30 ก.ค. เวลา 10:47 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 145

หลูจวิ้นอี้ กิเลนหยก (1) ปริศนาการตายของเฉาไก้
การตายของเฉาไก้นี้ทิ้งปริศนาเอาไว้
ลูกธนูอาบยาพิษ เขียนชื่อ “สื่อเหวินกง”
ลูกธนูนั้นเป็นของใช้สิ้นเปลือง เป็นการเปล่าประโยชน์มากที่จะเขียนชื่อไว้บนลูกธนู แม้จะต้องการให้รู้ ก็ประกาศตรงๆ ให้ได้ยินได้ง่ายกว่า
สื่อเหวินกงเป็นผู้มีฝีมือเข้มแข็ง การยิงถูกเป้าเพื่อหวังผลไม่เป็นการยาก ไม่จำเป็นต้องใช้ยาพิษ การใช้ยาพิษเพื่อหวังผลเด็ดขาดว่าต้องการให้ตายแน่นอนไม่ด้วยแผลธนูก็ด้วยยาพิษ เป็นความต้องการของใคร
ลูกธนูนั้นยิงมาในความมืด บอกไม่ได้ว่าเป็นของใครฝ่ายไหน และใครบ้างที่ซุ่มยิง
ตระกูลเจิงต่อรถนักโทษเอาไว้หลายคัน เจิงถูอวดศักดาว่าต้องจับเป็นเหล่าหัวหน้าโจรเหลียงซานเท่านั้น ถ้าฆ่าตายเสีย ไม่นับเป็นลูกผู้ชาย แม้ไม่ใช่สื่อเหวินกงเป็นผู้กล่าว แต่ตระกูลเจิงแสดงเจตนาตลอดมาว่าต้องการจับเป็นทุกคนอวดศักดาฝ่ายตน การฆ่าด้วยอาวุธในการรบยังอ้างได้ว่ายั้งมือไม่ได้ แต่การใช้ยาพิษส่อเจตนาว่าไม่ต้องการจับเป็น
ในการรบครั้งแรก ต่างฝ่ายต่างเสียทหารบางส่วน ตระกูลเจิงไม่ได้เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำจนต้องใช้ยาพิษสังหาร การใช้อุบายล่อมาติดกับเป็นกลศึกปกติ
ภิกษุสองรูปที่หายตัวลึกลับ ใครเป็นคนใช้ให้มากันแน่
คำถามปริศนาของหลินชง
ก่อนเฉาไก้จะจัดกำลังตามภิกษุสองรูปไป หลินชงถามว่า เฉาไก้จะพาใครไปด้วย ซึ่งตลอดทั้งเรื่อง ไม่มีการตั้งคำถามนี้ในการจัดกำลัง หลินชงระแวงใครหรือระแวงอะไร
คำสั่งเสียของเฉาไก้ว่า ใครก็ตามที่จับผู้ยิงสังหารตนได้ ให้ขึ้นเป็นประมุข
เฉาไก้ไม่ได้ระบุชื่อ สื่อเหวินกง ซึ่งหมายถึง ใครก็ตามที่มีส่วนในการยิงธนูอาบยาพิษใส่ตน
ซ่งเจียงนั้นรั้งตำแหน่งประมุขแน่นอน ด้วยบารมีที่สั่งสมมา แต่ซ่งเจียงแทบไม่มีฝีมือรบจึงไม่อาจจับสื่อเหวินกงได้ด้วยตัวเอง คนที่ซ่งเจียงพาขึ้นเขามา ไม่ว่าจะเป็นฮวาหยง ฉินหมิง หรือใครอื่น หากจับตัวสื่อเหวินกงได้ ก็จะไม่อ้างผลงานขึ้นเป็นประมุข ย่อมต้องยกประโยชน์ให้แก่ซ่งเจียงในฐานะผู้บัญชาการ คำสั่งเสียนี้แทบไม่มีประโยชน์ในการเปลี่ยนตำแหน่งประมุขไปจากซ่งเจียง
คนที่ดูแล้วมีฝีมือจะอาจจับตัวสื่อเหวินกงแล้วนั่งเก้าอี้ประมุขจะมีคนฝ่ายเฉาไก้เพียงคนเดียวคือหลินชง แต่หลินชงไม่อาจบังคับเฉาไก้ให้สั่งเสียเช่นนั้น และไม่มีเหตุผลใดที่ต้องการตำแหน่งนี้เอง เนื่องจากตนชิงตำแหน่งนี้มาจากหวางหลุน แล้วมอบให้เฉาไก้ ทั้งที่ตนสามารถขึ้นเป็นประมุขได้เองตั้งแต่วันนั้น
เหตุใดเฉาไก้จึงไม่สั่งเสียให้ซ่งเจียงแก้แค้นแทนตนให้ได้ แทนที่จะสั่งเสียให้ตั้งคนที่จับผู้ยิงตนได้ขึ้นเป็นประมุข
เวลามาถึงปริศนาของไต้จง
ซ่งเจียงให้ไต้จงติดตามมาฟังข่าวหลังจากเฉาไก้ออกเดินทัพใหม่ๆ ไต้จงมีวิชาเทพเดินหนสามารถตามทันหรือแซงกองทัพได้ แต่ไต้จงมาปรากฏตัวอีกทีพร้อมคำสั่งถอยทัพ เมื่อกองทัพแพ้ย่อยยับและหนีกลับมาครึ่งทางแล้ว ก่อนหน้านั้น ไม่มีใครรู้ว่าไต้จงทำอะไรอยู่ที่ไหน
ผู้ที่จับตัวสื่อเหวินกงได้ในที่สุดคือกิเลนหยกหลูจวิ้นอี้ ซึ่งขึ้นเขามาหลังจากเฉาไก้ตายแล้ว เฉาไก้ยังไม่รู้จักหรือเคยเห็นฝีมือ อย่างมากก็เพียงเคยฟังคำร่ำลือ อีกทั้งโอกาสที่หลูจวิ้นอี้จะขึ้นเขาเป็นโจรนั้นน้อยมาก เนื่องจากหลูจวิ้นอี้เป็นมหาเศรษฐี หากแต่ถูกอุบายร้ายของอู๋ย่งจึงต้องกลายเป็นโจร
แม้กิเลนหยกจะจับสื่อเหวินกงได้ ก็ไม่ได้ขึ้นเขามานานพอที่จะสั่งสมบารมีจนเป็นที่ยอมรับของเหล่าพี่น้อง แล้วสามารถเป็นประมุขได้ แม้มีคำสั่งเสียของเฉาไก้ แต่ไม่ใช่ว่าเหล่าพี่น้องจะยอมรับอย่างเต็มใจ ไม่พ้นต้องยอมยกตำแหน่งให้แก่ซ่งเจียงอยู่ดี
หลูจวิ้นอี้จับสื่อเหวินกงได้ด้วยวิญญานเฉาไก้ชี้ทาง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลูจวิ้นอี้พูดเอง ไม่มีใครรู้เห็นด้วย
วิญญานเฉาไก้มาชี้ทางจริง หรือหลูจวิ้นอี้อ้างว่าเห็นวิญญาน เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นว่ามีใครขอให้บอกว่าเห็นวิญญาน
การตายของเฉาไก้ ทิ้งปริศนาให้ผู้เสพวรรณคดี ถกกันได้ตลอดไป
มาวันหนึ่ง ซ่งเจียงหารือเหล่าพี่น้องถึงการยกทัพไปล้างแค้นให้เฉาไก้
อู๋ย่งเสนอว่า “สามัญชนไว้ทุกข์ ยังมีเงื่อนเวลา พี่ท่านจะเคลื่อนทัพก็ควรรอให้พ้นหนึ่งร้อยวันเสียก่อนจึงค่อยระดมพล”
ซ่งเจียงจึงทำตามคำแนะนำของอู๋ย่ง นิมนต์พระมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เฉาไก้อยู่ทุกวัน
อยู่มาวันหนึ่ง มีพระสงฆ์นามทางธรรมว่า ต้าหยวน 大圆 เป็นพระจากวัดหลงหัว 龙华寺 เมืองเป่ยจิง ต้าหมิงฝู่ 北京大名府 เที่ยวธุดงค์จะไปจี้หนิง 济宁 ผ่านมาทางเขาเหลียงซาน จึงรับนิมนต์ขึ้นมาสวดทำบุญบนเขา ระหว่างฉันอาหารเจ ซ่งเจียงชวนคุยสัพเพเหระถึงเรื่องราวเมืองเป่ยจิง
ภิกษุต้าหยวนว่า “ท่านหัวหน้าไม่เคยได้ยินชื่อกิเลนหยกแห่งเหอเป่ย 河北玉麒麟 หรอกหรือ”
ซ่งเจียงนึกขึ้นมาได้จึงว่า “ดูสิ พวกเรานี่แก่แล้วจริงๆ ลืมไปเสียได้ ในเมืองเป่ยจิงมีเศรษฐีใหญ่แซ่หลู 卢 ชื่อจวิ้นอี้ 俊义 ฉายากิเลนหยก 玉麒麟 คือ สามสุดยอดแห่งเหอเป่ย 河北三绝 เป็นชาวเมืองเป่ยจิง ฝีมือยอดเยี่ยม เพลงกระบองไร้คู่ต่อสู้ในแผ่นดิน หากได้คนผู้นี้มาอยู่เขาเหลียงซาน
ก็ไม่ต้องกลัวทหารหลวงมาตามจับ ไม่ต้องห่วงกองทัพมาตามตี
何怕官军缉捕,岂愁兵马来临?”
อู่ย่งหัวเราะแล้วว่า “ท่านพี่ไยลดความเชื่อมั่นในตนเองเสียเช่นนี้ หากจะให้คนผู้นี้ขึ้นเขา จะยากอะไร”
ซ่งเจียงตอบว่า “เขาเป็นผู้ทรงคุณธรรมสุดยอดในเป่ยจิงต้าหมิงฝู่ จะยอมมาเป็นโจรได้อย่างไร”
อู๋เสวียจิวว่า “อู๋ย่งตั้งใจเอาไว้นานแล้ว นึกไม่ถึงว่าลืมไปเสียได้ บัณฑิตต่ำต้อยใช้อุบายเล็กน้อย เอาคนผู้นี้ขึ้นเขาได้”
ซ่งเจียงว่า “คนยกย่องใต้เท้าเป็นดาวสัพพัญญู ไม่ได้ลือกันเลื่อนลอย ท่านกุนซือมีอุบายแยบยลใด จึงให้คนผู้นี้ขึ้นเขาได้”
อู๋ย่งว่า “บัณฑิตต่ำต้อยอาศัยสามนิ้วชิวหา ไปเป่ยจิงเจรจาพาหลูจวิ้นอี้ขึ้นเขา ง่ายดังล้วงของในกระเป๋า ล้วงเข้าไปก็ได้ของมา ยังขาดเพียงคนใจกล้าหน้าด้านไปเป็นเพื่อน”
พายุหมุนดำหลี่ขุยตะโกนเสียงดังว่า “ท่านพี่เสนาธิการ ผู้น้องไปเป็นเพื่อนท่านเอง”
ซ่งเจียงตวาดว่า “น้องเรา เฉยไว้ หากจะให้ไปฆ่าคนวางเพลิง ปล้นบ้านชิงเมือง คงเหมาะกับเจ้า แต่ให้ไปทำงานถี่ถ้วน นิสัยเสียอย่างเจ้า ไม่ให้ไป”
หลี่ขุยว่า “ท่านหาว่าข้ารูปชั่วตัวดำ จึงไม่ให้ข้าไป”
ซ่งเจียงว่า “ไม่ได้หาว่า เป่ยจิงมีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมากมาย มองเจ้าทีเดียวก็ดูออก ส่งเจ้าไปตายเสียเปล่า”
หลี่ขุยตะโกนมาว่า “ไม่เป็นไร ข้าจะไป”
อู๋ย่งว่า “ถ้าเจ้าจะไป ต้องฟังข้าสามข้อ ถ้าไม่ฟัง ก็นั่งเฉยๆ ในค่ายนี้แหละ”
หลี่ขุยว่า “อย่าว่าแต่แค่สามข้อ สามสิบก็เอาตามท่านว่า”
อู๋ย่งว่า “ข้อที่หนึ่ง เวลาเมาเหล้าเจ้าใจร้อนดังไฟ นับจากวันนี้ไปให้งดเหล้า กลับมาจึงดื่มได้ ข้อที่สอง ระหว่างเดินทางให้แต่งตัวเป็นศิษย์วัด 道童 ติดตามข้า ข้าใช้ให้ทำอะไร ก็ห้ามงอแง ข้อที่สามนี้ยากที่สุด ห้ามพูดจา ให้แกล้งทำบ้าใบ้ ถ้าเจ้าทำได้ทั้งสามข้อ ข้าจะพาเจ้าไป”
หลี่ขุยว่า “ไม่ดื่มเหล้า เป็นศิษย์วัด นี่ทำได้ แต่ให้หุบปากไม่พูดจา ข้าคงอึดอัดใจตาย”
อู๋ย่งว่า “พอเจ้าอ้าปาก เป็นเกิดเรื่อง”
หลี่ขุยว่า “งั้นก็ง่าย ข้าอมเหรียญทองแดงไว้ในปากก็ได้แล้ว”
ซ่งเจียงว่า “น้องเรา เมื่อเจ้ายืนกรานที่จะไป หากเกิดเรื่องอันใด อย่าหาว่าข้าไม่ได้ห้าม”
หลี่ขุยว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ข้าอาศัยขวานคู่นี้ ก็ตัวหัวนกเขาทิ้งได้เป็นร้อยเป็นพัน”
เหล่าพี่น้องต่างหัวเราะ ใครจะห้ามได้อีก วันนั้นจึงจัดเลี้ยงส่งที่หอธรรมภักดิ์จนเย็น จึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น อู่ย่งจัดข้าวของเดินทางให้หลี่ขุยแต่งเป็นศิษย์วัดหาบไป พวกซ่งเจียงตามมาส่งที่หาดทรายทอง กำชับอู๋ย่งให้ระวังอย่าให้หลี่ขุยก่อเรื่อง อู๋ย่ง หลี่ขุยอำลาลงเขาไป พวกซ่งเจียงจึงพากันกลับค่าย
 
 
กิเลนหยกหลูจวิ้นอี้ 玉麒麟卢俊义 ดาวเทพฟ้า เทียนกัง ลำดับที่ 2 เป็นรองเพียงซ่งเจียง เป็นชาวเมืองเป่ยจิง ต้าหมิงฝู่ มณฑลเหอเป่ย มีฉายากิเลนหยก เนื่องมาจากคนยกย่องให้เป็น สามสุดยอดแห่งเหอเป่ย 河北三绝
กิเลน เป็นสัตว์ “ดุร้าย” ในตำนานที่คนยกย่องเป็นสัตว์ “มงคล” อีกทั้งยังเป็น กิเลน “หยก”
หลูจวิ้นอี้เป็นที่สุดในสามด้าน
เพลงยุทธสุดยอด เพลงกระบองไร้คู่ต่อสู้
ทรงคุณธรรมสุดยอด เป็นที่ยกย่องนับถือ
ร่ำรวยสุดยอด เป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์
จากคุณสมบัติดังกล่าวนี้ ไม่ควรที่จะต้องกลายมาเป็นโจร หากมิใช่อุบายร้ายของอู๋ย่งที่บีบบังคับให้หลูจวิ้นอี้อับจนหนทาง
ตอนก่อนหน้า : โลกบาลล้ม
ตอนถัดไป : หมอดูแม่นๆ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา