเล็กสองค่ายซ้ายขวา ด้านหน้าเขาตั้งด่านสามด่าน เชิงเขาตั้งค่ายน้ำหนึ่งค่าย บนหาดทรายทั้งสอง ตั้งค่ายเล็กหาดละค่าย
วันนี้ขอแบ่งหน้าที่ให้พี่น้องดังนี้
บนหอธรรมภักดิ์ข้ารับตำแหน่งประมุขชั่วคราว ลำดับที่สอง เสนาธิการอู๋ย่ง ลำดับที่สาม ท่านอาจารย์กงซุนเสิ้ง ลำดับที่สี่ ฮวาหยง ลำดับที่ห้า ฉินหมิง ลำดับที่หก หลวี่ฟาง ลำดับที่เจ็ด กวอเสิ้ง
ค่ายซ้าย ลำดับที่หนึ่ง หลินชง ลำดับที่สอง หลิวถัง ลำดับที่สาม สื่อจิ้น ลำดับที่สี่ หยางสยง ลำดับที่ห้า สือสิ้ว ลำดับที่หก ตู้เชียน ลำดับที่เจ็ด ซ่งว่าน
ค่ายขวา ลำดับที่หนึ่ง ฮูหยันจว๋อ ลำดับที่สอง จูถง ลำดับที่สาม ไต้จง ลำดับที่สี่ มู่หง ลำดับที่ห้า หลี่ขุย ลำดับที่หก โอวเผิง ลำดับที่เจ็ด มู่ชุน
ค่ายหน้า ลำดับที่หนึ่ง หลี่อิ้ง ลำดับที่สอง สวีหนิง ลำดับที่สาม หลู่จื้อเซิน ลำดับที่สี่ อู่ซง ลำดับที่ห้า หยางจื้อ ลำดับที่หก หม่าหลิน ลำดับที่เจ็ด ซือเอิน
ค่ายหลัง ลำดับที่หนึ่ง ไฉจิ้น ลำดับที่สอง ซุนลี่ ลำดับที่สาม หวงซิ่น ลำดับที่สี่ หันเทา ลำดับที่ห้า เผิงฉี่ ลำดับที่หก เติ้งเฟย ลำดับที่เจ็ด เซวียหย่ง
ค่ายน้ำ ลำดับที่หนึ่ง หลี่จวิ้น ลำดับที่สอง หยวนเสี่ยวเอ้อ ลำดับที่สาม หยวนเสียวอู่ ลำดับที่สี่ หยวนเสี่ยวชี ลำดับที่ห้า จางเหิง ลำดับที่หก จางซุ่น ลำดับที่เจ็ด ถงเวย ลำดับที่แปด ถงเหมิ่ง
หกค่ายใหญ่รวมหัวหน้าสี่สิบสามคน
หน้าเขา ด่านที่หนึ่ง เหลยเหิง ฝานยุ่ย ด่านที่สอง เซี่ยเจิน เซี่ยเป่า ด่านที่สาม เซี่ยงชง หลีกุ่น
ค่ายเล็กบนหาดทรายทอง เอี้ยนซุ่น เจิ้งเทียนโซ่ว ข่งหมิง ข่งเลี่ยง สี่นาย
ค่ายเล็กบนหาดปากเป็ด หลี่จง โจวทง โจวยวน โจวยุ่น สี่นาย
ค่ายเล็กหลังเขาสองค่าย ค่ายซ้าย เสือเตี้ยหวาง อีจ้างชิง เฉาเจิ้ง  ค่ายขวา จูอู่ เฉินต๋า หยางชุน
ห้องแถวด้านซ้ายของหอธรรมภักดิ์ งานหนังสือ เซียวย่าง  งานรางวัลและลงโทษ เผยเซวียน  งานตราประทับ จินต้าเจียน  งานการเงินและเสบียง เจี่ยงจิ้ง
ห้องแถวด้านขวาของหอธรรมภักดิ์  งานปืนไฟ หลิงเจิ้น  งานต่อเรือ เมิ่งคัง  งานตัดเย็บ โหวเจี้ยน  งานโยธา เถาจงว่าง
ห้องแถวด้านหลังของหอธรรมภักดิ์  งานอาคารสถานที่ หลี่หยุน  งานเหล็ก ทังหลง  งานหมักเหล้าและเครื่องปรุง จูฟู่  งานจัดเลี้ยง ซ่งชิง  งานจิปาถะ ตู้ซิง ไป๋เสิ้ง
ร้านอาหารรอบเขาสี่ทิศ คงไว้ตามเดิม จูกุ้ย เยว่เหอ หลี่ลี่ สือเชียน ซุนซิน กู้ต้าเส่า จางชิง ซุนเอ้อเหนียง
งานจัดซื้อม้าจากทางเหนือ หยางหลิน สือหย่ง ต้วนจิ่งจู้
แบ่งงานกันแล้ว ขอให้ทุกท่านปฏิบัติตามหน้าที่ อย่ามีบกพร่อง”
ตอนก่อนหน้า : ธงแม่ทัพหัก
ตอนถัดไป : ปริศนาการตายของเฉาไก้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา