2 ก.ย. เวลา 10:52 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 155

ศึกต้าหมิงฝู่ (3) สยบง้าวใหญ่
ที่ค่ายน้ำเขาเหลียงซาน สามหย่วนพี่น้องหารือกันว่าจะให้คนไปขอคำสั่งการจากซ่งเจียงว่าจะให้ทำอย่างไรต่อไป จางซุ่นก็เข้ามาหา บอกว่า
“พี่ข้าไม่ฟังที่ข้าห้าม ไปปล้นค่ายกวนเสิ้ง ตอนนี้ถูกจับไปแล้ว ขังไว้ในรถนักโทษ”
หยวนเสี่ยวชีว่า “พวกเราพี่น้องร่วมเป็นร่วมตาย ดีร้ายก็ต้องไปช่วย ท่านเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันแท้ๆ ทำไมปล่อยให้เขาไปตามลำพัง ถูกจับแล้วก็ยังไม่ไปช่วย พวกเราสามพี่น้องจะไปช่วยเขาเอง”
จางซุ่นว่า “ยังไม่มีคำสั่งท่านพี่ ข้าไม่กล้าไปโดยพลการ”
หยวนเสี่ยวชีว่า “รอคำสั่งท่านพี่ พี่เจ้าก็ถูกสับเป็นแปดท่อนไปแล้ว”
หยวนเสี่ยวเอ้อ หยวนเสียวอู่ต่างว่า “พูดถูก”
จางซุ่นขัดทั้งสามไม่ได้ จึงต้องคล้อยตาม
คืนนั้นยามสี่ เหล่าหัวหน้าค่ายน้ำระดมเรือน้อยใหญ่มาได้ร้อยกว่าลำ แล่นตรงมายังค่ายของกวนเสิ้ง ทหารบนฝั่งเห็นทัพเรือแล่นมาราวกองทัพมด จึงรีบไปรายงานแม่ทัพ
กวนเสิ้งหัวเราะแล้วว่า “โจรสวะไร้ปัญญา ไยต้องกังวล” แล้วเรียกเหล่านายทัพมาสั่งการ
สามหย่วนนำหน้า จางซุ่นตามหลัง ขึ้นฝั่งแล้วก็นำคนโห่ร้องบุกเข้าค่ายมา เห็นอาวุธและธงทิวปักอยู่เป็นแถว แต่ไม่มีใครสักคน สามหย่วนเอะใจ หันหลังถอยกลับ เสียงม้าล่อดังขึ้นจากหน้าค่าย ทหารขี่ม้าและเดินเท้าโผล่มาทั้งแปดทิศล้อมเข้ามา เหมือนตกอยู่ในซึ้งให้เขาเอาปุ้งกี๋ตัก
จางซุ่นเห็นท่าไม่ดี วิ่งโดดลงน้ำก่อน สามหย่วนวิ่งมาทางริมน้ำบ้าง ตะขอเกี่ยวยื่นกันมา เกี่ยวเอาตัวยมบาลตัวเป็นหยวนเสี่ยวชีเอาไว้ได้ ส่วนหยวนเสี่ยวเอ้อ หยวนเสียวอู่ จางซุ่นนั้น มังกรน้ำขุ่นหลี่จวิ้น ถงเวย ถงเหมิ่ง ช่วยกลับไปได้
พอกลับมาถึงค่ายน้ำได้แล้ว ก็รีบรายงานหลิวถังที่กำกับค่ายใหญ่บนเขา หลิวถังจึงให้จางซุ่นอาศัยเส้นทางน้ำลัดเลาะไปรายงานแก่ซ่งเจียงที่อีกฝั่งหนึ่ง ซ่งเจียงหารือกับอู๋ย่งว่าควรทำอย่างไรให้กวนเสิ้งถอยทัพ
อู๋ย่งว่า “วันพรุ่งนี้ออกรบ แล้วดูผลก่อนว่าได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไร”
ทว่า ไม่ต้องรอถึงวันรุ่งขึ้น เสียงกลองศึกและม้าล่อดังขึ้น เขยเจ้าอัปลักษณ์เซวียนจ้านนำทัพมาท้ารบ
ซ่งเจียงยกทัพออกรับ แลไปเห็นเซวียนจ้านยืนม้าอยู่ใต้ธง จึงถามหาอาสาว่า “ใครจะอาสาจับคนผู้นี้”
หลีกว่างน้อยฮวาหยงถือทวนควบม้าเข้าหาเซวียนจ้าน เซวียนจ้านรำดาบเข้ารับ รุกรบกันได้สิบเพลง ฮวาหยงอาศัยช่องโหว่กลับม้าหนี เซวียนจ้านกวดตาม ฮวาหยงกลัดทวนกับห่วง หยิบธนู พลิกกายบนอานม้านั่งหันข้าง เหนี่ยวสายแล้วพลิกตัวยิง เซวียนจ้านได้ยินเสียงสายธนู จึงยกดาบขึ้นกัน ลูกธนูกระทบกับใบดาบ
ฮวาหยงเห็นธนูดอกแรกไม่ถูก จึงหยิบดอกที่สองเล็งใส่หน้าอกเซวียนจ้าน เซวียนจ้านหลบลงไปข้างลำตัวม้า ลูกธนูจึงยิงข้ามไป เซวียนจ้านเห็นฝีมือธนูของฮวาหยงร้ายกาจนัก จึงไม่ไล่ตามต่อ ชักม้ากลับ ฮวาหยงเห็นดังนั้นจึงกลับมาเป็นฝ่ายไล่บ้าง หยิบธนูดอกที่สามเล็งยิงใส่กลางหลัง เสียงดังตัง ลูกธนูถูกคันฉ่องป้องอก เซวียนจ้านจึงรอดกลับค่ายได้แล้วให้คนรีบไปรายงานกวนเสิ้ง
กวนเสิ้งจึงให้ทหารเตรียมม้าของตน ม้าของกวนเสิ้งนี้ความยาวจากหัวถึงหางหนึ่งจ้าง ความสูงจากพื้นถึงหลังแปดฉื่อ ขนสีถ่านไฟแดงปลอดไม่มีขนสีอื่นแซมแม้เพียงเส้น สวมเกราะม้าใช้เข็มขัดคาดสามเส้น กวนเสิ้งขึ้นม้าถือง้าวนำทหารมายังค่ายหน้าศึก
汉国功臣苗裔,三分良将玄孙。
绣旗飘挂动天兵,金甲绿袍相称。
赤兔马腾腾紫霞,青龙刀凛凛寒冰。
蒲东郡内产豪英,义勇大刀关胜。
เชื้อสายขุนนางสำคัญแผ่นดินฮั่น
พงศ์พันธุ์ขุนพลประเสริฐแผ่นดินสาม
ธงปักนามปลิวไสวในฟ้าคราม
เกราะทองอร่ามชุดศึกเขียวเช่นเดียวกัน
 
กระต่ายแดงโผนผาดแสงทินกร
มังกรเขียวเย็นเยือกขย่มขวัญ
วีรชนจากผู่ตงดำรงครรภ์
ทรงธรรมขวัญกล้า ง้าวใหญ่กวนเสิ้ง
(กระต่ายแดง 赤兔 (ชื่อทู่) ชื่อม้าของกวนอู)
ซ่งเจียงเห็นลักษณะของกวนเสิ้งเหนือธรรมดา จึงแอบกล่าวชมยกย่องกับอู๋ย่ง  แต่หันมาพูดชมเชิงยั่วยุกับเหล่าขุนพลของตนว่า “ขุนพลเหี้ยมหาญ สมคำร่ำลือ”
หลินชงได้ฟังก็นึกฉุนว่า “พวกเราพี่น้องเหลียงซานหกเจ็ดสิบคน ไม่เคยมีใครมาลูบคม ท่านเสนาธิการ (ไปลงที่อู๋ย่งไม่โทษซ่งเจียง) ไยจึงยกคนอื่นมาข่มกันเอง”
กล่าวจบก็ถือทวนขี่ม้าจะเข้ารบกวนเสิ้ง
กวนเสิ้งตวาดลั่นว่า “เจ้าพวกโจรหนองน้ำ บังอาจต่อต้านราชสำนัก ข้าจะรบกับซ่งเจียงเพียงคนเดียวเท่านั้น”
ซ่งเจียงตวาดเรียกหลินชงให้กลับมา แล้วขี่ม้าขึ้นหน้า ค้อมกายคารวะแล้วว่า “ข้าราชการชั้นผู้น้อย 小吏 ซ่งเจียงอำเภอวิ่นเฉิงอยู่ที่นี่แล้ว รอคำกล่าวโทษจากท่านขุนพล”
กวนเสิ้งว่า “เจ้าเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย บังอาจขบถต่อราชสำนัก”
ซ่งเจียงว่า “ราชสำนักทุกวันนี้มัวเมา เพิกเฉยให้ขุนนางโฉดชั่ววางอำนาจบาตรใหญ่ ฉ้อราษฎร์บังหลวง รังแกไพร่ฟ้า พวกซ่งเจียงเพียงผดุงธรรมแทนฟ้า หามีเจตนาอื่นใด”
กวนเสิ้งตวาดลั่นว่า “กองทัพโอรสสวรรค์มาถึงยังบังอาจต่อต้าน พูดจาเล่นลิ้นเอาดีเข้าตัว หากยังไม่รีบลงม้ามามอบตัว จะบดขยี้ร่างให้แหลกป่นกระดูกให้เป็นผง”
อสนีบาตฉินหมิงได้ฟังแล้วโกรธจัด รำกระบองเขี้ยวหมาป่าโผนม้าเข้าหา กวนเสิ้งควบม้าเข้ารับ หลินชงเกรงจะถูกชิงเอาความชอบไป จึงควงทวนเข้ามารุมรบกวนเสิ้ง ทั้งสามรบกันชุลมุน
ซ่งเจียงเกรงว่ากวนเสิ้งถูกรุมอาจพลาดท่าบาดเจ็บ จึงให้ตีม้าล่อสั่งถอย หลินชง ฉินหมิง ถอยกลับมาแล้วถามว่า “กำลังจะจับตัวหมอนั่นได้แล้ว เหตุใดพี่ท่านจึงสั่งหยุดรบ”
ซ่งเจียงว่า “น้องเรา พวกเรายึดถือความภักดีมีคุณธรรม ใช้พวกมากรังแกน้อยมิควรทำ แม้นจับเขาได้แต่ใจไม่ยินยอม จะกลับเป็นที่เย้ยหยัน ข้าว่ากวนเสิ้งผู้นี้เป็นขุนพลผู้กล้า เป็นขุนนางภักดี มีบรรพบุรุษเป็นเทพ หากยินยอมขึ้นเขา ข้าซ่งเจียงยินดีสละตำแหน่งให้”
หลินชง ฉินหมิงได้ฟังแล้วขัดใจอย่างยิ่ง ในวันนั้นต่างฝ่ายต่างเลิกทัพ
กวนเสิ้งพอกลับมาถึงค่ายถอดเกราะออกแล้ว ก็ย้อนทบทวนว่า “ข้าถูกสองขุนพลนั่นรุม สู้เขาไม่ได้จวนเจียนจะพ่ายแพ้ แต่ซ่งเจียงกลับสั่งให้ถอย ไม่รู้ว่ามีเจตนาใด”
จึงสั่งให้ทหารเข็นรถนักโทษ จางเหิง และหยวนเสี่ยวชีออกมา
กวนเสิ้งถามทั้งสองว่า “ซ่งเจียงเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยอำเภอวิ่นเฉิง เหตุใดพวกเจ้าจึงยอมสยบต่อเขา”
หยวนเสี่ยวชีว่า “ท่านพี่ข้ารู้จักกันทั่วทั้งซานตง เหอเป่ย เรียกกันว่าฝนยามแล้งเรียกเป่าอี้ซ่งกงหมิง คนไม่มีสัมมาคารวะเช่นเจ้า จะรู้เรื่องอะไร”
กวนเสิ้งก้มหน้าไม่พูด บอกให้ทหารเข็นรถกลับไป เย็นนั้นก็นั่งงุนงงคิดไม่ตก เดินออกมานอกกระโจม เห็นแสงจันทร์กระจ่างฟ้า น้ำค้างแข็งจับทั่วพื้น มีทหารมารายงานว่า
“มีขุนพลไว้เคราผู้หนึ่ง ขี่ม้ามาคนเดียว ขอพบท่านแม่ทัพ”
กวนเสิ้งว่า “เจ้าไม่ถามเขาว่าชื่อแซ่ไร”
ทหารว่า “เขามาแต่ตัวไม่มีเสื้อเกราะหรืออาวุธ ไม่ยอมแจ้งชื่อ บอกแต่ว่าต้องการพบท่านแม่ทัพ”
กวนเสิ้งว่า “เช่นนั้น ก็ไห้เขาเข้ามา”
สักพักชายผู้นั้นก็มายังกระโจมแม่ทัพ ภายใต้แสงตะเกียง กวนเสิ้งรู้สึกคุ้นหน้าแต่ก็นึกไม่ออกว่าใคร จึงต้องถาม
ชายผู้นั้นว่า “ขอให้คนอื่นออกไปก่อน”
กวนเสิ้งว่า “ไม่มีปัญหา” แล้วให้คนออกนอกกระโจมไป
ชายผู้นั้นว่า “ข้าน้อยคือฮูหยันจว๋อ เคยเป็นผู้บัญชาการทหารม้าห่วงโซ่ในราชสำนัก ยกทัพมาปราบเหลียงซานป๋อ แต่ต้องกลศึกโจรเสียทหารทั้งทัพ กลับบ้านไม่ได้ พอรู้ว่าท่านขุนพลมา ดีใจยิ่งนัก
ก่อนหน้านี้ตอนที่ท่านรบกับหลินชง ฉินหมิง จนเกือบจะถูกจับตัวได้แล้วนั้น ซ่งเจียงสั่งให้ถอยกะทันหันด้วยเกรงว่าใต้เท้า 足下 จะถูกทำร้าย ซ่งเจียงผู้นี้มีใจสามิภักดิ์ต่อราชสำนัก แต่ติดอยู่ที่พวกโจรไม่ยอมกัน จึงแอบหารือกับฮูหยันจว๋อว่าหาทางกดดันให้พวกโจรยอมอ่อนน้อม หากท่านขุนพลเห็นด้วย คืนวันพรุ่งนี้ ให้ใช้ทหารม้าเบาติดธนูเป็นหลัก ลอบเข้าค่ายโจรตามทางเล็ก จับพวกหลินชงส่งเมืองหลวงเป็นความชอบร่วมกัน”
กวนเสิ้งฟังแล้วชอบใจ เชิญฮูหยันจว๋อเข้าในกระโจมจัดโต๊ะเลี้ยงดู เรื่องหลักคุยกันถึงซ่งเจียงภักดีมีคุณธรรม แต่โชคร้ายไม่อาจเปลี่ยนใจพวกโจร ทั้งสองเปิดอกคุยกัน สิ้นความระแวง
วันรุ่งขึ้น ซ่งเจียงส่งคนมาท้ารบ กวนเสิ้งจึงหารือกับฮูหยันจว๋อว่า “วันนี้ก็รบเอาชนะนายทัพที่มาท้ารบก่อน คืนนี้ค่อยทำตามแผน”
ฮูหยันจว๋อยืมชุดเกราะแล้วขี่ม้าออกหน้าทัพพร้อมกับกวนเสิ้ง ซ่งเจียงเห็นจึงด่าว่า “ค่ายเราไม่ผิดอะไรต่อเจ้าสักน้อย กลับลอบหนีไปกลางดึก”
ฮูหยันจว๋อว่า “พวกเจ้ามันโจร ทำงานใหญ่อะไรได้”
ซ่งเจียงให้ควบสามเขาหวงซิ่นใช้กระบี่ซ่างเหมิน 丧门剑 ออกรบจับตัวฮูหยันจว๋อ สู้กันได้ไม่ถึงสิบเพลง ฮูหยันจว๋อใช้กระบองฟาดหวงซิ่นตกม้า พวกซ่งเจียงกรูกันมาช่วยหวงซิ่นไว้ กวนเสิ้งจะสั่งทหารให้ไล่ตี
ฮูหยันจว๋อปรามว่า “อย่าไล่ตาม อู๋ย่งผู้นี้เจ้าเล่ห์ดังเทพ หากไล่ตามตี อาจต้องกลศึก”
กวนเสิ้งจึงให้เลิกทัพกลับเข้าค่าย
ระหว่างกินโต๊ะเลี้ยงดูกัน กวนเสิ้งถามฮูหยันจว๋อถึงเรื่องของควบสามเขาหวงซิ่น
ฮูหยันจว๋อว่า “คนผู้นี้เดิมก็เป็นขุนนางคนสำคัญของราชสำนัก เป็นผู้บัญชาการทหารเมืองชิงโจว มาเป็นโจรพร้อมกันกับฉินหมิง ฮวาหยง วันนี้โค่นโจรผู้นี้ได้ ข่มขวัญศัตรูได้มากอยู่ คืนนี้ออกปล้นค่าย คงสำเร็จผล”
กวนเสิ้งชอบใจนัก สั่งการให้เห่าซือเหวิน เซวียนจ้านเตรียมทัพม้าเบาคนละห้าร้อย ใช้ธนูเป็นหลัก แยกกันไปเป็นสองทาง ให้ฮูหยันจว๋อนำทางตน ตื่นเตรียมตัวยามสอง ราวยามสามออกเดินทางมุ่งหน้าค่ายซ่งเจียง ฟังเสียงปืนสัญญาณ เข้าโจมตีพร้อมกัน
คืนนั้น จันทร์กระจ่างดังกลางวัน ทหารสวมเกราะเบาคาบกิ่งไม้ ม้าถอดกระพรวนออก ฮูหยันจว๋อนำลัดเลาะทางภูเขามาได้ราวครึ่งชั่วยาม พบลิ่วล้อซุ่มอยู่ราวห้าสิบคนถามเสียงต่ำว่า “ท่านขุนพลฮูหรือ ซ่งกงหมิงให้พวกข้ามารอท่านที่นี่”
ฮูหยันจว๋อว่า “อย่าเอ็ดไป คอยตามข้ามา”
ฮูหยันจว๋อขึ่ม้านำทางต่อไป กวนเสิ้งตามมาข้างหลัง เลึ้ยวผ่านเดือยภูเขามา 山嘴 ฮูหยันจว๋อชี้ให้ดูโคมแดงที่เห็นได้แต่ไกล
กวนเสิ้งถามว่า “โคมแดงนั่นคือที่ไหน”
ฮูหยันจว๋อว่า “นั่นคือค่ายใหญ่ซ่งกงหมิง”
กวนเสิ้งเร่งม้าตรงเข้าหาโคมแดง พลันมีเสียงปืนดัง กวนเสิ้งนำทหารบุกเข้าถึงโคมแดงแต่ไม่เห็นมีใคร พอจะหันถามฮูหยันจว๋อ ก็ไม่อยู่เสียแล้ว กวนเสิ้งรู้ตัวว่าถูกอุบายรีบกลับม้าหนี เสียงกลองและม้าล่อดังมาจากบนเขารอบด้าน พวกทหารแตกหนีกันกระเจิง เหลือทหารม้าติดตามกวนเสิ้งอยู่ไม่กี่คน เลี้ยวผ่านเดือยเขามา เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด ตะขอยาวโผล่มายั้วเยี้ยรอบด้านเกี่ยวเอากวนเสิ้งตกม้า ทหารกรูกันมาชิงม้าและอาวุธ ถอดเกราะจับมัดแล้วพามายังค่ายใหญ่
ตอนก่อนหน้า : ล้อมเว่ยช่วยเจ้า
ตอนถัดไป : เลือดพล่านกลางหิมะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา