30 ก.ค. เวลา 04:45 • ประวัติศาสตร์

แอปเปิ้ลลูกที่3 แอปเปิ้ลที่เปลี่ยนโลกเทคโนโลยี และนี่คือแอปเปิ้ลจากชายที่ชื่อว่า Steve Jobs

สิ่งที่ยิ่งใหญ่ เกิดจากคนที่คิดการใหญ่ ปัจจุบันมูลค่าของบริษัท แอปเปิ้ล เจ้าของผลิตภัณฑ์ IPhone IPad Macbook และอีกมากมาย อยู่ที่3ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ
ใครจะรู้ว่าจุดเริ่มต้นมันเล็กราวกับเปลวไฟจากหัวไม้ขีด และคนที่เราจะกล่าวถึงเขามีส่วนทำให้ไฟดวงน้อยๆกลายร่างเป็นดวงอาทิตย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
วันนี้ผมอยากนำเสนอ บุรุษผู้คิดการใหญ่ สตีฟ จอบส์
สตีฟ เป็นเด็กกำพร้า เขาถูกรับเลี้ยงโดยพ่อแม่บุญธรรม ในวัยเด็กเป็นเรื่องปกติที่เขาจะถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อว่าพ่อแม่ของเขาไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ แน่นอนเด็กชายสตีฟร้องไห้เสียใจ แต่พ่อแม่ช่วยเขาไว้ ทั้งคู่บอกกับสตีฟว่า ไม่ใช่เลย ลูกคือคนพิเศษต่างหาก เราถึงได้เลือกลูก
สิ่งนี้ทำให้สตีฟผ่านเรื่องราวในวัยเด็กมาได้ จนถึงตอนเข้ามหาลัย เขาเข้าเรียนที่ วิทยาลัยรีด ในพอร์ตแลนด์ มลรัฐโอเรกอน แต่ก็เรียนไม่จบ เพราะหลังจากเข้าเรียนได้ปีกว่าๆเขาก็ตัดสินใจลาออก และขอเข้าเรียนแบบไม่เอาปริญญา ตัวเขาให้เหตุผลว่าบางวิชาที่เรียนอยู่เขาไม่เห็นว่าจำเป็นเลย จึงขอเข้าเรียนเฉพาะวิชาที่ต้องการและสนใจ
สตีฟในวัยหนุ่มเริ่มเข้าทำงานที่บริษัท อาตาริ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และวิดีโอเกมส์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในยุคนั้น เขาทำหน้าที่แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับตู้เกมส์ มีอยู่ครั้งหนึ่งบริษัทตั้งโจทย์ว่าต้องการให้ตู้เกมส์ที่ปกติต้องเล่น2คนให้สามารถเล่นคนเดียวได้
เพราะเชื่อว่าตัวเกมส์จะได้รับความนิยมมากขึ้นหากเล่นคนเดียวได้ แต่ติดปัญหาที่ว่าแผงวงจรที่จะใช้ควบคุมการทำงานของตู้มีจำนวนชิ้นส่วนที่ต้องใช้มากเกินไป บริษัทจึงต้องการลดจำนวนชิ้นส่วนลง เพราะหากใช้น้อยลงต้นทุนก็ถูกขึ้นในการผลิต
สตีฟจึงได้ชวนเพื่อนของเขามาช่วยในงานนี้ นั้นคือ นึงในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลในเวลาต่อมา ชื่อของเขาคือ สตีฟ วอซเนียก ในขณะนั้นสตีฟ วอซเนียกทำงานอยู่กับบริษัท HP (ฮิวเลตต์-แพคการ์ด)
โดยทั้งคู่เคยประดิษฐ์สิ่งนึงขึ้นมาในชื่อ"บลูบ็อกซ์"เป็นตัวที่จะทำให้เราสามารถโทรทางไกลได้แบบฟรีๆจากเดิมที่ราคาสูงมาก
ตัวของ สตีฟ วอซเนียก มีงานอดิเรกในการทำแผงวงจรต่างๆขึ้นมาใช้งาน และตั้งใช้จะแบ่งปันสิ่งที่ตนเองทำกับคนอื่นแบบฟรีๆ แต่เมื่อ สตีฟ จอบส์ รู้เรื่องเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าสิ่งนี้สามารถขายได้ เขาจึงเสนอตัวว่าเขาจะหาทางขายเจ้าสิ่งนี้เอง
พวกเขาจึงได้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ขึ้น ในโรงรถที่บ้านของครอบครัวจอบส์
ทุกท่านอาจจะคิดว่าแรกเริ่มบริษัทมีผู้ก่อตั้งเพียง2คน คือ สตีฟ จอบส์ และ สตีฟ วอซเนียก แต่ตวามจริงแล้วยังมีอีกคนนั้นคือ โรนัลด์ เวย์น เขาขอถอนตัวจากบริษัทหลังจากก่อตั้งมาได้เพียง11วัน เนื่องด้วยความฝันใหญ่ของสตีฟ จอบส์ อาจจะทำให้โรนัลด์ เวย์นไม่อยากเสี่ยงด้วยเพราะเขาเคยล้มเหลวในการทำธุรกิจมาแล้ว
สตีฟ จอบส์ได้นำผลงานของเพื่อนไปเสนอขายให้กับร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งนึง และได้รับออเดอร์แรกมา50ชิ้น จึงเป็นที่มาของเครื่องApple I ในปี1976 ที่ถูกตั้งราคาไว้ที่ 666.66 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นแค่แผงวงจรที่ไม่มีอะไรเลย คนที่ซื้อไปต้องไปหากล่องไม้ไว้ใส่และต่อไฟเข้าใช้งานเอง
ในปีต่อมา บริษัทได้ทุนจากไมค์ มาร์คคูลา จอบส์กับวอซเนียก ได้นำเครื่องApple II ออกสู่ตลาด และประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย และสินค้าตัวนี้เองที่พาบริษัทให้กลายเป็นมหาชนในที่สุด และ
และต่อมาก็มีการปล่อย Apple III แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่ารุ่นก่อนหน้า
ในปี 1983 จอบส์ได้ว่าจ้าง จอห์น สกัลลีย์ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเป็บซี่-โคล่า ให้มาดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของแอปเปิล
เวลาผ่านไปเพียง1ปี จอบส์ก็ได้เตรียมที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ ที่เขาคิดว่าจะเป็นตัวเปลี่ยนโลก คือ เครื่องแมคอินทอช(เป็นชื่อสายพันธุ์ของแอปเปิ้ล) เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกที่มีส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟิกส์ ที่ได้แรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นโดยศูนย์วิจัยซีรอกซ์พาร์ก
ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี แต่ไม่เป็นเช่นนั้น ต่อมาไม่นาน จอบส์ถูกบอร์ดบริหารไล่เขาออกจากบริษัทที่เขาเป็นคนก่อตั้ง
ช่วงนั้นเขาจึงออกมาและก่อตั้งบริษัท เน็กซ์ และเขายังซื้อสตูดิโอสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันต่อมาจากจอร์จ ลูคัส ผู้ก่อตั้ง ด้วยราคา 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นั้นคือ พิกซาร์ และอนิเมชั่นเรื่องแรกคือภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องยาวแหวกแนว เรื่อง"ทอย สตอรี่"
หลังจากปลดสตีฟ จอบส์ออก บริษัทก็เหมือนกับคนที่หลงทาง ออกสินค้ามาหลายรายการ เครื่องปริ้น กล้องถ่ายรูป แต่ก็ไม่สามารถขายได้ไม่เป็นที่นิยม
สุดท้ายจึงตัดสินใจเข้าซื้อบริษัทเน็กซ์ ของจอบส์เพื่อนำเขากลับมา จอบส์กลับมาเป็นผู้บริหารให้แอปเปิ้ลอีกครั้งในปี 1997
หลังจากได้กลับมาบริหารอีกครั้ง จอบส์ตัดสินใจยกหูหาบิล เกตส์ เพื่อชักชวนให้มาลงทุนในแอปเปิ้ล บิล เกตส์ตอบตกลงที่จะให้เงินกับจอบส์
และได้นำระบบปฎิบัติการมาจากเน็กซ์มาพัฒนาต่อ ออกมาเป็นmac os x และได้ทำการเปิดตัว ไอแมค (iMac) และตามมาด้วยIPhone IPed IPod ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จ
จอบส์เริ่มหายหน้าหายตาไปในปีหลังๆเพราะเขามาอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งมันเริ่มเมื่อปี2004และเขาก็ต่อสู้เรื่อยมาจนปี2011เขาก็จากไปหลังการเปิดตัวiphone4ได้เพียง4วันเท่านั้นด้วยวัย56ปี
ก่อนจากไปเขาได้แนะนำบุคคลที่จะมาทำงานต่อจากเขาไว้แล้ว นั้นคือ ทิม คุก
สรุปTimeline
ปีค.ศ. 1955 สตีฟ จอบส์ลืมตาดูโลก
ปีค.ศ. 1974จอบส์กับวอซเนียกได้เริ่มผลิตกล่อง"บลูบ็อกซ์"
ปีค.ศ. 1976 สตีฟ จอบส์และวอซเนียกได้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ขึ้น ในโรงรถที่บ้านของครอบครัวจอบส์ และปล่อยเครื่องApple I
ปีค.ศ. 1977 จอบส์กับวอซเนียก ได้นำเครื่องApple II ออกสู่ตลาด
ปีค.ศ. 1980 แอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์ได้กลายมาเป็นบริษัทมหาชนและปล่อยเครื่องApple III
ปีค.ศ. 1983 จอบส์ได้ว่าจ้าง จอห์น สกัลลีย์ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเป็บซี่-โคล่า และเปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ลิซา
ปีค.ศ. 1984 เราได้เห็นการเปิดตัวเครื่องแมคอินทอช
ปี ค.ศ. 1985 จอบส์ถูกคณะกรรมการบริหารของแอปเปิลถอดถอนออกจากภารกิจต่าง ๆ ที่เขาเป็นผู้รับผิดชอบ และได้ลาออกในที่สุด ตั้งบริษัทเน็กซ์
ปีค.ศ. 1986 จอบส์ได้ร่วมกับเอ็ดวิน แคทมัลล์ก่อตั้งพิกซาร์
ปีค.ศ. 1996 แอปเปิ้ลได้ซื้อกิจการบริษัทเน็กซ์ คอมพิวเตอร์เพื่อนำจอบส์กลับมาบริหารแอปเปิล
ปีค.ศ. 2004 จอบส์ได้เข้ารับการผ่าตัดเอาเนื้องอกมะเร็งออกจากตับอ่อน
ปีค.ศ. 2007 iPhone รุ่นแรกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา
ปีค.ศ. 2010 iPad รุ่นแรกวางจำหน่าย
ปีค.ศ. 2011 สตีฟ จ็อบส์ เสียชีวิตอย่างสงบแล้วจากโรคมะเร็งตับอ่อน
จริงๆแล้วผมเองไม่ใช่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ล แต่มีความสนใจในตัวของสตีฟ จอบส์เป็นอย่างมากในเรื่องของการทำงานและความคิดใหญ่ของเขา ผมไม่แปลกใจเลยที่บริษัทแอปเปิ้ลได้กลายเป็นแอปเปิ้ลลูกที่3ที่เปลี่ยนโลกใบนี้
ขอบคุณที่อ่านจนจบ ตัวผมเขียนออกมาเพื่อแบ่งปันกับเพื่อนๆทุกท่าน หากทุกท่านชอบสามารถช่วยกดไลน์และแชร์ไปฝากเพื่อนๆของท่านได้นะครับ
ผมอยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อ่านมากๆเลย หากต้องการคอมเม้นไว้ที่ด้านล้างได้นะครับ
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา