2 ส.ค. เวลา 10:28 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 146

หลูจวิ้นอี้ กิเลนหยก (2) หมอดูแม่นๆ
อู๋ย่ง หลี่ขุยเดินทางมายังเป่ยจิง ระหว่างทางหลี่ขุยมักจะหาเรื่องสร้างความเดือดร้อนให้อู๋ย่งได้ไม่เว้นแต่ละวัน พอมาถึงนอกเมืองเป่ยจิงหาที่พักได้แล้ว ไม่นานเสี่ยวเอ้อก็มาฟ้องว่า “ศิษย์ใบ้ของท่านดุร้ายนัก ข้าก่อไฟหุงข้าวช้าไปหน่อยก็มาไล่ทุบจนกระอักเลือด” อู๋ย่งต้องรีบขอโทษขอโพยแล้วจ่ายค่าชดเชยให้สิบก้วน ก่อนจะเรียกหลี่ขุยมาต่อว่า
เช้าวันรุ่งขึ้น หุงหาอาหารเช้าแล้วอู๋ย่งก็เรียกหลี่ขุยมาตักเตือนในห้องพัก “เจ้านี่จะทำข้าอกแตกตายมาตลอดทาง วันนี้จะเข้าเมืองแล้ว อย่ามาทำให้ข้าต้องตายเพราะเจ้า”
หลี่ขุยว่า “ไม่กล้า ไม่กล้า”
อู๋ย่งว่า “เรามาตกลงเรื่องสัญญานลับอีกครั้ง หากข้าสั่นหัว เจ้าก็ห้ามขยับตัวทำอะไรทั้งนั้น”
หลี่ขุยตกลงรับปาก
อู๋ย่งแต่งตัวเป็นหมอดูโชคชะตา หลี่ขุยแต่งเป็นศิษย์รับใช้หาบของติดตาม บนหาบปักป้ายกระดาษเขียนว่า
“ 讲命谈天  卦金一两
ทำนายชะตาเฉลยฟ้า ค่ายกครูหนึ่งตำลึง ”
ปิดประตูห้อง ออกจากที่พักเดินมาทางประตูเมืองทิศใต้ที่อยู่ห่างไปไม่ถึงหนึ่งลี้ เป่ยจิงเป็นเมืองใหญ่ผู้คนหนาแน่น
城高地险,堑阔濠深。
一周回鹿角交加,四下里排叉密布。
鼓楼雄壮,缤纷杂彩旗幡;
堞道坦平,簇摆刀枪剑戟。
钱粮浩大,人物繁华。
东西院鼓乐喧天,南北店货财满地。
千员猛将统层城,百万黎民居上国。
กำแพงสูงดูคับขัน
ร่องคูนั้นลึกและกว้าง
รอบด้านล้วนเขากวาง
สี่ทิศขวางวางงาแซง
หอกลองสูงตระหง่าน
ธงสีละลานเรียงเป็นแผง
ระเบียงราบบนกำแพง
หอกดาบทวนแซงเรียงราย
เสบียงกองเงินทองหลาย    ผู้คนมากมาย
สินค้าหลายค้าขายเกื้อ
 
สถานบันเทิงเถลิงฟ้าทั้งออกตก
ร้านรวงดกดื่นดาดทั้งใต้เหนือ
ขุนทหารนับพันทุกชั้นเชื้อ
ประชากรเหลือล้านตั้งบ้านเรือน
ยุคนี้ ทั่วแผ่นดินเต็มไปด้วยโจรผู้ร้าย ทุกหัวเมืองจึงมีการป้องกันอย่างแข็งแรง ยิ่งเป่ยจิงนี้เป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งในเหอเป่ย ทั้งย้งมีเหลียงจ้งซู 梁中书 เป็นผู้บัญชาทหารรักษาเมือง การระวังป้องกันจึงยิ่งเข้มงวด
ประตูเมืองทิศใต้มีทหารเฝ้าอยู่ราวห้าสิบนาย ภายใต้การควบคุมของขุนนางผู้หนึ่ง อู๋ย่งก้าวไปคารวะ
ทหารถามว่า “บัณฑิตมาจากที่ไหน”
อู๋ย่งตอบว่า “บัณฑิตผู้น้อยแซ่จาง 张 ชื่อย่ง 用 ศิษย์ผู้นี้แซ่หลี่ 李 ท่องเที่ยวทำนายโชคชะตาขายผ้ายันต์หาเลี้ยงชีพ วันนี้มายังเมืองนี้เพื่อทำนายโชคชะตา” แล้วก็ส่งเอกสารปลอมให้ทหารดู
คนหน้าประตูคุยกันว่า “ดูศิษย์นักพรตคนนี้สิ ตาหลุกหลิก มองคนเหมือนกับโจร”
หลี่ขุยได้ยิน ตั้งท่าจะอาละวาด อู๋ย่งรีบสั่นหัว หลี่ขุยจึงก้มหน้านิ่ง
อู๋ย่งชิงออกหน้ากล่าวขออภัยทหารเฝ้าประตูว่า “บัณฑิตผู้น้อยยากอธิบาย เด็กคนนี้ทั้งหนวกทั้งใบ้ แต่เรี่ยวแรงถึกดี เป็นลูกหลานที่บ้าน ไม่รู้จะทำเช่นไรจึงต้องพามาด้วย ไม่ค่อยประสีประสา ต้องขออภัยด้วย” กล่าวจบก็ออกเดิน หลี่ขุยตามหลัง เดินเซๆ มายังกลางตลาด
อู๋ย่งสั่นกระดิ่งในมือ ปากก็ร้องสี่วลีทำกิน
“甘罗发早子牙迟,彭祖颜回寿不齐。
范丹贫穷石崇富,八字生来各有时。
กันหลอรุ่งเรืองไว จื่อหยาช้า
เผิงจู่อายุยืน หยันหุยสั้น
รวยอย่างสือฉง จนอย่างฟ่านตัน
ชาตะเช่นกัน ชะตาต่าง ปาจื้อแจง”
อู๋ย่งกล่าวต่อว่า
“乃时也,运也,命也。
知生,知死,知贵,知贱。
若要问前程,先赐银一两。
ฤกษ์ยาม พรหมลิขิต โชคชะตา
ชาตะ มรณา รุ่งเรือง โรยรา
อยากถามอนาคต เงินสดหนึ่งตำลึง”
กล่าวแล้วก็สั่นกระดิ่งอีก
(คู่เหมือนที่แตกต่าง
เสนาบดี : กันหลอ (รัฐฉิน) อายุ 12 ปี, จื่อหยา (สมัยโจว) อายุ 70 ปี
อายุ : เผิงจู่ (ในตำนาน) อายุยืน 700 ปี, หยันหุย (รัฐหลู่ สมัยชุนชิว) อายุสั้น 32 ปี
ขุนนางมือสะอาด : ฟ่านตัน (ฮั่นตะวันออก) ยากจน, สือฉง (จิ้นตะวันตก) ร่ำรวยมาก)
 
(ปาจื้อ 八字 ตำราโหราพยากรณ์เล่มหนึ่ง)
เด็กๆ ในตลาด ห้าหกสิบคน เห็นแล้วหัวเราะวิ่งตามมาจนเลี้ยวมาถึงหน้าประตูโรงรับจำนำของเจ้าสัวหลู 卢员外 พวกเด็กๆ วิ่งไปวิ่งมา ร้องรำทำเพลงกันเอะอะ
เจ้าสัวหลูนั่งรับจำนำอยู่ในร้านได้ยินเสียงเอะอะจึงถามผู้จัดการร้านว่า “ที่ถนนเอะอะอะไรกัน”
ผู้จัดการว่า “ท่านเจ้าสัว เรื่องมันน่าขำ ข้างนอกมีหมอดูโชคชะตามาจากต่างเมือง ร้องเรียกลูกค้า ค่าทำนายคนละหนึ่งตำลึง ใครจะไปจ่าย ศิษย์รับใช้ที่เดินตามหลัง ก็หน้าตาทุเรศทุรังเดินเหินพิลึกพิลั่น พวกเด็กๆ เห็นตลกจึงตามมา”
หลูจวิ้นอี้ว่า “กล้าคุยโวอวดอ้าง อาจรู้กว้างรู้จริง ผู้จัดการ ไปเชิญเขาให้ข้าที”
ผู้จัดการจึงรีบตะโกนออกไปว่า “ท่านอาจารย์ ท่านเจ้าสัวขอเชิญ”
อู๋ย่งว่า “ใครเชิญข้า”
ผู้จัดการ “ท่านเจ้าสัวหลู ขอเชิญ”
อู๋ย่งกับศิษย์จึงเลี้ยวมา แหวกม่านเข้ามาในโถง อู๋ย่งบอกให้หลี่ขุยนั่งรอเฉยๆ บนเก้าอี้ แล้วหันมาหาหลูจวิ้นอี้
目炯双瞳,眉分八字,身躯九尺如银。
威风凛凛,仪表似天神。
惯使一条棍棒,护身龙、绝技无伦。
京城内、家传清白,积祖富豪门。
杀场临敌处,冲开万马,扫退千军。
更忠肝贯日,壮气凌云。
慷慨疏财仗义,论英名、播满乾坤。
卢员外,双名俊义,绰号玉麒麟。
สองตาแววกระจ่าง
สองคิ้วกางอักษรปา(八)
เก้าฉื่อคือกายา
สูงและขาวราวหิรัญ
สูงสง่ามีราศี
ท่าทีราวเทพสวรรค์
กระบองคล่องชำนัญ
คุ้มกันกายไร้คู่ปรับ
ชาติตระกูลเฟื่องฟูอยู่คู่เมือง
สืบเนื่องความมั่งคั่งสั่งสมทรัพย์
ยามไล่ล่าศัตรูอยู่กลางทัพ
จู่โจมขับนับพันหมื่นไพรี
ภักดีมิแปรผันดังสุริยา
ขวัญหาญฟ้าน้ำใจกว้างไม่ตระหนี่
ทรงคุณธรรมร่ำลือทั่วธาตรี
หลูจวิ้นอี้มีฉายากินเลนหยก
อู๋ย่งก้าวขึ้นหน้ากระทำคารวะ หลูจวิ้นอี้ค้อมกายคารวะตอบแล้วถามว่า “ท่านอาจารย์บ้านเดิมอยู่หนไหน มีนามสูงส่งใด”
อู๋ย่งตอบว่า “บัณฑิตผู้น้อยแซ่จาง ชื่อย่ง ตั้งฉายาเองว่า เสวนาสวรรค์ 谈天口 เป็นชาวเมืองซานตง 山东 สามารถคำนวณตามศาสตร์พยากรณ์ “หวงจี๋เซียนเทียนสู้ 皇极先天数” ล่วงรู้ชาตะมรณะ รุ่งเรืองร่วงโรยแห่งมวลมนุษย์ มีค่าพยากรณ์หนึ่งตำลึงเงิน 白银 จึงจะทำนาย”
(หวงจี๋สู้ 皇极数 เป็นภาคคำนวณ เป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ปรัชญา 皇极经世 (หวงจี๋จิงสื้อ) ประพันธ์โดย เส้ายง 邵雍 สมัยซ่งเหนือ เรียกกันว่า หนังสือฟ้า 天书 มีแต่กระดาษเปล่า อันที่จริง แต่ละแถวมีสามสี่อักษร แล้วเว้นที่ว่าง เหมือนกระดาษเปล่า อ่านเองโดยไม่มีใครชี้แนะ จะไม่เข้าใจ)
หลูจวิ้นอี้เชิญอู๋ย่งไปยังห้องเล็กในโถงด้านหลัง ยกน้ำชาให้ดื่ม แล้วให้ผู้จัดการนำเงินมามอบให้หนึ่งตำลึงเงินเป็นค่าพยากรณ์ “รบกวนท่านอาจารย์ทำนายด้านร่วงโรย”
อู๋ย่งว่า “เวลาตกฟากของท่าน”
หลูจวิ้นอี้ว่า “ท่านอาจารย์ ข้าถามถึงเภทภัยไม่ถามถึงโชคลาภ ท่านไม่จำเป็นต้องทำนายทายทักทรัพย์สินของผู้น้อย เพียงคำนวณดูว่าเบื้องหน้านี้ผู้น้อยควรปฏิบัติเช่นไร ผู้น้อยปีนี้อายุสามสิบสอง เกิดปีเจี่ยจื่อ เดือนอี่โฉ่ว วันปิ่งอิ๋น ยามติงเหม่า 甲子年  乙丑月  丙寅日  丁卯时”
อู๋ย่งนำลูกคิดเหล็กมาวางบนโต๊ะ ดีดคำนวณอยู่พักหนึ่ง ก็เอาพู่กันตบโต๊ะตะโกนลั่นว่า “ประหลาด”
หลูจวิ้นอี้ตกใจถามว่า “ลางร้าย ร้ายแรงเพียงใด”
อู๋ย่งว่า “หากท่านเจ้าสัวไม่ถือโทษ ข้าก็จะพูดตามจริง”
หลูจวิ้นอี้ว่า “ใคร่ให้ท่านอาจารย์ชี้แนะแก่ผู้หลงทาง โปรดว่ามาเถิด หาเป็นไรไม่”
อู๋ย่งว่า “ชะตาของท่านเจ้าสัว ในหนึ่งร้อยวัน ต้องมีภัยถึงเลือดตกยางออก ทรัพย์สินมิอาจรักษา ตายภายใต้คมดาบคมกระบี่”
หลูจวิ้นอี้หัวเราะแล้วว่า “ท่านอาจารย์ทำนายผิดแล้ว ผู้แซ่หลูเกิดที่เป่ยจิง เติบโตในบ้านร่ำรวยมั่งคั่ง บรรพบุรุษฝ่ายชายไม่เคยทำผิดกฎหมาย ฝ่ายหญิงไม่เคยแต่งงานใหม่ อีกทั้งจวิ้นอี้ทำสิ่งใดตรงไปตรงมา เรื่องไร้เหตุผลไม่ทำ ทรัพย์มีเงื่อนงำไม่รับ แล้วจะมีภัยถึงเลือดตกยางออกได้อย่างไร”
อู๋ย่งเปลี่ยนสีหน้า หยิบเงินคืนให้ ลุกขึ้นยืนถอนหายใจว่า
“ใต้ฟ้านี้มีแต่คนนิยมวาจาสอพลอเสนาะหู ช่างเถิด ช่างเถิด เห็นชัดว่าถึงชี้อนาคตอันสดใส ก็ยังถือคำตรงเป็นประสงค์ร้าย ผู้น้อยขอลา”
หลูจวิ้นอี้ว่า “ท่านอาจารย์อย่าเพิ่งโกรธ ที่ว่าไปแค่พูดเล่น ใคร่ขอคำชี้แนะ”
อู๋ย่งว่า “บัณฑิตผู้น้อยพูดตรงต้องขออภัย”
หลูจวิ้นอี้ว่า “ผู้น้อยรอฟัง ขออย่าได้ปิดบัง”
อู่ย่งว่า “เกณฑ์ชะตาของท่านเจ้าสัวดีมาตลอด แต่ปีนี้จะเกิดปะทะกับเทพไท่สุ้ยประจำปี จึงประสบเคราะห์ร้าย ภายในหนึ่งร้อยวันนับแต่นี้ หัวกับตัวจะแยกกัน เป็นชะตาฟ้ากำหนด มิอาจหลีกหนี”
หลูจวิ้นอี้ว่า “แล้วพอจะเลี่ยงได้ไหม”
อู๋ย่งนำลูกคิดเหล็กมาคำนวณ แล้วตอบเจ้าสัวว่า “มึแต่ต้องลี้ภัยไปยังตำแหน่งสวิ้น 巽地 (ชื่อทิศในยันต์แปดเหลี่ยม) ทางตะวันออกเฉียงใต้ไกลกว่าหนึ่งพันลี้ จึงพ้นเคราะห์หลวง อาจต้องตระหนกตกใจบ้าง แต่จะไม่เป็นอันตรายแก่กาย”
หลูจวิ้นอี้ว่า “หากพ้นเคราะห์นี้ จะมีรางวัลอย่างงาม”
อู๋ย่งว่า “ชะตานี้ต้องตามกลอนทำนายสี่วรรค บัณฑิตผู้น้อยจะท่องให้ท่านเจ้าสัวฟัง แล้วจดไว้บนผนัง วันหลังประสบภัย จะเห็นได้ว่าเป็นจริง”
หลูจวิ้นอี้ให้คนนำพู่กันและหมึกมา แล้วไปเขียนบนกำแพงว่างตามที่อู๋ย่งท่องว่า
芦花丛里一扁舟,
俊杰俄从此地游。
义士若能知此理,
反躬逃难可无忧。
เรือหนึ่งลอยลำ กลางดงดอกอ้อ
ก็พอดีผู้กล้าท่องถึงที่นี่
มีคุณธรรมตรองรู้เหตุผลนี้
กลับหลังหนีลี้ภัยไร้กังวล
(ความหมายในกลอนนี้คลุมเครืออยู่บ้างสมที่เป็นคำทำนาย อ่านแล้วคล้ายเกี่ยวข้องแต่ไม่เข้าใจ ทว่าเจตนาอันแท้จริงของอู๋ย่งคือ ให้อ่านเฉพาะอักษรจีนสี่ตัวแรกของแต่ละวรรค เมื่อนำมาเรียงต่อกัน จะอ่านได้ว่า
 
芦俊义反 (หลูจวิ้นอี้ฝ่าน) หลูจวิ้นอี้ขบถ
 
เคราะห์ร้ายของหลูจวิ้นอี้ มาจากกลอนบทนี้เอง)
หลูจวิ้นอี้เขียนเสร็จ อู๋ย่งก็เก็บลูกคิดแล้วขอลา
หลูจวิ้นอี้ว่า “ท่านอาจารย์นั่งก่อน ไว้บ่ายแล้วค่อยไป”
อู่ย่งว่า “ขอบคุณท่านเจ้าสัว ผู้น้อยยังต้องไปเที่ยวทำนายขายวิชา ไว้วันหน้าจะแวะมาเยี่ยมใหม่”
หลูจวิ้นอี้มาส่งที่ประตู หลี่ขุยลุกขึ้นหาบของตามมา
อู๋ย่งอำลาหลูจวิ้นอี้แล้ว ก็พาหลี่ขุยออกนอกเมือง มาชำระค่าที่พัก เก็บข้าวของแล้วกล่าวกับหลี่ขุยว่า
“การใหญ่สำเร็จแล้ว พวกเรารีบกลับค่าย ไปวางกับดักรอต้อนรับหลูจวิ้นอี้ ช้าหรือเร็ว เขาก็ต้องมา”
ตอนก่อนหน้า : ปริศนาการตายของเฉาไก้
ตอนถัดไป : คนเสเพล

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา