5 ส.ค. เวลา 11:05 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 147

หลูจวิ้นอี้ กิเลนหยก (3) คนเสเพล
หลูจวิ้นอี้นับแต่ฟังคำทำนายแล้ว ดังมีดกรีดใจ ยืนนั่งไม่เป็นสุข มาวันหนึ่งทนไม่ไหว จึงเรียกประชุมผู้จัดการร้านรวงธุรกิจต่างๆ ของตน มากันครบ รวมทั้งพ่อบ้านหลี่ผู้ดูแลแทบทุกอย่างให้หลูจวิ้นอี้
พ่อบ้านผู้นี้แซ่หลี่ 李 ชื่อกู้ 固 เดิมเป็นชาวเมืองตงจิง 东京 เดินทางจะมาพักพิงอาศัยญาติที่เป่ยจิงแต่ไม่พบ จึงมานอนหนาวตัวแข็งอยู่หน้าบ้านหลูจวิ้นอี้ หลูจวิ้นอี้ช่วยชีวิตเอาไว้แล้วให้พักอยู่ในบ้าน หลี่กู้เป็นคนขยันขันแข็ง รู้หนังสือและคำนวณ จึงช่วยงานต่างๆ ในบ้านหลูจวิ้นอี้ได้ดี ในเวลาห้าปี ก็ได้เป็นตูก่วน 都管 พ่อบ้านดูแลกิจการทั้งในและนอกบ้าน กำกับดูแลร้านรวงร่วมห้าสิบแห่งของหลูจวิ้นอี้
หลูจวิ้นอี้มองเหล่าผู้จัดการร้านที่มาชุมนุม มองหาไปมาแล้วว่า “หายไปไหนคนหนึ่ง” พูดไม่ทันจบ คนผู้นั้นก็เดินเข้ามา
唇若涂朱,睛如点漆,面似堆琼。
有出人英武,凌云志气,资禀聪明。
仪表天然磊落,梁山上端的夸能。
伊州古调,唱出绕梁声。
果然是艺苑专精,风月丛中第一名。
听鼓板喧云,笙声嘹亮,畅叙幽情。
棍棒参差,揎拳飞脚,四百军州到处惊。
人都羡英雄领袖,浪子燕青。
ปากแดงดังแต้มชาด
ตาดำขลับอาจลงรัก
หยกผจงวงพักตร์
ชาญเชิงยุทธล้ำเลอเลิศ
ขวัญหาญทะยานฟ้า
ทรงปัญญาโดยกำเนิด
ทีท่ากิริยาประเสริฐ
อวดสามารถอยู่เหลียงซาน
อีโจวเพลงโบราณ
ขับขานสะท้อนก้องกังวาน
ศาสตร์และศิลป์เชี่ยวชาญ
เสน่ห์เป็นหนึ่งในหมู่ชน
 
กรับกลองก้องเวหาหน   เสียงแคนเสนาะดล
เผยรู้สึกลึกในใจ
เพลงพลองพลิกแพลงพิลึก
หมัดเท้าคึกคะนองว่องไว
สี่ร้อยศึกหวั่นไหว
ใช่ใครเอี้ยนชิงคนเสเพล
คนผู้นี้ร่างสูงหกฉื่อ อายุยี่สิบห้าปี เป็นชาวเมืองเป่ยจิงโดยกำเนิด เสียบิดามารดาตั้งแต่เล็ก จึงเติบโตมาในครอบครัวเจ้าสัวหลู ความที่เป็นคนผิวขาวเนียนละอียด หลูจวิ้นอี้จึงจ้างช่างสักชั้นครูมาสักลายบุปผานานาพรรณทั่วทั้งตัว เหมือนเสาหยกสลักลวดลายอันปราณีต
มิเพียงเท่านั้น ดีดสีตีเป่า ขับลำนำรำฟ้อน ต่อกลเกมอักษร ล้วนทำได้ดี ภาษาพื้นถิ่นที่มีชาวบ้านร้านตลาดพูดกัน ก็พูดได้ทุกสำเนียงภาษา เพลงยุทธก็เก่งกาจ ไร้ใครอาจเทียบฝีมือ ถือหน้าไม้ล่าสัตว์อยู่คันหนึ่งใช้ดอกศรขนาดสั้นเพียงสามดอก ออกนอกเมืองล่าสัตว์ไม่เคยผิดหวัง ยิงครั้งใดเป็นต้องได้ตัว ตกเย็นกลับเมืองมา อย่างน้อยก็ต้องล่าสัตว์เล็ก 虫蚁 ได้ร้อยกว่าตัว การแข่งขันประเภทต่างๆ หากเข้าแข่งรางวัลล้วนไม่พ้นมือ มีปฏิภาณไหวพริบ บอกต้นรู้ปลาย เป็นบุตรคนหัวปี แซ่เอี้ยน 燕 ชื่อชิง青 คนให้ฉายา คนเสเพล 浪子
เอี้ยนชิงนับเป็นคนรู้ใจของหลูจวิ้นอี้ พอเข้ามาในห้องโถงขานคารวะแล้ว ก็แบ่งกลุ่มยืนเป็นสองข้าง หลี่กู้ยืนอยู่หัวแถวด้านซ้าย เอี้ยนชิงอยู่หัวแถวด้านขวา
(คนเสเพลเอี้ยนชิง 浪子燕青 ดาวเทพฟ้า เทียนกัง ลำดับที่ 36 เป็นหนึ่งในสิบแม่ทัพราบเขาเหลียงซาน ลำดับที่หก
เอี้ยนชิงเป็นผู้มีความสามารถรอบตัวทั้ง อาวุธ อักษร และดนตรี มีหน้าตาดีที่สุดในเหล่าพี่น้องเหลียงซาน มีไหวพริบ และหนึ่งในผู้ที่เอาตัวรอดได้ ไม่ต้องพบชะตากรรมร้ายในบั้นปลาย)
หลูจวิ้นอี้กล่าวว่า “เมื่อคืนข้าได้ตรวจดวงชะตา มีคำทำนายว่า ภายในหนึ่งร้อยวันจะเกิดเภทภัยถึงเลือดตกยางออก แต่เลี่ยงได้โดยลี้ภัยไปทางตะวันออกเฉียงใต้ให้ไกลกว่าหนึ่งพันลี้ ข้าก็คิดถึงสถานที่หนึ่งทางตะวันออกเฉียงใต้ คือเมืองไท่อัน 太安州 ซึ่งมีตำหนักเทพเทียนฉีเหยินเสิ้งตี้แห่งไท่ซานขุนเขาตะวันออก 东岳泰山天齐仁圣帝金殿 ผู้คอยคุ้มครองปัดเป่าเรื่องเดือดร้อนแก่ผู้คนทั่วแผ่นดิน
ข้าจะถือโอกาสทำสามเรื่อง หนึ่งจุดธูปสักการะขอให้องค์เทพคุ้มครอง สองลึ้ภัยไปไกลกว่าพันลี้ สามไปค้าขาย สำรวจลู่ทาง
หลี่กู้ ท่านก็จัดหารถไท่ผิง 太平车 เอาไว้สิบคัน (รถไท่ผิง คือรถสี่ล้อ พื้นสี่เหลี่ยมมีขอบคลุมล้อทั้งสองข้างซ้ายขวาอาจใช้นั่งได้ ไม่มีกั้นหน้าหลัง เทียมลาหรือล่อ เวลาแล่นราบเรียบจึงเรียก ไท่ผิง) บรรทุกสินค้าทั้งสิบคันรถ ตัวท่านก็เก็บข้าวของเตรียมเดินทางไปพร้อมกับข้า ส่วนเอี้ยนชิงเสียวอี่ 小乙 (อ้าย 小乙 (เสียวอี่) คำเรียกลูกคนโต) อยู่ดูแลทางบ้านนี่ วันนี้ก็ไปรับมอบกุญแจมาไว้ได้เลย อีกสามวันจะออกเดินทาง”
หลี่กู้ทักว่า “นายท่านพลาดไปแล้ว ว่ากันว่า
คำทำนายทายทัก มักพูดเผื่อยักย้าย
卖卜卖卦  转回说话
ท่านอย่าได้ฟังคำหมอดูเหลวไหล อยู่แต่ในบ้าน จะไปกลัวอะไร”
หลูจวิ้นอี้ว่า “ชะตาข้าถูกลิขิตไว้แล้ว ท่านอย่าได้ขวางข้าเลย หากเกิดเหตุเภทภัย มาเสียใจก็สายไป”
เอี้ยนชิงว่า “นายท่าน เสียวอี่ 小乙 ขอพูดโง่ๆ ว่า ทางไปเมืองไท่อันที่ซานตงนั้น ต้องผ่านเขาเหลียงซาน ไม่นานมานี้ ซ่งเจียงนำคนร้ายตั้งส้องโจรคอยชิงทรัพย์อยู่ ทหารทางการไปปราบ ก็ไม่อาจเข้าใกล้ นายท่านจะไปไหว้เจ้า ก็ควรรอให้เรื่องโจรสงบก่อน อย่าได้ฟังคำทำนายเหลวไหลของหมอดูเมื่อวาน อาจจะเป็นคนร้ายเขาเหลียงซาน ปลอมตัวมาปั้นเรื่องลวงนายท่าน เสียดายเมื่อวานเสียวอี่ไม่อยู่บ้าน ถ้าอยู่ฉีกหน้าเจ้าหมอดูนั่นสักสองสามคำ คงได้หัวเราะกันยกใหญ่”
หลูจวิ้นอี้ว่า “พวกท่านอย่าพูดเหลวไหล ใครจะกล้ามาหลอกข้า เจ้าพวกโจรเขาเหลียงซานทั้งตัวผู้ตัวเมียนั่น จะมีดีอะไร ข้าเห็นมันแค่วัชพืช ยังว่าจะไปจับตัวพวกมันอยู่ เอาวิชาความรู้ที่เคยร่ำเรียนมาอวดให้โลกรู้ว่าข้าคือชายชาตรี”
พูดไม่ทันขาดคำ สตรีนางหนึ่งก้าวออกมาจากหลังบังตา นางเป็นภรรยาของเจ้าสัวหลู อายุยี่สิบห้าปี แซ่เจี่ย 贾 เพิ่งแต่งกับหลูจวิ้นอี้ได้ห้าปี นางเจี่ยสื้อ 贾氏 กล่าวว่า
“สามีท่าน ข้าฟังมานานแล้ว โบราณว่า ห่างบ้านไปสักลี้ มิสู้อยู่ที่บ้าน 出外一里  不如屋里 อย่าได้ฟังคำทำนายเหลวไหล ทิ้งบ้านอันแสนสุขเหมือนทะเลกว้างใหญ่ ไปค้าขายยังถ้ำสือวังมังกร ให้ต้องขวัญกระเจิง ท่านเพียงอยู่บ้านเฉยๆ ปล่อยใจให้สบาย ย่อมไม่เกิดเรื่องอันใด”
หลูจวิ้นอี้ว่า “เจ้าเป็นสตรี จะรู้อะไร ที่เชื่อได้ก็มี ที่เชื่อไม่ได้ก็ใช่ว่าจะไม่มี แต่ไรมาหมอดูทักว่าร้าย ก็ต้องระวังโชคเคราะห์ ข้าตัดสินใจแล้ว เจ้าไม่ต้องมากความ”
เอี้ยนชิงกล่าวอีกว่า “ผู้น้อยอาศัยบารมีของนายท่าน ร่ำเรียนวิชากระบองติดตัว ใช่ว่าผู้น้อยจะคุยโม้โอ้อวด ถ้าผู้น้อยไปด้วย ถึงจะมีโจรโผล่มาสักห้าสิบคน ผู้น้อยก็รับมือได้ ให้พ่อบ้านหลี่อยู่ดูแลงานทางบ้าน ผู้น้อยขอไปกับนายท่าน”
หลูจวิ้นอี้ว่า “ข้าไปค้าขายอาจคำนวณผิดพลาดได้ พาหลี่กู้ไปด้วย เขาก็ดูออก ช่วยข้าได้กว่าครึ่ง ข้าจึงให้เจ้าอยู่ดูแลทางบ้าน มีคนอื่นช่วยทำบัญชี เจ้าแค่เป็นประธาน”
หลี่กู้ว่า “พักนี้ ผู้น้อยมีปัญหาที่เท้า เดินเหินมิใคร่สะดวก”
หลูจวิ้นอี้ได้ฟังก็โมโหว่า
“เลี้ยงทหารพันวัน ใช้งานกันเช้าเดียว
养兵千日  用在一朝
ข้าจะให้เจ้าไปด้วย ก็มีข้ออ้างสารพัด ถ้าใครคัดค้านอีก ได้ชิมกำปั้นแน่”
หลี่กู้หน้าถอดสี คนอื่นก็ไม่กล้าพูดอะไร แยกย้ายกันไป
หลี่กู้ก้มหน้าเก็บข้าวของ จัดหารถไท่ผิงและกุลี บรรทุกสินค้าขึ้นรถ พอถึงวันที่สาม หลูจวิ้นอี้จุดธูปเทียนสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กำชับบ่าวไพร่ในบ้าน เย็นวันนั้นก็ให้หลี่กู้พาผู้จัดการร้านไปด้วยสองคนนำรถสินค้าออกไปรอนอกเมือง ภรรยาเห็นสารถีนำรถออกไป ได้แต่น้ำตาคลอ ยามห้าเช้าวันรุ่งขึ้น หลูจวิ้นอี้ทำกิจวัตรประจำวันแล้ว นำอาวุธติดตัว ไปจุดธูปเทียนไหว้บรรพบุรุษในโถงหลังบ้าน แล้วกำชับภรรยาให้ดูแลบ้าน ตนไปราวสามเดือน อย่างเร็วห้าสิบวันจึงกลับมา
นางเจี่ยสื้อว่า “สามีท่าน ระหว่างทางโปรดรักษาตัว จดหมายส่งข่าวมาบ้าง”
เอี้ยนชิงก็มาคำนับตรงหน้า หลูจวิ้นอี้กำชับว่า “เสียวอี่อยู่บ้าน คอยระวังเรื่องผิดคาด อย่าเที่ยวไปเถลไถล”
เอี้ยนชิงว่า “นายท่านออกเดินทางเช่นนี้ เสียวอี่ย่อมไม่เหลวไหล”
หลูจวิ้นอี้คว้ากระบองออกเดินทางไปนอกเมือง
挂壁悬崖欺瑞雪,撑天柱地撼狂风。
虽然身上无牙爪,出水巴山秃尾龙。
แขวนผนังพิงหน้าผา  
สะกดหิมะมาต้องฤดู
ค้ำฟ้ายันดินอยู่  
กวัดแกว่งเกิดพายุป่วน
แม้ไร้เขี้ยวเล็บจิกข่วน   มังกรหางด้วน
เริงภูผาท้าวารี
 
(มังกรหางด้วน คือ กระบอง)
หลูจวิ้นอี้มาสมทบกับพวกหลี่กู้ แล้วบอกหลี่กู้ว่า “ท่านพาผู้ติดตามคนสองคนล่วงหน้าไปก่อน พบร้านอาหารและที่พักสะอาดสะอ้าน ก็จัดเตรียมอาหารรอไว้ พวกกุลีสารถีไปถึงจะได้กินกันเลยไม่ต้องรอ”
หลี่กู้คว้ากระบองล่วงหน้าไปก่อน หลูจวิ้นอี้นำขบวนรถตามมาเห็นทิวทัศน์ข้างทางงดงาม ชอบใจนักคิดว่า “หากข้าอยู่แต่บ้าน ไหนเลยจะได้ชื่นชมทัศนียภาพงามปานนี้”
เดินทางได้สี่สิบกว่าลี้ หลี่กู้มารอรับพาไปยังร้านอาหาร ส่วนหลี่กู้ก็ล่วงหน้าไปก่อน เดินทางอีกสี่ห้าสิบลี้ หลี่กู้ก็รอรับพาไปยังที่พักแรมพร้อมกินอาหาร เช้าวันรุ่งขึ้น ออกเดินทางต่อ เป็นเช่นนี้ตลอดทางหลายวันจนมาถึงที่พักแห่งหนึ่ง
เช้าวันรุ่งขึ้นจะออกเดินทาง เสี่ยวเอ้อมาบอกหลูจวิ้นอี้ว่า “ขอเรียนท่านลูกค้าให้ทราบไว้ จากที่ร้านนี้ไปยี่สิบลี้ จะผ่านปากทางขึ้นเขาเหลียงซาน แม้ท่านอ๋องใหญ่ซ่งกงหมิงจะสั่งไว้ไม่ให้ทำอันตรายคนเดินทาง แต่ท่านควรผ่านไปเงียบๆ อย่าเอะอะ”
หลูจวิ้นอี้ว่า “อย่างนั้นหรือ” แล้วสั่งให้ผู้จัดการนำหีบใบหนึ่งลงมาจากรถ ไขเปิดออกนำเอาห่อผ้าออกมาห่อหนึ่ง ในห่อมีธงขาวอยู่สี่ผืน จึงขอให้เสี่ยวเอ้อนำไม้ไผ่มาสี่ลำใช้เป็นคันธง บนผืนธงทั้งสี่มีอักษรเขียนเอาไว้ว่า
慷慨北京卢俊义,远驮货物离乡地。
一心只要捉强人,那时方表男儿志。
หลูจวิ้นอี้เป่ยจิงน้ำใจกว้าง
ขนสินค้าเดินทางมาจากบ้าน
ตั้งใจไว้แน่วแน่จับโจรพาล
สมปณิธานหมายมุ่งแห่งชาติชาย
พวกหลี่กู้เห็นเข้าใจหล่นไปถึงตาตุ่ม
เสี่ยวเอ้อถามว่า “ท่านเป็นญาติท่านอ๋องใหญ่ซ่งหรือ”
หลูจวิ้นอี้ว่า “ข้าเป็นเศรษฐีเมืองเป่ยจิง จะไปเป็นญาติกับโจรได้อย่างไร ข้าตั้งใจจะมาจับเจ้าพวกซ่งเจียงนี่”
เสี่ยวเอ้อว่า “ลูกค้าท่าน เบาเสียงหน่อย ผู้น้อยจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ต่อให้ยกทัพมานับหมื่น ก็ยังเข้าใกล้พวกเขาไม่ได้”
หลูจวิ้นอี้ว่า “ผายลม เจ้าคงจะสมคบกับพวกโจรนั่น”
เสี่ยวเอ้อพูดไม่ออกคิดแต่ว่าแย่แล้ว พวกกุลีสารถีต่างอื้งเป็นบ้าใบ้
หลี่กู้ว่า “นายท่านเห็นใจพวกข้าเถิด เหลือชีวิตให้กลับบ้านไปทำพิธีหลอเทียนต้าเจี้ยวบ้าง”
หลูจวิ้นอี้ตวาดว่า “ท่านรู้อะไร พวกนกกระจอกนั่น ไหนเลยจะมาสู้พญาหงส์ ข้าคิดอยู่ว่า วิชาที่สู้อุตส่าห์ฝึกฝนมาจะไม่มีที่แสดง วันนี้โชคดีมีโอกาส ไม่แสดงเสียที่นี่จะรอเมื่อไร บนรถนั่นข้าปักถุงเอาไว้ ข้างในบรรรจุเชือก ถ้าเจอพวกโจรนั่น ข้าฟันมันล้มลง พวกเจ้าก็เอาเชือกมัดพาไปไว้บนรถ สินค้าทิ้งไปได้ไม่เป็นไร เอารถไว้ใส่เชลย จับส่งไปขึ้นรางวัลที่เมืองหลวง สมปณิธานที่ข้าตั้งใจไว้ หากใครไม่ยอมไป ข้าจะฆ่าทิ้งเสียก่อนที่นี่เลย”
หลูจวิ้นอี้ให้นำธงสี่ผืนปักไว้บนรถนำสี่คัน ส่วนอีกหกคันแล่นตามมา พวกหลี่กู้ได้แต่ร้องไห้ แล้วจำใจตามมา หลูจวิ้นอี้นำดาบพอเตามามัดต่อกับไม้พลองของตนกลายเป็นง้าว แล้วเร่งขบวนรถให้เดินทางมาตามเส้นทางสู่เขาเหลียงซาน
ตอนก่อนหน้า : หมอดูแม่นๆ
ตอนถัดไป : อุบายจับกิเลน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา