4 ธ.ค. 2024 เวลา 15:18 • ศิลปะ & ออกแบบ

แม้ว่าร่างจะวางวายชีวา ยังยืนหยัดศรัทธาไว้คงมั่น

(Martyrdom of St Erasmus, St Processo and St Martiniano)
บทนี้จะพาชมภาพสองภาพที่มีธีมคล้ายกัน คือการทรมานผู้ศรัทธาเชื่อมั่นในพระเจ้าของศาสนาคริสต์จนยอมตายเพื่อยึดมั่นความศรัทธานั้นไว้
รูปแรกที่ขอเสนอจะเห็นกลุ่มคนที่กำลังทำอะไรชุลมุนอยู่ นี่คือการลงโทษนักบุญอีราสมุส (St Erasmus) อย่างโหดเหี้ยม โดยชาวโรมัน ด้วยการผ่าท้องลากไส้ของท่านอีราสมุสออกมาเรื่อย ๆ เพื่อทรมานจนตาย และเมื่อขาดใจตายแล้วเขาก็เลยได้เป็นนักบุญไป
นี่คือภาพที่ชื่อ การทรมานนักบุญอีราสมุส (Martyrdom of St Erasmus) สาเหตุที่ถูกโรมันลงโทษก็เพราะท่านเป็นคริสเตียนในยุคต้น ๆ ซึ่งในช่วงนั้นการเป็นคริสเตียนยังไม่ได้รับการยอมรับจากกษัตริย์ซึ่งเป็นพวกโรมันที่ยังคงนับถือเทพเจ้าอยู่ ก็เลยมองว่าพวกเขาเป็นพวกนอกรีต
คริสเตียนในช่วงนั้นจึงถูกทรมานโหดเหี้ยมมาก โดยเฉพาะท่านอีราสมุสถือได้ว่าเป็นอินฟลูเอนเซอร์ของคริสเตียนยุคนั้นเพราะทำให้คนมาเชื่อเข้ารีตกันมาก เลยโดนโรมันจับตัวมาทรมานทรกรรม นำมาจองจำ ซึ่งก็สามารถหนีเล็ดลอดออกมาได้หลายครั้ง แถมยังสร้างปาฏิหาริย์ให้พวกรูปเคารพโรมันเกิดการพังทลายซะอีก
แต่ในที่สุด อีราสมุสก็ถูกจับได้เป็นครั้งสุดท้ายและครั้งนี้ก็ได้ถูกลงโทษเด็ดขาดถึงตาย ด้วยวิธีการลากไส้มาพันกับแกนไม้แล้วหมุนแกนเพื่อให้ไส้ถูกลากออกมาจนตาย
ขยายภาพท่านนักบุญ ใบหน้าดูเจ็บปวด https://www.museivaticani.va
แต่ว่าภาพนี้ไม่ได้มุ่งเน้นความสยดสยองซักเท่าไรนะ เพราะภาพไส้ที่ถูกลากออกมาก็เป็นไส้เล็ก ๆ และไม่ได้มีเลือดสาดให้เห็น ท่าทางของนักบุญก็ไม่ได้ดูทรมานแบบชักดิ้นตาย แสงที่ให้ไว้ก็ไม่ขับเน้นความโหด แต่ทำให้ท่านอิราสมุุสมีร่างเรืองเล็กน้อย ผู้ที่ทำหน้าที่ลงโทษก็ดูเหมือนกำลังลงแรงปฏิบัติอะไรบางอย่าง ไม่ใช่การทรมาน และใบหน้าก็ไม่ได้คลั่งแค้นโหดร้าย
เทวดาน้อยและเฮอร์คิวลิส
สำหรับส่วนประกอบอื่น ๆ คือเทวรูปเฮอร์คิวลิสที่ยืนอยู่ เป็นตัวแทนของกษัตริย์โรมันซึ่งยังคงบูชารูปเคารพตามศาสนาเดิมเป็นผู้สั่งฆ่า นอกจากนี้ก็มีเทวดาน้อยคอยเอาพวงหรีดมามอบเป็นการสดุดีท่านนักบุญในการยอมถูกสังหารด้วยความศรัทธาอย่างแน่วแน่
แต่เรื่องของท่านอิรามัสยังไม่จบแต่เพียงนี้ ขอเล่าต่อไปว่าหลังจากที่ท่านได้ไปเฝ้าพระเจ้าแล้ว ท่านยังมีภารกิจกับชาวโลกต่อไปอีก เพราะชาวโลกบางคนมีความเชื่อว่าท่านนักบุญองค์นี้สามารถช่วยรักษาโรคเจ็บป่วยได้โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับท้องไส้ แม้กระทั่งผู้หญิงที่ปวดท้องเพราะตั้งครรภ์ก็ยังรักษาได้อีกนะ
ซึ่งที่เป็นแบบนั้น ผู้เขียนสันนิษฐานว่าท่านแสดงมรณสักขีจากการโดนลากไส้ก็เลยถูกจดจำว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องอาการช่องท้องไป ฟังดูแล้วเป็นตรรกะแปลก ๆ ว่าถ้าตายจากเหตุนี้แล้วจะมาช่วยคนเป็นๆในเรื่องนี้ได้ยังไง แต่นี่อย่าลืมว่ามันเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ แล้วคนที่กำลังเจ็บป่วยก็คงไม่ได้สนใจตรรกะแบบคนธรรมดา หรอก
เรื่องการเป็นเทพเจ้าที่เชี่ยวชาญในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความตายของตัวเอง เป็นความเชื่อที่มีมาหลายแห่งไปแล้ว อย่างเทพที่ช่วยงูกัดเพราะตายไปจากโดนงูกัด เทพช่วยคนท้องร่วงเพราะตายไปตอนนั่งส้วมแล้วโดนซุ่มยิง แบบนี้ก็เคยมี ถ้าใครเจ็บท้องข้องใจและเชื่อเรื่องแบบนี้ ก็ให้ไปเที่ยววาติกันนะ เตรียมธูปเทียนไปไหว้ด้วยก็ได้
นักบุญโปรเซสโป และมาร์นิติอาโน (Martyrdom of St Processo and St Martiniano) จาก https://www.museivaticani.va
มาดูอีกภาพซึ่งอยู่ในวาติกันเช่นกัน นักบุญโปรเซสโป และมาร์นิติอาโน (Martyrdom of St Processo and St Martiniano) บรรยายกาศของภาพดูคนละเรื่องกับอันก่อนเลย ภาพนี้จะดูชุลมุนวุ่นวายเหมือนเอาชายคนหนึ่งมาขึงพืด บางคนแสดงการโอดครวญ โดยเฉพาะหญิงคลุมผมที่ถูกทหารนายผลักออกให้ไปร้องไห้ไกลๆซะ ใครอีกบางคนที่รายล้อมอยู่ในลักษณะเศร้า และบางคนก็ทำอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้
ลองขยายภาพดู สิ่งที่น่าสนใจคือตรงบริเวณแขนซ้ายของนักบุญจะเห็นฝ่าเท้าอันโตอยู่ แสดงว่าผู้ที่โดนขึงอยู่นั้นมีสองคน และเมื่อมองดูดีๆก็จะพบชายอีกคนจริงๆ อยู่ด้านหลังนอนราบขนานกัน จะเห็นได้ว่านี่คือการประหารนักบุญคู่สองรายในคราวเดียว ซึ่งสาเหตุของมันก็เช่นเดียวกันกับรายก่อนนะแหละ เพราะท่านทั้งสองเปลี่ยนศาสนาเป็นคริสเตียน เลยถูกทหารโรมันทรมานและฆ่าเสีย
ขยายภาพนักบุญ ดูดีๆมีสองคนนะจ๊ะ
แม้ว่าใบหน้าของท่านแสดงหวาดหวั่นอยู่ แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ดูเหมือนกำลังจะประหลาดใจมากกว่า ในขณะที่คนอื่นๆ ฟูมฟายกว่าด้วยซ้ำ ถึงภาพนี้จะชวนเศร้าใจแต่ก็ยังปลอบประโลมด้วยเทวดาน้อยที่มารอรับเข้าสู่สวรรค์ อันเป็นรางวัลของความศรัทธา เช่นเดียวกับภาพนักบุญต่างๆอีกหลายชิ้น
เดิมทีนั้นท่านนักบุญทั้งสองเป็นผู้คุม ซึ่งได้รับมอบหมายให้คุมตัวเซนต์ปีเตอร์ และเซนต์พอลที่ถูกคุมขังอยู่ แต่แล้วท่านเซนต์ก็ทำให้ผู้คุมเปลี่ยนใจมาเป็นคริสเตียนเสียเองด้วยการสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นภายในเรือนจำ และนำเอาผู้คุมทั้งสองมาเข้าพิธีศิลจุ่มแสดงตนเป็นคริสเตียน ซึ่งเมื่อทางกษัตริย์เนโรทราบผู้คุมทั้งสองก็เลยโดยจับมาทรมานและประหาร ขณะนี้กระดูกของทั้งสองก็ถูกเก็บรักษาอยู่ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์นี่แหละ
จะเห็นได้ว่าบรรยากาศของภาพนี้เป็นคนละเรื่องกับภาพที่แล้วเลย มีความซีเรียสเครียดกว่า และสำแดงพลังอารมณ์มากกว่าด้วยแสงเงาตัดกันแรง ร่างของตัวละครเรืองรองท่ามกลางความมืด (อันที่จริงภาพก่อนนี้นักบุญก็ตัวเรืองๆเหมือนกัน แต่ฉากหลังมันไม่มืดเท่านี้ ก็เลยไม่เห็นชัด) นี่คือเทคนิกเคียรอสคูโร (chiaroscuro) ที่มีคารารัจโจเป็นต้นแบบ ซี่งได้พูดถึงแล้วในบทก่อนๆหลายบท เป็นเทคนิคในยุคบารอคที่เน้นความหวือหวาในอารมณ์และแสดงความเคลื่อนไหว
อ้อ นักบุญที่ถูกฆ่าด้วยความศรัทธาแน่วแน่จนถูกทรมานและสังหารนี้ เค้ามีศัพท์สวยๆคือคำว่ามรณสักขี หรือ Martyr (ออกเสียงว่ามาร์เท่อนะไม่ใช่มาร์ตี้)
ลองดูกันนะครับว่าชอบรูปไหนกว่ากัน และอันไหนดูสยองกว่า บางคนอาจดูว่าอันแรกเพราะเห็นตอนกำลังถูกดึงไส้ชัดๆจะๆ แม้ว่าสีสันจะดูเป็นการ์ตูนก็เถอะ แต่ภาพที่สองดูแล้วเป็นละครเวทีมากเลยดูไม่สมจริงก็คงช่วยให้ดูน่ากลัวน้อยลง แถมยังมีตัวละครอื่นมาแบ่งปันความสะเทือนใจคอยเศร้าอยู่เป็นเพื่อน และทูตสวรรค์ก็ดูจะเข้าใกล้มากกว่า
ลองเลือกชมดู รู้สึกอย่างไรมาบอกกันได้ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา