Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
18 พ.ย. เวลา 11:08 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 178
นิรโทษกรรมเป็นหมัน (1) ยมบาลล่มเรือลักสุรา
เมืองไท่อันรายงานเหตุความวุ่นวายที่เขาไท่ซานไปยังตงจิงว่าเขาเหลียงซานมีส่วน ยังมีรายงานจากอีกหลายเมืองมายังสำนักรับฎีกา 进奏院 ถึงความไม่สงบอันมีสาเหตุจากพวกซ่งเจียง เรื่องจึงถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมขุนนางเช้า
“มีฎีกาจำนวนมากต่างกล่าวถึงพวกโจรนำโดยซ่งเจียง ยกพวกเข้าตีเมือง ปล้นสะดม ทำร้ายราษฎร ไม่อาจรับมือได้ หากไม่รีบกำจัด อาจกลายเป็นมหันตภัยในภายหน้า”
โอรสสวรรค์ตรัสว่า “เมื่อหยวนเซียวที่ผ่านมา โจรกลุ่มนี้ยังมาก่อความไม่สงบที่เมืองกรุง อย่าว่าแต่เพียงหัวเมือง ข้าเคยสั่งการให้ ซูมี่ย่วน 枢密院 (สภากลาโหม) ส่งทหารไปปราบปรามอยู่ ไม่เห็นกลับมารายงาน”
ชุยจิ้ง 崔靖 ขุนนางตำแหน่งวี่สื่อไต้ฟู 御史大夫 กราบทูลว่า “กระหม่อมทราบมาว่า พวกเหลียงซานป๋อใช้อุบายชูธง “ผดุงธรรมแทนฟ้า 替天行道” ตบตาราษฎรได้ไม่น้อย ยิ่งขณะนี้เมืองเหลียว 辽 ยังมักยกทัพมารุกรานชายแดน การยกทัพไปปราบโจรจึงไม่ง่ายนัก พวกโจรเหล่านี้กระทำผิดอาญาบ้านเมือง หนีไปส้องสุมจนเป็นกองกำลังใหญ่ หากทรงมีพระราชโองการอักษรชาดนิรโทษกรรม ให้ขุนนางนำไปเกลี้ยกล่อมให้สวามิภักดิ์ราชสำนัก ยังสามารถใช้เป็นกองกำลังรับศึกทัพเหลียว เป็นประโยชน์ทั้งสองด้าน ขอโปรดทรงพิจารณา”
โอรสสวรรค์ตรัสว่า “ที่ท่านกล่าวมา ตรงกับเจตนาข้า”
จึงมอบหมายให้เฉินจงส้าน 陈宗善 ขุนนางตำแหน่งเตี้ยนเฉียนไท่เว่ย 殿前太尉 เป็นราชทูตอัญเชิญพระราชโองการและสุราพระราชทาน ไปนิรโทษเหล่าโจรเขาเหลียงซาน
香醪翻做烧身药,丹诏应为引战书。
น้ำจัณฑ์ผันเปลี่ยนเป็นดินปืนไฟ
ราชโองการแปรไปเป็นสาส์นท้ารบ
เฉินจงส้านกลับมายังจวนเตรียมการออกเดินทางไปยังเขาเหลียงซาน มีคนจากจวนราชครูมาแจ้งว่า
“ท่านราชครูขอเชิญท่านไท่เว่ยไปร่วมสนทนา”
เฉินจงส้านขึ้นเกี้ยวไปยังจวนราชครูที่ถนนซินซ่งเหมิน 新宋门 เข้าพบกับราชครูไฉ้
ไฉ้ไท่ซือว่า “ทราบมาว่าท่านได้รับแต่งตั้งเป็นราชทูตอัญเชิญพระราชโองการไปนิรโทษพวกเขาเหลียงซาน จึงได้เชิญมาหารือ เพื่อที่ว่า ยามไปถึงจะไม่ทำการเสื่อมเสียพระเกียรติ หรือสร้างความเสียหายแก่กฎหมายบ้านเมือง ดังคัมภีร์หลุนหวี่มีว่าไว้
行己有耻,使于四方,不辱君命,可谓使矣。
รู้ตนรู้ละอาย
เป็นทูตหมายทุกทิศทั่ว
ไม่ขายหน้าเหนือหัว
จึงเรียกได้ว่าราชทูต”
เฉินจงส้านกล่าวว่า “จงส้านรู้ดีอยู่ ขอน้อมรับคำชี้แนะของท่านราชครู”
ไฉ้จิงว่า “ข้าจะให้คนของข้าติดตามท่านไปด้วย เขาเป็นผู้รู้ข้อกฎหมายเป็นอย่างดี หากท่านติดขัดในที่ใด ยังพอช่วยแก้ไขให้ท่านได้”
เฉินไท่เว่ยว่า “ขอบพระคุณเจตนาอันดีของท่านราชครู”
เฉินจงส้านอำลาราชครูขึ้นเกี้ยวกลับมายังจวนที่พำนัก ยังไม่ทันได้พัก เกาเตี้ยนส้วยก็ขี่ม้ามาถึง เฉินไท่เว่ยรีบมาต้อนรับเชิญเข้ามายังห้องโถง ทักทายกันตามธรรมเนียมแล้ว เกาไท่เว่ยก็กล่าวว่า
“ในที่ประชุมเช้านี้มีการหารือกันถึงเรื่องนิรโทษให้พวกซ่งเจียง หากเกาฉิวอยู่ในที่ประชุมก็ย่อมต้องคัดค้าน โจรพวกนี้ลบหลู่ราชสำนักอยู่บ่อยครั้ง ความผิดท่วมแผ่นฟ้า บัดนี้จะนิรโทษแล้วชักนำสู่เมืองกรุง คงต้องเกิดเภทภัยในภายหน้า ทว่าในเมื่อทรงตรัสแล้วย่อมมิอาจคืนคำ คงต้องดูว่าพวกโจรจะมีเจตนาใด หากบ่ายเบี่ยงพระราชโองการ ท่านไท่เว่ยจงรีบกลับมา ผู้ด้อยสามารถจะกราบทูลองค์เหนือหัวให้จัดทัพ แล้วข้าจะนำไปเอง ขุดรากถอนโคนให้สิ้น
ไท่เว่ยไปครั้งนี้ ข้าน้อยจะฝากหวีโห้ว 虞候 ท่านหนึ่งไปด้วย เป็นคนคล่องเจรจา ถามหนึ่งตอบได้สิบ คงช่วยแบ่งเบาภาระไท่เว่ยท่านได้”
เฉินไท่เว่ยว่า “ขอบคุนท่านเตี้ยนส้วยที่เป็นกังวล”
วันรุ่งขึ้น ไฉ้จิงส่งจางกั้นปั้น 张干办 เกาฉิวส่งหลี่หวีโห้ว 李虞候 ทั้งสองมาร่วมเดินทาง เฉินไท่เว่ยขี่ม้าตั้งขบวน สุราพระราชทานสิบขวดใช้หาบหงส์มังกรหาบปักธงเหลือง พระราชโองการอัญเชิญนำหน้า จางกั้นปั้น หลี่หวีโห้ว ขี่ม้าตามหลัง ขบวนเคลื่อนผ่านถนนซินซ่งเหมินออกจากตงจิงลัดเลาะมายังเมืองจี้โจว 济州 เจ้าเมืองจางซูเย่ 张叔夜 ออกมารับ นำทางเข้าเมือง เฉินไท่เว่ยแจ้งให้ทราบถึงรายละเอียดของภารกิจ
จางซูเย่ว่า “ตามความเห็นอันเขลาของข้าน้อย นิรโทษกรรมเป็นเรื่องที่ดี ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่ใคร่กราบเรียน เมื่อท่านไท่เว่ยไปถึงสถานที่นั้น ควรเจรจาอย่างนุ่มนวลปลอบขวัญพวกคนกลุ่มนั้น จึงจะบรรลุภารกิจ ในหมู่คนกลุ่มนั้นมีพวกที่ก้าวร้าวเลือดร้อนอยู่จำนวนมาก หากพูดจาผิดหู อาจทำให้เสียงานใหญ่”
จางกั้นปั้น หลี่หวีโห้วว่า “ได้โปรดวางใจด้วยข้าทั้งสองไปด้วยกันกับท่านไท่เว่ย จะไม่ให้ผิดพลาดเสียการ ท่านเจ้าเมืองขอให้โอนอ่อนเจรจา อาจเสื่อมเสียพระเกียรติแห่งราชสำนัก พวกไพร่คุ้นชินกับการบีบบังคับ หากอ่อนน้อมด้วย อาจเป็นเยี่ยงอย่าง”
จางซูเย่ถามว่า “ทั้งสองท่านนี้เป็นผู้ใดกัน”
เฉินไท่เว่ยแนะนำว่า “ท่านผู้นี้คือกั้นปั้น 干办 ในจวนไฉ้ไท่ซือ ส่วนท่านผู้นี้คือหวีโห้ว 虞候 ในจวนเกาไท่เว่ย”
จางซูเย่ว่า “ทางที่ดี ไม่ควรให้สองท่านนี้ร่วมทางไปด้วย”
เฉินไท่เว่ยว่า “พวกท่านเป็นคนสนิทจากจวนไฉ้ และจวนเกา หากไม่ให้ร่วมทางไป เกรงว่าจะเกิดข้อกังขา”
จางซูเย่ว่า “ข้าน้อยเพียงเสนอแนะด้วยปรารถนาดี เกรงว่าจะไปเสียการเปล่า”
จางกั้นปั้นว่า “ขอให้ท่านวางใจพวกข้าทั้งสอง น้ำสักหยดก็จะไม่ให้กระฉอก”
จางซูเย่จึงไม่กล่าวอันใดอีก
วันรุ่งขึ้น ทางเมืองจี้โจวส่งคนไปแจ้งแก่ทางเขาเหลียงซานให้ทราบล่วงหน้าว่าจะมีราชทูตมา
ซ่งเจียงได้ข่าวมาล่วงหน้าว่าจะมีราชทูตมานิรโทษแต่ยังไม่แน่ใจว่าจริงหรือเท็จ วันนี้ลิ่วล้อนำผู้แจ้งข่าวจากจี้โจวมายังหอธรรมภักดิ์แจ้งว่า
“ราชสำนักให้ท่านไท่เว่ยเฉินจงส้านนำสุราพระราชทานสิบขวด อัญเชิญพระราชโองการอักษรชาดนิรโทษกรรมมาถึงเมืองจี้โจวแล้ว ขอให้ท่านเตรียมการรับพระราชโองการ”
ซ่งเจียงยินดียิ่งนัก ให้จัดสุราอาหารเลี้ยงรับรอง มอบผ้าต่วนอย่างดีสองพับ เงินขาวสิบตำลึงให้แก่ผู้เดินสาส์น แล้วส่งให้เดินทางกลับ
ซ่งเจียงกล่าวกับเหล่าพี่น้องว่า “พวกเราได้รับนิรโทษกรรม กลับเข้าเป็นขุนนางรับใช้บ้านเมือง ไม่เสียทีที่สู้ฝ่าฟันอุปสรรคจนบรรลุผลสำเร็จในที่สุด”
อู๋ย่งหัวเราะแล้วว่า “ตามความเห็นของผู้แซ่อู๋ นิรโทษกรรมครั้งนี้คงมิสำเร็จผล แม้จะได้ชื่อว่านิรโทษกรรม เขาก็เห็นพวกเราเป็นดังวัชพืชที่ต้องกำจัด รอให้เขายกทัพใหญ่มา เราจะสั่งสอนให้รู้ฤทธิ์สังหารให้สิ้นทั้งคนทั้งม้า แม้ในฝันยังขวัญผวา หลังจากนั้นค่อยยอมรับนิรโทษกรรม จึงสมศักดิ์ศรี”
ซ่งเจียงว่า “หากเป็นดังท่านว่า มิกลายเป็นว่า ผิดต่อคำว่า “ภักดีมีคุณธรรม 忠义” ไปหรอกหรือ”
หลินชงว่า “ถึงแม้ราชสำนักจักส่งขุนนางผู้ใหญ่มา แต่อาจเป็นเพียงละครเสแสร้ง เบื้องลึกหามีเจตนาดีไม่”
กวนเสิ้งว่า “ถ้อยคำในพระราชโองการคงเต็มไปด้วยถ้อยคำข่มขู่ มาข่มพวกเรา”
สวีหนิงว่า “ผู้ที่มาชะรอยจะเป็นเพียงบริวารของเกาไท่เว่ย”
ซ่งเจียงว่า “พวกท่านอย่าได้เอาแต่ระแวง ตอนนี้ควรเตรียมการรับพระราชโองการก่อน”
แล้วจึงให้ซ่งชิง เฉาเจิ้งจัดเตรียมงานจัดเลี้ยง
ให้ไฉจิ้นเป็นผู้ประสานงานพิธี ให้ทุกอย่างเพียบพร้อมสมบูรณ์ ทั้งเครื่องประกอบพิธีกรรมและการตกแต่ง
ให้เผยเซวียน เซียวย่าง หลวี่ฟาง กวอเสิ้ง ล่วงหน้าไปรอรับที่หลักยี่สิบลี้ก่อนขึ้นเขา
ให้นายทัพเรือตระเตรียมเรือใหญ่รับส่งข้ามฟาก
อู๋ย่งจึงถ่ายทอดคำสั่งว่า “ขอให้พวกท่านจัดการตามที่ข้ากำหนดดังนี้… … อย่ามีผิดพลาด”
พวกเซียวย่างทั้งสี่ นำลูกน้องไปด้วยอีกหกคน ไม่มีอาวุธติดตัวแม้เพียงชิ้น นำสุราและผลไม้ไปรอรับที่หลักยี่สิบลี้ เฉินไท่เว่ย จางกั้นปั้น หลี่หวีโห้ว แม้จะมีม้าแต่ลงมาเดินเท้านำหน้าม้า ขบวนด้านหลังมีไม่ต่ำกว่าสามร้อยคน นอกจากพวกหาบสุราพระราชทาน ม้าอัญเชิญพระราชโองการ ยังมีข้าราชการจากจี้โจวเพิ่มในขบวนมาด้วย ต่างก็หวังจะได้สินน้ำใจตอบแทนเล็กน้อยเมื่อไปถึงเขาเหลียงซาน
เมื่อขบวนมาพบเข้ากับพวกเซียวย่าง เผยเซวียน หลวี่ฟาง กวอเสิ้งที่มารอรับอยู่ จางกั้นปั้นเป็นผู้เปิดแผลว่า
“ซ่งเจียงของพวกเจ้าเป็นใครกัน ฮ่องเต้มีพระราชโองการมาถึง เหตุใดจึงไม่มารับด้วยตนเอง เท่ากับลบหลู่องค์เหนือหัว พวกเจ้าเดิมทีก็เป็นพวกสมควรตาย ไม่สมควรได้รับนิรโทษกรรม ขอเชิญท่านไท่เว่ยกลับกันเถิด”
เซียวย่าง เผยเซวียน หลวี่ฟาง กวอเสิ้งคุกเข่าลงกราบกับพื้นกล่าวขออภัยว่า “แต่ก่อนนี้ ไม่เคยมีพระราชโองการมายังค่าย จึงได้บกพร่อง ซ่งเจียงกับเหล่าหัวหน้าต่างรอรับอยู่ที่หาดทรายทอง หวังว่าท่านไท่เว่ยได้โปรดระงับโทสะ เพื่อเห็นแก่ภารกิจของบ้านเมืองเป็นสำคัญ โปรดให้อภัยในครั้งนี้”
หลี่หวีโห้วซ้ำเติมแผลว่า “ถึงไม่บรรลุภารกิจสำคัญ ก็ไม่เสียดายพวกโจรเช่นเจ้าบินหนีขึ้นฟ้าไป”
贝锦生谗自古然,小人凡事不宜先。
九天恩雨今宣布,可惜招安未十全。
เป็นธรรมดาแพรล้ำค่าเกิดตำหนิ
คนถ่อยปกติมิควรเสนอหน้า
พระพิรุณโปรยจากสวรรค์ชั้นฟ้า
น่าเสียดายนิรโทษกรรมไม่สำเร็จ
หลวี่ฟาง กวอเสิ้งว่า “ไยจึงกล่าววาจาดูหมิ่นกันเยี่ยงนี้”
เซียวย่าง เผยเซวียน จำกล้ำกลืนเสนอสุราและผลไม้ แต่ก็ถูกปฏิเสธ ไม่ยอมรับประทาน
ขบวนเคลื่อนต่อมายังริมน้ำ เหลียงซานป๋อเตรียมเรือใหญ่ไว้สามลำนำข้ามฟาก ลำแรกบรรทุกม้าพาหนะ ลำที่สองสำหรับพวกเผยเซวียนโดยสาร ลำที่สามสำหรับไท่เว่ยและผู้ติดตาม โดยอัญเชิญพระราชโองการและสุราพระราชทานไว้ยังหัวเรือ และผู้ควบคุมเรือลำนี้คือ ยมบาลตัวเป็นหยวนเสี่ยวชี
หยวนเสี่ยวชีนั่งอยู่ที่หัวเรือ ทหารเรือยี่สิบกว่านายประจำฝีพาย แต่ละนายคาดมีดที่เอว เฉินไท่เว่ยเชิดหน้าก้าวลงเรือ ดังกับมองไม่เห็นใครในสายตา แล้วไปนั่งอยู่กลางลำเรือ หยวนเสี่ยวชีส่งสัญญานให้ออกเรือ ฝีพายทั้งสองฟากร้องเพลงเรือขึ้นพร้อมกัน
1
หลี่หวีโห้วด่าว่า “พวกลาบ้านนอก ผู้สูงศักดิ์อยู่ ณ ที่นี้ ไม่มีความเกรงใจ”
เหล่าฝีพายไม่สนใจ ยังคงร้องเพลงต่อไป หลี่หวีโห้วจึงใช้หวายหวดเหล่าฝีพายทั้งสองฟาก คนพวกนั้นไม่มีใครเกรงกลัว กลับย้อนถามว่า
“พวกเราร้องเพลงกัน เกี่ยวอะไรกับท่าน”
หลี่หวีโห้วว่า “พวกโจรขบถเดนตาย บังอาจมาย้อนข้า” แล้วใช้หวายไล่หวดอีก
พวกฝีพายจึงพากันโดดลงน้ำไปหมด
หยวนเสี่ยวชีนั่งอยู่หัวเรือกล่าวว่า “ไล่พวกฝีพายของข้าลงน้ำไปหมดแล้ว ทีนี้จะแล่นเรืออย่างไร”
เรือเร็วสองลำแล่นตรงมาจากต้นน้ำ หยวนเสี่ยวชีปล่อยน้ำเข้าท้องเรือใหญ่ทั้งสองห้องไว้ก่อนแล้ว พอเห็นเรือเร็วมาตามนัดจึงถอดไม้หมุดออก น้ำทะลักเข้ามาเติมท้องเรือ
หยวนเสี่ยวชีตะโกนว่า “เรือรั่วแล้ว”
น้ำทะลักเข้าเรือสูงราวหนึ่งฉื่อ
เรือเร็วแล่นเข้ามาเทียบ รีบช่วยเฉินไท่เว่ยและผู้ติดตามข้ามไปลงเรือทั้งสองแล้วพายหนีไป ไม่มีใครสนใจพระราชโองการ และสุราพระราชทาน
1
หยวนเสี่ยวชียังคงอยู่บนเรือ ส่งสัญญานเรียกพวกฝีพายกลับขึ้นเรือแล้วช่วยกันวิดน้ำออก อุดรอยรั่ว เช็ดพื้นให้แห้ง แล้วบอกลูกน้องว่า
“เอาสุราพระราชทานมาชิมดูหน่อย”
ลูกน้องเปิดผนึกขวดหนึ่งส่งมาให้ หยวนเสี่ยวชีดมดูว่าหอมดี ปากว่า “กลัวแต่จะมียาพิษ ข้าเสียสละชิมดูก่อน” แล้วยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
“รสชาติดี”
ขวดเดียวไม่พอเสียแล้ว หยวนเสี่ยวชีดื่มไปสี่ขวด
หยวนเสี่ยวชีว่า “ทำอย่างไรเล่าทีนี้”
ลูกน้องว่า “มีเหล้าขาวอยู่ที่หัวเรือถังหนึ่ง”
หยวนเสี่ยวชีว่า “ไปเอากระบวยมา ข้าจะให้พวกเจ้าชิมคนละคำ”
แล้วสุราที่เหลือก็หมดไปทั้งหกขวด
หยวนเสี่ยวชีให้นำเหล้าขาวขุ่นกรอกขวดทั้งสิบ ผนึกเสียใหม่แล้ววางกลับลงในหาบหงส์มังกร จากนั้นให้เร่งนำเรือกลับมายังหาดทรายทอง
ตอนก่อนหน้า : โค่นเสาค้ำฟ้า
https://www.blockdit.com/posts/6735d391ccafe64c2614ecbc
1
ตอนถัดไป : พายุหมุนดำฉีกพระราชโองการ
https://www.blockdit.com/posts/673f104c4c2b49e42d848e3c
1 บันทึก
3
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน
1
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย