10 พ.ย. เวลา 05:45 • สุขภาพ

เครียดสะสมไม่รู้ตัว มีปัญหาการนอน หงุดหงิดง่าย ควรเช็ก!

เช็คอาการเครียด แบบไหนต้องรีบรักษา รู้แนวทางป้องกัน และวิธีรักษาที่ถูกต้อง และหากมีอาการควรดูแลตนเองอย่างไร
ปัจจุบันนี้ คนส่วนมากดำเนินชีวิตภายใต้ความกดดัน ทำให้เกิดอาการเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจะ นำไปสู่ความเจ็บป่วยทางจิตเวช หรือปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ ได้ เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล เพื่อป้องกัน และลดความเสี่ยงจากการมีความเครียดสะสม ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะในแต่ละวันทุกคนต้องใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความกดดัน แต่เมื่อใดที่ความกดดัน และความตึงเครียดนั้นไม่สามารถถูกจัดการได้ จะกลายเป็น ความเครียดสะสมที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต
เครียดสะสม
7 สัญญาณของอาการเครียดไม่รู้ตัว
● รูปแบบการนอนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น นอนไม่หลับ นอนไม่อิ่มหลับไม่สนิท ตื่นเร็วเกินไป หรือ ตื่นกลางดึก และหลับต่อได้ยาก
● อารมณ์เปลี่ยนไป เช่น นิ่งเงียบ ไม่พูด เบื่อหน่ายชีวิต รู้สึกกังวล หรือหงุดหงิดง่าย รวมไปถึงอารมณ์ทางเพศลดลง
● ร่ายกายผิดปกติ เช่น เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก หายใจถี่ ๆ หัวใจเต็นเร็ว เหงื่อออกมากผิดปกติ ปวดหัว ปวดเมื่อยร่างกาย ระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายแปรปรวนโดยที่ไม่สามารถหาสาเหตุได้
● แยกตัวออกจากสังคม ไม่อยากพบปะผู้อื่น หรือเกิดความอึดอัดเป็นอย่างมาก เมื่อต้องพบปะผู้อื่นมากเกินกว่าที่เคยเป็น
● ความสามารถในการตัดสินใจ การทำงานลดลง ไม่มีสมาธิ ทำงานช้า
● มีความคิดวนเวียนว่าอยากจบชีวิตตนเอง จนกลัวว่าอาจไม่สามารถควบคุมได้
● สำหรับในคนที่ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อยู่แล้ว อาจพบว่าตนเองดื่มและสูบมากขึ้น
ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต เผยว่า อัตราการฆ่าตัวตายในปี 2563 สูงขึ้นจนต้องเฝ้าระวัง ซึ่ง พบว่าสาเหตุสำคัญหนึ่งของการฆ่าตัวตาย คือ ความเครียดสะสมเรื่องภาวะปากท้องและเศรษฐกิจ
เครียดต้องดูแลตัวเองอย่างไร ?
● หากิจกรรมที่ทำให้ตนเองผ่อนคลาย ค้นหาสิ่งที่ชอบ และสบายใจ เช่น การดูหนัง ฟังเพลง วาดภาพ ออกกำลังกาย หรือการสูดกลิ่นน้ำมันหอมระเหย พาตนเองออกมาจากเรื่องเครียดสักระยะ
● ปรับความคิด พยายามมองโลกในแง่บวก ไม่จมอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากจนเกินไป วิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา และแก้ปัญหาที่ต้นเหตุนั้น ๆ
● ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเท่าที่สามารถทำได้ อาจเป็นการปรับเปลี่ยนการตกแต่งที่อยู่อาศัย เช่น จัดบ้านจัดโต๊ะทำงานรวมถึงการออกไปผ่อนคลายตามสถานที่ต่าง ๆ
● จัดสรรเวลาการใช้ชีวิตในแต่ละวันให้สมดุล (work life balance) โดยจัดสรรเวลาสำหรับการทำงาน และใช้ชีวิตส่วนตัวเพื่อสิ่งที่เป็นคุณค่าของตนเองอย่างเหมาะสม จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
ในกรณีที่การจัดการด้วย 4 วิธีนี้แล้ว ไม่สามารถช่วยให้คุณจัดการกับความเครียดได้ รวมถึงความเครียดเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย จิตใจ กระทบต่อการดำเนินชีวิต การทำงานและคนรอบข้าง การปรึกษาจิตแพทย์เพื่อร่วมกันหาทางจัดการความเครียดที่เกิดขึ้นให้เหมาะสมกับตนเอง อาจเป็นทางเลือกที่ดีและเหมาะสม
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 3
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/health/how-to/6082
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา