11 ก.ย. เวลา 01:58 • ท่องเที่ยว

ผีที่อังกฤษ ตอนที่ 6 "ผี" ที่วัตฟอร์ต (1) วิญญาณแห่งแคสซิโอเบอรี

ในช่วงหนึ่งของการสืบสันตติวงศ์ที่ยาวนานของราชวงศ์อังกฤษนั้น เกิดสงครามกลางเมือง และกษัตริย์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ นั่นคือเรื่องราวในรัชสมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 (Charles I of England) ซึ่งครองราชย์ในปี ค.ศ.1625 ก่อนจะปราชัยในการศึกกับฝ่ายรัฐสภา ทำให้พระองค์ถูกประหารในปี ค.ศ.1649
แต่วันนี้ เราไม่ได้จะมาเล่าเรื่องราชวงศ์ค่ะ ทว่า ผู้เขียนจะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับ อาร์เทอร์ เคเพลล์ บารอนเคเพลล์ที่ 1 แห่งแฮดัม (Arthur Capell, 1st Baron Capell of Hadham) ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 จึงไม่แปลกอะไรเลยที่หลังจากเจ้าเหนือหัวเสด็จสวรรคตไปแล้ว อาร์เทอร์ เคเพลล์ ก็ถูกโทษประหารตายตกไปตามกันด้วย
เขาถูกบั่นคอที่พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ (Palace of Westminster) ในมหานครลอนดอน เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ.1649 ด้วยวัยเพียง 41 ปี
แต่ลอนดอนคงไม่ใช่ “ที่ชอบๆ” ของอาร์เทอร์ เคเพลล์ เพราะหลังจากวายชนม์ไปแล้ว มีผู้พบเห็นวิญญาณของท่านบารอนอยู่บ่อยๆ ที่สวนแคสซิโอเบอรี (Cassiobury Park) กลางเมืองวัตฟอร์ด (Watford) อันเป็นสถานที่โปรดปรานของท่านบารอน
แต่แหม เวลามา ท่านไม่ยอมมาให้ครบๆ ทว่ามาเฉพาะตัว หัวไม่ต้อง
เอ หรือว่า ศีรษะที่ถูกบั่นไปแล้ว จะยังอยู่ที่ลอนดอนก็ไม่ทราบได้นะคะ ครั้นจะเดินไปถามท่านก็เกรงใจเหลือเกิน !
อาร์เทอร์ เคเพลล์ บารอนเคเพลล์ที่ 1 แห่งแฮดัม ตำนานผีหัวขาดแห่งสวนแคสซิโอเบอรี
ว่าแต่สวนแคสซิโอเบอรีเป็นที่ชอบๆ ของอาร์เทอร์ เคเพลล์จริงหรือเปล่า ก็ต้องย้อนไปดูบันทึกค่ะ มีจารึกไว้ว่าหลังจากหัวขาดไปแล้ว มีการผ่าร่างของท่าน และควักส่วนหัวใจออกมา เพื่อนำไปฝังไว้ในสวนแคสซิโอเบอรีนั่นเอง
ทางเข้าจากด้านหน้าของสวนแคสซิโอเบอรี
นี่ก็เลยอาจจะเป็นเหตุผลที่ท่านบารอนยังมาแสดงตน ณ สวนแห่งนี้อยู่เนืองๆ
แต่ผ่านกาลเวลามานาน ตอนนี้ก็ไม่รู้แล้วว่า หัวใจของอาร์เทอร์ เคเพลล์ถูกฝังไว้ตรงส่วนไหนของสวน เพราะไม่ได้มีการทำเครื่องหมายเอาไว้ ซึ่งก็ไม่แปลกสำหรับการเป็นนักโทษประหาร ที่มักจะโดนศัตรูพยายามกลบนามของเหยื่อไว้ และอันที่จริงแล้ว ตามคำสั่งเสียของบารอนเคเพลล์ที่ 1 แห่งแฮดัมนั้น ได้ฝากฝังคนเบื้องหลังไว้ว่า หลังสิ้นชีพแล้ว ให้เอาหัวใจของท่านใส่กล่องเงิน แล้วไปฝังไว้ใต้เบื้องพระบาทพระบรมศพของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 ผู้เป็นนายเหนือหัว ณ ปราสาทวินด์เซอร์ (Windsor Castle)
แต่คำขอนี้ไม่ได้รับการตอบสนอง ก็เลยไม่รู้ว่าเพราะอย่างนี้หรือเปล่าที่ทำให้
“ตายตาไม่หลับ เลยต้องกลับมาบ่อยๆ”
1
ส่วนอันว่าพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ที่อาร์เทอร์ เคเพลล์ “ทิ้ง” ศีรษะเอาไว้นั้น ห่างจากสวนแคสซิโอเบอรีอันเป็นที่ชอบๆ ของท่าบารอนประมาณ 30 กิโลเมตรค่ะ ทุกวันนี้ หากจะเดินทางจากลอนดอนมาเที่ยวสวนสาธารณะแห่งนี้ก็สามารถขับรถมาง่ายๆ ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง สามารถมาเที่ยวแบบเช้าเย็นกลับได้สบาย
ทางเดินภายในสวนแคสซิโอเบอรี
ในยามที่ยังมีชีวิตนั้น เหล่าผู้ติดตามเล่ากันต่อๆ มาว่า อาร์เทอร์ เคเพลล์ บารอนเคเพลล์ที่ 1 แห่งแฮดัมโปรดปรานสวนนี้มาก จึงมักจะมาเดินทอดน่องชมสวนแคสซิโอเบอรีอยู่เนืองๆ ครั้นเมื่อลาโลกไปแล้ว ก็ยังชอบมาเดินชมสวนเหมือนเก่า เลยได้ปรากฎกายให้คนที่มาเที่ยวสวนได้เจอกันเรื่อยๆ แม้เวลาจะผ่านมาตั้ง 375 ปีแล้วหลังจากถูกแยกหัวออกจากตัวก็ตาม ท่านบารอนก็ยังไม่หนีไปไหน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง และในวันครบรอบวันที่ถูกประหาร คือทุกวันที่ 9 มีนาคมของทุกปีนั้น ต้องมีรายงานว่า มีคน "เจอผี" ท่านบารอนที่สวนแคสซิโอเบอรีเป็นประจำ ประมาณว่า มาตามนัด ไม่เคยขาด อยู่ที่ว่า ใครจะดวงดี ได้เจอะ “ตัวเป็นๆ” เอ๊ะ หรือ “ไม่เป็น” แล้วของท่านกันแน่
เลยไม่แปลกค่ะที่ทุกวันครบรอบการตายของท่าน จะมีพวกใจกล้าชอบล่าผี จะไปชุมนุมกันที่สวนแคสซิโอเบอรี แห่งเมืองวัตฟอร์ดกันคับคั่ง
ส่วนผู้เขียนขอไปเที่ยวสวนวันอื่นดีกว่า แฮ่ๆ ใจไม่นิ่งต้องสงวนตัวนิดนึง
ก็เรื่อง "ผีหัวขาด" นี่ ไม่ถนัดจริงๆ
ส่วนการเดินชมสวนนั้น ภายในพื้นที่กว้างขวางถึง 190 เอเคอร์ (ประมาณ 480.5 ไร่) นั้น มีคลองอยู่ด้วยค่ะ ชื่อคลองแกรนด์ ยูเนี่ยน (Grand Union Canal) ตรงนี้เองก็มีวิญญาณประจำคลองอยู่ มีบันทึกว่า เขาชื่อแจ๊ค แห่งแคสซิโอเบอรี (Jack O'Cassiobury) อดีตทาสผิวสีของครอบครัวนายหญิงที่ร่ำรวย ชื่อคาเรน (Karen) ผู้ซึ่งมีบ้านใหญ่อยู่ใกล้ๆ ลำคลองนั้นเอง
แต่ถ้าให้เดาจริงๆ ทาสนายนี้ จะมีชื่อจริงว่าอะไรก็ไม่แน่ใจนัก แต่พอมาเป็นผีที่โผล่ให้เห็นบ่อยๆ คนอังกฤษไม่รู้จะเรียกอะไร ก็เลยเรียกพี่แจ๊ค จนติดปาก แต่เอาให้ชัดลงไปว่า เป็นแจ๊ค แห่งแคสซิโอเบอรี ซึ่งก็คล้ายกับกรณีของฆาตกรต่อเนื่อง แจ๊ค เดอะริปเปอร์ (Jack the Ripper) ที่ไม่รู้ว่าตัวจริงเป็นใคร ก็เรียกพี่แจ๊คไว้ก่อนเหมือนกัน
อันว่านายหญิงคาเรนนั้น ท่าจะเป็นคนถือเนื้อถือตัว และขี้รำคาญ หรือไม่ก็เหยียดคนจนอยู่บ้าง ถึงได้ไม่ชอบให้ใครเข้ามาใกล้ที่ดินของนาง ก็เลยสั่งการให้ทาส ที่เราก็จะพลอยเรียกว่านายแจ๊คตามเขาไปด้วยคนนี้คอยไปดักทำร้ายคนที่เดินผ่าน หรือเฉียดเข้าใกล้คลองอยู่เสมอ แม้แจ๊คไม่เต็มใจที่จะทำ แต่ก็หลบเลี่ยงคำสั่งของนายหญิงไม่ได้ และในวันหนึ่ง ที่แจ๊คถูกสั่งให้ไปทำร้ายคนที่เดินมาแถวๆ ลำคลองอีกนั้น แม้แจ๊คจะฉวยโอกาสลงมือต่อยชายแปลกหน้าก่อน แต่ก็โดนสู้กลับ ทำเอาแจ๊คร่วงตกคลอง และจมน้ำตายในคริสตศตวรรษที่ 18
แต่พี่แจ๊คไม่เคยละทิ้งหน้าที่ไปไหน จนทุกวันนี้ ทาสหนุ่มยังเฝ้าคลองแกรนด์ ยูเนี่ยนอยู่เหมือนที่เคยทำ !
โอ๊ย ทำงานจนตัวตายวายชีวี แล้วก็ยังรักษาหน้าที่จริงๆ เลยพ่อคุณ
ลึกเข้าไปในสวน มีสายน้ำไหลผ่าน
มีคนรายงานว่า พบเห็นแจ๊คกันบ่อยๆ แต่ก็มักจะบอกว่า เขาเป็นวิญญาณน่าสงสารที่สุภาพ คือไม่ค่อยทำอะไรใคร แค่เฝ้าคลองตามที่ถูกสั่งมาเท่านั้น แต่แค่นี้ก็ถือว่าแจ๊ค แห่งแคสซิโอเบอรี เป็นผีที่ “เฮี้ยน” ที่สุดตนหนึ่งของเมืองวัตฟอร์ด เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ดี เวลาไปเที่ยวสวน ก็อย่าอยู่ให้ดึกนัก หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ เกิดมีภาระให้ต้องผ่านสวนยามมืดค่ำ ก็อย่าไปใกล้ลำคลอง เดี๋ยวจะหาว่าพี่แจ๊คแกไม่เตือน !
นอกจากท่านบารอนหัวขาด และทาสแจ๊คแล้ว ในสวนแคสซิโอเบอรีแห่งนี้ ในอดีตเคยมีโรงสูบน้ำตั้งอยู่ด้วย และแม้จะไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนนัก แต่ก็มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า เคยเกิดเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นแถวๆ นั้น แม้ว่าปัจจุบันโรงปั๊มน้ำที่ว่านี้จะถูกทุบทิ้งไปแล้ว แต่ก็ยังมีผู้เห็น “เงา” แปลกๆ ในบริเวณที่ว่า ซึ่งก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่า เป็นวิญญาณของเหยื่อที่เคยถูกสังหารที่นี่หรือไม่
ถึงตอนนี้ ขอเล่าเรื่องเมืองวัตฟอร์ดสักหน่อย หากท่านผู้อ่านยังจำได้ ผู้เขียนได้เล่าเรื่องผีที่เมืองเซนต์อัลบันส์ (St.Albans) แห่งประเทศอังกฤษมาแล้ว 5 ตอน นั่นเพราะว่า ผู้เขียนเองพำนักอยู่ที่เมืองเซนต์อัลบันส์ เลยได้โอกาสไปตามเขาล่าผีกันอยู่ในบางโอกาส ส่วนเมืองวัตฟอร์ตนั้น ถือว่าเป็นบ้านพี่เมืองน้องของเมืองเซนต์อัลบันส์ค่ะ โดยอยู่ห่างกันเพียง 8.8 ไมล์ (ประมาณ 14.16 กิโลเมตร) นั่งรถเมล์แค่ 25 นาทีก็ถึงกันแล้ว ผู้เขียนก็เลยได้โอกาสไปเที่ยววัตฟอร์ตบ่อยๆ จนเจอเรื่องผีที่นำมาเล่าสู่กันฟังได้ฉะนี้
และพอสอบถามจากผู้เฒ่าผู้แก่ ส่วนใหญ่ก็บอกว่า ไหนๆ ก็ไปตามล่าผีที่เมืองเซนต์อัลบันส์จนเกือบจะทั่วเมืองแล้ว ก็ต้องไปล่าผีที่เมืองวัตฟอร์ดให้ได้ และเจาะจงว่า ต้องเริ่มจากสวนสาธารณะแคสซิโอเบอรีนี่แหละ เพราะไม่มีที่ไหนเฮี้ยนเท่าที่นี่อีกแล้ว
บรรยากาศโดยรวมของสวนแคสซิโอเบอรีนั้น ถือว่าเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่โตมากจริงๆ และเต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้นานาพรรณ มีทั้งบริเวณที่ทางสภาเมืองตัดเป็นถนนราดยางให้เดิน วิ่ง หรือขี่จักรยานกันโดยสะดวก และยังมีบริเวณที่ออกจะเหมือนรกร้างหญ้าขึ้นสูงอยู่หลายหย่อม ในขณะที่ต้นไม้ใหญ่นั้น หลายต้นมีลักษณะแปลกๆ อาจจะเพราะผ่านกาลเวลามานาน โดนลมแรง ทำให้ลำต้นบิดเบี้ยวผิดทรงไปเยอะ แถมตอนที่ผู้เขียนไปเป็นช่วงที่ไม้ผลัดใบ ต้นไม้ใหญ่เลยมีแต่กิ่งก้าน ดูกลางวันก็พอทน แต่ถ้ามากลางคืน แค่เห็นต้นไม้ไหว
ก็อาจจะพลอยคิดไปว่า ท่านบารอนเดินผ่าน จนอดคิดเองเออเองไม่ได้ว่า รายงานที่มีผู้พบบารอนหัวขาดกันบ่อยๆ รอบสวนแคสซิโอเบอรีนั้น บางส่วนอาจจะเป็นบรรยากาศพาไป
แต่เมื่อรวมกับเรื่องเล่าที่มีคนยืนยันมากมายว่า ได้เจอผีหัวขาด และผีเฝ้าคลองจริงๆ กันเยอะแยะแล้ว คิดในแง่ดียังไง จ้างให้ก็ไม่มากลางคืนแหง็มๆ
กลัวคุยกับท่านบารอนไม่รู้เรื่อง
ก็ท่านไม่เอาหัวมาด้วยนี่นา บรื๋อ..!!
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา