Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
28 ต.ค. เวลา 10:54 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 172
หยวนเซียวที่เมืองกรุง (2) หลี่ซือซือ
สายัณห์วันที่สิบสี่ จันทร์เพ็ญโผล่พ้นขอบฟ้าตะวันออก ฟ้าใสไร้เมฆ ซ่งเจียง ไฉจิ้น แต่งเป็นผู้ตรวจการ ไต้จงเป็นพลเดินสาส์น เอี้ยนชิงเป็นคนรับใช้ คงทิ้งหลี่ขุยไว้เฝ้าห้องพัก ทั้งสี่เดินปะปนกับพวกนักแสดงเข้าเมืองมาทางประตูเฟิงชิว 封丘门 เดินชมชาวบ้านร้านตลาดตกแต่งโคมประชันกันจนสว่างไสวดุจกลางวัน
ราตรีอบอุ่นลมสงบ ทั้งสี่เดินเลี้ยวกันมาตามถนนราชดำเนิน จนมาถึงอาคารหลังหนึ่งด้านนอกมีผ้าม่านสีเขียวคราม ด้านในเป็นมู่ลี่ไม้ไผ่ หน้าต่างทั้งสองฟากมีผ้าโปร่งสีมรกต ด้านหน้ามีป้ายคู่หนึ่งจารึกอักษรป้ายละห้าตัว
歌舞神仙女 风流花月魁
นาฏดุริยางค์นางสวรรค์
ภิรมย์ขวัญบุปผาราชินี
ซ่งเจียงจึงเข้าไปยังร้านน้ำชาใกล้เคียงสั่งน้ำชาแล้วถามบริกรว่า
“สำนักเจี่ยวจี้ 角妓 (คณิกาชั้นสูงขายศิลปะการแสดง) ด้านหน้านี้เป็นของผู้ใด”
บริกรว่า “นั่นคือนางคณิกาเลื่องชื่อแห่งเมืองกรุง นามว่า หลี่ซือซือ 李师师”
ซ่งเจียงว่า “ที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันมาติดพันอยู่ด้วยกระมัง”
บริกรว่า “ท่านอย่าเสียงดังไป หูตามีอยู่ทั่ว”
ซ่งเจียงเรียกเอี้ยนชิงมากระซิบข้างหูว่า “ข้าใคร่พบหลี่ซือซือสักครั้งอย่างลับๆ ท่านหาอุบายเข้าไป ข้าจะดื่มน้ำชารอที่นี่” ซ่งเจียงชวนไฉจิ้น ไต้จงร่วมดื่มน้ำชา
เอี้ยนชิงเดินมายังหน้าอาคารของหลี่ซือซือ แหวกม่านเลิกมู่ลี่เดินเข้าไปด้านใน แลเห็นโคมแขวนรูปเป็ดน้ำยวนยาง ใต้โคมมีโต๊ะเครื่องหอมลงรักซีผี 犀皮 (รักผิวย่น) บนโต๊ะมีกระถางกำยาน ข้างกำแพงมีม้วนภาพบุคคลและทิวทัศน์อยู่สี่ภาพ ใต้ภาพแต่ละภาพมีเก้าอี้นั่งลงรักซีผีอยู่หนึ่งตัว
เอี้ยนชิงไม่เห็นใครออกมาพบ จึงเดินไปยังลานด้านหลัง เห็นมีห้องรับแขกใหญ่อีกแห่ง มีเก้าอี้ยาวไม้หนานมู่ 楠木 เนื้อทอง (ไม้มีค่าหายากควรค่าแก่ราชวัง) สลักลายวิจิตรอยู่สามตัว ปูด้วยเบาะแพรแดงลายบุปผาธารา มีโคมหยกแขวน และประดับห้องด้วยโบราณวัตถุพิสดาร
เอี้ยนชิงทำเสียงกระแอมไอ มีสาวใช้นางหนึ่งก้าวออกมาจากหลังบังตา พอเห็นเอี้ยนชิงก็คารวะว่านฝู 万福 แล้วถามว่า “ท่านพี่มีแซ่ไร มาจากที่ไหน”
เอี้ยนชิงว่า “รบกวนแม่นางเชิญท่านแม่ (妈妈 มาม่า) ออกมาพบ ข้าน้อยมีเรื่องจะคุยด้วย”
เหมยเซียง 梅香 สาวใช้เดินหายเข้าไปครู่หนึ่ง หลี่มามา 李妈妈 ก็เดินออกมาพบ
เอี้ยนชิงเชิญนางนั่งลง แล้วกระทำคารวะสี่กราบ
หลี่มามาถามว่า “พี่ชายน้อยท่านนี้มีแซ่ไร”
เอี้ยนชิงว่า “แม่เฒ่าลืมแล้วหรือ ผู้น้อยเป็นบุตรของจางอึ่ 张乙 ชื่อว่า จางเสียน 张闲 ออกไปอยู่ข้างนอกตั้งแต่เล็ก เพิ่งกลับมาถึงวันนี้”
แผ่นดินนี้เต็มไปด้วยคนแซ่จาง 张 แซ่หลี่ 李 แซ่หวาง 王 หลี่มามาเพ่งมองใต้แสงโคมอยู่เป็นนาน ยังนึกไม่ออก แล้วพลันโพล่งมาว่า
“เจ้าคือจางเสียนน้อยที่อยู่เชิงสะพานไท่ผิง 太平桥 ละมัง ไปอยู่ที่ไหน ไม่มาเสียนาน”
เอี้ยนชิงว่า “ผู้น้อยไม่อยู่บ้าน จึงไม่ได้มาเยี่ยม ตอนนี้ไปเป็นผู้รับใช้คหบดีซานตงผู้หนึ่ง ท่านมีสมบัติเหลือคณา นับเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งเอี้ยนหนานเหอเป่ย 燕南河北 ตอนนี้ นายท่านมาอยู่ที่นี่เพื่อ หนึ่งเที่ยวเทศกาลโคมหยวนเซียว สองมาเยี่ยมญาติ สามนำสินค้ามาค้าขาย และสี่ตั้งใจใคร่ขอพบแม่นางแห่งสำนักนี้สักครา ร่วมทานอาหารสักมื้อ มิใช่ผู้น้อยโอ้อวด นายท่านมีเงินทองนับร้อยพันตำลึงที่จะมอบให้แก่สำนักนี้”
นางแม่เล้าเป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์ พอฟังว่ามีลาภก้อนใหญ่ ก็รีบไปเชิญหลี่ซือซือออกมาพบ เอี้ยนชิงกระทำคารวะต่อนาง
芳年声价冠青楼,玉貌花颜是罕俦。
共羡至尊曾贴体,何惭壮士便低头。
อายุเยาว์นามกระเดื่องเลื่องหอคราม
พักตรางามปานมาลีหยกล้ำค่า
เคยร่วมเรียงเคียงเบื้องบนคนริษยา
เหล่าผู้กล้าค้อมเศียรมิควรอาย
หลี่มามาแจงรายละเอียดให้นางฟัง หลี่ซือซือถามว่า “ท่านเจ้าสัวตอนนี้อยู่ที่ใด”
เอี้ยนชิงว่า “อยู่ที่ร้านน้ำชาฝั่งตรงข้ามนี้”
หลี่ซือซือว่า “เชิญท่านมารับคารวะน้ำชาเรือนนี้เถิด”
เอี้ยนชิงว่า “หากแม่นางมิเอ่ยปาก ก็ไม่กล้ามาโดยพลการ”
หลี่มามาว่า “รีบไปเชิญมา”
เอี้ยนชิงข้ามมายังร้านน้ำชากระซิบบอกซ่งเจียง ไต้จงชำระเงินค่าน้ำชา แล้วทั้งสามก็ตามเอี้ยนชิงมายังเรือนหลี่ซือซือ พอเข้าประตูใหญ่มาก็ได้รับเชิญมายังห้องรับแขกใหญ่
หลี่ซือซือประสานมือทักทายตามธรรมเนียมว่า “เมื่อครู่ จางเสียนได้กล่าวถึงท่านอย่างภาคภูมิ วันนี้ลดตนมาเยือน เป็นเกียรติแก่เรือนยิ่ง”
ซ่งเจียงว่า “อยู่แดนไกลบ้านป่า หูตาย่อมคับแคบ ได้ยลนางผู้เลอโฉม เป็นบุญตาชั่วชีพ”
หลี่ซือซือเชิญให้นั่ง แล้วสังเกตเห็นไฉจิ้น จึงถามว่า “นายท่านผู้นี้เป็นอะไรกับใต้เท้า 足下”
ซ่งเจียงว่า “นี่คือญาติผู้น้องของข้า ผู้ตรวจการเย่ 叶巡检” จากนั้นก็เรียกไต้จงมาคารวะหลี่ซือซือ
ซ่งเจียง ไฉจิ้นนั่งลงฐานะแขกด้านซ้าย หลี่ซือซือนั่งลงด้านขวา แม่นมยกน้ำชาเข้ามา หลี่ซือซือรินน้ำชาให้ซ่งเจียง ไฉจิ้น ไต้จง เอี้ยนชิงด้วยตนเอง เป็นน้ำชาเลิศรสหอมหวน หลังน้ำชาเพิ่งเก็บเครื่องถ้วยไปแต่มิทันที่จะสนทนากันต่อ แม่นมเข้ามาแจ้งว่า
“พระองค์ 官家 ทรงเสด็จมาอยู่ด้านหลัง”
หลี่ซือซือกล่าวว่า “มิบังอาจรั้งพวกท่านเอาไว้ วันพรุ่งทรงเสด็จพระตำหนักเย็น คงมิเสด็จมา ค่อยเชิญพวกท่านมากันใหม่ ร่วมดื่มสักสามจอก”
ซ่งเจียงได้แต่รับคำ แล้วนำทั้งสามอำลา ออกจากเรือนหลี่ซือซือมาตามทางมุ่งหน้าไปชมเขาเต่าอ๋าวที่สะพานเทียนฮั่น 天汉桥 ผ่านมาใกล้หอฝานโหลว 樊楼 (ภัตตาคารเลื่องชื่อสมัยซ่ง) ได้ยินเสียงมโหรีปี่กลองอึกทึก แสงโคมสวยงามสว่างไสว บนหอลูกค้าคับคั่งดังมด ซ่งเจียง ไฉจิ้นเข้าไปหาห้องนั่งลงสั่งสุราอาหารมา แล้วนั่งชมประทีป ดื่มสุราไปได้ไม่กี่จอก พลันได้ยินเสียงคนข้างห้องร้องเพลง
浩气冲天贯斗牛,英雄事业未曾酬。
手提三尺龙泉剑,不斩奸邪誓不休!
ขวัญหาญกล้าเทียมฟ้าจ้าเฉิดฉาย
เป้าหมายวีรชนยังมิเห็นผล
กระบี่หลงเฉวียนสามฉื่อในมือตน
ไม่บั่นคนโฉดชั่วช้าไม่รามือ
(กระบี่ปกติจะยาวสามฉื่อ 三尺)
พอได้ฟัง ซ่งเจียงก็ข้ามห้องไปดูเห็นมังกรเก้าลายสื่อจิ้น จอมบุ่มบ่ามมู่หง กำลังเมาเอะอะอยู่ในห้อง
ซ่งเจียงเดินเข้าไปเอ็ดว่า “พวกเจ้าสองพี่น้องทำเอาข้าตกใจแทบแย่ รีบจ่ายเงินแล้วกลับไปเสีย ดีที่ยังเจอข้า หากพวกเจ้าหน้าที่ทางการมาได้ยินเข้า คงเป็นเรื่องใหญ่ ไม่คิดว่าพวกเจ้าพี่น้องจะเลินเล่ออย่างนี้ รีบออกจากเมืองอย่าชักช้า คืนพรุ่งนี้เที่ยวงานโคมวันตรงแล้ว คืนถัดไปก็กลับกันเลย วันนี้ก็พอเท่านี้ อย่าก่อเรื่องจนความแตก”
สื่อจิ้น มู่หงไม่โต้เถียง คิดเงินแล้วลงจากหอ กลับออกนอกเมืองไป
พวกซ่งเจียง ไฉจิ้นทั้งสี่นั่งดื่มต่อชมงานได้สักพักก็คิดเงินแล้วกลับออกมาทางประตูว่านโซ่ว 万寿门 พอถึงที่พักเคาะประตูเรียก หลี่ขุยเปิดประตูมาถลึงตาต่อว่าซ่งเจียงว่า
“พี่ท่านไม่พาข้ามาก็แล้วไป นี่พาข้ามาแต่ทิ้งให้เฝ้าห้อง หงุดหงิดนกเขาแย่แล้ว พวกท่านกลับไปเที่ยวสนุก”
ซ่งเจียงว่า “เจ้ามันอารมณ์ร้อน หน้าตาก็ดุร้าย พาเข้าเมืองไป กลัวจะไปก่อเรื่อง”
หลี่ขุยว่า “ท่านไม่พาข้าเข้าเมืองก็แล้วไป ไม่ต้องหาข้ออ้างมากมาย ท่านเคยเห็นข้าอยู่ๆ เที่ยวฆ่าคนกี่หนกัน”
ซ่งเจียงว่า “คืนพรุ่งนี้วันที่สิบห้าพาเจ้าเข้าเมืองไปดูโคมวันตรงด้วยก็แล้วกัน คืนถัดไปก็กลับกันเลย”
หลี่ขุยหัวร่อหึหึ
เย็นวันรุ่งขึ้น ซ่งเจียง ไฉจิ้น แต่งเป็นผู้ตรวจการเช่นเดิมนำไต้จง หลี่ขุย เอี้ยนชิง เข้าเมืองมาทางประตูว่านโซ่ว คืนนี้แม้ไม่มีการปิดประตูเมืองห้ามเข้าออก เหล่าทหารยามก็สวมชุดเกราะ เกาทัณฑ์เตรียมพร้อม ดาบออกจากฝัก กวดขันเวรยาม เกาไท่เว่ยนำทหารม้าห้าพันลาดตระเวนด้วยตนเอง
พวกซ่งเจียงทั้งห้าเบียดเสียดกันเข้ามาในเมือง ซ่งเจียงเรียกเอี้ยนชิงมากระซิบสั่งการบางอย่าง “……จากนั้น ท่านก็มารอที่ร้านน้ำชาเมื่อวาน”
เอี้ยนชิงมายังเรือนของหลี่ซือซือ เคาะประตูเรียก ทั้งหลี่มามา และหลี่ซือซือ ต่างออกมาพบแล้วกล่าวว่า
“วานขออภัยท่านเจ้าสัว เมื่อวานทรงเสด็จมาส่วนพระองค์ เรือนเราย่อมมิอาจขาดความเคารพ”
เอี้ยนชิงว่า “นายท่านย้ำนักหนาให้เรียนท่านแม่ว่า ท่านชื่นชมแม่นางบุปผาราชินี 花魁 (ฮวาขุย) หากแต่ซานตงแดนกันดาร หามีสิ่งใดเลอค่า ผลผลิตที่มีก็เกรงจะไม่ต้องใจ จึงให้ผู้น้อยนำทองคำหนึ่งร้อยตำลึงมามอบให้ก่อนเป็นการแสดงน้ำใจ แม้นมีสิ่งล้ำค่าใดอีก จะน้อมส่งมาเพิ่มเติม”
หลี่มามาถามว่า “ท่านเจ้าสัวตอนนี้อยู่ที่ไหน”
เอี้ยนชิงว่า “อยู่ที่ปากทาง รอผู้น้อยนำของกำนัลมามอบแล้ว จะไปชมโคมประทีปกัน”
แม่เล้าในโลกนี้ล้วนบูชาเงินทอง เห็นทองคำสองแท่งร้อนแดงดังถ่านไฟวางอยู่ตรงหน้าย่อมหวั่นไหว รีบบอกว่า “วันนี้เป็นวันเทศกาลมงคล พวกเราแม่ลูกจะดื่มฉลองกันอยู่ที่เรือน หากท่านเจ้าสัวไม่รังเกียจ ก็ขอเชิญมาร่วมดื่มสนทนากันสักครู่”
เอี้ยนชิงว่า “ผู้น้อยจะรีบไปเรียนเชิญ มีหรือท่านจะไม่มา”
กล่าวจบก็ข้ามมายังร้านน้ำชาแจ้งแก่ซ่งเจียง แล้วพากันมายังเรือนของหลี่ซือซือ
ซ่งเจียงให้ไต้จงกับหลี่ขุยรออยู่หน้าประตู พวกตนทั้งสามเข้ามายังด้านใน หลี่ซือซือมาต้อนรับ คารวะขอบคุณว่า
“ท่านเจ้าสัวเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก เหตุใดจึงมอบของกำนัลล้ำค่า แม้มิรับกลับเป็นมินับถือ”
ซ่งเจียงว่า “อยู่แดนไกลบ้านป่า หามีของล้ำค่าใด ได้แต่ส่งของกำนัลเล็กน้อยมาแสดงน้ำใจเท่านั้น แม่นางบุปผาราชินีหาควรต้องขอบคุณ”
หลี่ซือซือเชิญทั้งคณะมายังห้องรับแขกเล็ก นั่งลงแล้ว แม่นมและสาวใช้ยกจานผลไม้ และพืชผักหายากสำหรับแกล้มเหล้า ตามด้วยอาหารเลิศรสในถ้วยจานทองวางจนเต็มโต๊ะ หลี่ซือซือชูจอกคารวะว่า
“เป็นวาสนาแต่ปางก่อน ค่ำนี้มีโอกาสพบนายท่านทั้งสอง ขอใช้สุราอาหารพื้นๆ สำแดงคารวะ”
ซ่งเจียงว่า “บ้านป่าของข้าน้อย ถึงพอมีสมบัติร้อยพันก้วน ก็ยังมิเคยเห็นความรุ่มรวยปานนี้ เสน่ห์แห่งบุปผาราชินีเลื่องลือทั่วแดนดิน จะขอพบหน้าสักครา ยากเย็นดังขึ้นสวรรค์ มิพักกล่าวถึงรับอาหารจากมือ”
หลี่ซือซือว่า “ท่านเจ้าสัวกล่าวชมเกินไป”
แม่นมคอยรินสุราเติมในจอกทองใบน้อย ยามหลี่ซือซือสนทนาด้วยศัพท์สูง มีแต่ไฉจิ้นที่คอยตอบ เอี้ยนชิงยืนอมยิ้มอยู่ด้านข้าง
สุราผ่านไปหลายรอบ ซ่งเจียงเริ่มหลุดปากหลุดอาการ ถลกแขนเสื้อขึ้นชี้นิ้วเอานั่นนี่ตามแบบฉบับชาวเหลียงซานป๋อ ไฉจิ้นนึกขำว่า
“ท่านพี่ข้า เวลาดื่มเหล้าแล้วมักเป็นเช่นนี้ แม่นางอย่าได้หัวเราะ”
หลี่ซือซือว่า “เป็นแบบเฉพาะตัว จะเป็นไรไป”
สาวใช้บอกว่า “ผู้ติดตามสองคนที่หน้าประตู คนหนวดเคราเหลืองท่าทางน่ากลัว ยืนสบถอยู่ด้านนอก”
ซ่งเจียงว่า “ช่วยเรียกสองคนนั้นเข้ามา”
ไต้จงนำหลี่ขุยเข้ามาในห้อง หลี่ขุยเห็นซ่งเจียง ไฉจิ้น ร่วมโต๊ะอาหารกับหลี่ซือซือ เห็นแล้วอารมณ์กรุ่น ถลึงตาจ้องคนทั้งสาม หลี่ซือซือถามว่า
“ท่านผู้นี้เป็นใคร ดูเหมือนผีน้อยข้างตุลาการในศาลเจ้าที่”
คนฟังต่างหัวเราะ แต่หลี่ขุยไม่เข้าใจที่พูด
ซ่งเจียงว่า “นี่ลูกหลานในบ้านข้าเอง เรียกว่า หลี่น้อย 小李”
หลี่ซือซือหัวเราะแล้วว่า “ไม่มีอะไร ไม่ลบหลู่ท่านบัณฑิตไท่ไป๋” (หลี่ไป๋ มหากวีสมัยถัง แซ่หลี่เหมือนหลี่ขุย ชื่อไป๋ 白 ขาว)
ซ่งเจียงว่า “หมอนี่เรี่ยวแรงดี หาบของได้ถึงสามร้อยชั่ง ต่อยตีคนได้ถึงห้าสิบ”
หลี่ซือซือให้นำถ้วยเงินใบใหญ่ แจกเหล้าให้หลี่ขุย ไต้จงคนละสามถ้วย เอี้ยนชิงกลัวเหล้าเข้าปากแล้วจะพูดจาผิดหู จึงให้ทั้งสองกลับออกไปอยู่หน้าประตูดังเก่า
ซ่งเจียงเองกลับเป็นฝ่ายติดลมกล่าวว่า “ลูกผู้ชายดื่มเหล้า ไยใช้จอกใบน้อย” แล้วก็คว้าเอาถ้วยเงินใบใหญ่ไปรินเหล้าดื่มไปหลายถ้วย
ตอนก่อนหน้า : ไฉจิ้นลอบเข้าวัง
https://www.blockdit.com/posts/671a26c0b48303421d41d0da
ตอนถัดไป : พายุหมุนดำป่วนกรุง
https://www.blockdit.com/posts/67235f70fe57a21a3cb7db34
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย