11 พ.ย. เวลา 10:33 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 176

พายุหมุนดำคู่หูคนเสเพล (3) เขาไท่ซาน
เอี้ยนชิงแม้จะถูกจัดอันดับอยู่ท้ายสุดในกลุ่มสามสิบหกดาวเทพฟ้าเทียนกัง แต่เป็นคนเฉลียวฉลาดมีไหวพริบ ความรู้กว้างขวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น เข้าใจชีวิต เหนือกว่าอีกสามสิบห้าคนในกลุ่ม
เอี้ยนชิงได้ฟังเรื่องการประลองที่ไท่ซานจึงกล่าวกับซ่งเจียงว่า “เสียวอี่อยู่กับเจ้าสัวหลูตั้งแต่เล็กก็ได้ฝึกมวยปล้ำ ในวงนักเลงยังไม่เคยพบคู่ต่อสู้ ครั้งนี้เป็นโอกาสดี วันที่ยี่สิบแปดเดือนสามจะไปขึ้นเวทีประลอง และจะไปเพียงคนเดียว หากพลาดพลั้งถูกทุ่มตายไปก็จะไม่โทษใคร แต่หากได้ชัยชนะ ก็จะเพิ่มพูนกิตติศัพท์ของค่าย แต่ตอนนั้นคงต้องเกิดเรื่องวุ่นวายแน่ พี่ท่านก็เตรียมส่งคนไปกู้สถานการณ์”
ซ่งเจียงว่า “ฟังว่าฝ่ายนั้นรูปร่างสูงใหญ่ถึงหนึ่งจ้าง ท่าทางดังวัชรเทพ เรี่ยวแรงนับพันชั่ง ท่านผอมบางกว่ามากโดยเปรียบเทียบ ถึงฝีมือแพรวพราว แต่จะเข้าใกล้ยังได้หรือ”
เอี้ยนชิงว่า “ไม่กลัวเรื่องสูงใหญ่ เกรงแต่จะไร้อุบาย มีคำกล่าวในวงการว่า มวยปล้ำนั้นมีแรงจงใช้แรง แรงน้อยแข่งด้วยปัญญา ไม่ใช่ว่าเอี้ยนชิงบังอาจโอ้อวด
临机应变,看景生情
ปรับตัวตามโอกาส แก้ไขตามสถานการณ์
คงไม่ถึงกับแพ้คนเขลาจนหมดรูป”
หลูจวิ้นอี้เสริมว่า “เสียวอี่ผู้นี้ นับแต่เล็กได้ฝึกปรือมวยปล้ำจนนับเป็นยอดฝีมือ ให้เขาไปตามประสงค์เถิด ถึงกำหนดวันข้าจะไปเป็นกำลังหนุนช่วยพาเขากลับมาเอง”
ซ่งเจียงถามว่า “จะเดินทางเมื่อไร”
เอี้ยนชิงตอบว่า “วันนี้เป็นวันที่ยี่สิบสี่เดือนสามแล้ว วันพรุ่งนี้จะขอลาพี่ท่านลงเขา ค้างแรมระหว่างทางหนึ่งคืน วันที่ยี่สิบหกมาถึงศาลเจ้า วันที่ยี่สิบเจ็ดดูลาดเลาหนึ่งวัน วันที่ยี่สิบแปดขึ้นประลองกับหมอนั่น”
วันรุ่งขึ้น ซ่งเจียงจัดสุราเลี้ยงส่งเอี้ยนชิง เอี้ยนชิงปรากฏตัวมาในชุดบ้านนอกคอกนา เสื้อเป็นดอกดวงลายพร้อยไปทั้งตัว แต่งเป็นพ่อค้าเร่ซานตง 山东货郎 เสียบกลองป๋องแป๋งไว้กับเอว คอนสินค้าจุกจิกไว้เต็มหาบ ใครได้เห็นต่างพากันหัวเราะ
ซ่งเจียงว่า “ท่านแต่งตัวเป็นพ่อค้าเร่ เช่นนั้นก็ร้องเพลงซานตงเร่ขายของให้ฟังหน่อย”
เอี้ยนชิงมือหนึ่งแกว่งกลองป๋องแป๋ง มือหนึ่งเคาะจังหวะ ร้องเพลงพ่อค้าเร่ได้ไม่มีผิดเพี้ยน เหล่าพี่น้องต่างหัวร่องอหาย
ดื่มเหล้าเลี้ยงส่งได้พอควร เอี้ยนชิงก็อำลาลงเขา ข้ามน้ำที่หาดทรายทอง เดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองไท่อัน 泰安州
ตกเย็น เอี้ยนชิงกำลังมองหาที่พัก ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง “พี่เอี้ยนเสียวอี่ รอข้าด้วย”
เอี้ยนชิงวางหาบหันมาดู เห็นว่าเป็นพายุหมุนดำหลึ่ขุย
เอี้ยนชิงถามว่า “ท่านรีบมาทำไม”
หลี่ขุยว่า “ท่านเป็นเพื่อนข้าไปจิงเหมินเจิ้นถึงสองครั้ง นี่ท่านมาคนเดียว ข้าไม่วางใจ จึงแอบลงเขามาไม่บอกท่านพี่ ตั้งใจมาช่วยท่าน”
เอี้ยนชิงว่า “แต่งานนี้ไม่ต้องรบกวนท่าน ท่านรีบกลับไปเถิด”
หลี่ขุยฉุนเฉียวขึ้นมาทันทีว่า “ท่านเป็นคนที่ใช้ไม่ได้จริงๆ ข้าหวังดีมาช่วย ท่านกลับแปลเป็นเจตนาร้าย นกเขาไงข้าก็จะไป”
เอี้ยนชิงตรองดูแล้วว่า ไม่ควรตัดรอนภราดรภาพ จึงว่า “ไปก็ไป แต่งานวันประสูติเสิ้งตี้ ผู้คนมาจากทั่วสารทิศ ที่จำท่านได้คงมีไม่น้อย ท่านต้องรับปากสามเรื่อง ข้าถึงให้ไปด้วย”
หลี่ขุยว่า “ท่านว่ามา”
เอี้ยนชิงว่า “ระหว่างทาง ต่างคนต่างเดิน พอเข้าที่พัก ท่านต้องเก็บตัวในห้อง นี่คือข้อแรก
ข้อสอง เมื่อถึงที่พักบนเขาศาลเจ้า ท่านต้องแกล้งป่วย นอนคลุมโปงทำเป็นนอนกรน ไม่พูดจากับใครได้ยิ่งดี
ข้อสาม ในวันประลองที่ศาลเจ้า ท่านปะปนอยู่ในฝูงผู้ชม ห้ามเล่นพิเรนใดๆ
พี่ใหญ่ ท่านรับปากได้หรือไม่”
หลี่ขุยว่า “จะไปยากอะไร ข้ารับปากท่าน”
เย็นวันนั้นหาที่พักค้างแรม เช้าวันรุ่งขึ้น ยามห้าจ่ายค่าที่พัก แล้วมากินอาหารเช้า เอี้ยนชิงบอกหลี่ขุยว่า
“พี่ใหญ่ ท่านล่วงหน้าไปก่อนครึ่งลี้ ข้าค่อยตามไป”
ผู้คนเดินทางไปสักการะศาลเจ้ามีไม่ขาดสาย ระหว่างทางมีคนคุยกันถึงฝีมือของเยิ่นหยวนว่า สองปีที่ผ่านมาไร้คู่ต่อสู้ นี่ก็เป็นปีที่สามแล้ว
ยามเซิน 申牌 (ราว 16:00 น.) ใกล้ถึงศาลเจ้า เอี้ยนชิงเห็นฝูงคนยืนมุงดูอะไรอยู่ จึงวางหาบแหวกคนเข้าไปดู เห็นเสาแดงสองต้นปักเหมือนปากทางเข้าซอย ด้านบนมีป้ายพาดไว้เขียนว่า
“太原相扑擎天柱任原”
นักมวยปล้ำแห่งไท่หยวนเสาค้ำฟ้าเยิ่นหยวน
ด้านข้างมีอักษรสองแถว
“拳打南山猛虎,脚踢北海苍龙”
กำปั้นปราบพยัคฆ์ร้ายขุนเขาใต้
ขาเตะใส่มังกรเขียวทะเลเหนือ
เอี้ยนชิงปลดไม้คานหาบฟาดใส่ป้ายจนแหลกละเอียด แล้วเก็บหาบคอนเดินต่อไปไม่พูดจา ในกลุ่มคน มีพวกนิยมเหตุวิวาท รีบนำเรื่องไปฟ้องเสาค้ำฟ้าว่ามีคนทำลายป้ายท้าประลองแล้ว
เอี้ยนชิงเดินมาจนพบหลี่ขุยแล้วก็เที่ยวหาที่พักแรม หน้าศาลเจ้าคึกคักยิ่งนัก มีพ่อค้าทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบสาขามาค้าขาย โรงแรมที่พักมีมากถึงหนึ่งพันห้าร้อยห้องไว้รับรองผู้เดินทางมาสักการะวันประสูติองค์พระโพธิสัตว์ จนกระทั่งเต็มหมด หาห้องพักไม่มีว่าง เอี้ยนชิง หลี่ขุยเดินมาจนถึงท้ายตลาดจึงปลดหาบวางลงหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งหาเช่าเตียงบวกผ้าห่มได้จะให้หลี่ขุยเข้านอน เสี่ยวเอ้อโรงแรมมาบอกว่า
“พี่ท่านเป็นพ่อค้าเร่ซานตงมาค้าขายหน้าศาล กลัวว่าจะจ่ายค่าที่พักไม่ไหว”
เอี้ยนชิงกล่าวเป็นสำเนียงท้องถิ่นว่า “เจ้านี่ดูถูกคน แค่ห้องเล็กๆ จะราคาเท่าไรเชียว ห้องใหญ่ๆ ก็เต็มกันหมดแล้ว เขาจ่ายกันเท่าไร ข้าก็จ่ายได้เท่านั้น”
เสี่ยวเอ้อว่า “ต้องขออภัยพี่ท่าน วันสำคัญแบบนี้ ต้องชี้แจงให้เข้าใจกันเสียก่อน”
เอี้ยนชิงว่า “ข้าเองก็มาค้าขาย ไม่ว่ากระไรหรอก คงไม่ไปพักที่อื่นแล้ว นี่ก็บังเอิญมาพบญาติเข้า มาล้มป่วยลง คงต้องเปิดห้องพักที่นี่ ข้าจ่ายเงินล่วงหน้าให้ห้าก้วน รบกวนท่านจัดหาอาหารการกินให้ด้วย ก่อนออกเดินทางข้าจะสมนาคุณเพิ่ม”
เสี่ยวเอ้อรับเงินแล้ว ก็รีบไปจัดเตรียมอาหาร
สักพักใหญ่ มีเสียงเอะอะอยู่หน้าร้าน กลุ่มชายฉกรรจ์ราวสามสิบคนเข้ามาถามเสี่ยวเอ้อว่า “ผู้กล้าทำลายป้ายท้าประลอง พักอยู่ห้องไหน”
เสี่ยวเอ้อว่า “ที่นี่ไม่มี”
คนกลุ่มนั้นว่า “ก็เขาบอกกันมาว่าอยู่ที่นี่”
เสี่ยวเอ้อว่า “เรามีห้องว่างอยู่สองห้อง ห้องหนึ่งยังว่าง อีกห้องมีพ่อค้าเร่ซานตงพาคนป่วยมาพัก”
คนกลุ่มนั้นว่า “คนที่ทำลายป้ายท้าประลองคือ พ่อค้าเร่คนนั้น”
เสี่ยวเอ้อว่า “ท่านอย่าพูดเรื่องตลก พ่อค้าเร่คนนั้นเป็นชายหนุ่มร่างเล็ก จะไปกล้าทำอย่างนั้นหรือ”
คนกลุ่มนั้นว่า “ท่านพาพวกเราไปดูหน่อย”
เสี่ยเอ้อชี้บอกว่า “ห้องหัวมุมนั่นแหละ”
ห้องนั้นปิดอยู่ คนกลุ่มนั้นจึงไปมุงดูที่หน้าต่าง เห็นเท้าคนสองคู่อยู่บนเตียง คนหนึ่งในกลุ่มจึงว่า
“กล้ามาทำลายป้ายท้าประลอง คิดว่าคงไม่เบา นี่คงกลัวถูกคิดบัญชี แกล้งนอนป่วยเสีย”
“คงงั้น อย่าเดาเลย ถึงเวลาก็รู้”
วันนั้นไม่ได้มีเพียงกลุ่มสามสิบคน ยังมีมากันอย่างต่อเนื่อง เสี่ยวเอ้อเฝ้าตอบจนปากจะฉีก
ตกเย็น เสี่ยวเอ้อเตรียมอาหารเสร็จยกไปให้ที่ห้อง หลี่ขุยโผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เสี่ยวเอ้อผงะตกใจ ตะโกนว่า “ไอ้หยา เจ้าพ่อนี่เองที่ไปท้าประลอง”
เอี้ยนชิงว่า “คนท้าประลองไม่ใช่เขา เขาป่วยอยู่ ข้านี่แหละคนที่ท้า”
เสี่ยวเอ้อว่า “ท่านอย่าหลอกข้าเลย ตัวท่านน่ะ คงให้เยิ่นหยวนจับกลืนลงท้องเสียมากกว่า”
เอี้ยนชิงว่า “ท่านอย่าเพิ่งขำ ข้ามีวิธีของข้า ท่านจะได้หัวร่อเต็มที่ กลับมาข้าจะเอารางวัลมาฝาก”
เสี่ยวเอ้อรอจนทั้งสองกินเสร็จ เก็บถ้วยชามไปล้าง แต่ยังคงคาใจ อย่างไรก็ไม่เชื่อ
วันรุ่งขึ้น ระหว่างอาหารเช้า เอี้ยนชิงบอกหลี่ขุยว่า
“พี่ท่าน ท่านปิดห้องนอนรออยู่ที่นี่แหละ”
เอี้ยนชิงเดินตามฝูงชนเข้าไปชมศาลไต้เยว่ 岱岳庙
庙居泰岱,山镇乾坤。
为山岳之至尊,乃万神之领袖。
山头伏槛,直望见弱水蓬莱;
绝顶攀松,尽都是密云薄雾。
楼台森耸,疑是金乌展翅飞来;
殿阁棱层,恍觉玉兔腾身走到。
雕梁画栋,碧瓦朱檐。
凤扉亮映黄纱,龟背绣帘垂锦带。
遥观圣象,九旒冕舜目尧眉;
近睹神颜,衮龙袍汤肩禹背。
御香不断,天神飞马报丹书;
祭祀依时,老幼望风皆获福。
嘉宁殿祥云杳霭,正阳门瑞气盘旋。
万民朝拜碧霞君,四远归依仁圣帝。
ศาลสถิตไท่ซาน
เขาตระหง่านค้ำดินฟ้า
ประมุขมวลภูผา
เหล่าเทวาบังคมคัล
จากระเบียงยอดภูผา
ทัศนาเผิงไหลเกาะสวรรค์
เหนือยอดสนเขานั่น
ล้วนเมฆหมอกคลุมลดหลั่น
หอสูงทึบตระหง่าน
ครุฑาทะยานกางปีกผัน
ตำหนักเป็นชั้นชั้น
กระต่ายจันทร์โลดนภากาศ
เสาเขียนคานแกะเกี้ยว
กระเบื้องเขียวชายคาชาด
ฉากหงส์ผ้าโปร่งพาด
ลอนม่านแพรปักลอยชาย
แต่ไกลเห็นองค์เทพเจ้า
มงกุฎเก้าพู่ ซุ่นเหยาละม้าย
เข้าใกล้เพ่งพักตร์หมาย
ทังหวี่ทรงชุดมังกร
เครื่องหอมมิขาดคง
เทพทรงม้าถวายอักษร
สักการะขอพร
ทั้งอ่อนเฒ่าล้วนสมหมาย
ตำหนักเจียหนิงเมฆมงคลคลุมอยู่
ประตูเจิ้งหยางแสงเรืองรองอาบฉาย
ปวงประชามาเคารพมิเว้นวาย
สี่ทิศหมายพี่งพิงองค์เสิ้งตี้
(มงกุฏเก้าพู่ 九旒冕 มงกุฏฮ่องเต้จีน
ซุ่น 舜 เหยา 尧 ทัง 汤 หวี่ 禹 กษัตรัย์ในตำนานของจีน)
เอี้ยนชิงเดินชมศาล เข้าไปกราบสักการะองค์เทพ เดินออกมาถามคนดูแลเครื่องหอมว่า “ท่านอาจารย์เยิ่นนักมวยปล้ำพำนักอยู่ที่ไหน”
มีพวกชอบแส่ตอบแทนว่า “ท่านพักอยู่ที่โรงแรมใหญ่เชิงสะพานหยิงเอิน 迎恩桥 มีลูกศิษย์อยู่ที่นั่นด้วยสามร้อยคน”
เอี้ยนชิงเดินมายังสะพานหยิงเอิน ข้างสะพานมีรั้วลูกกรงตั้งอยู่ มีนักมวยปล้ำนั่งกันอยู่ราวสามสิบคน ด้านหน้ามีธงทองปัก มีธงแพรแขวนเป็นระบาย มีเบาะพิงหลังวางอยู่เป็นจำนวนมาก เอี้ยนชิงเดินเข้าไปในโรงแรม เห็นเยิ่นหยวนนั่งอยู่กลางศาลา ท่วงท่าสง่าดุดันน่าเกรงขาม นั่งดูลูกศิษย์เล่นมวยปล้ำกันอยู่ ในกลุ่มศิษย์ มีคนจำเอี้ยนชิงได้ว่าเป็นคนทำลายป้าย จึงลอบแจ้งแก่เยิ่นหยวน
เยิ่นหยวนผุดลุกขึ้นกล่าวว่า “ปีนี้มีคนถึงที่ตาย เอาชีวิตมาทิ้งในมือข้า”
เอี้ยนชิงค้อมหัว ก้าวออกนอกร้าน ด้านหลังมีเสียงหัวเราะเยาะดังลั่น
เอี้ยนชิงกลับมายังที่พัก นั่งกินอาหารกับหลี่ขุย หลี่ขุยบ่นว่า “อยู่นี่เอาแต่นอน เบื่อตายแล้ว”
เอี้ยนชิงว่า “ก็แค่คืนนี้ พรุ่งนี้ได้เห็นดำเห็นแดง”
คืนนั้นต่างเข้านอน
ประมาณยามสาม เสียงมโหรีปี่กลองประโคมก้องจากศาลเจ้าบนเขาเฉลิมฉลองวันประสูติองค์เสิ้งตี้ ราวยามสี่ เอี้ยนชิง หลี่ขุยตื่นขึ้นมาล้างหน้าแต่งตัว กินอาหารเช้า แล้วบอกเสี่ยวเอ้อว่า
“ข้าวของในห้อง ช่วยดูแลด้วย”
เสี่ยวเอ้อว่า “ไม่มีปัญหา ขอให้ได้ชัยรีบกลับมา”
ในโรงแรมมีแขกมาสักการะองค์เทพพักอยู่ด้วยราวสามสิบคนต่างบอกเอี้ยนชิงว่า
“พ่อหนุ่ม คิดใหม่ให้ดี อย่าเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่า”
เอี้ยนชิงว่า “รอผู้น้อยฉลองชัย พวกท่านคงได้รางวัลกันบ้าง”
พวกนั้นก็ทยอยเดินทางกันไปก่อน
หลี่ขุยว่า “ข้าควรจะเอาขวานคู่นี้ไปด้วย”
เอี้ยนชิงว่า “ไม่ได้เชียว ใครเห็นเข้า เสียเรื่องหมด”
จากนั้นทั้งสองก็ออกเดินปะปนกับฝูงชนไปยังศาลเจ้า กระทั่งไปยืนมุงอยู่ริมระบียง
ตอนก่อนหน้า : แบกหนามขอขมา
ตอนถัดไป : โค่นเสาค้ำฟ้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา