4 พ.ย. เวลา 10:33 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 174

พายุหมุนดำคู่หูคนเสเพล (1) พายุหมุนดำมอบหัว
หลี่ขุย เอี้ยนชิงออกจากหมู่บ้านสื้อหลิ่วเดินทางอ้อมรอบใหญ่มาทางด้านเหนือของเหลียงซานป๋อจนเหลือระยะทางอีกราวแปดสิบลี้ มาค่ำลงหน้าคฤหาสน์แห่งหนึ่งห่างจากตำบลจิงเหมินเจิ้น 荆门镇 ไม่ไกลนัก หลี่ขุยจึงเข้าไปเคาะประตู
เอี้ยนชิงว่า “พวกเราไปหาโรงแรมที่พักกัน”
หลี่ขุยว่า “บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่ต่างกับโรงแรมสักเท่าไร”
พูดไม่ทันจบ ก็พอดีมีคนมาเปิดประตูแล้วบอกว่า “ท่านไท่กงของเรากำลังมีเรื่องเดือดร้อน พวกท่านไปหาที่อื่นพักเถิด”
หลี่ขุยกลับเดินเข้าบ้านไป เอี้ยนชิงรั้งไว้ไม่ทัน หลี่ขุยเดินมาถึงโถงมุงหญ้า ก็ตะโกนว่า
“คนผ่านทางขอพักแรมคืนเดียว อะไรกันนักหนา อ้างว่าไท่กงเดือดร้อน ข้านี่ชอบนักเรื่องเดือดร้อน”
หลิวไท่กง 刘太公 อยู่ด้านในมองออกมาเห็นหลี่ขุยหน้าตาดุร้าย จึงบอกให้จัดห้องมุมปีกด้านข้างโถงด้านนอกให้พัก จัดหาอาหารให้ พอกินอิ่มก็พากันเข้าห้องพัก
เย็นนั้น หลี่ขุยอดเหล้านอนไม่หลับพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ได้ยินแต่เสียงไท่กง ไท่ผอ ร้องไห้ หลี่ขุยขี้หงุดหงิดยิ่งหลับไม่ลง พอเช้ารีบลุกขึ้น มายังหน้าห้องโถงถามว่า
“บ้านท่านมีอะไรกันนักหนา ร้องไห้ทั้งคืน จนพ่อนอนไม่หลับ”
ไท่กงได้ยิน จึงเดินออกมาตอบว่า “บ้านข้ามีลูกสาวอยู่คนหนึ่งอายุสิบแปดปี ถูกคนร้ายลักตัวไปจึงพากันเดือดร้อน”
หลี่ขุยว่า “เพี้ยนไปแล้ว คนที่ลักลูกสาวท่านไปเป็นใคร”
ไท่กงว่า “บอกชื่อท่านไปแล้ว คงกลัวจนขี้หดตดหาย เขาคือ ซ่งเจียง ประมุขเขาเหลียงซานและผู้กล้าหนึ่งร้อยแปดคนยังไม่นับพวกลูกน้อง”
หลี่ขุยว่า “เช่นนั้นข้าขอถามว่า เขามากันกี่คน”
ไท่กงว่า “สองวันก่อน เขามากับหนุ่มคนหนึ่งขี่ม้ามาคนละตัว”
หลี่ขุยตะโกนเรียกเอี้ยนชิง “พี่เสียวอี่ ท่านมาฟังพ่อเฒ่านี่ พี่ชายเราเป็นพวกปากอย่างใจอย่าง ไม่ใช่คนดีเสียแล้ว”
เอี้ยนชิงว่า “พี่ใหญ่ ท่านตรองดูให้ดี ไม่มีเรื่องเช่นนี้แน่”
หลี่ขุยว่า “ตอนอยู่ตงจิง เขายังไปหาหลี่ซือซือ มาที่นี่ ทำไมจะทำไม่ได้”
หลี่ขุยจึงบอกกับไท่กงว่า “ท่านมีข้าวก็เอามาให้กินก่อน ข้าจะบอกความจริงให้ ข้านี่แหละ พายุหมุนดำหลี่ขุยแห่งเหลียงซาน ส่วนนี่คือ คนเสเพลเอี้ยนชิง ถ้าซ่งเจียงเป็นคนลักตัวลูกสาวท่านไป ข้าจะไปทวงคืนมาให้ท่าน”
ไท่กงกราบขอบคุณ
หลี่ขุย เอี้ยนชิงมุ่งหน้ามาเขาเหลียงซาน ตรงมายังหอธรรมภักดิ์ ซ่งเจียงเห็นทั้งสองกลับมาแล้วจึงถามว่า
“น้องเรา พวกท่านไปไหนมาเสียหลายวันกว่าจะกลับมาถึงนี่”
หลี่ขุยไม่ตอบ ถลึงตาจ้อง คว้าขวานมาจามเสาธงเหลืองล้มลง เอาธง “ผดุงธรรมแทนฟ้า 替天行道” มาฉีกเป็นชิ้นๆ ทุกคนล้วนตกตะลึง
ซ่งเจียงตวาดลั่น “เจ้าดำ ทำอะไร”
หลี่ขุยถือขวานสองมือ วิ่งขึ้นมาบนหอ ตรงมายังซ่งเจียง
梁山泊里无奸佞,忠义堂前有诤臣。
留得李逵双斧在,世间直气尚能伸。
เขาเหลียงซานไร้คนตลบตะแลง
หอธรรมภักดิ์แห่งนี้มีขุนนางซื่อ
แม้นหลี่ขุยคงมีสองขวานในมือ
ความซื่อตรงยังคงอยู่คู่โลกา
กวนเสิ้ง หลินชง ฉินหมิง ฮูหยันจว๋อ ต่งผิง ห้าขุนพลพยัคฆ์รีบเข้ามาสกัดไว้ ชิงเอาขวานไปได้แล้วกุมตัวหลี่ขุยไว้หน้าหอ
ซ่งเจียงโกรธจัด ตวาดว่า “หมอนี่เพี้ยนอีกแล้ว เจ้าบอกมา ข้าทำผิดอะไร”
หลี่ขุยโกรธจนพูดไม่ออก
เอี้ยนชิงก้าวออกมากล่าวว่า “ข้าจะเล่ารายละเอียดตลอดทางให้พี่ท่านฟัง ที่โรงแรมนอกเมืองตงจิง เขาโดดออกมาคว้าขวานจะวิ่งไปจามประตูเมือง ข้าทุ่มเขาล้ม ลากเขาขึ้นมาแล้วบอกไปว่า “ท่านพี่กลับไปแล้ว เหลืออยู่คนเดียว จะทำบ้าอะไร” เขาจึงฟังข้า หนีกันมาเลี่ยงทางหลวง ตอนนั้นผ้าโพกหัวของเขาหายไปแล้ว จึงเกล้าผมเป็นสองมวย พวกเรามากันถึงบ้านสื้อหลิ่วของตี๋ไท่กง เขาทำเป็นมีอาคมจับผี จับเอาลูกสาวกับชู้มาสับเป็นเนื้อสับ
จากนั้น พวกเราก็เดินทางต่อมาตามทางหลวงขึ้นเขาทางตะวันตก เขาบอกให้อ้อมทางรอบใหญ่ พวกเรามากันใกล้จิงเหมินเจิ้นก็ตกค่ำ จึงไปขอแรมคืนที่บ้านของหลิวไท่กง พวกไท่กงสองผู้เฒ่าแม่เฒ่าเฝ้าแต่ร้องไห้ทั้งคืนทำเอาเขานอนไม่หลับ พอถึงเช้าไปถามดู หลิวไท่กงว่า “สองวันก่อน ซ่งเจียงเขาเหลียงซานขี่ม้ามากับชายหนุ่มผู้หนึ่ง ผู้เฒ่าเห็นว่าชูธงผดุงธรรมแทนฟ้า จึงให้ลูกสาวอายุสิบแปดมารินเหล้าให้ กินกันจนดึกดื่น แล้วทั้งคู่ก็ลักตัวลูกสาวไป”
พี่หลี่ขุยได้ฟังก็คิดว่าเรื่องจริง ข้าเองก็แก้ต่างให้หลายครั้งว่า “ท่านพี่ไม่ใช่คนแบบนี้ คงเป็นพวกกเฬวรากแอบอ้างชื่อท่านพี่”
พี่หลี่ว่า “ข้าเห็นกับตาตอนอยู่ตงจิงว่า เขาไปพลอดรักกับหลี่ซือซือไม่ยอมเลิกรา ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร”
เขาจึงมาก่อเรื่องนี้ขึ้น”
ซ่งเจียงฟังจบแล้ว จึงกล่าวว่า “เรื่องกล่าวหากันเช่นนี้ ข้าจะรู้เองได้อย่างไร ทำไมเจ้าไม่พูด”
หลี่ขุยว่า “ปกติ ข้าก็เห็นท่านเป็นชายชาตรี ที่แท้ก็เดรัจฉาน เรื่องแบบนี้ยังทำได้”
ซ่งเจียงตวาดว่า “เจ้าฟังข้า ข้ากลับมากับทหารสองพันคน หากขี่ม้ารั้งท้ายไปเพียงสองคน มีหรือที่จะไม่มีใครสังเกต และหากข้าลักตัวผู้หญิงมา ก็ต้องอยู่ในค่ายนี้ เจ้าไปค้นในห้องของข้าดู”
หลี่ขุยว่า “ท่านพี่ ท่านพูดนกเขาไรเหลวไหล พวกในค่ายนี้ก็ลูกน้องท่าน ส่วนใหญ่คงช่วยปกป้องท่าน มิช่วยกันซ่อนหรือ แต่แรกข้าก็นับถือท่านว่าไม่ใช่พวกมักมากในสตรี แต่ที่แท้ท่านติดทั้งเหล้าทั้งผู้หญิง ฆ่าหยันผอซีนั่นก็เห็นเป็นตัวอย่าง ไปตงจิงปรนเปรอหลี่ซือซือยิ่งเห็นชัด ท่านไม่ต้องแก้ตัว รีบมอบตัวลูกสาวเฒ่าหลิวมา ยังพอคุยกันได้ หากไม่คืนตัวนางมา ข้าช้าหรือเร็วก็ต้องฆ่าท่าน”
ซ่งเจียงว่า “เจ้าไม่ต้องโวยวายไป หลิวไท่กงนั่นก็ยังไม่ตาย บ้านเขาก็ยังอยู่ดี พวกเราไปแสดงตัวกันต่อหน้า หากพิสูจน์แล้วว่าใช่ เจ้าก็เอาขวานมาตัดคอข้าเสียตรงนั้น แต่หากพิสูจน์ว่าไม่ใช่ คนไม่รู้ที่สูงที่ต่ำอย่างเจ้า จะให้ลงโทษเยี่ยงไร”
หลี่ขุยว่า “ถ้าข้าจับผิดท่านไม่ได้ ก็ถือว่าเสียหัวนี้แก่ท่าน”
ซ่งเจียงว่า “ดี พวกพี่น้องช่วยเป็นพยาน”
แล้วจึงให้ตุลาการหน้าเหล็กเผยเซวียนทำหนังสือพนันขันต่อขึ้นมาสองฉบับ ต่างฝ่ายต่างลงชื่อ ฉบับของซ่งเจียงให้หลี่ขุยเก็บ ฉบับของหลี่ขุยให้ซ่งเจียงเก็บ
หลี่ขุยแถมอีกว่า “ไอ้หนุ่มอีกคนที่พูดถึง ข้าว่าคือ ไฉจิ้น”
ไฉจิ้นว่า “เช่นนั้น ข้าไปด้วย”
หลี่ขุยว่า “กลัวแต่ท่านจะไม่มา ไปยืนยันตัวตนกันแล้ว ท่านขุนนางใหญ่ไฉ 柴 ไม้ฟืน อาจกลายเป็นท่านขุนนางใหญ่หมี่ 米 ข้าวสาร ต้องเจอขวานข้าอีกคน”
ไฉจิ้นว่า “ก็ไม่เป็นไร ท่านไปรอที่นั่นก่อน หากพวกเราไปถึงก่อน จะหาว่าเล่นตุกติก”
หลี่ขุยว่า “ถูกต้อง” แล้วหันมาเรียกเอี้ยนชิง
“พวกเราไปกันก่อน ใครไม่มาถือว่าขี้ขลาด ค่อยกลับมาจัดการ”
至上无过任评论,其次纳谏以为恩。
最下自差偏自是,令人敢怒不敢言。
ผู้ประเสริฐเลิศแล้ว
ยังไม่แคล้วถูกนินทา
สามัญชนพลาดท่า
ยอมรับฟังยังเป็นคุณ
ผู้ต่ำต้อยผิดพลั้ง
ยังดันทุรังต่ำสถุล
ได้แต่กริ้วฉิวฉุน
สิ้นมธุรสวาจา
หลี่ขุยกับเอี้ยนชิงมาถึงบ้านหลิวไท่กง ไท่กงออกมาต้อนรับถามว่า “ผู้กล้าท่านมีเรื่องอะไรหรือ”
หลี่ขุยว่า “ตอนนี้ซ่งเจียงจะมาให้ท่านยืนยันตัวตน ท่านกับแม่เฒ่ารวมทั้งพวกลูกบ้านด้วยดูให้ชัดๆ ถ้าใช่ ก็บอกมาตามตรง ไม่ต้องไปกลัว ข้าช่วยจัดการให้ท่านเอง”
บ่าวเข้ามาบอกว่า “มีคนขี่ม้ามาสิบกว่าคน”
หลี่ขุยว่า “นั่นเขาละ”
พวกที่ลงม้ามา รอกันอยู่ด้านนอก ลำพังซ่งเจียง ไฉจิ้น เดินเข้ามานั่งในโถงมุงหญ้า
หลี่ขุยถือขวานยืนเตรียมอยู่ด้านข้าง รอผู้เฒ่าบอกว่า “ใช่” ก็จะลงมือทันที
หลิวไท่กงเดินมาคารวะซ่งเจียง
หลี่ขุยถามว่า “นี่คือคนที่ลักตัวลูกสาวท่านไปใช่ไหม”
ผู้เฒ่าเพ่งมองด้วยนัยน์ตาเหี่ยวย่น ทบทวนความจำ แล้วบอกว่า “ไม่ใช่”
ซ่งเจียงกล่าวกับหลี่ขุยว่า “เจ้าจะว่าอย่างไร”
หลี่ขุยว่า “พวกท่านทั้งสองส่งสายตาจ้องจนผู้เฒ่ากลัว ไม่กล้าพูดความจริง”
ซ่งเจียงว่า “เช่นนั้น เจ้าก็เรียกคนที่เหลือทั้งบ้านมา”
พวกที่เหลือต่างก็บอกพร้อมเพรียงกันว่า “ไม่ใช่”
ซ่งเจียงกล่าวว่า “หลิวไท่กง ข้าก็คือซ่งเจียงแห่งเขาเหลียงซาน ส่วนพี่น้องท่านนี้คือไฉจิ้น ลูกสาวของท่านถูกคนแอบอ้างชื่อพวกเราลักพาตัวไป หากท่านได้เบาะแสอันใด ก็แจ้งมาทางค่าย ข้าจะเป็นธุระให้”
ซ่งเจียงหันมากล่าวกับหลี่ขุย “ที่นี่ไม่เหมาะจะคุยกับเจ้า กลับไปถึงค่ายค่อยว่ากัน” แล้วขึ้นม้านำผู้ติดตามกลับไปยังค่ายก่อน
เอี้ยนชิงว่า “พี่หลี่ จะทำเช่นไรดี”
หลี่ขุยว่า “ข้าใจร้อนก่อเรื่องเอง ก็ต้องเสียหัวนี้ไป ข้าเอามีดตัดเอง ท่านช่วยเอาไปส่งให้ท่านพี่”
เอี้ยนชิงว่า “ไม่มีเหตุผลที่ท่านจะต้องมาตาย ข้ามีวิธีเรียกว่า แบกหนามขอขมา 负荆请罪”
หลี่ขุยว่า “อย่างไรคือ แบกหนาม 负荆”
เอี้ยนชิงว่า “ก็คือ ถอดเสื้อออก เอาหนามมัดไว้บนหลัง แล้วไปคุกเข่าขอขมาหน้าหอธรรมภักดิ์ บอกว่า “สุดแต่พี่ท่านจะโบยกี่ครั้ง” เขาก็คงไม่ลงมือหรอก นี่เรียก แบกหนามขอขมา”
หลี่ขุยว่า “ดีอยู่หรอก แต่ฟังดูตลกหน่อย มิสู้ตัดหัวไปเสียหมดเรื่อง”
เอี้ยนชิงว่า “บนเขาก็มีแต่พี่น้อง ใครจะไปหัวเราะท่าน”
หลี่ขุยจึงต้องกลับมาพร้อมกับเอี้ยนชิงแล้ว แบกหนามขอขมา
ตอนก่อนหน้า : พายุหมุนดำป่วนกรุง
ตอนถัดไป : แบกหนามขอขมา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา