7 ส.ค. เวลา 10:44 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 148

หลูจวิ้นอี้ กิเลนหยก (4) อุบายจับกิเลน
ขบวนรถสินค้าแล่นมาตางทาง ผ่านทางแยกเมื่อไร พวกหลี่กู้ก็ลุ้นใจหายใจคว่ำ เดินทางแต่เช้าตรู่จนถึงยามสื้อ 巳牌 (10:00 น.) เห็นดงไม้ใหญ่ขนาดคนโอบไม่รอบนับร้อยพันต้นอยู่เบื้องหน้า พอขบวนรถมาถึงชายดง ได้ยินเสียงเป่าปาก ทำเอาหลี่กู้กับสองผู้จัดการสะดุ้งสุดตัวแต่ก็ไร้ที่กำบัง หลูจวิ้นอี้ให้ขบวนรถหลบชิดข้างทาง พวกกุลีสารถีพากันหลบอยู่ใต้ท้องรถ
หลูจวิ้นอี้ตวาดสั่งว่า “ข้าเล่นงานใครล้ม ก็เข้าไปจับมัด”
พูดไม่ทันจบ มีลิ่วล้อราวห้าร้อยคนออกมาจากชายดง มีเสียงม้าล่อดัง ลิ่วล้ออีกห้าร้อยคนโผล่มาสกัดทางอยู่ด้านหลัง เสียงปืนดังจากในดง ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งกระโดดออกมา
茜红头巾,金花斜袅;  
铁甲凤盔,锦衣绣袄。  
血染髭髯,虎威雄暴;  
大斧一双,人皆吓倒。
 
โพกผ้าหญ้าเชี่ยนแดง
แต่งดอกไม้ทองเอียงผจง
สวมเกราะเหล็กหมวกหงส์
ใส่เสื้อแพรมีลายปัก
หนวดเคราเปรอะเปื้อนเลือด
ดุเดือดดุจดังพยัคฆ์
สองขวานใหญ่ไกวกวัก
ใครเห็นชะงักล้มหงาย
หลี่ขุยคอนสองขวานถามมาว่า “เจ้าสัวหลู ยังจำศิษย์นักพรตใบ้ได้อยู่ไหม”
หลูจวิ้นอี้นึกได้ ตวาดว่า “ข้าคิดเสมอว่าจะมาจับพวกโจรเจ้า วันนี้ตั้งใจมาถึงนี่ ไปเรียกเจ้าซ่งเจียงมาคุกเข่ายอมแพ้ ถ้ายังดื้อรั้น ข้าจะขยี้พวกเจ้าให้ตายในพริบตา ไม่ให้เหลือสักคน”
หลี่ขุยหัวเราะร่วน “เจ้าสัว วันนี้ถูกอุบายเสนาธิการของเราแล้ว มานั่งเก้าอี้เราดีๆ”
หลูจวิ้นอี้โกรธจัด ถือง้าววิ่งเข้าหาหลี่ขุย หลี่ขุยควงขวานรับ สู้กันได้ไม่ถึงสามเพลง หลี่ขุยก็โดดออกนอกวง แล้วเผ่นหนีเข้าป่า หลูจวิ้นอี้กวดตาม หลี่ขุยหลบซ้ายย้ายขวา หลูจวิ้นอี้ยิ่งฉุนเฉียว พลัดตามเข้ามาในดง หลี่ขุยหนีหายไปในดงสน ไม่เห็นตัวเสียแล้ว
หลูจวิ้นอี้หันหลังจะกลับออกมา ในดงสนก็มีคนโผล่มากลุ่มหนึ่ง มีเสียงตะโกนลั่นมาว่า “เจ้าสัว อย่าเพิ่งไป จำข้าได้ไหม”
หลูจวิ้นอี้หันมาเห็นภิกษุร่างอ้วนใหญ่ใส่จีวรดำ ถือไม้เท้าเหล็ก จึงตวาดว่า “เป็นพระมาจากไหน”
หลู่จื้อเซินหัวเราะร่าว่า “ส่าเจียคือสงฆ์ลงลายหลู่จื้อเซิน รับบัญชาท่านเสธ.ให้มาเชิญเจ้าสัวขึ้นเขา”
 
หลูจวิ้นอี้งุ่นง่านด่ามาว่า “ลาหัวเถิก ไม่มีมารยาท” แล้วชูง้าววิ่งเข้าหาหลู่จื้อเซิน หลู่จื้อเซินควงไม้เท้ารับ รบกันได้ไม่ถึงสามเพลง หลู่จื้อเซินปัดง้าว แล้วหันหลังวิ่งหนี หลูจวิ้นอี้ไล่ตาม
พลันมีเสียงม้าล่อ ผู้จาริกอู่ซงควงมีดศีลคู่วิ่งมาหา หลูจวิ้นอี้ไม่ตามพระ หันมาหาอู่ซง สู้กันไม่ทันสามเพลง อู่ซงชักเท้าหันหลังวิ่งหนี
หลูจวิ้นอี้หัวเราะลั่นว่า “ข้าไม่ตามแล้ว พวกเจ้าไม่สมราคาคุยเลย”
ไม่ทันขาดคำ มีเสียงตะโกนมาจากลาดเขาว่า “เจ้าสัวหลู ท่านรู้ได้อย่างไร ไม่เคยได้ยินหรือที่เขาว่า
คนกลัวลงบ่อ เหล็กกลัวลงเตา (ตกหลุมพรางหนีไม่รอด)
人怕落荡  铁怕落炉
ตกหลุมพรางที่ท่านพี่วางไว้ ยังจะหนีไปไหน”
หลูจวิ้นอี้ตะคอกถาม “เจ้านี่เป็นใคร”
คนผู้นั้นหัวเราะแล้วตอบว่า “ผู้น้อยผีผมแดงหลิวถัง”
หลูจวิ้นอี้ตะโกนด่า “ไอ้โจร อย่าหนี” แล้วชูง้าววิ่งเข้าหาหลิวถัง สู้กันได้สามเพลง มีเสียงตะโกนมาจากพงหนาม “ชาติชายจอมบุ่มบ่ามมู่หงอยู่ที่นี่”
หลิวถัง มู่หง ต่างใช้ดาบพอเตารุมรบหลูจวิ้นอี้ได้สามเพลง มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง
หลูจวิ้นอี้ตวาดว่า “โดน” หลิวถัง มู่หง กระโดดถอยหลัง หลูจวิ้นอี้หันหลังมารบคนด้านหลัง อินทรีโฉบฟ้าหลี่อิ้ง แล้วทั้งสามก็ยืนเป็นสามเส้าเข้ารุมรบ หลูจวิ้นอี้ไม่ลนลาน ยิ่งรบมือยิ่งขึ้น
เสียงม้าล่อดัง ทั้งสามอาศัยจังหวะล่าถอยพร้อมกัน หลูจวิ้นอี้สู้จมเหงื่อโทรม ก็ไม่ไล่ตาม เดินกลับออกจากดงตรงมายังขบวนรถที่จอดหลบไว้ แต่ไม่เห็นเสียแล้วทั้งรถทั้งคน หลูจวิ้นอี้วิ่งขึ้นบนเนินสูงแล้วมองหาโดยรอบ จึงเห็นพวกลิ่วล้อต้อนรถทั้งสิบคันอยู่หน้า มัดพวกหลี่กู้เป็นพวงให้เดินตามหลัง ประโคมฆ้องกลองเดินอยู่ริมดงสนลิบๆ ข้างหน้า
หลูจวิ้นอี้ร้อนใจดังไฟเผา ถือดาบวิ่งตามมา มาได้ไม่ไกลนัก มีเสียงชายสองคนตะโกนมาว่า “จะไปไหน” คนหนึ่งคือ เจ้าเครางามจูถง อีกคนคือ เสือติดปีกเหลยเหิง
หลูจวิ้นอี้พอเห็นเข้าก็ตะโกนด่า “ไอ้พวกโจร เอารถมาคืนข้าดีๆ”
จูถงเอามือลูบเคราหัวเราะว่า “เจ้าสัวหลู ยังไม่รู้ตัวอีก ต้องอุบายท่านเสนาธิการแล้ว มีปึกก็บินหนีไม่พ้น รีบมานั่งเก้าอี้ที่ค่ายเราแต่โดยดี”
หลูจวิ้นอี้ได้ฟังก็โกรธ ชูง้าววิ่งเข้าหาทั้งสอง รบกันได้สามเพลง ทั้งคู่ก็หันหลังวิ่งหนี หลูจวิ้นอี้คิดว่า “ต้องจับให้ได้สักคนหนึ่ง เอาไปแลกรถ” จึงวิ่งตามมา พออ้อมลาดเขา ก็ไม่เห็นใคร หายกันไปหมด
 
พลันมีเสียงปี่กลองดังมาจากบนยอดเขา พอเงยหน้ามองก็เห็นธงเหลืองสะบัดลม ปักสี่อักษรว่า “ผดุง ธรรม แทน ฟ้า 替天行道” พอเลี้ยวมาก็เห็นฉัตรผ้าแดงแซมทองกางให้ซ่งเจียง ด้านซ้ายอู๋ย่ง ด้านขวากงซุนเสิ้ง มีผู้ติดตามสองร้อยกว่าคนร้องขานพร้อมเพรียงกันว่า “ท่านเจ้าสัว จากกันมาสบายดี”
หลูจวิ้นอี้เห็นแล้วยิ่งโมโห เอานิ้วชี้ขึ้นมาบนเขาตะโกนด่า อู๋ย่งจึงว่า “ท่านเจ้าสัว อย่าเพิ่งโมโห ท่านพี่ซ่งกงหมิงได้ยินกิตติศัพท์ของท่านมานาน จึงให้ผู้แซ่อู๋ไปเยือนถึงเรือนเชิญท่านเจ้าสัวขึ้นเขา ร่วมผดุงธรรมแทนฟ้า อย่าได้ถือโทษ”
หลูจวิ้นอี้ตะโกนด่าลั่นว่า “โจรไพรใจบาป กล้ามาหลอกข้า”
หลีกว่างน้อยฮวาหยงเดินอ้อมหลังซ่งเจียงมา ถือธนูและดอกศรเล็งมายังหลูจวิ้นอี้แล้วตวาดว่า “เจ้าสัวหลู อย่าได้ผยองนัก จะให้ท่านดูธนูเทพฮวาหยง” พูดไม่ทันจบ ลูกธนูก็พุ่งมาตัดพู่แดงบนหมวกของหลูจวิ้นอี้ขาด จนตกใจ หันหลังหนี
เสียงกลองบนเขารัวดังขึ้น อสนีบาตฉินหมิง หัวเสือดาวหลินชง นำคนโบกธงโห่ร้องมาจากด้านตะวันออก กระบองคู่ฮูหยันจว๋อ มือทวนทองสวีหนิง นำคนโบกธงโห่ร้องมาจากด้านตะวันตก หลูจวิ้นอี้ตกใจไม่มีทางหนี
ฟ้าเริ่มค่ำแล้ว ขาก็เจ็บท้องก็หิว หลูจวิ้นอี้วิ่งไม่เลือกทิศรู้แต่ไปตามทางน้อยจนพลบค่ำ เมฆหมอกลงปกคลุม แสงดาวเดือนไม่กระจ่าง มองทางไม่ชัด วิ่งๆ ไปนั้น ไม่ทันถึงปลายฟ้า กลับมาสุดแผ่นดิน 不到天尽头  须到地尽处 มาถึงหัวหาดปากเป็ด มองไปข้างหน้าเห็นแต่พงอ้อแขม และท้องน้ำที่มีแต่หมอก
หลูจวิ้นอี้เงยหน้ามองฟ้าถอนหายใจ “เพราะข้าไม่ฟังคำเตือนโดยหวังดี วันนี้จึงต้องมาตกระกำลำบาก”
ชาวประมงผู้หนึ่งแจวเรือน้อยออกมาจากพงอ้อ มาลอยลำอยู่แล้วตะโกนมาว่า “นายท่านใจกล้านัก นี่เขตเหลียงซานป๋อ ค่ำมืดดึกดื่น มาทำอะไรที่นี่”
หลูจวิ้นอี้ว่า “ข้าหลงทาง หาที่พักไม่ได้ ท่านช่วยข้าที”
ชาวประมงว่า “อ้อมเขาไปรอบใหญ่นี่มีตลาดอยู่ เดินเท้าราวสามสิบกว่าลี้ แต่เส้นทางสับสน จำทางลำบาก หากไปทางน้ำ ก็แค่ประมาณห้าลี้ ท่านให้ข้าสิบก้วน ข้าจะแจวเรือไปส่ง”
หลูจวิ้นอี้ว่า “ถ้าท่านพาข้าข้ามไปถึงตัวตลาด ข้าจะให้ท่านเพิ่ม”
ชาวประมงนำเรือเข้าเทียบตลิ่ง ประคองหลูจวิ้นอี้ลงเรือ ถ่อเรือออกจากตลิ่ง พายมากลางน้ำได้ราวห้าลี้
มีเสียงพายพรวดๆ ในพงอ้อด้านหน้า เรือลำหนึ่งแล่นมาราวเหาะ มีคนบนเรือสองคน คนหน้าถอดเสื้อใช้ถ่อ คนหลังแจวเรือ คนหน้านำถ่อมาถือขวางไว้แล้วร้องเพลงภูเขา 山歌
生来不会读诗书,且就梁山泊里居。
准备窝弓射猛虎,安排香铒钓鳌鱼。
เกิดมาไม่เรียนรู้ดูหนังสือ
ยึดถือหนองเหลียงซานอยู่อาศัย
เตรียมหน้าไม้เอาไว้ยิงเสือใหญ่
เหยื่อโอชะใช้ตกปลาหัวมังกร
 
(ปลาอ๋าว 鳌鱼 ปลาในตำนาน ตัวเป็นปลา หัวเป็นมังกร)
หลูจวิ้นอี้ได้ฟังก็ตกใจไม่กล้าส่งเสียง พงอ้อด้านขวามีเรือน้อยอีกลำแจวออกมา คนหลังแจวเรือดังเอี๊ยดอ๊าด คนหน้าถือถ่อขวางร้องเพลงภูเขา
乾坤生我泼皮身,赋性从来要杀人。
万两黄金浑不爱,一心要捉玉麒麟。
ฟ้าดินให้ข้าเกิดเป็นคนพาล
มีสันดานแต่ไรมาชอบเข่นฆ่า
ทองคำหมื่นตำลึงไม่นำพา
ตั้งใจว่าขอจับกิเลนหยก
หลูจวิ้นอี้ฟังแล้วยิ่งใจเสีย แล้วก็เห็นเรืออีกลำแล่นฉิวมาตรงกลาง คนบนหัวเรือถือสว่านเหล็กด้ามไม้ร้องเพลงภูเขา
芦花丛里一扁舟,俊杰俄从此地游。
义士若能知此理,反躬逃难可无忧
เรือหนึ่งลอยลำ กลางดงดอกอ้อ
ก็พอดีผู้กล้าท่องถึงที่นี่
มีคุณธรรมตรองรู้เหตุผลนี้
กลับหลังหนีลี้ภัยไร้กังวล
(เพลงที่สามนี้ คือ บทกวีที่อู๋ย่งหลอกให้หลูจวิ้นอี้เขียนไว้บนผนังในโรงรับจำนำ ซึ่งมีอักษรจีนสี่ตัวหน้าวรรคเรียงกันอ่านได้ว่า 芦俊义反 หลูจวิ้นอี้ขบถ)
เพลงจบ คนเรือทั้งสามลำก็ขานคารวะพร้อมกัน ลำกลางคือ หยวนเสี่ยวเอ้อ ลำซ้ายหยวนเสียวอู่ ลำขวาหยวนเสี่ยวชี เรือทั้งสามแล่นเข้ามาพร้อมกัน หลูจวิ้นอี้ยิ่งตระหนก ตัวเองก็ว่ายน้ำไม่เป็น จึงรีบบอกชาวประมงให้นำเรือเข้าฝั่ง
ชาวประมงหัวเราะร่ากล่าวกับหลูจวิ้นอี้ว่า “ข้างบนฟ้าคราม ข้างล่างน้ำเขียว ข้าเกิดอยู่ลำน้ำสวินหยาง มาอาศัยอยู่หนองเหลียงซาน ยามสามไม่เปลี่ยนชื่อ ยามสี่ไม่เปลี่ยนแซ่ ฉายาข้าคือมังกรน้ำขุ่นหลี่จวิ้น เจ้าสัวท่านหากยังไม่ยอมแพ้ คงต้องถึงแก่ชีวิต”
หลูจวิ้นอี้ยิ่งตระหนก ตวาดลั่น “ไม่ใช่เจ้า ก็คือข้า” แล้วใช้ดาบฟันมายังหน้าอกหลี่จวิ้น หลี่จวิ้นถือไม้พายตีลังกากลับหลังลงน้ำ เรือน้อยหมุนคว้างอยู่กลางน้ำ ดาบฟันพลาดก็หลุดมือตกน้ำไปด้วย
ท้ายเรือมีคนโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ขาวคะนองคลื่นจางซุ่นว่ายไปหัวเรือ เหยียบคลื่นจับหัวเรือกด ท้ายเรือชี้ฟ้า หลูจวิ้นอี้ร่วงตกน้ำ
จางซุ่นดำน้ำลงไปโอบเอวหลูจวิ้นอี้แล้วลากไปยังฝั่งตรงข้าม ซึ่งมีคนถือคบไฟยืนรออยู่ห้าหกสิบคน เข้ามารับตัวขึ้นฝั่ง ล้อมเข้ามา แก้มีดคาดเอว ถอดเสื้อผ้าเปียกน้ำออก แล้วจะนำเชือกมามัด
จอมเวทเทพเดินหนไต้จงตะโกนลั่นมาว่า “อย่าทำร้ายร่างกายท่านเจ้าสัวหลู” แล้วให้คนนำห่อผ้าใส่ชุดแพรลายปักมาผัดให้หลูจวิ้นอี้ ลิ่วล้อแปดคนหามเกี้ยวมา พยุงหลูจวิ้นอี้ขึ้นเกี้ยวพาขึ้นเขา
โคมแดงสามสิบคู่ส่องสว่างมาแต่ไกล แลเห็นคนกลุ่มหนึ่งประโคมมโหรีรอต้นรับ สามคนหน้าคือ ซ่งเจียง อู๋ย่ง กงซุนเสิ้ง ด้านหลังคือเหล่าหัวหน้า ทั้งหมดลงมาจากหลังม้า หลูจวิ้นอี้รีบลงจากเกี้ยว ซ่งเจียงคุกเข่านำ เหล่าหัวหน้าคุกเข่าตาม เรียงกันไป
หลูจวิ้นอี้รีบคุกเข่าตอบกล่าวว่า “ในเมื่อถูกจับได้ ขอให้สังหารโดยไว”
ซ่งเจียงหัวเราะร่วนแล้วว่า “เชิญท่านเจ้าสัวขึ้นเกี้ยว”
ขบวนเดินทางประโคมมโหรีผ่านด่านทั้งสามมาถึงหน้าหอธรรมภักดิ์ 忠义堂 ลงม้าแล้วเชิญหลูจวิ้นอี้เข้ามาในหอซึ่งจุดตะเกียงสว่างไสว ซ่งเจียงกล่าวขอขมาว่า “ผู้น้อยได้ยินกิตติศัพท์ของท่านเจ้าสัวมานาน เหมือนฟ้าร้องก้องหู วันนี้มีโชคได้คารวะจรรโลงชีวิต ที่ผ่านมาเหล่าพี่น้องได้ทำการลบหลู่โปรดให้อภัย”
อู๋ย่งก้าวออกมากล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ได้รับบัญชาท่านพี่ให้ผู้แซ่อู๋ไปเชิญท่านยังเรือน ใช้คำทำนายนำพาท่านเจ้าสัวขึ้นเขามาร่วมชุมนุม ร่วมผดุงธรรมแทนฟ้า”
ซ่งเจียงเชิญเจ้าสัวหลูขึ้นนั่งเก้าอี้ลำดับที่หนึ่ง
หลูจวิ้นอี้ตอบตามมารยาทว่า  “ผู้ต่ำต้อยด้อยความรู้ความสามารถ บังอาจลบหลู่บารมี โทษตายสักหมื่นครั้งก็ยังเบา เหตุใดจึงลวงกันเล่น”
ซ่งเจียงหัวเราะแล้วว่า “มิบังอาจลวงกันเล่น เหมือนดังผู้กระหาย เฝ้ารอท่านเจ้าสัวผู้ทรงบารมีและคุณธรรมโดยจริงใจ หวังอย่างยิ่งว่าท่านจะไม่รังเกียจสถานที่ต่ำต้อย ยอมเป็นประมุขของค่าย”
หลูจวิ้นอี้ตอบว่า “ขอยอมสิ้นชีพ ยากที่จะปฏิบัติตาม”
อู๋ย่งว่า “วันหน้าค่อยหารือกันใหม่”
แล้วก็ให้จัดสุราอาหารเลี้ยงรับรอง หลูจวิ้นอี้ทำอะไรไม่ได้จำต้องร่วมดื่ม จากนั้นลิ่วล้อก็นำไปยังห้องพักในโถงหลัง
ตอนก่อนหน้า : คนเสเพล
ตอนถัดไป : สามวันจากนารีเป็นอื่น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา