19 ส.ค. เวลา 11:11 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 151

หลูจวิ้นอี้ กิเลนหยก (7) เนรเทศกิเลน
ต่งเชา เซวียป้านำตัวหลูจวิ้นอี้มาพักกักไว้ที่ห้องทำงานเหล่าผู้คุม แล้วกลับบ้านไปเก็บข้าวของเตรียมออกเดินทาง
不亲女色丈夫身,为甚离家忆内人?
谁料室中狮子吼,却能断送玉麒麟!
เป็นสามีมิใส่ใจสมสอง
จากน้องไปไกลบ้านกลับคิดถึง
ในคูหามิคาดมีสิงห์สะพรึง
อาจฉีกทึ้งกิเลนหยกถึงมรณา
หลี่กู้พอรู้ข่าวก็กลุ้มใจ ให้คนไปเชิญสองผู้คุมมาเจรจา ต่งเชา เซวียป้ามาถึงร้านอาหาร หลี่กู้ก็นำเข้าห้องสั่งอาหารเลี้ยงดู พอดื่มสุราได้สามจอก หลี่กู้ก็กล่าวว่า
“ไม่ปิดบังอ้อมค้อม เจ้าสัวหลูกับข้าเป็นคู่แค้นกัน ตอนนี้ถูกเนรเทศไปเกาะซาเหมิน ระยะทางห่างไกล ตัวเขาไม่มีเงินแมัแต่แดงเดียว ค่าใช้จ่ายคงเป็นภาระของท่านทั้งสองที่ต้องเสียไปเปล่าๆ ต่อให้รีบไปรีบกลับ ก็ต้องใช้เวลาสามสี่เดือน
ข้าไม่มีสิ่งอื่นจะมอบให้ มีเพียงเงินสองแท่งนี้เป็นค่ามัดจำ เดินทางไปสักระยะ พบที่ลับตาก็จัดการเอาชีวิตเขาเสีย แล้วลอกตราสักบนใบหน้ากลับมาเป็นหลักฐานให้ข้าเห็น จะมีทองให้ท่านอีกคนละห้าสิบตำลึงทองกลีบ พวกท่านจำเป็นต้องหาเอกสารฉบับหนึ่งเอาเอง (เอกสารรับมอบตัวหรือป่วยตาย) ส่วนเรื่องที่กองหลิวโส่ว 留守 (งานป้องกันภัยและความมั่นคง) ข้าจะจัดการเอง”
ต่งเชา เซวียป้ามองหน้ากันเองไปมา นิ่งเงียบไปพักใหญ่ จ้องมองเงินแท่งทั้งสอง ใจย่อมละโมบ
ต่งเชาว่า “กลัวแต่ว่าจะทำไม่ได้”
เซวียป้าว่า “พี่ท่าน นายท่านหลี่เป็นคนดี พวกเราใช้เรื่องนี้ทำความรู้จักกัน หากวันหน้ามีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้น เขาก็ช่วยดูแลได้”
หลี่กู้ว่า “ข้าไม่ใช่คนที่ลืมคุณคน คงมีโอกาสได้ค่อยๆ ตอบแทนท่านทั้งสอง”
ต่งเชา เซวียป้าเก็บเงินแท่ง กลับบ้านเก็บข้าวของแล้วจะออกเดินทางเย็นนั้นเลย หลูจวิ้นอี้ว่า
“ผู้น้อยเพิ่งถูกลงทัณฑ์วันนี้ แผลโบยยังระบมอยู่ ท่านกรุณาออกเดินทางพรุ่งนี้เช้าเถิด”
เซวียป้าเอ็ดว่า “หุบปากนกเขาเจ้าไปเลย โชคร้ายของพ่อจริง มาเจอผียาจกอย่างเจ้า เกาะซาเหมินไปกลับหกพันกว่าลี้ ค่าเดินทางตั้งเท่าไร เจ้ามันไม่มีสักแดง จะให้พวกข้าดูแลอย่างไร”
หลูจวิ้นอี้บอกว่า “ผู้น้อยถูกใส่ความให้ร้าย พวกท่านก็คงเห็น”
ต่งเชาด่าว่า “พวกเศรษฐีอย่างเจ้า ปกติไม่ยอมควักสักอีแปะ วันนี้ฟ้ามีตา กรรมสนองอย่างว่องไว เจ้าไม่ต้องอ้างอะไร พวกข้าจะช่วยเจ้าให้เดินได้เอง”
หลูจวิ้นอี้ต้องจำกล้ำกลืนสงบปากสงบคำ ออกเดินทางมาทางประตูตะวันออก ต่งเชา เซวียป้านำเอาสัมภาระของตนรวมทั้งร่มกันฝนห้อยไว้กับคาบนคอของเจ้าสัวหลู เจ้าสัวหลูเกิดเป็นเศรษฐีไม่เคยลำบาก วันนี้กลายมาเป็นนักโทษ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
บรรยากาศกลางฤดูสารท ใบไม้ร่วงปลิวละลิ่วลม ห่านป่าย้ายถิ่นโผบินเป็นคู่คู่ ท่ามกลางความหดหู่ เสียงขลุ่ยผิวแว่วลมมา
谁家玉笛弄秋清,撩乱无端恼客情。
自是断肠听不得,非干吹出断肠声。
ขลุ่ยบ้านใครเสียงใสล้อสารทฤดู
ก่อกวนใจหดหู่มิรู้สิ้น 
คนใจขาดบาดใจยามได้ยิน
หาใช่กินใจจากเสียงบาดใจ
ผู้คุมทั้งสองคอยหาเรื่องอยู่ตลอดทาง ฟ้าใกล้ค่ำ เดินทางมาได้สิบห้าลี้ ถึงหมู่บ้านจึงหาที่พัก พอเข้าห้องพักวางข้าวของแล้ว เซวียป้าว่า
“พวกพ่อนี่นับเป็นผู้คุมที่โชคร้ายจริงๆ ต้องมารับใช้นักโทษ ถ้าเจ้าอยากกินข้าว ก็ไปหุงเอาเอง”
หลูจวิ้นอี้ไปขอหญ้าและฟืนจากเสี่ยวเอ้อนำมามัดรวมกันแล้วก่อไฟ เสี่ยวเอ้อช่วยซาวข้าว และล้างถ้วยชาม หลูจวิ้นอี้ไม่เคยทำครัวเองมาก่อน ทำฟืนเปียก จุดไฟไม่ติด พยายามเป่าจนสุดแรง ทำเอาขึ้เถ้าเข้าตา เซวียป้าก็นั่งบ่นกะปอดกะแปด พอข้าวสุก สองผู้คุมก็ตักไปกินกัน หลูจวิ้นอี้ไม่กล้าขอแบ่ง จนทั้งสองกินเสร็จ พอจะเหลือน้ำแกงและข้าวเย็นชืด
หลังอาหารเย็น สองผู้คุมก็จะล้างเท้า ให้หลูจวิ้นอี้ต้มน้ำให้ ระหว่างรอน้ำเดือด หลูจวิ้นอี้เข้ามานั่งพักในห้อง สองผู้คุมล้างเท้าเองแล้ว ตักเอาน้ำร้อนเดือดเข้ามาในห้อง อ้างว่าจะให้หลูจวิ้นอี้ล้างเท้า หลูจวิ้นอี้เพิ่งถอดรองเท้าออก เซวียป้าจับเอาเท้าแช่น้ำร้อน เจ็บแสบเหลือทน
เซวียป้าว่า “พ่อหวังดีล้างเท้าให้ ยังจะมาโวยวาย”
สองผู้คุมเอาโซ่เหล็กล่ามหลูจวิ้นอี้ไว้หลังประตู แล้วก็ไปเข้านอน
เช้ายามสี่ สองผู้คุมตื่นขึ้นมา ให้เสี่ยวเอ้อหุงข้าวกินกันเองแล้ว ก็เก็บข้าวของออกเดินทาง หลูจวิ้นอี้เท้าพอง เหยียบพื้นแทบไม่ได้ แต่ก็ถูกต้อนให้เดิน ฝนฤดูสารทพรำๆ ทางก็ลื่น หลูจวิ้นอี้เดินเซ เซวียป้าก็เอาพลองน้ำไฟหวด ต่งเชาแสร้งทำเป็นขอให้เพลาๆ ลง
เดินออกจากหมู่บ้านมาได้ราวสิบลี้ ถึงดงใหญ่แห่งหนึ่ง หลูจวิ้นอี้ว่า “ผู้น้อยเดินไม่ไหวแล้ว ได้โปรดเห็นใจ ขอพักสักหน่อยเถิด”
สองผู้คุมนำเดินเข้ามาในดง ฟ้าเพิ่งสาง ยังไม่มีคนผ่านทาง เซวียป้าว่า
“พวกข้าสองคนตื่นแต่เช้า เพลียๆ อยู่ จะงีบในดงนี่สักหน่อย กลัวแต่เจ้าจะหนี”
หลูจวิ้นอี้ว่า “ผู้น้อยถึงติดปีกก็บินหนีไม้พ้น”
เซวียป้าว่า “พ่อต้องมัดเจ้าเอาไว้”
แล้วนำเชือกมัดรอบเอวหลูจวิ้นอี้พันรอบต้นสนมัดติดเอาไว้
เสร็จแล้ว เซวียป้าก็บอกต่งเชาว่า “พี่ใหญ่ ท่านไปยืนข้างหน้า ถ้ามีใครผ่านมา ก็ไอเป็นสัญญาน”
ต่งเชาว่า “น้องเรา ลงมือให้ไวหน่อย”
เซวียป้าว่า “วางใจ ไปยืนเฝ้าข้างหน้าเถิด”
เซวียป้าถือไม้พลองน้ำไฟ มองมายังเจ้าสัวหลูแล้วว่า “อย่าโทษพวกข้าทั้งสอง พ่อบ้านของเจ้าหลี่กู้บอกให้พวกข้ากำจัดเจ้าเสียระหว่างทาง ไปถึงเกาะซาเหมินก็ต้องตายอยู่ดี มิสู้ส่งเจ้าลงยมโลกเสียไวๆ อย่าโทษกัน วันนี้ในปีหน้า คือวันครบรอบวันตายของเจ้า”
หลูจวิ้นอี้ได้ฟังน้ำตาพรั่งดังสายฝน ก้มหน้ารอความตาย เซวียป้าเงื้อไม้พลองน้ำไฟฟาดลงกลางศีรษะหลูจวิ้นอี้ ต่งเชาเฝ้าอยู่ด้านหน้าได้ยินเสียงคนล้มลงกับพื้น เดินเข้าดงมาดู เห็นหลูจวิ้นอี้ยังคงถูกมัดติดอยู่กับต้นสน เซวียป้าล้มอยู่ตรงหน้า พลองน้ำไฟตกอยู่ข้างตัว
“ประหลาดจริง ใช้แรงมากไป สะท้อนกลับเข้าตัวหรืออย่างไร”
มองไปรอบด้านก็ไม่เห็นมีอะไร
เลือดไหลออกจากปากของเซวียป้า หน้าอกมีลูกศรยาวเพียงสี่นิ้วปักอยู่ ต่งเชาจะอ้าปากร้องก็มีเสียงคนบนต้นไม้ทางตะวันออกเฉียงเหนือร้องว่า “โดน” ลูกศรดอกหนึ่งปักเข้าใส่ลำคอของต่งเชา สองขาลอยขึ้นจากพื้น ล้มลงคาที่ ชายบนต้นไม้กระโดดลงมาชักมีดฟันตัดเชือก ผ่าคาที่คอ แล้วเข้าสวมกอดเจ้าสัวหลู ร้องไห้โฮ
1
หลูจวิ้นอี้ลืมตามอง จำได้ว่าคือ คนเสเพลเอี้ยนชิง จึงเรียกว่า “เสียวอี่ ไม่ใช่วิญญานข้าลอยมาเจอเจ้าหรอกนะ”
เอี้ยนชิงว่า “เสียวอี่สะกดรอยตามสองคนนั่นตั้งแต่สำนักหลิวโส่ว จนเห็นไปพบกับหลี่กู้ คิดว่าต้องมีแผนร้ายใดแน่ เสียวอี่ตามมาแต่เมื่อคืน ตอนพักที่โรงแรม เสียวอี่ก็ซุ่มอยู่ด้านนอก พอยามห้าตื่นขึ้นมา ก็มาดักรออยู่ที่นี่ คิดอยู่ว่าพวกมันต้องลงมือที่ดงแห่งนี้ จึงใช้หน้าไม้สองดอกเก็บพวกมันเสีย นายท่านเห็นไหม”
หน้าไม้ของเอี้ยนชิง มีดอกศรเพียงสามดอก ยิงร้อยครั้งไม่เคยพลาดเป้า
弩桩劲裁乌木,山根对嵌红牙。
拨手轻衬水晶,弦索半抽金线。
背缠锦袋,弯弯如秋月未圆;
稳放雕翎,急急似流星飞迸。
คันโครงทำจากไม้ตะโกแกร่ง
ไม้จันทน์แดงแฝงฝังร่องไกเสริม
ด้ามจับมีแก้วผลึกแต่งเติม
สายคันศรเพิ่มด้ายทองฟั่นคาด
ใส่ถุงแพรเอาขึ้นสะพายหลัง
วงโค้งดังจันทร์แรมคืนเดือนสารท
ศรนิ่งด้วยขนอินทรีมิมีพลาด
วาดเวหาว่องไวราวผีพุ่งไต้
หลูจวิ้นอี้ว่า “แม้ว่าเจ้าจะช่วยชีวิตข้าไว้ได้ แต่ยิงเจ้าหน้าที่ตายไปสองคน กลายเป็นโทษหนักขึ้น แล้วจะหนีกันไปที่ไหนดี”
เอี้ยนชิงว่า “เรื่องนึ้ซ่งกงหมิงก่อเรื่องให้นายท่านมาแต่ต้น ตอนนี้ไม่ขึ้นเขาเหลียงซานก็ไม่มีที่อื่นไป”
หลูจวิ้นอี้ว่า “แต่แผลโบยข้ามันระบม เท้าก็พองเหยียบพื้นไม่ได้”
เอี้ยนชิงว่า “อยู่ชักช้าที่นี่ไม่ได้ ข้าแบกนายท่านไป”
เอี้ยนชิงค้นหาเงินจากศพผู้คุม สะพายหน้าไม้ เสียบดาบที่เอว ถือไม้พลองน้ำไฟ แบกหลูจวิ้นอี้ไว้บนหลัง มุ่งมาทางทิศตะวันออก ไม่ถึงสิบลี้ ก็แบกต่อไม่ไหว เห็นโรงเตี๊ยมหมู่บ้านขนาดเล็ก ก็เข้าไปเปิดห้องพักและหาซื้ออาหาร
ศพผู้คุมทั้งสองที่นอนตายอยู่นั้น คนเดินทางผ่านไปมาพบเข้าก็ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน 里正 แล้วรายงานต่อไปยังที่ว่าการเมืองต้าหมิงฝู่ ทางการส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสถานที่และชันสูตรศพ พบว่าเป็นศพของต่งเชา เซวียป้า ถูกยิงด้วยหน้าไม้ ผู้ยิงจึงต้องเป็นเอี้ยนชิง เหลียงจ้งซูให้ออกประกาศจับวาดรูปพรรณคนทั้งสองติดไปทั่ว หลูจวิ้นอี้เดินเหินไม่ได้ต้องพักอยู่ เสี่ยวเอ้อดูแล้วลักษณะคล้ายคนในภาพจึงไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านจึงรายงานต่อทางการ
เอี้ยนชิงนำหน้าไม้ออกไปล่าสัตว์ในดงใกล้ที่พักกำลังกลับ เห็นในหมู่บ้านเอะอะผิดปกติ จึงหลบหลังต้นไม้ในดงมองไปเห็นหลูจวิ้นอี้ถูกจับใส่รถ มีเจ้าหน้าที่ถือหอกดาบครบมือล้อมหน้าล้อมหลังรถอยู่ร้อยกว่าคน เอี้ยนชิงจะช่วยก็ไม่มีอาวุธ เห็นแล้วหนักใจตรองว่า เห็นทีจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากซ่งกงหมิงที่เขาเหลียงซาน มิฉะนั้นหลูจวิ้นอี้คงไม่รอดแน่
เอี้ยนชิงออกเดินทางโดยไม่รอช้า เดินมาจนค่ำ ท้องก็หิว เงินก็ไม่มีสักแดง เดินมาถึงเนินแห่งหนึ่งมีดงไม้จึงอาศัยนอนจนรุ่งเช้า พอตื่นขึ้นมา ยังกลัดกลุ้มใจอยู่ ได้ยินเสียงนกกางเขนร้องอยู่บนต้นไม้ เอี้ยนชิงจึงคิดว่า
“ยิงมาแล้วเข้าหมู่บ้านขอใช้น้ำใช้ไฟ แก้หิวไปได้มื้อหนึ่ง”
เอี้ยนชิงลุกขึ้น เดินมาเงยหน้าดูนกกางเขน ค่อยๆ คว้าหน้าไม้ อธิษฐานว่า “เอี้ยนชิงเหลือลูกศรเพียงดอกเดียว หากสามารถช่วยนายท่านได้ไซร้ ขอให้ถูกนกกางเขนร่วงลงมา หากชะตานายท่านถึงฆาตไซร้ ศรแผลงไปขอให้นกหนีรอด”
เอี้ยนชิงยิงหน้าไม้ออกไป ลูกศรถูกหางนก นกบินหนีลงเนินทั้งดอกศร เอี้ยนชิงวิ่งตามจะไปเก็บนก แต่นกหายไปไหนไม่เห็น กลับเห็นคนสองคนเดินมา พอเดินสวนทางกัน คนหนึ่งเอามือตบบ่าเอี้ยนชิงทักทายแล้วเดินต่อไป
เอี้ยนชิงเหลียวกลับมามองตรองว่า “ข้าไม่มีค่าเดินทาง ล้มเจ้าสองคนนี่ ชิงห่อผ้าพอได้ใช้เดินทางไปเขาเหลียงซาน”
เอี้ยนชิงเก็บหน้าไม้ เดินตามหลังคนทั้งสองมา ทั้งคู่ก้มหน้าก้มตาเดิน เอี้ยนชิงชกใส่กลางหลังคนหนึ่งล้มลง แล้วจะหันมาชกอีกคนหนึ่ง คนผู้นั้นใช้กระบองในมือเงื้อหวดใส่ขาซ้ายของเอี้ยนชิงจนล้ม อีกคนลุกขึ้นมาเหยียบเอี้ยนชิงแล้วชักดาบข้างเอวเงื้อจะฟัน
1
เอี้ยนชิงรีบตะโกนว่า “ผู้กล้า ข้าตายไม่ว่า แต่ใครจะส่งข่าวให้นายท่าน”
ชายผู้นั้นยั้งมือไม่ฟัน ฉุดเอี้ยนชิงขึ้นมาถามว่า “เจ้าจะส่งข่าวลับใด”
เอี้ยนชิงว่า “ท่านจะถามไปทำไม”
ชายอีกคนดึงมือเอี้ยนชิงไป แขนเสื้อเปิดเห็นรอยสักเหนือข้อมือ จึงถามว่า
“เจ้าคือคนของเจ้าสัวหลู คนเสเพลเอี้ยนชิง”
เอี้ยนชิงคิดว่า ไหนๆ ก็ต้องตาย บอกไปเลย ให้เขาจับไปตายเป็นผีพร้อมนายท่าน จึงบอกว่า
“ข้านี่แหละคนเสเพลเอี้ยนชิง คนของเจ้าสัวหลูกำลังจะไปส่งข่าวที่เขาเหลียงซาน ให้ซ่งกงหมิงมาช่วยนายท่าน”
ชายทั้งสองหัวเราะหึหึว่า “ดีนะที่ยังไม่ได้ฆ่าท่าน ที่แท้ก็พี่เอี้ยนเสียวอี่ ท่านรู้จักข้าสองคนไหม”
คนชุดดำคือกวนสว่ออมโรคหยางสยง อีกคนคือเจ้าสามเสี่ยงตายสือสิ้ว
หยางสยงว่า “พวกเรารับคำสั่งท่านพี่ให้ไปสืบข่าวเจ้าสัวหลูที่เป่ยจิง ท่านเสนาธิการกับไต้ย่วนจ่างกำลังตามมา”
เอี้ยนชิงพอรู้ว่าคนทั้งสองคือ หยางสยง และสือสิ้ว ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง
หยางสยงว่า “เช่นนี้ ข้ากับเอี้ยนชิงจะกลับเขาไปแจ้งท่านพี่ หาวิธีรับมือ ส่วนเจ้าไปฟังข่าวที่เป่ยจิง ได้ความอย่างไรกลับมารายงาน”
สือสิ้วว่า “ดี”
หยางสยงส่งห่อผ้าให้เอี้ยนชิงสะพาย เร่งเดินทางกลับเขาเหลียงซาน พอพบซ่งเจียง เอี้ยนชิงเล่าเรื่องให้ฟังโดยละเอียด ซ่งเจียงตกใจรีบเรียกเหล่าหัวหน้ามาวางแผนรับมือ
ตอนก่อนหน้า : ลำแขนเหล็ก หนึ่งกิ่งผกา
ตอนถัดไป : ประหารกิเลน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา