23 ส.ค. เวลา 10:46 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 152

หลูจวิ้นอี้ กิเลนหยก (8) ประหารกิเลน
สือสิ้วมาถึงเป่ยจิงในเวลาเย็นจึงพักค้างนอกเมือง เช้าวันรุ่งขึ้น เข้าเมืองมาเห็นชาวเมืองแต่ละคนหน้าตาหมองเศร้าเฝ้าแต่ทอดถอนใจ พอมายังตลาด เห็นประตูปิดกันเป็นส่วนมาก สือสิ้วสงสัยจึงถามผู้อาวุโสท่านหนึ่งบอกว่า
“ท่านเป็นแขกต่างเมือง คงไม่รู้จักเจ้าสัวหลู เศรษฐีใหญ่เมืองนี้ ก่อนหน้านี้ถูกพวกโจรเขาเหลียงซานจับตัวไป หนีกลับมาได้ แต่ถูกตั้งข้อหา ลงโทษเนรเทศไปเกาะซาเหมิน ไม่รู้อย่างไร ระหว่างทางฆ่าผู้คุมตาย ถูกจับตัวมาเมื่อวาน วันนี้ยามอู่สามเค่อ 午时三刻 (ฤกษ์ประหาร หากเทียบเวลาปัจจุบัน ยังไม่ถึง 12:00 น. ดี) จะตัดคอประหารที่กลางตลาด ท่านก็ไปดูได้”
สือสิ้วเข้ามากลางตลาด เห็นที่สี่แยกมีร้านอาหารแห่งหนึ่งจึงขึ้นไปนั่งในห้องติดถนนชั้นบน
บริกรมาถามว่า “ลูกค้าท่าน รอแขกมา หรือนั่งดื่มคนเดียว”
สือสิ้วถลึงตาตอบว่า “เหล้าชามใหญ่ เนื้อชิ้นโต มีอะไรก็ยกมา ถามหานกเขาไร”
บริกรตกใจ รีบไปนำเหล้ามาสองเจี่ยว หั่นเนื้อวัวหนึ่งจานใหญ่
สือสิ้วนั่งกินดื่มอยู่สักพัก ท้องถนนเริ่มเอะอะ ร้านรวงทยอยปิดประตู
บริกรขึ้นมาบอกว่า “ลูกค้าท่านเมาแล้ว ข้างล่างมีเรื่อง ต้องขอคิดเงิน แล้วเชิญท่านไปนั่งที่อื่น”
สือสิ้วว่า “ข้าต้องกลัวนกเขาไร เจ้าไม่รีบกลับลงไป ข้าจะกระทืบ”
บริกรไม่กล้าส่งเสียง รีบกลับลงชั้นล่าง
ไม่นานนัก มีเสียงฆ้องกลองประโคมมาตามถนน
两声破鼓响,一棒碎锣鸣。
皂纛旗招展如云,柳叶枪交加似雪。
犯由牌前引,白混棍后随。
押牢节级狰狞,仗刃公人猛勇。
高头马上,监斩官胜似活阎罗;
刀剑林中,掌法吏犹如追命鬼。
可怜十字街心里,要杀含冤负屈人!
รัวกลองแตกสองที
แล้วตีฆ้องร้าวหนึ่งหน
ธงดำพลิ้วดังเมฆฝน
ทวนวาวขาวหิมะสะพรั่ง
ป้ายแจงโทษนำหน้า
พลองขาวแห่มาด้านหลัง
พัศดีท่าทีขึงขัง
เพชฌฆาตหน้าเหี้ยมหาญ
เชิดหน้าบนหลังม้า
พญายมคุมลานประหาร
กลางหอกดาบละลาน
เสมียนศาลทวงวิญญา
 
ตรงกลางสี่แยกมรรคา   สมเพชนักหนา
ประหารด้วยอยุติธรรม
สือสิ้วมองจากหน้าต่างร้านชั้นบน เห็นเพชฌฆาตนับสิบคู่ยืนล้อมลานประหารที่สึ่แยก หลูจวิ้นอี้คุกเข่าอยู่ ลำแขกเหล็กไฉ้ฝูถือดาบประหาร หนึ่งกิ่งผกาไฉ้ชิ่งใช้มือประคองคาที่สวมคอ กล่าวกับหลูจวิ้นอี้ว่า
“เจ้าสัวหลู ท่านดูให้ดี เรื่องถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ใช่ข้าพี่น้องไม่ได้ช่วยท่านหรอกนะ ข้างหน้าท่านคือศาลอู่เสิ้ง 五圣堂 ข้าได้จองที่ไว้ให้ท่านแล้ว ดวงวิญญานท่านไปขอรับสิทธิได้เลย”
2
กล่าวจบ ก็มีเสียงตะโกนมาจากกลุ่มคนว่า “ยามอู่สามเค่อแล้ว”
ไฉ้ชิ่งถอดคาออก เอามือจับหัวเอาไว้ ไฉ้ฝูถือดาบประหารในมือ ข่งมู่ผู้ดูแลคดีอ่านประกาศแจงโทษเสียงดังฟังชัด จีนมุงส่งเสียงระงม
สือสิ้วก็เป็นหนึ่งในเสียงนั้น ชักดาบจากเอว ตะโกนว่า “เหล่าผู้กล้าเหลียงซานอยู่กันที่นี่แล้ว”
ไฉ้ฝู ไฉ้ชิ่ง ไม่รอช้า ทิ้งหลูจวิ้นอี้ไว้ แล้ววิ่งหนีหายไปทันที สือสิ้วกระโดดลงมาจากหน้าต่างชั้นบน ลงมาถึงก็เงื้อดาบฟันดังหั่นผักผ่าแตง ล้มตายไปสิบกว่าคน แล้วคว้ามือหลูจวิ้นอี้ พาหนีไปทางทิศใต้
เหลียงจ้งซูพอได้รับรายงานว่ามีคนปล้นแดนประหารก็สั่งปิดประตูเมืองทั้งสี่ทิศ ให้คนออกสะกัดจับ ทางด้านสือสิ้วไม่รู้จักเส้นทางในเป่ยจิง หลูจวิ้นอี้ก็ตกตะลึง อีกทั้งยังวิ่งไม่ค่อยไหว ในที่สุดก็ถูกล้อม กำลังสือสิ้วเพียงคนเดียวย่อมสู้ไม่ไหว จึงถูกจับได้ทั้งสองคน นำตัวมายังที่ว่าการ
สือสิ้วถลึงตา ตะโกนด่าก้องห้องโถงว่า “ไอ้พวกโจรโกงบ้านกินเมืองทำร้ายราษฏร ข้าได้ยินท่านพี่มีบัญชาให้ยกทัพมาเหยียบเมืองนี้ให้ราบเป็นหน้ากลอง จับเจ้าสับเป็นสามท่อน คงอีกไม่นาน พ่อจึงมาบอกให้รู้ก่อน”
พวกในห้องโถงได้ฟังต่างนิ่งอึ้ง เหลียงจ้งซูสั่งให้ใส่คาขนาดหนัก นำไปขังในคุกมหันตโทษ กำชับไฉ้ฝูให้จับตาดูไว้ให้ดี
ไฉ้ฝูนั้นใคร่ตีสนิทกับพวกเขาเหลียงซาน จึงให้ทั้งสองขังในห้องเดียวกัน แต่ละวันก็จับตาดูแลอย่างใกล้ชิด เลี้ยงสุราอาหารอย่างดีไม่มีบกพร่อง
วันรุ่งขึ้น เหลียงจ้งซูได้รับรายงานว่า พวกเขาเหลียงซานเขียนเทียบไร้หัวเรื่องหลายสิบใบติดไว้ทั่วเมือง เหลียงจ้งซูให้นำมาดูแล้วถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ
เทียบมีความว่า
 
“ซ่งเจียงผู้ทรงคุณธรรมแห่งเขาเหลียงซาน
แจ้งแก่ชาวเมืองต้าหมิงฝู่ ประกาศให้รู้ทั่วหล้า
บัดนี้ขุนนางต้าซ่งฉ้อราษฎร์บังหลวง ข่มเหงรังแกราษฎร หลูจวิ้นอี้แห่งเป่ยจิงเป็นผู้มากมีความสามารถ ได้รับเชิญจากข้าพเจ้าขึ้นเขาเหลียงซานร่วมผดุงธรรมแทนฟ้า เหตุใดขุนนางละโมบสามานย์เหลิงอำนาจจึงคิดประหารคนดี จึงมีบัญชาให้สือสิ้วมาตักเตือนกลับถูกจับกุม
หากละเว้นชีวิตคนทั้งสอง มอบตัวชายโฉดหญิงชั่ว ข้าก็จะไม่เอาความ หากทำอันตรายแก่กายแม้เพียงเส้นขน ทัพใหญ่จะกรีธามาชำระแค้น บดขยี้ให้แหลกลาญ กำจัดคนคิดคด อวดโง่ถือดี
ฟ้าดินปกปัอง เทพารักษ์คุ้มครอง แม้ปล่อยปละละเลยจนทัพล่วงเข้าเมือง จะไม่ปราณีเว้นโทษ
หญิงชายบริสุทธิ์ ลูกหลานกตัญญู วิญญูชนไพร่ฟ้า ขุนนางสัตย์ซื่อ อย่าได้วิตกกังวล ประกอบการดำรงชีพตามปกติสุข
ขอประกาศให้รู้ทั่วกัน”
เหลียงจ้งซูเห็นหนังสือแล้วจึงเรียกหวางไท่โส่ว 王太守 ขุนนางฝ่ายปกครองระดับสูงของเมืองมาหารือ “เรื่องนี้ท่านพิเคราะห์แล้วเห็นเช่นไร”
หวางไท่โส่วเป็นขุนนางสัตย์ซื่อถือคุณธรรม เรียนเหลียงจ้งซูว่า
“พวกเหลียงซานป๋อนี้ ราชสำนักส่งกองทัพไปปราบหลายครั้งแล้วแต่ทำอะไรไม่ได้ อย่าว่าแต่ลำพังกำลังของเมืองเรานี้เลย หากเดนตายพวกนี้ยกทัพมาและไม่มีทัพจากราชสำนักมาช่วย ก็คงลำบากแน่ ตามความเห็นอันโง่เขลาของข้าน้อย
ยังคงต้องไว้ชีวิตสองคนนี้ และ หนึ่งถวายรายงานราชสำนัก สองทำหนังสือไปแจ้งแก่ท่านราชครูไฉ้ สามให้กองทัพยกออกไปตั้งค่ายป้องกันไว้นอกเมือง จึงอาจป้องกันเมืองและปกป้องราษฎรเอาไว้ได้
แต่ถ้าหากประหารคนทั้งสองนี้เสียแล้ว ทัพโจรคงยกมาติดเมืองแน่ หนึ่งยังไม่มีทหารมาช่วย สองราชสำนักจะตำหนิ สามราษฎรแตกตื่น ในเมืองอลหม่าน ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง”
เหลียงจ้งซูว่า “ท่านกล่าวได้ถูกต้องอย่างยิ่ง”
เหลียงจ้งซูเรียกพัศดีไฉ้ฝูมากำชับว่า “โจรสองคนนี้ อย่าได้ดูเบา หากควบคุมแน่นหนา กลัวจะตายเสีย แม้นหากหละหลวม กลัวจะหนีไป เจ้าสองคนพี่น้องต้องคอยเฝ้าดูให้ดี ทั้งเช้าเย็น อย่ามีผิดพลาด”
ไฉ้ฝูแอบดีใจ “สั่งมาแบบนี้ ก็เข้าทางข้า” จึงรับบัญชากลับไปเฝ้าถนอม
เหลียงจ้งซูตามผู้บัญชาการทหารประจำเมือง ดาบใหญ่เหวินต๋า 大刀闻达 โลกบาลหลี่เฉิง 天王李成 มาหารือ เหลียงจังซูเล่าเรื่องเทียบไร้หัวเรื่อง และความเห็นของหวางไท่โส่วให้ทั้งสองฟัง
หลี่เฉิงว่า “โจรไพร่พวกนี้ มีหรือจะกล้าทิ้งรังมา นายท่านไยต้องกังวล ผู้แซ่หลี่ไร้ความสามารถ กินเบี้ยหวัดหลวงมานานยังไม่มีผลงาน ขอเป็นทาสรับใช้ นำกองทหารไปตั้งค่ายนอกเมือง หากโจรไพร่ไม่มา ย่อมไม่มีสิ่งใดต้องพูดถึง หากพวกโจรชะตาขาด กล้าทิ้งรังมา หาใช่ข้าน้อยโอ้อวด เศษเกราะชิ้นเดียวก็จะไม่ให้เหลือรอดกลับไป”
เหลียงจ้งซูชอบใจ มอบดอกไม้เงินทองผ้าแพรลายปักรางวัลทั้งสอง
วันรุ่งขึ้น หลี่เฉิงเรียกประชุมผู้ใต้บังคับบัญชา หนึ่งในนั้นคือ กองหน้าเลือดพล่านสว่อเชา 急先锋索超 หลี่เฉิงสั่งว่า
“โจรไพร่ซ่งเจียง อีกไม่ช้าจะยกทัพมาตีเมืองเป่ยจิงเรา ท่านจงนำทหารไปตั้งค่ายห่างจากเมืองสามสิบห้าลี้ ข้าจะตามไปสมทบภายหลัง”
สว่อเชารับคำสั่ง นำทหารใต้บังคับบัญชาออกเดินทางในวันรุ่งขึ้นไปตั้งค่ายพิงเขาห่างจากเมืองสามสิบห้าลี้ ชื่อตำบล หุบเสือบิน 飞虎峪 (เฟยหู่วี่)
วันถัดมา หลี่เฉิงนำทัพออกมาตั้งค่ายห่างจากเมืองยี่สิบห้าลี้ ที่ตำบล ลาดต้นไหวย 槐树坡 (ไหวยซู่พอ) รอรับทัพเหลียงซาน
กล่าวถึงเทียบไร้หัวเรื่อง ผู้เขียนคืออู๋เสวียจิว เมื่อหยางสยง เอี้ยนชิงมาแจ้งข่าวแก่ทางเขาเหลียงซาน ไต้จงก็รีบมาสืบข่าว พอรู้ว่าหลูจวิ้นอี้ สือสิ้วถูกจับ ก็รีบเขียนเทียบขู่นำไปติดไว้ตามเสาและสะพานริมทาง เพื่อยืดชีวิตหลูจวิ้นอี้และสือสิ้ว
ซ่งเจียงตีกลองเรียกประชุมที่หอธรรมภักดิ์ เหล่าพี่น้องมาพร้อมหน้า ซ่งเจียงกล่าวกับอู๋เสวียจิวว่า
“ในตอนแรกท่านเสนาธิการมีเจตนาดี ต้องการเชิญเจ้าสัวหลูขึ้นเขามาร่วมผดุงธรรม มิคาดว่าวันนี้กลับทำให้ต้องตกที่นั่งลำบาก ทั้งยังมีน้องสือสิ้วติดพ่วงไปด้วย จะใช้อุบายใดจึงจะช่วยออกมาได้”
อู๋ย่งว่า “พี่ท่านโปรดวางใจ บัณฑิตผู้น้อยมีแผนการอยู่ จะได้ใช้โอกาสนี้ชิงทรัพย์และเสบียงเมืองเป่ยจิงมาไว้ใช้สอยในค่ายด้วย พรุ่งนี้เป็นวันฤกษ์ดี ขอให้พี่ท่านแบ่งกำลังครึ่งหนึ่งไว้รักษาค่าย อีกครึ่งหนึ่งติดตามพวกเราเข้าตีเมือง”
ซ่งเจียงจึงให้ตุลาการหน้าหล็กเผยเซวียน คัดเลือกกำลังพลสำหรับออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น
พายุหมุนดำหลี่ขุยจึงว่า “ขวานของข้าคู่นี้ไม่ได้ออกตลาดนานแล้ว ฟังว่าจะตีเมือง มันจึงระริกระรี้ พี่ท่านขอลิ่วล้อให้ข้าห้าร้อย ข้าจะพาบุกเป่ยจิงจับเหลียงจ้งซูสับเป็นเนื้อสับ จับหลี่กู้กับนางเมียหั่นเป็นหมื่นชิ้น ช่วยชีวิตเจ้าสัวหลูกับสือสิ้ว จึงสมใจข้า”
ซ่งเจียงว่า “น้องเราแม้จะห้าวหาญ แต่เป่ยจิงต่างจากเมืองอื่น อีกทั้งเหลียงจ้งซูก็เป็นบุตรเขยของราชครูไฉ้ ผู้ใต้บังคับบัญชา อาทิ หลี่เฉิง เหวินต๋า ต่างอาจสู้คนได้นับหมื่น ไม่ควรประมาทศัตรู”
หลี่ขุยตะโกนลั่นว่า “พี่ท่านพูดอย่างนี้ยกหางผู้อื่นมาข่มขวัญกันเอง ให้ผู้น้องไปดู หากว่าพ่ายแพ้ สาบานจะไม่กลับเขา”
อู๋ย่งว่า “ในเมื่อเจ้าอยากไป ก็ให้เป็นกองหน้า นำทหารติดตามไปห้าร้อย ออกเดินทางลงเขาพรุ่งนี้”
เย็นวันนั้น ซ่งเจียง อู๋ย่งก็หารือกันถึงการวางกำลังคน เผยเซวียนเขียนประกาศส่งไปตามค่าย คัดผู้จะร่วมเดินทางวันรุ่งขึ้นเตรียมตัวไว้ใหัพร้อม
ขณะนี้เป็นปลายฤดูใบไม้ร่วงต่อต้นฤดูหนาว ม้าศึกพ่วงพี เหล่าทหารไม่ได้ออกศึกมานาน ต่างกระเหี้ยนกระหือที่จะออกศึกชำระแค้น
ขบวนที่หนึ่ง พายุหมุนดำหลี่ขุยนำทหารห้าร้อยกรุยทาง
ขบวนที่สอง อสรพิษสองหัวเซี่ยเจิน แมงป่องสองหางเซี่ยเป่า ดาวหางข่งหมิง ดาวเพลิงข่งเลี่ยง ทหารหนึ่งพัน
ขบวนที่สามแม่ทัพหญิง อีจ้างชิงหู้ซานเหนียง รองแม่ทัพนางยักษ์ซุนเอ้อเหนียง นางเสือกู้ต้าเส่า ทหารหนึ่งพัน
ขบวนที่สี่ อินทรีโฉบฟ้าหลี่อิ้ง รองแม่ทัพมังกรเก้าลายสื่อจิ้น วี่ฉือน้อยซุนซิน ทหารหนึ่งพัน
ทัพหลวงแม่ทัพใหญ่ซ่งเจียง เสนธิการอู๋ย่ง สี่นายทัพ เวินโหวน้อยหลวี่ฟาง เทียบเหยินกุ้ยกวอเสิ้ง วี่ฉืออมโรคซุนลี่ ควบสามเขาหวงซิ่น
ทัพหน้าแม่ทัพอสนีบาตฉินหมิง รองแม่ทัพขุนพลร้อยชัยหันเทา ขุนพลเนตรสวรรค์เผิงฉี่
ทัพหลังแม่ทัพหัวเสือดาวหลินชง รองแม่ทัพเซียนขลุ่ยเหล็กหม่าหลิน ซวนหนีตาไฟเติ้งเฟย
ปีกซ้ายแม่ทัพกระบองคู่ฮูหยันจว๋อ รองแม่ทัพครุฑาเสียดเมฆโอวเผิง พยัคฆ์ขนแพรเอี้ยนซุ่น
ปีกขวาแม่ทัพหลีกว่างน้อยฮวาหยง รองแม่ทัพเสือโจนห้วยเฉินต๋า งูร้อยก้าวหยางชุน
กองเสบียงและปืนใหญ่ฟ้าคำรามหลิงเจิ้น
กองลาดตระเวนสอดแนมจอมเวทเทพเดินหนไต้จง
กำหนดเรียบร้อย ออกเดินทัพทันที คงมีรองเสนาธิการกงซุนเสิ้ง หลิวถัง จูถง มู่หงสี่นายคุมกองกำลังรักษาค่ายใหญ่ ค่ายน้ำและสามด่านมีหลี่จวิ้นเป็นผู้กำกับดูแล
ตอนก่อนหน้า : เนรเทศกิเลน
ตอนถัดไป : รบกลางแปลง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา