25 ส.ค. เวลา 12:00 • หนังสือ

สรุปหนังสือ BREATH ลมหายใจมหัศจรรย์

การหายใจเป็นกระบวนการพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ การหายใจไม่เพียงแต่เป็นการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายเพื่อสร้างพลังงานเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีการขับของเสียออกจากร่างกาย และช่วยในการควบคุมระบบประสาทและอารมณ์ โพสต์นี้จะพาคุณไปสำรวจการทำงานของการหายใจ ความรู้ที่คาดไม่ถึงเกี่ยวกับการหายใจ และเทคนิคต่าง ๆ ที่สามารถช่วยให้การหายใจของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่านหนังสือที่มีชื่อว่า BREATH ลมหายใจมหัศจรรย์
เจมส์ เนสเตอร์ (James Nestor) นักเขียนและนักข่าวชาวอเมริกัน มีชื่อเสียงจากผลงานในด้านสุขภาพ วิทยาศาสตร์ และการสำรวจ ในแง่ของการทำงาน เขาเขียนบทความและสารคดีให้กับสื่อชื่อดังหลายแห่ง เช่น The New York Times, Scientific American, The Atlantic, National Public Radio (NPR) และอื่น ๆ สำหรับความสนใจ เจมส์ เนสเตอร์ มีความสนใจเป็นพิเศษในเรื่องสุขภาพ การหายใจ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ โดยใช้เวลาหลายปีในการศึกษาและทดลองด้วยตนเองเกี่ยวกับวิธีการหายใจที่ถูกต้อง
ผลงานหนังสือ "Breath: The New Science of a Lost Art" ตีพิมพ์ในปี 2020 กลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ได้รับรางวัลและคำวิจารณ์ในแง่บวกอย่างมาก และถูกแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงภาษาไทยในชื่อ "ลมหายใจมหัศจรรย์" ซึ่งในหนังสือจะเน้นการเปรียบเทียบระหว่างวิธีการหายใจในสมัยโบราณและความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน
นายแพทย์เอกชัย อัศวนฤนาท ผู้แปลหนังสือเล่มนี้ มีผลงานการแปลหนังสือไว้อย่างมากมาย ได้แก่ หนังสือ The Happiness Advantage ความสุขกับความสำเร็จ อะไรเกิดก่อนกัน, หนังสือ A Short Guide to a Long Life ถ้าคุณรักตัวเองมากพอ ขอให้หมอได้พูดตรง ๆ, Childhood Disrupted เกินกว่า เจ็บปวด เป็นต้น
หนังสือเล่มนี้มีทั้งหมด 10 บท ในท้ายเล่มจะมีวิธีการที่หนังสือได้กล่าวไปก่อนหน้านี้อย่างละเอียด ซึ่งเกี่ยวกับเทคนิคการหายใจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ผู้เขียนเล่าว่าตัวเองมีปัญหาการหายใจ นอนกรน มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ มีการอุดตันอย่างรุนแรง รูจมูกซ้ายเล็ก และเป็น Concha bullosa หรือผนังกั้นจมูกคด จึงหาหนทางเพื่อบำบัดอาการของตนเอง แม้ว่าเราจะไม่ได้มีอาการเหมือนผู้เขียนทั้งหมด แต่เชื่อได้เลยว่ามีหลายคนนอนกรน และอาจมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ เชื่อมั้ยว่าถ้าปล่อยไว้นานๆมีผลเสียต่อเราอย่างแน่นอน เช่น ตื่นมาแล้วปวดหัว นอนไม่เต็มอิ่ม ทำให้รบกวนประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
นอกจากปัญหาที่ได้กล่าวไป แพทย์ได้เปิดเผยออกมาว่าผู้คนในสมัยนี้มีจำนวนที่เป็นโรคถุงลมโป่งพอง โรคหอบหืด ภูมิแพ้ คัดจมูก เพิ่มขึ้นซึ่งแพทย์ส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การรักษามากกว่าการส่งเสริมและป้องกัน
วิวัฒนาการของการหายใจของมนุษย์ ย้อนไปเมื่อ 4 พันปีก่อน ตอนที่เรายังเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว โลกในเวลานั้นมีแค่คาร์บอนไดออกไซด์เราเลยกินสิ่งนี้แล้วพ่นออกซิเจน ทำให้ในเวลาต่อมาโลกมีออกซิเจนเพิ่มขึ้น ทุกวันนี้เราจึงดำรงชีพโดยใช้ออกซิเจนและคายคาร์บอนไดออกไซด์แทน
กะโหลกมนุษย์ในสมัยก่อน จะพบว่าขากรรไกรใหญ่ ไซนัสใหญ่ ปากกว้าง ฟันตั้งตรง ทำให้การหายใจสะดวก ต่อมาวิวัฒนาการด้านสมองของเราก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว สมองใหญ่ขึ้นเนื่องจากเริ่มมีการทำอาหาร ดมกลิ่นมากขึ้น สมองจึงขยายอาณาเขตลงมา ทำให้จมูกเล็กลง
การเคลื่อนไหวของกระบังลม เมื่อหายใจเข้าปอดขยาย ท้องป่อง กระบังลมหย่อนลง เมื่อหายใจออก ท้องยุบ กระบังลมยกตัวขึ้น การแลกเปลี่ยนก๊าซอย่างที่คนรู้ดีว่าเราหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดและขับคาร์บอนไดออกไซด์ออก เราจึงมองว่าคาร์บอนไดออกไซด์เป็นตัวร้าย แต่ที่จริงแล้วถ้าร่างกายของเราไม่สมดุล โดยสูดออกซิเจนมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะ Hyperventilation ทำให้มีอาการหายใจลำบาก หน้ามืด เวียนศีรษะ ใจสั่น อาจพบอาการเกร็ง มือจีบ และอาจมีอาการชาบริเวณรอบปากและนิ้วมือได้
ในหนังสือผู้เขียนทดลองกับตัวเองโดยการหายใจด้วยปาก ผลพบว่า ปากแห้ง นอนไม่หลับ ตื่นนอนไม่สดใส เหนื่อยง่าย ปัสสาวะบ่อย หลังจากครบจำนวนวันที่ต้องหายใจผ่านทางปากก็เปลี่ยนมาหายใจทางจมูก พบว่าในช่วงแรกอาจจะรู้สึกอึดอัดแปลกๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายเริ่มฟื้นฟูอีกครั้ง
การทดสอบนี้ทำให้ผู้เขียนตระหนักได้ว่าอย่าหายใจทางปาก แน่นอนว่าทุกคนก็ไม่ได้หายใจทางปาก แต่อย่าลืมว่าการนอนกรนเป็นช่วงเวลาที่เราอ้าปาก ดังนั้นเดี๋ยวนี้จึงมีอุปกรณ์ช่วยไม่ว่าจะเป็นเทปปิดปาก หรือถ้าใครมีงบประมาณมากขึ้นแนะนำให้ซื้อ CPAP ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยรักษาการนอนกรน รวมไปถึงภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ
เทคนิคการหายใจที่ในหนังสือแนะนำมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี แต่ในโพสต์นี้จะขอกล่าวถึงเพียง 2 วิธี ได้แก่
- Breathing Coordination หรือการหายใจแบบสอดประสาน วิธีนี้จะช่วยให้กะบังลมขยับตัวเพิ่มขึ้น เริ่มจากการนั่งหลังตรง หายใจเข้า ค้างไว้ 10 วินาที แล้วจึงหายใจออกนับ 1-10 ทำแบบนี้ซ้ำประมาณ 10-30 รอบหรือมากกว่านั้น
- นาฑีโสธนะ การหายใจสลับรูจมูก เริ่มจากการใช้นิ้วโป้งขวา ปิดรูจมูกขวา นิ้วนางวางไว้บนปีกจมูกซ้าย นิ้วกลางและนิ้วชี้วางไว้ระหว่างคิ้ว หายใจเข้าผ่านรูจมูกซ้าย เก็บลมหายใจไว้ครู่หนึ่ง ปิดรูจมูกทั้งสอง จากนั้นหายใจออกโดยการเปิดปีกจมูกขวา ปิดรูจมูกทั้งสอง จากนั้นหายใจเข้าผ่านรูจมูกขวา ทำสลับประมาณ 5-10 รอบ วิธีการนี้จะช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้น ลดความดันโลหิต และกระตุ้นระบบซิมพาเทติก
การหายใจเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการดำรงชีพ การจัดการความเครียดและปรับปรุงสุขภาพจิต โดยความรู้และเทคนิคการหายใจต่าง ๆ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหายใจและสร้างสมดุลให้กับร่างกายและจิตใจได้อย่างยั่งยืน การเข้าใจและฝึกฝนการหายใจอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีในระยะยาวและเพิ่มคุณภาพชีวิตในทุกด้าน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา