26 ส.ค. เวลา 10:35 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 153

ศึกต้าหมิงฝู่ (1) รบกลางแปลง
สว่อเชาตั้งค่ายอยู่ที่หุบเสือบิน หน่วยสอดแนมมารายงานว่าเห็นทัพใหญ่ของซ่งเจียงจำนวนทหารนับไม่ถ้วนอยู่ห่างไปราวสามสิบลี้ จึงรายงานไปยังหลี่เฉิงที่ค่ายลาดต้นไหวย หลี่เฉิงรับรายงานแล้ว ก็มายังค่ายหน้าหารือสถานการณ์ พร้อมทั้งรายงานไปยังเมืองต้าหมิงฝู่
วันรุ่งขึ้นยามห้า หลี่เฉิง สว่อเชา ถอนค่ายเคลื่อนพลมาตั้งค่ายพยุหะที่ ด่านบ้านหวี่ 庾家疃 (หวี่เจียถ่วน) มีกำลังรวมหนึ่งหมื่นห้าพันนาย หลี่เฉิง สว่อเชาต่างยืนม้าใต้ธงประจำตัวมองมาทางทิศตะวันออก เห็นทัพเขาเหลียงซานกำลังห้าร้อยคนมาตั้งแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง
人人都带茜红巾,个个齐穿绯衲袄。
鹭鸶腿紧系脚绷,虎狼腰牢拴裹肚。
三股叉直迸寒光,四棱简横拖冷雾。
柳叶枪,火尖枪,密布如麻;
青铜刀,偃月刀,纷纷似雪。
满地红旗飘火焰,半空赤帜耀霞光。
แต่ละคนโพกผ้าหญ้าเชี่ยนแดง
แต่ละนายแต่งชุดยาวสีแดงเข้ม
แข้งขาอย่างนกระยางพันผ้าเต็ม
เอวเสือสางเม้มผ้าเคียนพุงอยู่
สามง่ามเปล่งประกายอันเหน็บหนาว
สึ่คมราวหมอกมัวอันหดหู่
ทวนเปลวไฟใบหลิ่วขนัดชู
ดาบและง้าวสำริดดูดังหิมะ
 
ทั่วปฐพีธงแดงเพลิงเริงลมร่า
ครึ่งแผ่นฟ้าธวัชแดงแข่งฟ้าสาง
กระบวนทัพทางทิศตะวันออก ตัวนายทัพพายุหมุนดำหลี่ขุยคอนขวานคู่ก้าวขึ้นหน้า ถลึงตาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตะโกนลั่นมาว่า
“รู้จักพายุหมุนดำผู้กล้าเขาเหลียงซานหรือไม่”
หลี่เฉิงยืนม้ามองมาแล้วหัวเราะร่ากับสว่อเชาว่า “ร่ำลือชื่อผู้กล้าเขาเหลียงซานอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ที่แท้แค่โจรไพรโสโครก ไม่สมราคาเลย แม่ทัพหน้าท่านดูเอาเอง ยังไม่รีบไปจับตัวมา”
สว่อเชาหัวเราะแล้วว่า “ฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดฆ่าโค แค่เพียงนายทหาร ไม่ต้องถึงมือแม่ทัพ”
พูดไม่ทันจบ ขุนพลนายหนึ่งแซ่หวาง 王 ชื่อติ้ง 定 ควบม้านำทหารม้าใต้บังคับบัญชาหนึ่งร้อยนายควบตะบึงเข้าหา หลี่ขุยให้ใส่เกราะทั้งตัวกล้าหาญเพียงไหน ก็ไม่อาจตั้งรับทัพม้าที่พุ่งทะยานเข้าใส่ แถวทหารจึงแตกกระเจิง หนีกันจ้าละหวั่น สว่อเชาจึงให้ทหารตามตีจนล่วงพ้นเขตด่านบ้านหวี่ มาถึงลาดเขา มีเสียงม้าล่อดังสนั่น ทหารโผล่มาจากสองข้างทาง ด้านซ้ายเซี่ยเจิน ข่งเลี่ยง ด้านขวาข่งหมิง เซี่ยเป่าทหารข้างละห้าร้อยกระหนาบเข้ามา
สว่อเชาเห็นว่ามีทัพหนุน ไม่กล้าชะล่าใจไล่ล่า ชักม้ากลับหลัง หลี่เฉิงถามว่า “ทำไมไม่จับโจรมา”
สว่อเชาว่า “พอไล่ตามข้ามเขาไป มีทัพหนุนซุ่มอยู่ จึงไม่อาจตามไป”
หลี่เฉิงว่า “แค่โจรไพร ต้องไปกลัวอะไร” จึงนำทหารตามข้ามด่านบ้านหวี่มาด้วยตัวเอง พลันยินเสียงรัวกลองและม้าล่อ ทัพหนึ่งโบกธงโห่ร้องออกมาสกัด ตัวแม่ทัพเป็นสตรี
玉雪肌肤,芙蓉模样,有天然标格。
金铠辉煌鳞甲动,银渗红罗抹额。
玉手纤纤,双持宝刃,恁英雄烜赫。
眼溜秋波,万种妖娆堪摘。
谩驰宝马当前,霜刃如风,要把官兵斩馘。
粉面尘飞,征袍汗湿,杀气腾胸腋。
战士消魂,敌人丧胆,女将中间奇特。
得胜归来,隐隐笑生双颊。
ราวหยกหิมะขาวผ่องพรรณ   พุดตานปานนั้น
ธรรมชาติสรรสร้างมา
เกราะเกล็ดทองละลานตา   มอเอ๋อคาดหน้า
ภูษาเงินซับโปร่งแดง
หัตถ์เรียวงามกำสองด้ามดาบคู่
ยอดพธูยินหูศัตรูแขยง
ตาเยิ้มหยาดมิอาจต้านเสน่ห์แรง
ควบม้าแกว่งดาบตัดหูปัจจา
หน้าประแป้งเปื้อนฝุ่นชุดศึกเหงื่อชุ่ม
ในอกสุมเพลิงสังหารเข่นฆ่า
ขุนทัพขวัญหนี ขุนพลสตรีลือชา
ชนะศึกกลับมาใบหน้าเปื้อนยิ้มละมัย
 
(มอเอ๋อ 抹额 เครื่องประดับคาดหน้าผากของชาวจีน)
(馘 การตัดหูซ้ายศัตรูนำมาคำนวณผลงาน)
แม่ทัพหู้ซานเหนียง มีธงแดงเขียนอักษรทอง “ขุนพลสตรีอีจ้างชิง 女将一丈青” ด้านซ้ายกู้ต้าเส่า ด้านขวาซุนเอ้อเหนียง นำทัพพลพันกว่า ร้อยพ่อพันแม่ ต่างเผ่าผิวพรรณ
หลี่เฉิงเห็นแล้วก็ว่า “ดูทหารพวกนี้สิ ใช้อะไรได้ แม่ทัพหน้าท่านออกรับศึก ข้าจะนำทหารล้อมจับ”
สว่อเชาถือขวานกะไหล่สันทองควบม้าขึ้นหน้า อีจ้างชิงชักม้าหนีไปทางเวิ้งเขา หลี่เฉิงให้ทหารกระจายกำลังล้อมตี
ขณะไล่ล่าอยู่ มีเสียงโห่ร้องดังก้อง ทัพหนึ่งตามหลังมา หลี่เฉิงรีบถอยทัพหนีทันทีสิบห้าลี้ กลับเข้ามายังด่านบ้านหวี่ ด้านซ้ายเซี่ยเจิน ข่งเลี่ยง ด้านขวาข่งหมิง เซี่ยเป่าขนาบเข้ามา หู้ซานเหนียงที่ทำทีถอยหนีก็ยกทัพย้อนกลับมาตามตีหลี่เฉิงจนแตกกระจัดกระจาย รีบถอยกลับค่าย พายุหมุนดำหลี่ขุยกลับมาดักทางถอยไว้ หลี่เฉิง สว่อเชารบเปิดทางจนหนีกลับค่ายได้ แต่พอสำรวจความเสียหาย ทหารล้มตายไปจำนวนมาก ทางด้านทัพเหลียงซานก็ไม่ไล่ตีต่อ พักตั้งค่ายเช่นกัน
ทางด้านหลี่เฉิง สว่อเชารายงานสถานการณ์ศึกไปยังเหลียงจ้งซู จึงให้เหวินต๋านำทัพออกมาสมทบในคืนนั้นเลย หลี่เฉิงออกไปรับเข้ามาหารือกันที่ค่ายลาดต้นไหวย
เหวินต๋าหัวเราะแล้วว่า “แค่เชื้อหิดคันมือคันเท้า ไยต้องกังวล ผู้แซ่เหวินด้อยฝีมือ จะออกรบวันพรุ่งนี้ มั่นใจว่าได้ชัย”
ปรึกษากันแล้วจึงถ่ายทอดคำสั่ง ให้ตื่นหุงหาอาหารยามสี่ ยามห้าสวมชุดเกราะ ฟ้าสางออกเดินทัพ กลองรัวสามรอบให้ถอนค่าย มาถึงก่อนที่ตำบลด่านบ้านหวี่  เห็นทัพซ่งเจียงก็ยกมาถึงเช่นกัน
征云冉冉飞晴空,征尘漠漠迷西东。
十万貔貅声震地,车厢火炮如雷轰。
鼙鼓冬冬撼山谷,旌旗猎猎摇天风。
枪影摇空翻玉蟒,剑光耀日飞苍龙。
六师鹰扬鬼神泣,三军英勇貅虎同。
罡星煞曜降凡世,天蓬丁甲离青穹。
银盔金甲濯冰雪,强弓硬弩真难攻。
人人只欲尽忠义,擒王斩将非邀功。
大刀闻达不知量,狂言逞技真雕虫!
飞虎峪中兵四起,星驰电逐无前锋。
闭关收拾残戈甲,有如脱兔潜葭蓬。
เมฆสงครามลามลอยบังฟ้าใส
หมอกศึกไล่มัวซัวทั่วออกตก
เสียงผีซิวนับแสนสั่นสะทก
รถปืนใหญ่ปืนครกลั่นคำรณ
กลองศึกลั่นตูมตูมทั่วหุบเขา
ธงทิวเร้าไหวไหวทั่วเวหน
เงาทวนดูราวหม่างย่างวกวน
แสงดาบจ้านภดลดังมังกรไกร
ทหารหกเหล่าทรนงภูตเทพคร้าม
ทแกล้วสามทัพองอาจเสือสางหวั่นไหว
จุติดาวเทียนกังตี้ส้านภาลัย
กำเนิดใหม่เทพเทียนเผิงเจี่ยติง
หมวกเงินเกราะทองส่องท้องน้ำแข็ง
ธนูกล้าหน้าไม้แกร่งเข้มแข็งยิ่ง
แต่ละคนสัตย์ซื่อถือธรรมจริง
ใช่ชิงฆ่าขุนทหารเพียงผลงาน
ดาบใหญ่เหวินต๋าหาเจียมตน
เอาแต่พ่นคำโตน่าสงสาร
หุบเสือบินทหารล้อมสิ้นรอบด้าน
ดาวตกปานกองหน้าเลือดพล่านโจมจับ
กวาดล้างสรรพาวุธล้อมกระชับ
ดุจดังกับล้อมกระต่ายไว้ในพง
(ผีซิว 貔貅 สัตว์ร้ายมงคลในตำนาน)
(หม่าง 蟒 มังกรสี่เล็บ)
(หมู่ดาวและทวยเทพในลัทธิเต๋า เทียนกังตี้ส้า 天罡地煞 เทียนเผิง 天蓬 (เทพคุมกฎ) หกเทพติงฝ่ายยิน  六丁 หกเทพเจี่ยฝ่ายหยาง 六甲)
เหวินต๋าให้ทหารตั้งแถว โบกธงไสว รัวกลองเรียกขวัญ ทางฝ่ายซ่งเจียง นายทหารผู้หนึ่งออกหน้า ธงแดงอักษรเงินตัวโตเขียนว่า “อสนีบาตฉินหมิง 霹雳火秦明”
头戴朱红漆笠,身穿绛色袍鲜,连环锁甲兽吞肩。
抹绿战靴云嵌,凤翅明盔耀日,狮蛮宝带腰悬。
狼牙混棍手中拈,凛凛英雄罕见。
หมวกปีกใหญ่ลงรักแดง   ชุดศึกเข้มแดง
เกราะห่วงโซ่สิงห์คาบบ่า
รองเท้าเขียวลายเมฆา   หมวกเกราะหงสา
เอวคาดเข็มขัดลายสิงห์
 
มือถือกระบองเขี้ยวหมาป่า
ท่วงท่าองอาจยากเห็นยิ่ง
ฉินหมิงตะโกนก้อง “ขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงแห่งเป่ยจิงจงฟัง ข้าคิดจะตีเมืองเจ้านานแล้ว แต่ก็กลัวว่าราษฎรจะเดือดร้อน จงปล่อยตัวหลูจวิ้นอี้ สือสิ้วมาแต่โดยดี ทั้งส่งตัวหญิงชั่วชายโฉดคู่นั้นมาด้วย ข้าก็จะถอยทัพกลับ ไม่บุกเข้าโจมตี แต่หากยังโง่งมพูดไม่รู้ฟัง ชะตาของเจ้าเห็นอยู่ตรงหน้า ขุนเขาลุกเป็นไฟ ไม่ว่าหินหรือหยก ยาจกหรือเศรษฐี หมกไหม้ไปด้วยกัน 玉石俱焚 มีอะไรก็รีบพูด อย่าได้โยกโย้”
เหวินต๋าโกรธจัดถามเหล่านายทัพ “ใครจะอาสาจับไอ้โจรนี่”
พูดไม่ทันจบ เสียงกระพรวนม้าดัง ขุนพลผู้หนึ่งขี่ม้าขึ้นหน้ามา
耀日兜鍪晃晃,连环铁甲重重,
团花点翠锦袍红,金带级成双凤。
鹊画弓藏袋内,狼牙箭插壶中。
雕鞍稳定五花龙,大斧手中摩弄。
หมวกศึกทอล้อแดดแผดประกาย
เกราะเหล็กสายห่วงโซ่ซ้อนเชิงชั้น
ชุดแพรแดง แต่งเตี่ยนชุ่ย บุปผาพรรณ
ปั้นเหน่งคำทำเป็นหงส์คู่ร่อน
เกาทัณฑ์ปีกกางเขนเสียบซองอยู่
ลูกธนูเขี้ยวหมาป่าคาแล่งศร
อานม้าสลักเบญจพรรณมังกร
ขวานใหญ่ร่อนลวดลายฉายฝีมือ
 
(เตี่ยนชุ่ย 点翠 ศิลปะหัตถกรรมจีน ใช้ขนนกระเต็น 翠鸟 สีฟ้าประดับลาย)
ขุนพลเลือดร้อนแห่งเป่ยจิงนามสว่อเชา 索超  ฉายากองหน้าเลือดพล่าน 急先锋 ตวาดลั่นว่า
“ตัวเจ้าก็เป็นขุนทหารคนสำคัญของราชสำนัก บ้านเมืองผิดอะไรต่อเจ้า คนดีไม่เป็น กลับไปเป็นโจร วันนี้ข้าจะจับเจ้าสับเป็นหมื่นชิ้น ล้างให้สิ้นบาป”
อสนีบาตฉินหมิงก็เป็นคนเลือดร้อนพอกัน พอได้ฟังเหมือนราดน้ำมันบนกองไฟ โผนม้าควงกระบองเขี้ยวเข้าหา สว่อเชาควบม้าเข้ารบ สู้กันได้ยี่สิบกว่าเพลง ฝีมือสูสี ไม่รู้แพ้ชนะ ทหารสองฝ่ายต่างชื่นชมฝีมือ หันเทาแม่ทัพหน้าฝ่ายซ่งเจียงหยิบดอกศรพาดสายเล็งยิงไปถูกไหล่ซ้ายของสว่อเชา ขวานหลุดมือ ชักม้าควบหนี ซ่งเจียงยกแส้ม้าชี้ เหล่าทหารตลุยไล่สังหารจนเลือดนองท้องทุ่ง ตามล่ามาถึงค่ายลาดต้นไหวย จึงยึดค่ายเอาไว้ ส่วนเหวินต๋าหนีไปถึงค่ายหุบเสือบิน สำรวจดูเห็นทหารหายไปหนึ่งในสาม
ซ่งเจียงพักอยู่ที่ค่ายลาดต้นไหวย อู๋ย่งว่า “ทหารแตกทัพกำลังเสียขวัญ หากไม่ไล่ล่า รอขวัญทหารฟื้นฟูจะเปลืองแรงรบ”
ซ่งเจียงเห็นด้วยว่า “ท่านเสธ.กล่าวได้ถูกต้อง” จึงให้ทหารแบ่งเป็นสี่สายเข้าล้อมตีในคืนนั้น
ฝ่ายเหวินต๋าเพิ่งพ่ายแพ้เลียแผลอยู่ในค่าย ทหารมารายงานว่ามีแสงคบเพลิงอยู่บนเขาใกล้ๆ จึงยกกำลังออกมาดู เห็นแสงคบบนเขาด้านตะวันออกเหลือคณานับ จึงยกทัพเข้าตี หลีกว่างน้อยฮวาหยง รองแม่ทัพหยางชุน เฉินต๋า ยกทัพออกรับศึก เหวินต๋ารบต้านไม่ไหวจึงถอยหนีกลับมายังค่ายหุบเสือบิน
ทางเขาด้านตะวันตกมีแสงคบเพลิงจำนวนมาก แม่ทัพคือกระบองคู่ฮูหยันจว๋อ รองแม่ทัพโอวเผิง เอี้ยนซุ่น ออกมาตีค่าย ด้านหลังมีอีกทัพยกมานำโดยอสนีบาตฉินหมิงรองแม่ทัพหันเทา เผิงฉี่ เหล่าทหารของเหวินต๋าพากันเสียขวัญ ทิ้งค่ายหนี ด้านหน้าพลันมีเสียงดังสนั่น แสงไฟสว่าง ฟ้าคำรามหลิงเจิ้นใช้ปืนไฟยิงไล่มา
เหวินต๋าพาทหารเลาะทางหนีมุ่งหน้ากลับเมือง ด้านหน้ามีเสียงรัวกลองรบ หัวเสือดาวหลินชง รองแม่ทัพหม่าหลิน เติ้งเฟยยกทัพสกัดทาง เหวินต๋าถูกล้อมรอบด้าน ทหารหนีเอาตัวรอดกระเจิดกระเจิง รบไม่เป็นขบวน เหวินต๋านำทหารส่วนหนึ่งรบเปิดทางหนีจากวงล้อมจนมาพบกับหลี่เฉิงจึงรวมกำลังรบพลางหนีพลางจนมาฟ้าสางที่กำแพงเมือง เหลียงจ้งซูรู้เข้าให้รีบเปิดประตูรับทหารหนีตายแล้วปิดประตูเมืองเอาไว้แน่นหนาไม่ยกออกรบ ซ่งเจียงตามมาถึงจึงให้ตั้งค่ายประชิดกำแพงเมืองด้านตะวันออก เตรียมพร้อมปล้นเมือง
ตอนก่อนหน้า : ประหารกิเลน
ตอนถัดไป : ล้อมเว่ยช่วยเจ้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา