31 ต.ค. เวลา 10:44 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 173

หยวนเซียวที่เมืองกรุง (3) พายุหมุนดำป่วนกรุง
หลี่ซือซือขับครวญ 低唱 เพลงจากบทกวี “มหานทีรี่ไหลบูรพา 大江东去” ของมหากวีซูตงพอ ซ่งเจียงนึกครึ้มขอกระดาษและพู่กัน ฝนหมึกแล้วกล่าวว่า
“ผู้รู้น้อยขอขีดเขียนบทกวีระบายความในใจให้บุปผาราชินีรับฟัง”
ซ่งเจียงจรดพู่กัน
天南地北,问乾坤何处、可容狂客?
借得山东烟水寨,来买凤城春色。
翠袖围香,绛绡笼雪,一笑千金值。
神仙体态,薄幸如何消得?
想芦叶滩头,蓼花汀畔,皓月空凝碧。
六六雁行连八九,只等金鸡消息。
义胆包天,忠肝盖地,四海无人识。
离愁万种,醉乡一夜头白。
ฟ้าทักษิณดินอุดร
ยื่นอุทธรณ์ต่อโลกหล้า
มีแห่งใดเล่าหนา
ให้คนบ้าพักกายา
ขอยืมค่ายซานตง
กลางหมอกคงคาภูผา
มาแลกทัศนียา
เมืองหงสาคราวสันต์
กลิ่นหอมหวนรัญจวน
อบอวลชุดเขียวหฤหรรษ์
หิมะแม้นผิวพรรณ
แพรแดงขับขาวผุดผ่อง
จอมขวัญยามแย้มสรวล
ค่าควรพันตำลึงทอง
นางฟ้างามชวนมอง
ต้องโชคใดจึงคู่ควร
รำลึกกกอ้อหัวหาด
ไผ่น้ำดาดตลิ่งถ้วน
จันทร์เพ็ญกระจ่างนวล
จับภาพนิ่งตรึงตราต้อง
สามสิบหกห่านป่า
ตามหลังมาเจ็ดสิบสอง
เฝ้ารอระกาทอง
ขันขานข่าวเฝ้ายลยิน
คุณธรรมเถลิงฟ้า
สัตยาเฉลิมดิน
สี่สมุทรสุดสิ้น
ใครรู้ใจจำกล้ำกลืน
ทุกข์ระทมนับพันหมื่น เมามายข้ามคืน
ผมเผ้ากลายขาวดอกเลา
(เมืองหงสา 凤城 คือ เมืองกรุง)
(六六 หกหก สามสิบหก ดาวเทียนกัง
八九 แปดเก้า เจ็ดสิบสอง ดาวตี้ส้า)
(ระกาทอง 金鸡 ยามประกาศอภัยโทษ นิรโทษ จะชูเสาบนยอดมีไก่ทอง)
ซ่งเจียงเขียนเสร็จแล้วส่งให้หลี่ซือซือพลิกอ่านไปมาแต่ไม่เข้าใจความหมาย ซ่งเจียงรอนางสอบถามจะได้ไขความนัย
พลันแม่นมเข้ามาแจ้งว่า “พระองค์ท่านเสด็จทางอุโมงค์มาถึงด้านหลังแล้ว”
หลี่ซือซือกล่าวว่า “ต้องขออภัยด้วย คงมิอาจออกไปส่ง” แล้วรีบไปรับเสด็จทางประตูหลัง
แม่นมและสาวใช้เก็บถ้วยชาม ยกโต๊ะออกไป แล้วเก็บกวาดรอรับเสด็จ
พวกซ่งเจียงยังไม่ทันได้ออกไป จึงหาที่ซ่อนตัวในมุมมืด เห็นหลี่ซือซือถวายบังคมแล้วกราบทูลว่า
“ราชกิจของพระองค์มากนัก คงทรงเหน็ดเหนื่อย”
โอรสสวรรค์ตรัสว่า “วันนี้ข้าไปตำหนักเย็นเพิ่งกลับมา ให้รัชทายาทไปพระราชทานสุรามงคลแก่ราษฎรที่หอเซวียนเต๋อ ให้อนุชาไปศาลเชียนปู้ นัดหมายกับหยางไท่เว่ย แต่มาสายข้าจึงมาก่อน เจ้าก็มานั่งสนทนากับข้า”
ซ่งเจียงที่ซ่อนตัวอยู่กล่าวหารือว่า “หากพลาดโอกาสนี้ วันหน้าคงยาก พวกเราทั้งสามไปทูลขอพระราชทานนิรโทษกรรมกันเถิด”
ไฉจิ้นว่า “จะได้อย่างไร แม้ทรงอนุญาต ก็อาจเปลี่ยนพระทัยภายหลัง”
กล่าวถึงหลี่ขุยนึกถึงซ่งเจียง ไฉจิ้นร่ำสุรากับสาวงาม ปล่อยตนเฝ้าประตูกับไต้จง แล้วนึกโมโหจนเลือดแล่นอยู่ หยางไท่เว่ยเลิกม่านผลักประตูเดินเข้ามาเห็นหลี่ขุยก็ตวาดถามว่า “เจ้าเป็นใคร บังอาจมาอยู่ที่นี่”
หลี่ขุยไม่พูดจา คว้าเก้าอี้ฟาดใส่หน้าหยางไท่เว่ย หยางไท่เว่ยตกใจไม่ทันตั้งตัว ถูกเก้าอี้ฟาดล้มลงกับพื้น ไต้จงจะรีบเข้ามาช่วย หลี่ขุยกระชากม้วนภาพวาดลงมาจ่อกับเทียนไข แล้วนำไปจุดไฟเผาทางซ้ายเผาทางขวา วางเพลิงไปทุบข้าวของไปจนโต๊ะเครื่องหอมแหลกละเอียด
พวกซ่งเจียงทั้งสามได้ยินเสียงเอะอะ รีบออกมาดูก็เห็นหลี่ขุยถลกเสื้อครึ่งตัวบนกำลังอาละวาดอยู่ ทั้งสี่จึงเข้าไปกระชากลากตัวหลี่ขุยออกมานอกประตู หลี่ขุยไปฉวยเอาไม้กระบองได้อันหนึ่งก็ไล่หวดอยู่กลางถนน ซ่งเจียงเห็นท่าไม่ดี รีบนำไฉจิ้น ไต้จงหนีออกนอกเมืองก่อนประตูเมืองจะปิด คงทิ้งเอี้ยนชิงเอาไว้เฝ้าหลี่ขุย
เรือนหลี่ซือซือไฟไหม้ทำเอาฮ่องเต้ตกพระทัยเสด็จหนีไป พวกเพื่อนบ้านช่วยกันมาดับไฟ พร้อมทั้งช่วยหยางไท่เว่ย
ในเมืองเกิดโกลาหล เกาไท่เว่ยนำทหารลาดตระเวนอยู่ทางประตูทิศเหนือ ก็รีบนำกำลังทหารม้ารุดมา เอี้ยนชิงประกบหลี่ขุยมาพบเข้ากับมู่หง สื่อจิ้น ทั้งสี่จึงหาทวนกระบองมาแล้วกรุยทางมายังประตูเมือง พวกทหารยามจะรีบปิดประตู ด้านนอกหลู่จื้อเซินควงไม้เท้านำผู้จาริกอู่ควงมีดศีล จูถง หลิวถังใช้ดาบพอเตาลุยเข้ามาช่วยพวกทั้งสี่ในเมืองออกไปได้ พอออกจากเมืองแล้วไม่เห็นซ่งเจียง ไฉจิ้น ไต้จง ก็เกิดความกังวล เกาไท่เว่ยนำทหารม้ามาถึง รีบตามออกมานอกเมือง
อู๋ย่งเกรงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น จึงให้ห้าขุนพลพยัคฆ์นำทหารม้าเกราะหนักหนึ่งพันลงเขามากำหนดถึงในคืนนั้น พอเห็นซ่งเจียง ไฉจิ้น ไต้จงออกจากเมืองมา ก็นำม้าเปล่าที่เตรียมไว้มาให้ขี่ พวกที่ตามออกจากเมืองมาทีหลังก็ได้ขึ้นม้าด้วย ขาดแต่หลี่ขุยยังไม่เห็น
เกาไท่เว่ยนำทหารม้าไล่ตามมา ห้าขุนพลพยัคฆ์มี กวนเสิ้ง หลินชง ฉินหมิง ฮูหยันจว๋อ ต่งผิง นำทัพเข้าประชิดเมือง ยืนอยู่ริมคูเมืองตวาดว่า “ผู้กล้าเหลียงซานป๋ออยู่ที่นี่ รีบมอบเมืองมา จะเว้นโทษตายให้”
เกาไท่เว่ยให้ปิดเมืองชักสะพานขึ้น นำทหารขึ้นประจำการบนกำแพง
ซ่งเจียงตามเอี้ยนชิงมาบอกว่า “ท่านสนิทกับเจ้าดำ อยู่รอแล้วพาตัวกลับด้วยกัน ข้ากับทหารจะล่วงหน้าไปก่อน กลับกันเลยในคืนนี้”
เอี้ยนชิงรออยู่ แล้วก็เห็นหลี่ขุยเก็บสัมภาระออกจากโรงแรมที่พัก ถือขวานคู่มาด้วย แล้วจู่ๆ ก็คำรามลั่น ถือขวานวิ่งไปทางกำแพงเมือง จะเอาขวานจามประตูบุกยึดเมืองโดยลำพัง เอี้ยนชิงตามไปรวบเอวไว้ ขัดขาจับทุ่มเอาขาชี้ฟ้า แล้วก็ลากให้ลุกขึ้น นำหนีมาตามทางน้อย
เหตุใดหลี่ขุยจึงกลัวเอี้ยนชิง เอี้ยนชิงมีวิชามวยปล้ำเป็นเอก ซ่งกงหมิงให้เอี้ยนชิงคอยประกบหลี่ขุย หากไม่เชื่อฟังก็จับทุ่มเสีย หลี่ขุยถูกเล่นงานหลายครั้งจนขยาด ต้องยอมคล้อยตาม
เอี้ยนชิง หลี่ขุยใช้เส้นทางเล็กเลี่ยงการติดตามมาทางอำเภอเฉินหลิว 陈留县 หลี่ขุยซ่อนขวานใต้ชุดที่ใส่ ผ้าโพกหัวหายไปเสียแล้ว จึงแบ่งผมเกล้าเป็นสองมวยคล้ายนักพรต
เช้าวันรุ่งขึ้น เกาไท่เว่ยนำทัพออกติดตามแต่ไม่ทันจึงยกกลับ หลี่ซือซือปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้อง หยางไท่เว่ยกลับบ้านไปพักพื้น สำรวจความเสียหายในเมือง พบผู้บาดเจ็บราวห้าร้อยคน เกาไท่เว่ยกับถงก้วน 童贯 จากซูมี่ย่วน 枢密院 (สภากลาโหม) เข้าหารือกับจวนราชครู เพื่อทูลเสนอให้จัดทัพออกปราบโจร
หลี่ขุยกับเอี้ยนชิงเดินทางมาถึงหมู่บ้านสื้อหลิ่ว 四柳村 ในเวลาค่ำ ทั้งสองไปเคาะประตูขอค้างแรมในคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ตี๋ไท่กง 狄太公 ออกมาพบแลเห็นหลี่ขุยเกล้าผมสองมวยเหมือนนักพรต แต่ไม่สวมเสื้อคลุมพรต หน้าตาดุร้ายน่ากลัว จึงถามเอี้ยนชิงว่า
“อาจารย์ท่านนี้มาจากที่ไหน”
เอี้ยนชิงหัวเราะแล้วว่า “อาจารย์ท่านนี้เป็นนักพรตพิสดาร พวกท่านคงไม่รู้จักหรอก แค่จัดอาหารเย็น และให้ที่พักแรมเพียงคืนเดียว พรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางต่อกันแล้ว”
หลี่ขุยก็ไม่พูดจาส่งเสียงไร
ตี๋ไท่กงคุกเข่าคารวะหลี่ขุยแล้วว่า “ท่านอาจารย์ ได้โปรดช่วยศิษย์ด้วย”
หลี่ขุยว่า “ท่านจะให้ข้าช่วยอะไร ก็บอกมา”
ไท่กงว่า “บ้านข้านี้มีอยู่ร้อยกว่าคน สองสามีภรรยา มีลูกสาวคนเดียวอายุยี่สิบกว่าปี เมื่อครึ่งปีก่อน มีปีศาจตนหนึ่งเข้าไปอยู่ในห้องลูกสาว ข้าวปลาอาหารไม่เคยออกมาหากิน หากใครเข้าไปเรียก ก็จะถูกก้อนอิฐขว้างใส่เจ็บกันไปหลายคน ไปเชิญเจ้าหน้าที่ทางการมาก็จับไม่ได้”
หลี่ขุยว่า “ไท่กง ข้าเป็นศิษย์นักพรตหลอเจินเหยินแห่งจี้โจว เหยียบเมฆขี่หมอก เรื่องจับภูตผีนี่ชำนาญ หากท่านลงทุนสักหน่อย ข้าจะจับผีให้ในคืนนี้ ตอนนี้ต้องใช้หมูหนึ่งตัวแพะหนึ่งตัว เซ่นไหว้เทพยดา”
ไท่กงว่า “ทั้งหมูทั้งแพะ บ้านข้ามีหมด เหล้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง”
หลี่ขุยว่า “ท่านเลือกเอาตัวอ้วนๆ ไปต้มให้สุก เหล้าดีดีมาหลายๆ ขวด จัดเตรียมให้พร้อม ยามสามคืนนี้ ข้าจะช่วยท่านจับผี”
ไท่กงว่า “ท่านอาจารย์ต้องใช้ยันต์หรือเครื่องกระดาษ ผู้เฒ่าก็มีครบ”
หลี่ขุยว่า “อาคมของข้า ยันต์นกเขาไรก็ไม่ต้อง ลำพังตัวข้าเข้าไปในห้อง ก็ลากเอาผีออกมาได้”
เอี้ยนชิงอดหัวเราะไม่ได้
ผู้เฒ่าวุ่นจัดแจงตามที่บอกอยู่ครึ่งคืน หมูกับแพะจึงสุก นำมาวางไว้ในห้องโถง หลี่ขุยให้นำชามใหญ่มาสิบชาม อุ่นเหล้ามาสิบขวด จุดเทียนไขสองเล่ม จุดกำยานกระถางหนึ่ง หลี่ขุยลากม้ายาวมานั่งตรงกลาง ปลดขวานจากเอวมาสับเอาหมูกับแพะเป็นชิ้นใหญ่ๆ ลงมือกิน แล้วเรียกเอี้ยนชิง
“พี่เสียวอี่ มากินด้วยกัน”
เอี้ยนชิงยิ้มเยาะ แต่ไม่มากิน
หลี่ขุยสวาปามจนอิ่ม ดื่มเหล้าไปหกชาม ไท่กงมองดูอย่างมึนงง หลี่ขุยเรียกพวกลูกบ้าน “พวกเจ้ามาช่วยโปรยทาน” แล้วคีบเอาเศษเนื้อแบ่งๆ ให้
หลี่ขุยว่า “ไปต้มน้ำร้อนมาถังหนึ่ง ข้าจะล้างมือล้างเท้า”
พอล้างมือล้างเท้าเสร็จ ก็บอกไท่กงให้จัดน้ำชามาให้ แล้วหันมาถามเอี้ยนชิงว่า “ท่านกินอะไรหรือยัง”
เอี้ยนชิงว่า “ข้าอิ่มแล้ว”
หลี่ขุยหันมาบอกไท่กง “อิ่มเนื้อแล้ว เมาเหล้าแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องเดินทาง พวกข้าจะนอนแล้ว”
ไท่กงว่า “แย่ละ จะไปจับผีเมื่อไร”
หลี่ขุยว่า “จะให้ข้าจับผีจริงสิ พาข้าไปห้องลูกสาวท่าน”
ไท่กงว่า “ผีอยู่ในห้อง เดี๋ยวขว้างอิฐออกมา ใครกล้าเข้าไป”
หลี่ขุยคว้าขวานคู่ บอกให้คนชูคบไฟส่องทางแล้วเดินตรงไปยังห้อง มองเข้าไปดู เห็นแสงตะเกียงวับๆ แวมๆ มีชายหนุ่มโอบกอดหญิงสาวนั่งคุยกันอยู่ หลี่ขุยเตะประตูพังเข้าไป แล้วเหวี่ยงขวานจามไปทั่ว เกิดลูกไฟตามมาด้วยเสียงระเบิด ตะเกียงถูกหลี่ขุยจามแตก
ชายหนุ่มตกใจวิ่งหนี หลี่ขุยตวาดลั่น สับขวานถูกไอ้หนุ่มล้มลง ฝ่ายหญิงมุดไปหลบใต้เตียง หลี่ขุยเอาขวานสับตัดหัวไอ้หนุ่มมาวางบนเตียง แล้วเอาขวานเคาะข้างเตียงตะคอกว่า
“แม่หนู ออกมา ไม่งั้นข้าจะสับทั้งเตียงนี่ให้เละเลย”
แม่หนูรีบตะโกนว่า “ไว้ชีวิตข้า ข้าถึงจะออกไป” แล้วโผล่หัวออกมา หลี่ขุยคว้าผมหมับแล้วลากตัวออกมาข้างศพ ถามว่า
“หมอนี่ที่ข้าฆ่าไปเป็นใคร”
แม่หนูว่า “นั่นผัวข้า หวางเสี่ยวเอ้อ 王小二”
หลี่ขุยถามอีกว่า “ก้อนอิฐกับอาหาร ไปเอามาจากไหน”
แม่หนูว่า “ข้าให้เครื่องประดับไป เวลายามสองยามสาม มีคนส่งข้ามกำแพงมาให้”
หลี่ขุยว่า “หญิงโสโครกอย่างเจ้า ปล่อยไว้ทำไม” แล้วลากผมมาข้างเตียง เอาขวานสับตัดหัว นำมามัดติดกันกับอีกหัว จากนั้นก็ลากศพมานอนเคียงกับอีกศพ
หลี่ขุยว่า “ข้ากินอิ่มแล้ว ยังไม่ได้ออกกำลังช่วยย่อย”
หลี่ขุยแก้เอาเสื้อผ้าท่อนบนของศพทั้งสองออก แล้วเอาขวานสับให้เป็นเนื้อสับ
หลี่ขุยหัวเราะแล้วว่า “ดูแล้วเจ้าทั้งสอง ไม่น่ารอด”
หลี่ขุยเหน็บขวาน คว้าหัวทั้งสอง เดินออกมาทางห้องโถงตะโกนบอกว่า “ข้าจับผีได้ทั้งสองตัว” แล้วเอาหัวทั้งสองโยนมา
คนในบ้านพากันตะลึง แล้วเข้ามามุงดูหัวทั้งสอง จำได้ว่าหัวหนึ่งเป็นลูกสาวไท่กง อีกหัวไม่รู้จัก แล้วก็มีคนหนึ่งนึกขึ้นได้ว่า
“ดูเหมือนคนจับนกที่ปากหมู่บ้านตะวันออก ชื่อว่า หวางเสี่ยวเอ้อ”
หลี่ขุยว่า “เจ้านี่ ตาแหลม”
ไท่กงว่า “ท่านอาจารย์รู้จักหรือ”
หลี่ขุยว่า “ลูกสาวท่านหลบอยู่ใต้เตียง ข้าลากตัวออกมาถาม นางว่านี่ผัวนาง หวางเสี่ยวเอ้อ อาหารการกินก็มันนี่แหละขนเข้ามา ข้าซักดูแล้วจึงลงมือ”
ไท่กงร่ำไห้ว่า “ท่านอาจารย์ น่าจะไว้ชีวิตลูกสาวข้า”
หลี่ขุยด่าว่า “วัวแก่ต้องเฆี่ยน ลูกสาวคบชู้ ปล่อยไว้ทำไม มาร้องไห้แบบนี้ ไม่ขอบคุณยังมาโทษข้าอีก พรุ่งนี้ข้าค่อยมาคุยกับเจ้า”
เอี้ยนชิงหาห้องพาหลี่ขุยไปเข้านอน
ไท่กงจุดตะเกียงพาคนเข้าไปดูในห้อง เห็นศพทั้งสองถูกสับเป็นชิ้นๆ กองอยู่บนพื้น ไท่กงกับแม่เฒ่าร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร แล้วบอกให้คนนำศพไปเผาที่หลังบ้าน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่ขุยผุดลุกขึ้นมาหาไท่กงแล้วว่า “เมื่อคืนข้าช่วยท่านจับผี ทำไมไม่ขอบคุณ”
ไท่กงจึงให้คนจัดสุราอาหารมาให้
หลี่ขุย เอี้ยนชิงกินกันอิ่มหนำแล้ว ก็อำลาตี๋ไท่กงออกเดินทางต่อไป
ตอนก่อนหน้า : หลี่ซือซือ
ตอนถัดไป : พายุหมุนดำมอบหัว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา