10 ก.ย. เวลา 00:44 • ท่องเที่ยว

"ผี" ที่เซนต์อัลบันส์ (5) เมืองผีดุ

ผู้เขียนได้เล่าเรื่องผีเมืองเซนต์อัลบันส์ (St.Albans) ประเทศอังกฤษมา 4 ตอนแล้ว โดยเลือกสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่า "เฮี้ยน" ที่สุดของเมือง ซึ่งอันที่จริง มีการจัดอันดับไว้ว่า มีสถานที่เฮี้ยนประมาณ 10 แห่ง แต่ผู้เขียนได้โอกาสไปด้อมๆ มองๆ เพียง 5-6 แห่งเท่านั้น การเล่าเรื่องผีในเมืองนี้จึงเดินทางมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว แต่จะมีเมืองข้างเคียงในตอนต่อไป
จากที่ได้เล่าก่อนหน้านี้ว่า มีผีพยาบาทสิงอยู่ในผับเก่าแก่ ชื่อ เดอะบูท ซึ่งเป็นผับที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ ค.ศ.1420 หรือเมื่อ 604 ปีมาแล้ว ถ้าถามว่า เก่าพอหรือยัง ก็ต้องบอกว่า ยังค่ะ ในเมืองเซนต์อัลบันส์นั้น มีผับที่เก่าแก่กว่านี้ไปอีก คือ เย่ โอลด์ ไฟลท์ติ้ง ค็อคส์ (Ye Olde Fighting Cocks) ซึ่งประกาศตัวว่า เป็นผับที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศอังกฤษ กล่าวคือ เริ่มมีการเปิดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่นี่ตั้งแต่ปี ค.ศ.793 หรือผันผ่านกาลเวลามานานกว่าหนึ่งพันสองร้อยปีแล้ว
เก่าขนาดนี้ จะไม่ให้มีผีได้ยังไง
อันว่าเย่ โอลด์ ไฟลท์ติ้ง ค็อคส์นี้ ตั้งอยู่ไม่ห่างจากสถานที่สำคัญที่สุดของเมือง คือ มหาวิหารเซนต์อัลบันส์ (St Albans Cathedral) คือห่างออกไปเพียง 0.2 ไมล์ หรือ 300 กว่าเมตร ใช้เวลาเดิน 5 นาทีก็ถึงแล้ว เรียกว่า เดินชิลด์ๆ ก็ไปดื่มได้ แต่ไม่รู้ว่าทำไม ถึงได้มีตำนานว่า ได้มีการแอบสร้างอุโมงค์เชื่อมต่อระหว่างผับนี้ กับมหาวิหารเอาไว้ตั้งแต่ยุคอดีต เพื่อเป็นทางเดินให้เหล่าบาทหลวงใช้เดินไปหาอาหารดื่มกินที่ผับ เป็นทางเดินลับที่จนปัจจุบันก็ยังหากันไม่เจอ
เย่ โอลด์ ไฟลท์ติ้ง ค็อคส์ ผับที่เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษ
แต่อุโมงค์ลับนี้ มีจริงหรือเปล่า
มีพนักงานของผับคนหนึ่งอาจจะให้คำตอบนี้ได้ โดยเขารายงานไว้ในปี ค.ศ.2001 ว่า ตอนที่กำลังเฝ้าผับอยู่นั้น จู่ๆ ก็เห็นขบวนนักบวชเดินขึ้นมาจากห้องใต้ดิน แล้วพากันกระจายไปนั่งตามโต๊ะต่างๆ ทำเอาพนักงานคนนั้นหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เพราะครั้นจะให้คิดว่า มีบาทหลวงตัวเป็นๆ โผล่มาใช้บริการก็ใช่ที่ เนื่องจากนักบวชที่แห่กันมาผับนั้น แต่ละคน "ลอย" มา เห็นเฉพาะส่วนตั้งแต่เหนือเข่าขึ้นไปทั้งนั้น
แล้วจะไม่ให้ซีดยังไงไหว !
แต่ระหว่างที่ไม่รู้จะทำยังไงต่อดี นอกจากนะจังงังไปชั่วขณะ กลุ่มหลวงพ่อทั้งหมดก็ "วูบ" เลือนหายไปดื้อๆ
แหม วิญญาณแถวนี้ ชอบมาไม่บอก กลับไม่ลากันเรื่อยเลยนะคะ
ความที่เห็นวิญญาณนักบวชพาเหรดกันออกมาจากห้องใต้ดินของผับ ก็เลยทำให้ตำนานที่ว่า มีอุโมงค์ทางเดินลับเชื่อมระหว่างผับกับมหาวิหารเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาอีก แต่ก็เป็นดังได้กล่าวมาแล้วว่า จนป่านนี้ ก็ไม่มีใครหาทางลับที่ว่านี้พบสักที
นอกจากนี้ บรรยากาศเก่าแก่ในเย่ โอลด์ ไฟลท์ติ้ง ค็อคส์ ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ทำให้ชวนนึกย้อนถึงอดีต เหมือนเวลาหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่ข้าวของในผับกลับไม่ค่อยอยู่นิ่งด้วย เพราะมีรายงานว่า ของใช้ต่างๆ ขยับยักย้ายที่อยู่เองเป็นว่าเล่น จนชาชินกันไปหมดแล้วว่า วางอะไรไว้ เดี๋ยวๆ ก็แว่บไปโผล่ที่อื่น
ก็เลยไม่แปลกที่ เย่ โอลด์ ไฟลท์ติ้ง ค็อคส์ ถูกจัดอันดับให้เป็นอีกสถานที่หนึ่ง ซึ่งเหล่าบรรดานักล่าผีชอบมาเยือนกันบ่อยๆ แต่ว่ากันว่า วิญญาณที่มักจะโผล่มาเป็นบาทหลวง ก็เลยไม่ค่อยจะดุเดือดเลือดพล่าน แต่เป็นวิญญาณดีที่อาจจะแค่ยังวนเวียนอยู่ และหยอกเย้ากันเล่นนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ
ว่าแต่ว่า ทำไมผับแห่งนี้ ถึงได้มีชื่อห้อยท้ายว่า ไฟลท์ติ้ง ค็อคส์ นั่นก็เพราะว่า ก่อนที่จะเปิดเป็นผับนั้น สถานที่แห่งนี้ เคยเป็นสนามชนไก่มาก่อน และยังเคยเปิดเป็นโรงเตี๊ยมด้วย เป็นไม่เป็นเปล่า ยังเคยมีโอกาสได้ต้อนรับแขกที่มาพักนามกระเดื่องอย่าง โอลิเวอร์ ครอมเวลล์ (Oliver Cromwell) อดีตผู้ทำทางการทหาร และลอร์ดผู้พิทักษ์ (Lord Protector) ของอังกฤษ ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยว และนักล่าผีดังได้กล่าวมาแล้ว
แต่ก็เป็นผีใจดีอย่างที่ว่า
แล้วนักล่าผีพอใจหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่า ยังไม่หนำใจค่ะ ส่วนใหญ่แล้ว เวลานักล่าผีมาด้อมๆ มองๆ ที่ผับที่เก่าที่สุดของอังกฤษนี้แล้ว ก็มักจะเดินย้อนกลับมาผ่านหน้ามหาวิหาร ซึ่งเมื่อเลี้ยวไปอีกเล็กน้อย จะเจอถนนเล็กๆ ที่คดเคี้ยว แต่สวยงาม ชื่อถนนฟิชพูล (Fishpool Street) ที่เดินจากมหาวิหารไป 7 นาทีก็ถึงแล้ว
ถนนฟิชพูล
ผู้ที่มาเยือนถนนฟิชพูล อันเป็นหนึ่งในถนนโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์จะได้เห็นถึงความงามแบบอังกฤษอันน่าตราตรึง แต่นั่นไม่รวมถึงยามโพล้เพล้ และตอนกลางคืนนะคะ เพราะนอกจากฟิชพูลจะขึ้นชื่อเรื่องความงามแล้ว ยังโด่งดังเรื่องความหลอนด้วย
ความที่ถนนสายเล็กๆ นี้ เป็นถนนที่มีมาตั้งแต่ยุคแองโกลแซกซอน (Anglo-Saxons) และเป็นถนนสำคัญที่ผู้สัญจรจะผ่านเข้าเมือง ก็เลยไม่แปลกที่จนบัดนี้ ยังมีผู้เห็นรถม้าวิ่งฝ่าถนนไปอยู่เนืองๆ ทั้งๆ ที่ยุคนี้เขาใช้รถยนต์กันหมดแล้ว
รถม้าที่เจอบ่อยที่สุด เป็นรถที่ถูกลากด้วยม้าสีขาว 2 ตัว และมีชายสวมหมวกโบราณเป็นผู้บังคับรถ โดยมีหญิงสาวในเสื้อผ้าสมัยเก่า เป็นชุดกระโปรงสีน้ำเงินนั่งคู่มาด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่า ผีคู่ซี้ 2 ตนนี้จะไปไหนกันหนักหนา ถึงได้ไปไม่ถึงสักที ได้แต่ขี่รถม้าวนไปเวียนมาอยู่แต่บนถนนฟิชพูลนั่นแหละ จนคนที่ขับรถยนต์บางคนต้องเบรคตัวโก่งกันมานักต่อนักแล้ว เพราะเหลือบสายตาไปเห็นรถม้า แต่แหม มันมีจริงซะที่ไหนเล่า รถม้าคันนี้ถึงได้ถูกเรียกขานว่า รถม้าผี
ก็ผีขี่มานี่นา แล้วจะให้เรียกอย่างอื่นกระไรได้
ส่วนผีที่ไม่มีรถก็ไม่ต้องห่วงค่ะ ยังมีวิญญาณชายหนุ่มที่ใส่หมวกทรงสูงชอบเดินไปเดินมาให้คนตกใจเล่นเรื่อยๆ อีกด้วย สงสัยว่าพี่แกจะชอบเดินเล่นออกกำลังกายยามค่ำ
ผีผู้หญิงก็ไม่น้อยหน้า มีผู้เจอะเจอวิญญาณคุณแม่ที่ไร้ความสุข และยังพร่ำรำพันถึงลูกน้อยที่ตายจากไปด้วยการถูกสังหารโหดในคริสตศตวรรษที่ 18 เดินไปเดินมาเป็น "ขาประจำ" ของฟิชพูลอีกเหมือนกัน
ที่เด็ดที่สุด เห็นจะเป็นผับเก่าแก่ ที่ชื่อโลเวอร์ เรด ไลอ้อน (Lower Red Lion) ที่อยู่กลางๆ ถนนฟิชพูล ผับเล็กๆ แห่งนี้อยู่ในอาคารโบราณสีขาว มันถูกเรียกขานติดปากว่า อาคารผีสิง มีผู้เจอผีผู้หญิงที่เจาะจงจะอยู่ที่นี่ไม่หนีไปไหนอยู่เรื่อยๆ รวมถึงมีเสียงเด็กร้องโดยไม่มีที่มา และเงาปริศนาที่โฉบไปมาที่ชั้นล่าง ส่วนชั้นบนที่ในอดีตเคยเปิดเป็นโรงเตี๊ยมนั้น ก็มีเรื่องเล่าว่า เคยมีแขกที่มาพักแล้ว "เจอดี" เมื่อโครงเสาเตียงเกิดเคลื่อนไหวได้เอง
โลเวอร์ เรด ไลอ้อน
ส่วนอาคารหลังอื่นๆ ในฟิชพูล ก็ล้วนมีตำนานที่นักล่าผีชอบพูดว่า แต่ละบ้านมี "ผี" เป็นของตัวเอง มีเรื่องเล่าว่า บ้านหลังหนึ่งบนถนนนี้มี “ผีผู้หญิง” อาศัยอยู่ด้วยกันตั้ง 2 ตน ตนแรกเป็นวิญญาณร้ายที่พยายามบีบคอเจ้าของบ้านตอนที่กำลังนอนพักผ่อน ในขณะที่วิญญาณสาวอีกตนหนึ่งนั้น แค่เพียงผลุบไปโผล่มา เรียกว่านิสัยดีกว่า แต่เหมือนกันคือ ไม่ยอมไปที่ชอบๆ กันสักที
เมื่อมองจากทางที่เดินผ่านมหาวิหารมาแล้ว จะเห็นถนนฟิชพูลอันสวยงามอยู่ห่างๆ (ยามโพล้เพล้)
เอ หรือว่าที่ชอบๆ ของพวกเธอก็คือฟิชพูลนั่นแหละ แล้วจะให้ไปไหนได้ยังไง ก็ชอบที่นี่แล้วนี่นา !
ยังไม่หมดค่ะ ยังมีรายงานว่า มีผีผู้ชายในชุดสีเทาที่บ้านอีกหลังหนึ่ง แต่รายงานไม่ได้บอกว่า เป็นวิญญาณดีหรือร้าย รู้แค่ว่า ชอบโผล่มาให้เห็นเนืองๆ
แต่เรื่องที่แปลกที่สุดที่เกิดขึ้น ณ ฟิชพูลก็คือ ในวันร้ายคืนร้ายหนึ่ง บางส่วนของหน้าต่างบ้านหลังหนึ่งเกิด "หายไป"
ใช่แล้วค่ะ หน้าต่างมันหายไปเฉยๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครไปทำอะไร แต่หลังจากทำให้เจ้าของบ้านตระหนกตกใจอยู่ไม่กี่สัปดาห์ มันก็กลับมาอยู่ที่เก่า เป็นเรื่องเล่าที่ประหลาดที่สุดในบรรดาเรื่องทั้งหมดของฟิชพูล
อ้อ ส่วนที่ว่าถนนนี้ทำไมชื่อฟิชพูล นั่นเพราะว่าในยุคแองโกลแซกซอนนั้น แถวนี้มีบ่อเลี้ยงปลา ก็เลยตั้งชื่อถนนว่าถนนบ่อปลา และเรียกกันเรื่อยมานับพันปีแล้ว
เป็นบ่อปลาที่ชาวเมืองเชื่อกันว่า “ผีดุ” เหลือเกิน จนถึงขั้นที่ว่า ยามกลางคืน ไม่ค่อยจะมีใครอยากผ่านทางสักเท่าไหร่ บรรดาเพื่อนๆ ของผู้เขียนเอง เวลาผ่านย่านนี้ยามดึก ก็มักจะยอมขับรถอ้อมไปทางอื่น พอถามว่า ทำไมไม่ขับตรงๆ แต่อ้อมให้เสียเวลาซะนี่ ก็มักจะได้คำตอบอ้อมแอ้มมาว่า แหม ก็ถนนมันแคบ ขับรถยาก
แต่ตอนกลางวัน เห็นขับกันคล่องปรื๋อทุกคนเลยซิน่า
บ่อปลานี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา