Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
15 ธ.ค. เวลา 04:47 • หนังสือ
#36 HWG : บทที่ 2️⃣3️⃣ :
ไม่มีความตายใดสูญเปล่า และความตายทุกครั้งนำมาซึ่งสารถึงผู้ที่จากโลกนี้ไปและผู้ที่ยังคงอยู่
▪️ผู้แปล : อุดม
𝗧𝗛𝗘 𝗧𝗪𝗘𝗟𝗙𝗧𝗛 𝗥𝗘𝗠𝗘𝗠𝗕𝗥𝗔𝗡𝗖𝗘
การรำลึกที่ 1️⃣2️⃣
𝙉𝙤 𝙙𝙚𝙖𝙩𝙝 𝙞𝙨 𝙬𝙖𝙨𝙩𝙚𝙙, 𝙖𝙣𝙙 𝙖𝙡𝙡 𝙙𝙚𝙖𝙩𝙝 𝙗𝙧𝙞𝙣𝙜𝙨 𝙖 𝙢𝙚𝙨𝙨𝙖𝙜𝙚 𝙩𝙤 𝙩𝙝𝙤𝙨𝙚 𝙬𝙝𝙤 𝙡𝙚𝙖𝙫𝙚 𝙩𝙝𝙚 𝙚𝙖𝙧𝙩𝙝 𝙖𝙣𝙙 𝙩𝙤 𝙩𝙝𝙤𝙨𝙚 𝙬𝙝𝙤 𝙧𝙚𝙢𝙖𝙞𝙣.
ไม่มีความตายใดสูญเปล่า และความตายทุกครั้งนำมาซึ่งสารถึงผู้ที่จากโลกนี้ไปและผู้ที่ยังคงอยู่
𝗖𝗵𝗮𝗽𝘁𝗲𝗿 𝟮𝟯
บทที่ 2️⃣3️⃣
𝐆𝐨𝐝 : “𝐓𝐡𝐚𝐭 𝐢𝐬 𝐚 𝐰𝐨𝐧𝐝𝐞𝐫𝐟𝐮𝐥 𝐬𝐭𝐨𝐫𝐲. 𝐈𝐭 𝐢𝐥𝐥𝐮𝐬𝐭𝐫𝐚𝐭𝐞𝐬 𝐩𝐞𝐫𝐟𝐞𝐜𝐭𝐥𝐲 𝐡𝐨𝐰 𝐞𝐚𝐜𝐡 𝐣𝐨𝐮𝐫𝐧𝐞𝐲 𝐭𝐡𝐫𝐨𝐮𝐠𝐡 𝐭𝐡𝐞 𝐒𝐩𝐚𝐜𝐞/𝐓𝐢𝐦𝐞 𝐂𝐨𝐧𝐭𝐢𝐧𝐮𝐮𝐦 𝐢𝐬 𝐝𝐞𝐬𝐢𝐠𝐧𝐞𝐝 𝐭𝐨 𝐛𝐫𝐢𝐧𝐠 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲 𝐬𝐨𝐮𝐥 𝐚 𝐬𝐩𝐞𝐜𝐢𝐚𝐥 𝐞𝐱𝐩𝐞𝐫𝐢𝐞𝐧𝐜𝐞, 𝐚𝐧𝐝 𝐡𝐨𝐰 𝐭𝐡𝐞 𝐭𝐢𝐦𝐢𝐧𝐠 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐜𝐢𝐫𝐜𝐮𝐦𝐬𝐭𝐚𝐧𝐜𝐞𝐬 𝐨𝐟 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲 ‘𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡’ 𝐢𝐬 𝐚𝐥𝐰𝐚𝐲𝐬 𝐩𝐞𝐫𝐟𝐞𝐜𝐭.”
𝐆 : "นั่นเป็นเรื่องราวที่วิเศษมาก มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการเดินทางแต่ละครั้งผ่านความต่อเนื่องโยงใยกันของพื้นที่ว่างและเวลา*ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์พิเศษให้กับทุกดวงวิญญาณ และจังหวะเวลาและสถานการณ์ของ 'ความตาย' ทุกครั้งนั้นสมบูรณ์แบบเสมอ"
(*จากนี้ไปผมจะแปล Space/Time Continuum ว่า : 'มิติแห่งกาลเวลา' นะครับ จะได้สั้นลงหน่อย)
ᴺᵉᵃˡᵉ ⠃ ᴵ ᶜᵉʳᵗᵃⁱⁿˡʸ ᵈᵒ ˢᵉᵉ ʰᵒʷ ⁱᵗ ʷᵃˢ ‘ᵖᵉʳᶠᵉᶜᵗ’ ᵗʰᵃᵗ ᵗʰⁱˢ ʸᵒᵘⁿᵍ ᵐᵃⁿ ˡᵉᶠᵗ ʰⁱˢ ᵇᵒᵈʸ ʷʰᵉⁿ ʰᵉ ᵈⁱᵈ, ᵇᵉᶜᵃᵘˢᵉ ʰᵉ ˢᵃⁱᵈ ʰᵉ ʷᵃⁿᵗᵉᵈ ᵗᵒ ᵐᵉᵉᵗ ᵃⁿᵈ ᵏⁿᵒʷ ʰⁱˢ ᵇⁱᵒˡᵒᵍⁱᶜᵃˡ ᵐᵒᵗʰᵉʳ, ᵃⁿᵈ ʰᵉ ʷᵃˢ ᵍⁱᵛᵉⁿ ʰⁱˢ ʷⁱˢʰ ᵗʰʳᵒᵘᵍʰ ᵗʰᵉ ᵈᵉᵛⁱᶜᵉ ᵒᶠ ᵈᵉᵃᵗʰ·
𝗡 : ผมเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันเป็นความ 'สมบูรณ์แบบ' ที่ชายหนุ่มคนนี้ละร่างไปในเวลานั้น เพราะเขาบอกว่าเขาต้องการพบและรู้จักแม่ผู้ให้กำเนิด และเขาได้สมความปรารถนาผ่านเครื่องมือที่เรียกว่าความตาย
ᵂʰᵃᵗ ᴵ ᵈᵒⁿ’ᵗ ˢᵉᵉ ⁱˢ ʰᵒʷ ⁱᵗ ʷᵃˢ ‘ᵖᵉʳᶠᵉᶜᵗ’ ᵗʰᵃᵗ ⁱᵗ ᵃˡˡ ʰᵃᵈ ᵗᵒ ʰᵃᵖᵖᵉⁿ ᵗʰⁱˢ ʷᵃʸ⁻⁻ᵃⁿᵈ ᴵ ᶜᵉʳᵗᵃⁱⁿˡʸ ᵈᵒⁿ’ᵗ ˢᵉᵉ ʰᵒʷ ᵗʰⁱˢ ʸᵒᵘⁿᵍ ᵐᵃⁿ ʰᵃᵈ ᵗʰᵉ ‘ˢᵖᵉᶜⁱᵃˡ ᵉˣᵖᵉʳⁱᵉⁿᶜᵉ’ ᵗʰᵃᵗ ʰᵉ ᶜᵃᵐᵉ ʰᵉʳᵉ ᵗᵒ ᵉˣᵖᵉʳⁱᵉⁿᶜᵉ·
แต่สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือทำไมทุกอย่างต้องเกิดขึ้นในลักษณะนี้ด้วย ไม่เห็นว่ามันจะสมบูรณ์แบบได้ยังไง และผมก็ไม่เห็นว่าชายหนุ่มคนนี้จะได้รับ 'ประสบการณ์พิเศษ' ที่เขามาเพื่อสัมผัสตรงไหน
ᴮⁱˡˡʸ ᶜᵃᵐᵉ ʰᵉʳᵉ ᵗᵒ ᵉˣᵖᵉʳⁱᵉⁿᶜᵉ ᵇᵉⁱⁿᵍ ᶠʳᵘˢᵗʳᵃᵗᵉᵈ ᵃˡˡ ᵒᶠ ʰⁱˢ ˡⁱᶠᵉ ᵃⁿᵈ ᵗʰᵉⁿ ʰᵃᵛⁱⁿᵍ ᵗᵒ ᵈⁱᵉ ⁱⁿ ᵃ ᵐᵒᵗᵒʳᶜʸᶜˡᵉ ᵃᶜᶜⁱᵈᵉⁿᵗ ʲᵘˢᵗ ᵗᵒ ᶠⁱⁿᵃˡˡʸ ᵐᵉᵉᵗ ʰⁱˢ ᵐᵒᵗʰᵉʳ? ᶜᵒᵐᵉ ᵒⁿꜝ
บิลลี่มาที่นี่เพื่อประสบกับความคับข้องใจตลอดชีวิตแล้วต้องตายในอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์เพียงเพื่อจะได้พบแม่ของเขา❓ ไม่เอาน่า อย่ามาล้อเล่นกันหน่อยเลย❗
𝐆 : “𝐃𝐨 𝐧𝐨𝐭 𝐩𝐫𝐞𝐬𝐮𝐦𝐞 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐲𝐨𝐮 𝐜𝐚𝐧 𝐤𝐧𝐨𝐰, 𝐨𝐫 𝐜𝐚𝐧 𝐬𝐮𝐫𝐦𝐢𝐬𝐞 𝐟𝐫𝐨𝐦 𝐭𝐡𝐞 ‘𝐟𝐚𝐜𝐭𝐬,’ 𝐰𝐡𝐚𝐭 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐩𝐚𝐭𝐡 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐬𝐨𝐮𝐥. 𝐘𝐨𝐮 𝐜𝐚𝐧𝐧𝐨𝐭 𝐤𝐧𝐨𝐰 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐝𝐞𝐥𝐢𝐜𝐚𝐭𝐞 𝐢𝐧𝐭𝐞𝐫𝐰𝐞𝐚𝐯𝐢𝐧𝐠𝐬 𝐜𝐨-𝐜𝐫𝐞𝐚𝐭𝐞𝐝 𝐛𝐲 𝐚𝐥𝐥 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐁𝐥𝐞𝐬𝐬𝐞𝐝 𝐁𝐞𝐢𝐧𝐠𝐬 𝐢𝐧𝐯𝐨𝐥𝐯𝐞𝐝 𝐢𝐧 𝐭𝐡𝐞 𝐥𝐢𝐟𝐞 𝐞𝐱𝐩𝐞𝐫𝐢𝐞𝐧𝐜𝐞 𝐣𝐮𝐬𝐭 𝐫𝐞𝐥𝐚𝐭𝐞𝐝. 𝐁𝐢𝐥𝐥𝐲 𝐜𝐚𝐦𝐞 𝐡𝐞𝐫𝐞 𝐭𝐨 𝐬𝐞𝐫𝐯𝐞 𝐀𝐋𝐋 𝐚𝐠𝐞𝐧𝐝𝐚𝐬."
𝐆 : "อย่าสันนิษฐานเอาเองว่าเธอสามารถรู้หรือคาดเดาเอาจาก 'ข้อเท็จจริง' ที่เกิดขึ้นได้ว่าอะไรคือ #เส้นทางของดวงวิญญาณดวงนั้นๆ เธอไม่อาจรู้ถึงการถักทออันละเอียดอ่อนที่ถูกสร้างร่วมกันโดยสิ่งมีชีวิตอันประเสริฐที่ได้รับพร (จากพระเจ้า) ทั้งหมดที่ต้องมาเกี่ยวข้องกันในประสบการณ์ชีวิตที่เธอเพิ่งเล่าไป บิลลี่มาที่นี่เพื่อรับใช้ต่อจุดประสงค์ทั้งหมด"
(*agendas :วาระ หรือ สิ่งที่ต้องทำไปตามแผนงานที่ได้จากการประชุม = แผนงาน)
ᴺ ⠃ ᴬˡˡ ᵃᵍᵉⁿᵈᵃˢ?
𝗡 : จุดประสงค์ทั้งหมดงั้นหรือครับ❓
(แผนงานทั้งหมดงั้นหรือครับ❓)
𝐆 : “𝐓𝐡𝐞𝐫𝐞 𝐰𝐞𝐫𝐞 𝐦𝐚𝐧𝐲 𝐬𝐨𝐮𝐥𝐬 𝐢𝐧𝐭𝐞𝐫𝐚𝐜𝐭𝐢𝐧𝐠 𝐚𝐧𝐝 𝐜𝐨-𝐜𝐫𝐞𝐚𝐭𝐢𝐧𝐠 𝐡𝐞𝐫𝐞, 𝐚𝐬 𝐭𝐡𝐞𝐫𝐞 𝐚𝐫𝐞 𝐢𝐧 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲 𝐦𝐨𝐦𝐞𝐧𝐭 𝐨𝐟 𝐥𝐢𝐟𝐞, 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲𝐰𝐡𝐞𝐫𝐞.
𝐈𝐧 𝐭𝐡𝐢𝐬 𝐜𝐚𝐬𝐞 𝐭𝐡𝐨𝐬𝐞 𝐬𝐨𝐮𝐥𝐬 𝐢𝐧𝐜𝐥𝐮𝐝𝐞𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐲𝐨𝐮𝐧𝐠 𝐦𝐚𝐧 𝐨𝐧 𝐭𝐡𝐞 𝐦𝐨𝐭𝐨𝐫𝐜𝐲𝐜𝐥𝐞, 𝐡𝐢𝐬 𝐛𝐢𝐨𝐥𝐨𝐠𝐢𝐜𝐚𝐥 𝐦𝐨𝐭𝐡𝐞𝐫, 𝐡𝐢𝐬 𝐚𝐝𝐨𝐩𝐭𝐢𝐯𝐞 𝐦𝐨𝐭𝐡𝐞𝐫, 𝐡𝐢𝐬 𝐚𝐝𝐨𝐩𝐭𝐢𝐯𝐞 𝐟𝐚𝐭𝐡𝐞𝐫, 𝐚𝐧𝐝 𝐡𝐢𝐬 𝐛𝐫𝐨𝐭𝐡𝐞𝐫--𝐚𝐬 𝐰𝐞𝐥𝐥 𝐚𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐬𝐨𝐮𝐥 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐩𝐞𝐫𝐬𝐨𝐧 𝐝𝐫𝐢𝐯𝐢𝐧𝐠 𝐭𝐡𝐞 𝐯𝐞𝐡𝐢𝐜𝐥𝐞 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐡𝐢𝐭 𝐚𝐧𝐝 𝐤𝐢𝐥𝐥𝐞𝐝 𝐡𝐢𝐦.
𝐆 : "มีดวงวิญญาณมากมายที่มีปฏิสัมพันธ์และสร้างสรรค์ร่วมกันที่นี่ เช่นเดียวกับในทุกขณะของชีวิต ทุกหนแห่ง ในกรณีนี้ดวงวิญญาณเหล่านั้นรวมถึงชายหนุ่มบนมอเตอร์ไซค์ แม่ผู้ให้กำเนิด แม่บุญธรรม พ่อบุญธรรม และพี่ชายของเขา รวมทั้งดวงวิญญาณของคนที่ขับรถชนเขาจนเสียชีวิตด้วย
“𝐀𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐢𝐬 𝐬𝐚𝐲𝐬 𝐧𝐨𝐭𝐡𝐢𝐧𝐠 𝐚𝐛𝐨𝐮𝐭 𝐨𝐭𝐡𝐞𝐫 𝐬𝐨𝐮𝐥𝐬, 𝐬𝐨𝐦𝐞 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞𝐦 𝐦𝐨𝐫𝐞 𝐫𝐞𝐦𝐨𝐯𝐞𝐝, 𝐬𝐮𝐜𝐡 𝐚𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐲𝐨𝐮𝐧𝐠 𝐦𝐚𝐧’𝐬 𝐛𝐢𝐨𝐥𝐨𝐠𝐢𝐜𝐚𝐥 𝐟𝐚𝐭𝐡𝐞𝐫, 𝐭𝐡𝐞 𝐟𝐫𝐢𝐞𝐧𝐝𝐬 𝐚𝐧𝐝 𝐫𝐞𝐥𝐚𝐭𝐢𝐯𝐞𝐬 𝐨𝐟 𝐚𝐥𝐥 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐨𝐬𝐞 𝐩𝐞𝐨𝐩𝐥𝐞, 𝐚𝐧𝐝--𝐚𝐫𝐞 𝐲𝐨𝐮 𝐫𝐞𝐚𝐝𝐲 𝐟𝐨𝐫 𝐭𝐡𝐢𝐬?--𝐘𝐎𝐔, 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐩𝐞𝐨𝐩𝐥𝐞 𝐢𝐧 𝐲𝐨𝐮𝐫 𝐰𝐨𝐫𝐤𝐬𝐡𝐨𝐩.
"และนี่ยังไม่รวมถึงดวงวิญญาณอื่นๆ บางส่วนที่ห่างออกไป เช่น พ่อผู้ให้กำเนิดของชายหนุ่ม เพื่อนและญาติของคนเหล่านั้นทั้งหมด และ—เธอพร้อมสำหรับสิ่งนี้หรือยัง❓—ตัวเธอเอง และผู้คนในเวิร์คช็อปของเธอก็ด้วย
“𝐄𝐚𝐜𝐡 𝐡𝐚𝐬 𝐚𝐧 𝐚𝐠𝐞𝐧𝐝𝐚 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐢𝐬 𝐛𝐞𝐢𝐧𝐠 𝐬𝐞𝐫𝐯𝐞𝐝.
"แต่ละคนก็มีวาระที่ต้องปฏิบัติ (มีเป้าประสงค์ที่ต้องรับใช้)
“𝐀𝐧𝐝 𝐬𝐨, 𝐰𝐢𝐭𝐡 𝐭𝐡𝐢𝐬 𝐮𝐧𝐝𝐞𝐫𝐬𝐭𝐚𝐧𝐝𝐢𝐧𝐠, 𝐰𝐞 𝐜𝐨𝐦𝐞 𝐭𝐨…
"และด้วยความเข้าใจนี้ เราได้มาถึง...
𝐓𝐇𝐄 𝐓𝐖𝐄𝐋𝐅𝐓𝐇 𝐑𝐄𝐌𝐄𝐌𝐁𝐑𝐀𝐍𝐂𝐄
การระลึกที่ 1️⃣2️⃣
𝐓𝐡𝐞 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡 𝐨𝐟 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲 𝐩𝐞𝐫𝐬𝐨𝐧 𝐚𝐥𝐰𝐚𝐲𝐬 𝐬𝐞𝐫𝐯𝐞𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐚𝐠𝐞𝐧𝐝𝐚 𝐨𝐟 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲 𝐨𝐭𝐡𝐞𝐫 𝐩𝐞𝐫𝐬𝐨𝐧 𝐰𝐡𝐨 𝐢𝐬 𝐚𝐰𝐚𝐫𝐞 𝐨𝐟 𝐢𝐭. 𝐓𝐡𝐚𝐭 𝐢𝐬 𝐰𝐡𝐲 𝐭𝐡𝐞𝐲 𝐚𝐫𝐞 𝐚𝐰𝐚𝐫𝐞 𝐨𝐟 𝐢𝐭. 𝐓𝐡𝐞𝐫𝐞𝐟𝐨𝐫𝐞, 𝐧𝐨 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡 (𝐚𝐧𝐝 𝐧𝐨 𝐥𝐢𝐟𝐞) 𝐢𝐬 𝐞𝐯𝐞𝐫 ‘𝐰𝐚𝐬𝐭𝐞𝐝.’ 𝐍𝐨 𝐨𝐧𝐞 𝐞𝐯𝐞𝐫 𝐝𝐢𝐞𝐬 ‘𝐢𝐧 𝐯𝐚𝐢𝐧.’”
ความตายของทุกคนรับใช้ต่อจุดประสงค์ของทุกคนที่รับรู้ถึงมัน นั่นคือเหตุผลที่พวกเขารับรู้ถึงมัน ดังนั้น ไม่มีความตาย (และชีวิต) ใดสูญเปล่า ไม่มีใครตายอย่าง 'ไร้ค่า'"
ᴺ ⠃ ᵀʰⁱˢ ᵖˡᵃᶜᵉˢ ᵖᵉʳˢᵒⁿᵃˡ ᵗʳᵃᵍᵉᵈⁱᵉˢ ᵃⁿᵈ ⁿᵃᵗⁱᵒⁿᵃˡ ᵈⁱˢᵃˢᵗᵉʳˢ ᵃⁿᵈ ᵐᵃˢˢ ᶜᵃˢᵘᵃˡᵗʸ ᵗᵒˡˡˢ ᵃⁿᵈ ᵗʰᵉ ᵈᵉᵃᵗʰ ᵒᶠ ᵉᵛᵉʳʸ ⁱⁿᵈⁱᵛⁱᵈᵘᵃˡ ⁱⁿᵗᵒ ᵃⁿ ᵉⁿᵗⁱʳᵉˡʸ ᵈⁱᶠᶠᵉʳᵉⁿᵗ ᶜᵒⁿᵗᵉˣᵗ· ˢᵘᵈᵈᵉⁿˡʸ, ᵉᵛᵉʳʸᵗʰⁱⁿᵍ ᶠʳᵒᵐ ᵗʰᵉ ᶜʳⁱᵇ ᵈᵉᵃᵗʰ ᵒᶠ ᵃ ˢⁱⁿᵍˡᵉ ᵇᵃᵇʸ ᵗᵒ ᵗʰᵉ ᵃⁿⁿⁱʰⁱˡᵃᵗⁱᵒⁿ ᵒᶠ ᵗʰᵒᵘˢᵃⁿᵈˢ ᶜᵃⁿ ᵇᵉ ᵘⁿᵈᵉʳˢᵗᵒᵒᵈ ⁱⁿ ᵃ ʷʰᵒˡᵉ ⁿᵉʷ ʷᵃʸ·
𝗡 : นี่ทำให้โศกนาฏกรรมส่วนบุคคล ภัยพิบัติระดับชาติ การสูญเสียชีวิตจำนวนมาก และความตายของแต่ละบุคคลอยู่ในบริบทที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ทันใดนั้น ทุกสิ่งตั้งแต่การเสียชีวิตในเปลของทารกคนหนึ่งไปจนถึงการสูญเสียชีวิตของคนนับพัน สามารถเข้าใจได้ในแง่มุมใหม่
𝐆 : “𝐘𝐞𝐬.
𝐆 : "ใช่แล้ว
“𝐖𝐡𝐞𝐧 𝐲𝐨𝐮 𝐮𝐧𝐝𝐞𝐫𝐬𝐭𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐞𝐧𝐝𝐥𝐞𝐬𝐬 𝐚𝐧𝐝 𝐦𝐢𝐫𝐚𝐜𝐮𝐥𝐨𝐮𝐬 𝐢𝐧𝐭𝐞𝐫𝐰𝐞𝐚𝐯𝐢𝐧𝐠 𝐨𝐟 𝐥𝐢𝐟𝐞, 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡 𝐢𝐬 𝐭𝐫𝐚𝐧𝐬𝐟𝐨𝐫𝐦𝐞𝐝 𝐢𝐧𝐭𝐨 𝐚𝐧 𝐞𝐯𝐞𝐧𝐭 𝐨𝐟 𝐞𝐧𝐨𝐫𝐦𝐨𝐮𝐬 𝐜𝐞𝐥𝐞𝐬𝐭𝐢𝐚𝐥 𝐬𝐢𝐠𝐧𝐢𝐟𝐢𝐜𝐚𝐧𝐜𝐞.
"เมื่อเธอเข้าใจถึงการถักทออันไม่มีที่สิ้นสุดและน่าอัศจรรย์ของชีวิต ความตายทุกครั้งถูกเปลี่ยนให้เป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญอันยิ่งใหญ่ในระดับเดียวกับการที่ทูตสวรรค์สักตนต้องจากไป*
(*เราทุกคนคือทูตแห่งสวรรค์ที่ลงมาทำหน้าที่ หรือทำตามวาระที่แตกต่างกันไป และการที่มีใครสักคนตาย นั่นก็ได้เปรียบได้กับการเกิดเหตุการณ์สำคัญ เพราะทูตสวรรค์ตนนั้นๆได้จากที่นี่ไปแล้ว)
“𝐓𝐡𝐞 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡𝐬 𝐨𝐟 𝟗/𝟏𝟏 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡𝐬 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐭𝐬𝐮𝐧𝐚𝐦𝐢 𝐨𝐟 𝟐𝟎𝟎𝟒 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐡𝐮𝐫𝐫𝐢𝐜𝐚𝐧𝐞𝐬 𝐨𝐟 𝟐𝟎𝟎𝟓 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡𝐬 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐠𝐞𝐧𝐨𝐜𝐢𝐝𝐞 𝐢𝐧 𝐃𝐚𝐫𝐟𝐮𝐫 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡𝐬 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐇𝐨𝐥𝐨𝐜𝐚𝐮𝐬𝐭 𝐚𝐫𝐞 𝐚𝐥𝐥 𝐞𝐯𝐚𝐥𝐮𝐚𝐭𝐞𝐝 𝐭𝐨 𝐚 𝐩𝐥𝐚𝐜𝐞 𝐨𝐟 𝐡𝐨𝐧𝐨𝐫.
"ความตายจากเหตุการณ์ 9/11 ความตายจากสึนามิปี 2004 พายุเฮอริเคนปี 2005 ความตายจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในดาร์ฟูร์ และความตายจากเหตุการณ์ฮอโลคอสต์ ล้วนได้รับการยกย่องให้อยู่ในตำแหน่งแห่งเกียรติยศ
“𝐓𝐡𝐞 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡𝐬 𝐨𝐟 𝐠𝐫𝐚𝐧𝐝𝐦𝐚𝐬 𝐥𝐲𝐢𝐧𝐠 𝐢𝐧 𝐬𝐢𝐜𝐤𝐛𝐞𝐝𝐬 𝐟𝐨𝐫 𝐲𝐞𝐚𝐫𝐬 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡𝐬 𝐨𝐟 𝐜𝐡𝐢𝐥𝐝𝐫𝐞𝐧 𝐝𝐚𝐫𝐭𝐢𝐧𝐠 𝐢𝐧𝐭𝐨 𝐮𝐧𝐬𝐮𝐬𝐩𝐞𝐜𝐭𝐢𝐧𝐠 𝐭𝐫𝐚𝐟𝐟𝐢𝐜 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡𝐬 𝐨𝐟 𝐀𝐈𝐃𝐒 𝐩𝐚𝐭𝐢𝐞𝐧𝐭𝐬 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡𝐬 𝐨𝐟 𝐭𝐞𝐬𝐭 𝐩𝐢𝐥𝐨𝐭𝐬 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡𝐬 𝐨𝐟 𝐩𝐞𝐨𝐩𝐥𝐞 𝐰𝐡𝐨 𝐝𝐢𝐞𝐝 𝐢𝐧 𝐩𝐞𝐚𝐜𝐞 𝐚𝐧𝐝 𝐰𝐡𝐨 𝐝𝐢𝐞𝐝 𝐢𝐧 𝐯𝐢𝐨𝐥𝐞𝐧𝐜𝐞,
𝐡𝐞𝐫𝐨𝐢𝐜 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡𝐬 𝐚𝐧𝐝 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡𝐬 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐠𝐨 𝐮𝐧𝐧𝐨𝐭𝐢𝐜𝐞𝐝--𝐚𝐥𝐥 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡𝐬 𝐚𝐫𝐞 𝐞𝐥𝐞𝐯𝐚𝐭𝐞𝐝 𝐭𝐨 𝐭𝐡𝐞 𝐥𝐞𝐯𝐞𝐥 𝐨𝐟 𝐞𝐱𝐭𝐫𝐚𝐨𝐫𝐝𝐢𝐧𝐚𝐫𝐲 𝐦𝐞𝐚𝐧𝐢𝐧𝐠𝐟𝐮𝐥𝐧𝐞𝐬𝐬, 𝐟𝐨𝐫 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲 𝐥𝐢𝐟𝐞 𝐭𝐨𝐮𝐜𝐡𝐞𝐬 𝐭𝐡𝐨𝐮𝐬𝐚𝐧𝐝𝐬, 𝐚𝐧𝐝 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡 𝐫𝐞𝐝𝐞𝐞𝐦𝐬 𝐭𝐡𝐞𝐦.
"ความตายของคุณยายที่นอนป่วยมาหลายปี ความตายของเด็ก ๆ ที่วิ่งพรวดพราดเข้าไปในการจราจรที่ไม่ทันตั้งตัว ความตายของผู้ป่วยโรคเอดส์ ความตายของนักบินทดสอบ และความตายของผู้คนที่จากไปอย่างสงบและด้วยความรุนแรง ความตายอันกล้าหาญและความตายที่ไม่มีใครสังเกตเห็น—ความตายทั้งหมดถูกยกระดับขึ้นสู่ความหมายอันพิเศษยิ่ง เพราะทุกชีวิตได้สัมผัสกับผู้คนนับพัน และความตายทุกครั้งคือการไถ่ถอนความจริงของพวกเขากลับคืนมา
“𝐓𝐡𝐞 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡 𝐨𝐟 𝐫𝐞𝐝𝐞𝐦𝐩𝐭𝐢𝐯𝐞 𝐛𝐞𝐜𝐚𝐮𝐬𝐞 𝐚𝐥𝐥 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡 𝐫𝐞𝐭𝐮𝐫𝐧𝐬 𝐞𝐚𝐜𝐡 𝐬𝐨𝐮𝐥 𝐭𝐨 𝐭𝐡𝐞 𝐭𝐫𝐮𝐭𝐡 𝐨𝐟 𝐢𝐭𝐬𝐞𝐥𝐟, 𝐭𝐨 𝐭𝐡𝐞 𝐭𝐫𝐮𝐭𝐡 𝐨𝐟 𝐥𝐢𝐟𝐞, 𝐭𝐨 𝐭𝐡𝐞 𝐭𝐫𝐮𝐭𝐡 𝐨𝐟 𝐆𝐨𝐝--𝐚𝐧𝐝 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲 𝐩𝐞𝐫𝐬𝐨𝐧 𝐰𝐡𝐨 𝐢𝐬 𝐭𝐨𝐮𝐜𝐡𝐞𝐝 𝐛𝐲 𝐚𝐧𝐲 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡 𝐢𝐬 𝐨𝐩𝐞𝐧𝐞𝐝 𝐭𝐨 𝐭𝐡𝐢𝐬 𝐭𝐫𝐮𝐭𝐡, 𝐚𝐧𝐝 𝐬𝐨, 𝐦𝐚𝐲 𝐞𝐱𝐩𝐞𝐫𝐢𝐞𝐧𝐜𝐞 𝐢𝐭 𝐚𝐬 𝐰𝐞𝐥𝐥.
"ความตายเป็นการถอนคืนความจริงกลับมา เพราะความตายทั้งหมดนำพาทุกดวงวิญญาณกลับสู่สัจธรรมของตัวเอง สู่สัจธรรมของชีวิต สู่สัจธรรมของพระเจ้า—และทุกคนที่ถูกสัมผัสโดยความตายใดๆ จะเปิดรับสัจธรรมนี้ (ได้รับรู้ถึงสัจธรรมนี้) และด้วยเหตุนี้ อาจได้สัมผัสถึงประสบการณ์นี้เช่นกัน
“𝐈 𝐭𝐞𝐥𝐥 𝐲𝐨𝐮, 𝐧𝐨 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡 𝐢𝐬 𝐰𝐚𝐬𝐭𝐞𝐝, 𝐚𝐧𝐝 𝐚𝐥𝐥 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡 𝐛𝐫𝐢𝐧𝐠𝐬 𝐚 𝐦𝐞𝐬𝐬𝐚𝐠𝐞 𝐭𝐨 𝐭𝐡𝐨𝐬𝐞 𝐰𝐡𝐨 𝐥𝐞𝐚𝐯𝐞 𝐭𝐡𝐞 𝐞𝐚𝐫𝐭𝐡 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐨 𝐭𝐡𝐨𝐬𝐞 𝐰𝐡𝐨 𝐫𝐞𝐦𝐚𝐢𝐧. 𝐈𝐭 𝐢𝐬 𝐟𝐨𝐫 𝐲𝐨𝐮 𝐭𝐨 𝐬𝐞𝐞𝐤 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐦𝐞𝐬𝐬𝐚𝐠𝐞 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐨 𝐟𝐢𝐧𝐝 𝐢𝐭, 𝐭𝐨 𝐡𝐞𝐚𝐫, 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐨 𝐡𝐞𝐞𝐝 𝐢𝐭.
"ฉันขอบอกกับเธอว่า #ไม่มีความตายใดสูญเปล่า #และความตายทุกครั้งนำมาซึ่งสารถึงผู้ที่จากโลกนี้ไปและผู้ที่ยังคงอยู่ เป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องแสวงหาสารนั้นและค้นพบมัน รับฟัง และใส่ใจมัน
“𝐖𝐡𝐚𝐭 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐦𝐞𝐬𝐬𝐚𝐠𝐞 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐇𝐨𝐥𝐨𝐜𝐚𝐮𝐬𝐭? 𝐖𝐡𝐚𝐭 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐦𝐞𝐬𝐬𝐚𝐠𝐞 𝐨𝐟 𝟗/𝟏𝟏? 𝐖𝐡𝐚𝐭 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐦𝐞𝐬𝐬𝐚𝐠𝐞 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐭𝐬𝐮𝐧𝐚𝐦𝐢 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐜𝐫𝐢𝐛 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐀𝐈𝐃𝐒 𝐩𝐚𝐭𝐢𝐞𝐧𝐭 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐥𝐨𝐯𝐢𝐧𝐠 𝐠𝐫𝐚𝐧𝐝𝐩𝐚𝐫𝐞𝐧𝐭 𝐰𝐡𝐨 𝐬𝐥𝐢𝐩𝐬 𝐚𝐰𝐚𝐲 𝐢𝐧 𝐭𝐡𝐞 𝐦𝐢𝐝𝐝𝐥𝐞 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐧𝐢𝐠𝐡𝐭?
"อะไรคือสารจากเหตุการณ์ฮอโลคอสต์❓ อะไรคือสารจากเหตุการณ์ 9/11❓ อะไรคือสารจากเหตุการณ์สึนามิ การเสียชีวิตในเปล ผู้ป่วยโรคเอดส์ และคุณปู่คุณย่าผู้เปี่ยมด้วยความรักที่จากไปในยามดึก❓
“𝐈𝐧𝐝𝐞𝐞𝐝, 𝐰𝐡𝐚𝐭 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐦𝐞𝐬𝐬𝐚𝐠𝐞 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐩𝐮𝐫𝐩𝐨𝐬𝐞 𝐨𝐟 𝐚𝐥𝐥 𝐝𝐞𝐚𝐭𝐡 𝐚𝐧𝐝 𝐨𝐟 𝐚𝐥𝐥 𝐨𝐟 𝐥𝐢𝐟𝐞?”
"แท้จริงแล้ว อะไรคือสารและจุดประสงค์ของความตายทั้งหมดและของชีวิตทั้งหมด❓"
ᴺ ⠃ ᵂⁱˡˡ ʸᵒᵘ ᵗᵉˡˡ ᵘˢ? ᶜᵃⁿ ʸᵒᵘ ᵗᵉˡˡ ᵘˢ ʰᵉʳᵉ?
𝗡 : พระองค์จะบอกพวกเราไหม❓ พระองค์สามารถบอกพวกเราตอนนี้เลยได้ไหมครับ❓
𝐆 : “𝐓𝐡𝐞 𝐦𝐞𝐬𝐬𝐚𝐠𝐞 𝐢𝐬 𝐰𝐡𝐚𝐭 𝐲𝐨𝐮 𝐚𝐧𝐧𝐨𝐮𝐧𝐜𝐞 𝐢𝐭 𝐭𝐨 𝐛𝐞. 𝐓𝐡𝐞 𝐩𝐮𝐫𝐩𝐨𝐬𝐞 𝐢𝐬 𝐰𝐡𝐚𝐭 𝐲𝐨𝐮 𝐝𝐞𝐦𝐨𝐧𝐬𝐭𝐫𝐚𝐭𝐞 𝐢𝐭 𝐭𝐨 𝐛𝐞. 𝐘𝐨𝐮 𝐝𝐨 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐚𝐧𝐧𝐨𝐮𝐧𝐜𝐢𝐧𝐠 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐝𝐞𝐦𝐨𝐧𝐬𝐭𝐫𝐚𝐭𝐢𝐧𝐠 𝐭𝐡𝐫𝐨𝐮𝐠𝐡 𝐭𝐡𝐞 𝐥𝐢𝐯𝐢𝐧𝐠 𝐨𝐟 𝐲𝐨𝐮𝐫 𝐥𝐢𝐟𝐞.
𝐆 : "สารนั้นคือสิ่งที่เธอประกาศว่ามันเป็น จุดประสงค์คือสิ่งที่เธอแสดงให้เห็นว่ามันเป็น เธอทำการประกาศและแสดงให้เห็นผ่านการดำเนินชีวิตของเธอ
“𝐘𝐨𝐮 𝐚𝐫𝐞 𝐛𝐨𝐭𝐡 𝐭𝐡𝐞 𝐦𝐞𝐬𝐬𝐚𝐠𝐞 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐦𝐞𝐬𝐬𝐞𝐧𝐠𝐞𝐫. 𝐘𝐨𝐮 𝐚𝐫𝐞 𝐛𝐨𝐭𝐡 𝐭𝐡𝐞 𝐜𝐫𝐞𝐚𝐭𝐨𝐫 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐜𝐫𝐞𝐚𝐭𝐞𝐝. 𝐘𝐨𝐮 𝐚𝐫𝐞 𝐢𝐧 𝐭𝐡𝐞 𝐩𝐫𝐨𝐜𝐞𝐬𝐬 𝐨𝐟 𝐝𝐞𝐥𝐢𝐯𝐞𝐫𝐢𝐧𝐠 𝐢𝐭. 𝐈𝐒 𝐭𝐡𝐞 𝐩𝐫𝐨𝐜𝐞𝐬𝐬 𝐨𝐟 𝐩𝐫𝐨𝐝𝐮𝐜𝐢𝐧𝐠 𝐢𝐭. 𝐓𝐡𝐞𝐲 𝐚𝐫𝐞 𝐨𝐧𝐞 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐬𝐚𝐦𝐞.
"เธอคือทั้งสารและผู้ส่งสาร เธอคือทั้งผู้สร้างและสิ่งที่ถูกสร้าง เธอกำลังอยู่ในกระบวนการของการส่งมอบ (ส่งสาร) ซึ่งนั่นก็คือกระบวนการของการผลิต (สร้างสาร) กระบวนการส่งมอบสารของเธอก็คือกระบวนการสร้างสารนั่นเอง พวกมันคือสิ่งเดียวกัน
“𝐓𝐡𝐢𝐧𝐤 𝐨𝐧 𝐭𝐡𝐢𝐬. 𝐓𝐡𝐢𝐧𝐤 𝐨𝐧 𝐭𝐡𝐢𝐬 𝐝𝐞𝐞𝐩𝐥𝐲.
"จงคิดใคร่ครวญเรื่องนี้ให้ดี จงคิดใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง
“𝐓𝐡𝐢𝐬 𝐦𝐮𝐜𝐡 𝐈 𝐜𝐚𝐧 𝐬𝐚𝐲 𝐭𝐨 𝐲𝐨𝐮: 𝐋𝐢𝐟𝐞 𝐈𝐭𝐬𝐞𝐥𝐟 𝐢𝐬 𝐚 𝐠𝐥𝐨𝐫𝐲 𝐚𝐧𝐝 𝐚 𝐰𝐨𝐧𝐝𝐞𝐫 𝐟𝐚𝐫 𝐛𝐞𝐲𝐨𝐧𝐝 𝐚𝐧𝐲𝐭𝐡𝐢𝐧𝐠 𝐲𝐨𝐮 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐩𝐫𝐞𝐯𝐢𝐨𝐮𝐬𝐥𝐲 𝐢𝐦𝐚𝐠𝐢𝐧𝐞𝐝--𝐚𝐧𝐝 𝐲𝐨𝐮, 𝐲𝐨𝐮𝐫𝐬𝐞𝐥𝐟, 𝐚𝐫𝐞 𝐚 𝐠𝐥𝐨𝐫𝐲 𝐚𝐧𝐝 𝐚 𝐰𝐨𝐧𝐝𝐞𝐫 𝐟𝐚𝐫 𝐛𝐞𝐲𝐨𝐧𝐝 𝐚𝐧𝐲𝐭𝐡𝐢𝐧𝐠 𝐲𝐨𝐮 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐩𝐫𝐞𝐯𝐢𝐨𝐮𝐬𝐥𝐲 𝐞𝐱𝐩𝐞𝐫𝐢𝐞𝐧𝐜𝐞𝐝.
"ฉันสามารถบอกเธอได้เพียงเท่านี้: ชีวิตเองคือความรุ่งโรจน์และความมหัศจรรย์ที่เกินกว่าสิ่งใดที่เธอเคยจินตนาการถึงมาก่อน—และตัวเธอเอง คือความรุ่งโรจน์และความมหัศจรรย์ที่เกินกว่าสิ่งใดที่เธอเคยประสบมาก่อน
“𝐓𝐡𝐢𝐬 𝐥𝐢𝐟𝐞, 𝐰𝐡𝐢𝐜𝐡 𝐲𝐨𝐮 𝐥𝐢𝐯𝐞--𝐭𝐡𝐢𝐬 𝐥𝐢𝐟𝐞, 𝐰𝐡𝐢𝐜𝐡 𝐲𝐨𝐮 𝐚𝐫𝐞--𝐢𝐬 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐥𝐚𝐬𝐭𝐢𝐧𝐠 𝐚𝐧𝐝 𝐞𝐭𝐞𝐫𝐧𝐚𝐥. 𝐈𝐭 𝐧𝐞𝐯𝐞𝐫 𝐞𝐧𝐝𝐬, 𝐞𝐯𝐞𝐫.
"ชีวิตนี้ ที่เธอกำลังใช้อยู่—ชีวิตนี้ ที่เธอกำลังเป็นอยู่—คือสิ่งที่จะคงอยู่ตลอดไปชั่วนิรันดร์ มันไม่มีวันสิ้นสุด ไม่มีวันเลย
“𝐀𝐥𝐥 𝐬𝐨𝐮𝐥𝐬 𝐚𝐫𝐞 𝐢𝐧𝐭𝐞𝐫𝐚𝐜𝐭𝐢𝐧𝐠 𝐚𝐧𝐝 𝐜𝐨-𝐜𝐫𝐞𝐚𝐭𝐢𝐧𝐠 𝐢𝐧 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲 𝐦𝐨𝐦𝐞𝐧𝐭. 𝐀𝐥𝐥 𝐬𝐨𝐮𝐥𝐬. 𝐓𝐡𝐞𝐫𝐞 𝐢𝐬 𝐚𝐧 𝐢𝐧𝐭𝐞𝐫𝐰𝐞𝐚𝐯𝐢𝐧𝐠 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐩𝐫𝐨𝐝𝐮𝐜𝐞𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐛𝐫𝐞𝐚𝐭𝐡𝐭𝐚𝐤𝐢𝐧𝐠 𝐭𝐚𝐩𝐞𝐬𝐭𝐫𝐲 𝐨𝐟 𝐥𝐢𝐟𝐞.
𝐄𝐚𝐜𝐡 𝐭𝐡𝐫𝐞𝐚𝐝 𝐭𝐚𝐤𝐞𝐬 𝐢𝐭𝐬 𝐩𝐚𝐭𝐡, 𝐛𝐮𝐭 𝐭𝐨 𝐚𝐬𝐬𝐮𝐦𝐞 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐞𝐚𝐜𝐡 𝐭𝐡𝐫𝐞𝐚𝐝 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞𝐫𝐞𝐟𝐨𝐫𝐞 ‘𝐨𝐧 𝐢𝐭𝐬 𝐨𝐰𝐧’ 𝐰𝐨𝐮𝐥𝐝 𝐛𝐞 𝐭𝐨 𝐯𝐚𝐬𝐭𝐥𝐲 𝐦𝐢𝐬𝐮𝐧𝐝𝐞𝐫𝐬𝐭𝐚𝐧𝐝 𝐡𝐨𝐰 𝐭𝐡𝐞 𝐋𝐚𝐫𝐠𝐞𝐫 𝐏𝐢𝐜𝐭𝐮𝐫𝐞 𝐢𝐬 𝐜𝐫𝐞𝐚𝐭𝐞𝐝.
"ดวงวิญญาณทั้งหมดกำลังมีปฏิสัมพันธ์และสร้างสรรค์ร่วมกันในทุกขณะ ทุกดวงวิญญาณ มีการถักทอที่สร้างภาพพรมแห่งชีวิตอันน่าตื่นตาตื่นใจ เส้นด้ายแต่ละเส้นมีเส้นทางของมัน แต่การสันนิษฐานว่าเส้นด้ายแต่ละเส้นนั้นต้อง 'อยู่ตามลำพัง' จะเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก เข้าใจผิดไปไกลเลยว่าภาพใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร
ᴺ ⠃ ᴹʸ ᴳᵒᵈ…
𝗡 : พระเจ้า (ของข้า)...
𝐆 : “𝐘𝐨𝐮𝐫 𝐆𝐨𝐝, 𝐢𝐧𝐝𝐞𝐞𝐝.”
𝐆 : "พระเจ้าของเธอ แน่นอนอยู่แล้ว"
ᴺ ⠃ ˢᵒ ˡⁱᶠᵉ ⁱˢ ⁿᵒᵗ ᵃ ˢⁱⁿᵍᵘˡᵃʳ ᵉˣᵖᵉʳⁱᵉⁿᶜᵉ·
𝗡 : ดังนั้นชีวิตจึงไม่ใช่ประสบการณ์เดี่ยว
𝐆 : “𝐀𝐜𝐭𝐮𝐚𝐥𝐥𝐲, 𝐢𝐭 𝐈𝐒.
𝐆 : "จริงๆ แล้ว มันเป็นเช่นนั้น
“𝐈𝐭 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐞𝐱𝐩𝐞𝐫𝐢𝐞𝐧𝐜𝐞 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐒𝐢𝐧𝐠𝐮𝐥𝐚𝐫𝐢𝐭𝐲, 𝐤𝐧𝐨𝐰𝐢𝐧𝐠 𝐈𝐭𝐬𝐞𝐥𝐟 𝐚𝐬 𝐈𝐭𝐬𝐞𝐥𝐟 𝐭𝐡𝐫𝐨𝐮𝐠𝐡 𝐭𝐡𝐞 𝐞𝐱𝐩𝐞𝐫𝐢𝐞𝐧𝐜𝐞 𝐨𝐟 𝐢𝐭𝐬 𝐢𝐧𝐝𝐢𝐯𝐢𝐝𝐮𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧𝐬. 𝐓𝐡𝐞𝐫𝐞 𝐢𝐬 𝐛𝐮𝐭 𝐚 𝐒𝐢𝐧𝐠𝐥𝐞 𝐀𝐠𝐞𝐧𝐝𝐚, 𝐚𝐧𝐝 𝐢𝐭 𝐢𝐬 𝐬𝐞𝐫𝐯𝐞𝐝 𝐭𝐡𝐫𝐨𝐮𝐠𝐡 𝐭𝐡𝐞 𝐝𝐢𝐬𝐭𝐢𝐧𝐜𝐭𝐥𝐲 𝐝𝐢𝐟𝐟𝐞𝐫𝐞𝐧𝐭 𝐛𝐮𝐭 𝐫𝐞𝐦𝐚𝐫𝐤𝐚𝐛𝐥𝐲 𝐜𝐨-𝐣𝐨𝐢𝐧𝐞𝐝 𝐞𝐱𝐩𝐞𝐫𝐢𝐞𝐧𝐜𝐞𝐬 𝐨𝐟 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲 𝐨𝐧𝐞 𝐨𝐟 𝐮𝐬.
"มันคือประสบการณ์ของความเป็นหนึ่งเดียว ที่รู้จักตัวเองในฐานะตัวเองผ่านประสบการณ์ของการแยกย่อยตัวเองของมัน #ทั้งหมดนี้มีเพียงจุดประสงค์เดียวเท่านั้น (วาระเดียวเท่านั้น) และมันถูกรับใช้ผ่านประสบการณ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน (ผ่านตัวตนปัจเจก) แต่ก็เชื่อมโยงกันอย่างน่าทึ่งของพวกเราทุกคน
“𝐓𝐡𝐚𝐭 𝐒𝐢𝐧𝐠𝐥𝐞 𝐀𝐠𝐞𝐧𝐝𝐚 𝐢𝐬 𝐟𝐨𝐫 𝐃𝐢𝐯𝐢𝐧𝐢𝐭𝐲 𝐭𝐨 𝐛𝐞 𝐞𝐱𝐩𝐫𝐞𝐬𝐬𝐞𝐝 𝐚𝐧𝐝 𝐞𝐱𝐩𝐞𝐫𝐢𝐞𝐧𝐜𝐞𝐝 𝐢𝐧 𝐚𝐥𝐥 𝐢𝐭𝐬 𝐬𝐩𝐥𝐞𝐧𝐝𝐨𝐫, 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐨 𝐫𝐞-𝐜𝐫𝐞𝐚𝐭𝐞 𝐚𝐧𝐝 𝐝𝐞𝐟𝐢𝐧𝐞 𝐢𝐭𝐬𝐞𝐥𝐟 𝐚𝐧𝐞𝐰 𝐢𝐧 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲 𝐬𝐢𝐧𝐠𝐥𝐞 𝐠𝐨𝐥𝐝𝐞𝐧 𝐦𝐨𝐦𝐞𝐧𝐭 𝐨𝐟 𝐍𝐨𝐰. 𝐇𝐎𝐖 𝐢𝐭 𝐞𝐱𝐩𝐫𝐞𝐬𝐬𝐞𝐬 𝐢𝐭𝐬𝐞𝐥𝐟, 𝐇𝐎𝐖 𝐢𝐭 𝐞𝐱𝐩𝐞𝐫𝐢𝐞𝐧𝐜𝐞𝐬 𝐢𝐭𝐬𝐞𝐥𝐟, 𝐇𝐎𝐖 𝐢𝐭 𝐝𝐞𝐟𝐢𝐧𝐞𝐬 𝐢𝐭𝐬𝐞𝐥𝐟, 𝐢𝐬 𝐮𝐩 𝐭𝐨 𝐲𝐨𝐮.
𝐓𝐡𝐚𝐭 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐝𝐞𝐜𝐢𝐬𝐢𝐨𝐧 𝐲𝐨𝐮 𝐚𝐫𝐞 𝐦𝐚𝐤𝐢𝐧𝐠 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲 𝐝𝐚𝐲. 𝐓𝐡𝐚𝐭 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐜𝐡𝐨𝐢𝐜𝐞 𝐲𝐨𝐮 𝐚𝐫𝐞 𝐝𝐞𝐦𝐨𝐧𝐬𝐭𝐫𝐚𝐭𝐢𝐧𝐠 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲 𝐦𝐨𝐦𝐞𝐧𝐭. 𝐘𝐨𝐮 𝐚𝐫𝐞 𝐝𝐨𝐢𝐧𝐠 𝐬𝐨 𝐢𝐧𝐝𝐢𝐯𝐢𝐝𝐮𝐚𝐥𝐥𝐲 𝐚𝐧𝐝 𝐜𝐨𝐥𝐥𝐞𝐜𝐭𝐢𝐯𝐞𝐥𝐲. 𝐄𝐯𝐞𝐫𝐲 𝐚𝐜𝐭 𝐢𝐬 𝐚𝐧 𝐚𝐜𝐭 𝐨𝐟 𝐬𝐞𝐥𝐟 𝐝𝐞𝐟𝐢𝐧𝐢𝐭𝐢𝐨𝐧.
"จุดประสงค์เพียงหนึ่งเดียวนั้นคือเพื่อให้ความศักดิ์สิทธิ์ได้แสดงออกและได้รับประสบการณ์ในความรุ่งโรจน์ทั้งหมดของตัวมัน และเพื่อสร้างใหม่และนิยามตัวเองขึ้นใหม่ในทุกๆห้วงขณะอันประเสริฐแห่งปัจจุบัน มันจะแสดงออกอย่างไร มันจะมีประสบการณ์ถึงตัวเองอย่างไร มันจะนิยามตัวเองว่าอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับเธอ นั่นคือการตัดสินใจที่เธอทำทุกวัน นั่นคือทางเลือกที่เธอแสดงให้เห็นอยู่ในทุกขณะ เธอกำลังทำเช่นนั้นทั้งในฐานะปัจเจกและส่วนรวม
#ทุกการกระทำคือการให้นิยามตัวเอง
“𝐎𝐟 𝐭𝐡𝐢𝐬 𝐭𝐫𝐮𝐭𝐡, 𝐚𝐧𝐝 𝐦𝐚𝐧𝐲 𝐨𝐭𝐡𝐞𝐫𝐬, 𝐲𝐨𝐮 𝐰𝐢𝐥𝐥 𝐛𝐞 𝐫𝐞𝐦𝐢𝐧𝐝𝐞𝐝 𝐰𝐡𝐞𝐧 𝐲𝐨𝐮 𝐦𝐞𝐫𝐠𝐞 𝐰𝐢𝐭𝐡 𝐭𝐡𝐞 𝐂𝐨𝐫𝐞 𝐨𝐟 𝐘𝐨𝐮𝐫 𝐁𝐞𝐢𝐧𝐠.
𝐈𝐭 𝐢𝐬 𝐡𝐞𝐫𝐞 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐲𝐨𝐮 𝐰𝐢𝐥𝐥 𝐛𝐞 𝐫𝐞𝐣𝐮𝐯𝐞𝐧𝐚𝐭𝐞𝐝, 𝐫𝐞𝐮𝐧𝐢𝐭𝐞𝐝, 𝐚𝐧𝐝 𝐫𝐞𝐢𝐧𝐭𝐞𝐠𝐫𝐚𝐭𝐞𝐝, 𝐬𝐡𝐨𝐮𝐥𝐝 𝐲𝐨𝐮 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐟𝐨𝐫𝐠𝐨𝐭𝐭𝐞𝐧 𝐭𝐡𝐞 𝐨𝐫𝐢𝐠𝐢𝐧𝐚𝐥 𝐚𝐠𝐞𝐧𝐝𝐚, 𝐬𝐡𝐨𝐮𝐥𝐝 𝐲𝐨𝐮 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐥𝐨𝐬𝐭 𝐲𝐨𝐮𝐫 𝐦𝐞𝐦𝐨𝐫𝐲 𝐚𝐧𝐝 𝐲𝐨𝐮𝐫 𝐬𝐞𝐧𝐬𝐞 𝐨𝐟 𝐖𝐡𝐨 𝐘𝐨𝐮 𝐑𝐞𝐚𝐥𝐥𝐲 𝐀𝐫𝐞.
𝐀𝐧𝐝 𝐢𝐟 𝐲𝐨𝐮 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐧𝐨𝐭, 𝐛𝐮𝐭 𝐫𝐚𝐭𝐡𝐞𝐫, 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐚 𝐟𝐮𝐥𝐥 𝐚𝐰𝐚𝐫𝐞𝐧𝐞𝐬𝐬 𝐨𝐟 𝐚𝐥𝐥 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐢𝐬 𝐚𝐧𝐝 𝐚 𝐟𝐮𝐥𝐥 𝐞𝐱𝐩𝐞𝐫𝐢𝐞𝐧𝐜𝐞 𝐨𝐟 𝐢𝐭, 𝐢𝐭 𝐢𝐬 𝐚𝐭 𝐭𝐡𝐞 𝐜𝐨𝐫𝐞 𝐨𝐟 𝐲𝐨𝐮𝐫 𝐁𝐞𝐢𝐧𝐠 𝐰𝐡𝐞𝐫𝐞 𝐲𝐨𝐮 𝐰𝐢𝐥𝐥 𝐛𝐞 𝐫𝐞𝐩𝐥𝐞𝐧𝐢𝐬𝐡𝐞𝐝.
"เธอจะได้รับการเตือนความจำถึงสัจธรรมนี้และสัจธรรมอื่น ๆ อีกมากมายเมื่อเธอได้หลอมรวมกับแก่นแท้ของการดำรงอยู่ของเธอ ที่นี่คือที่ที่เธอจะได้รับการฟื้นฟู การหลอมรวมกันใหม่ และการผสานรวมกันใหม่ หากเธอลืมจุดประสงค์ดั้งเดิม หากเธอสูญเสียความทรงจำและความรู้สึกถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ และหากเธอไม่ได้ลืม แต่กลับมีความตระหนักรู้อย่างเต็มเปี่ยมถึงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดและมีประสบการณ์ถึงมันอย่างเต็มที่ ที่แก่นแท้แก่นกลางแห่งการดำรงอยู่ของเธอ นี่เองที่เธอจะได้รับการเติมเต็ม
“𝐓𝐡𝐞 𝐠𝐫𝐞𝐚𝐭 𝐦𝐢𝐬𝐮𝐧𝐝𝐞𝐫𝐬𝐭𝐚𝐧𝐝𝐢𝐧𝐠 𝐨𝐟 𝐚𝐥𝐥 𝐭𝐡𝐨𝐬𝐞 𝐰𝐡𝐨 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐟𝐨𝐫𝐠𝐨𝐭𝐭𝐞𝐧 𝐭𝐡𝐞 𝐔𝐥𝐭𝐢𝐦𝐚𝐭𝐞 𝐓𝐫𝐮𝐭𝐡,
𝐭𝐡𝐞 𝐠𝐫𝐞𝐚𝐭 𝐢𝐥𝐥𝐮𝐬𝐢𝐨𝐧 𝐨𝐟 𝐚𝐥𝐥 𝐭𝐡𝐨𝐬𝐞 𝐰𝐡𝐨 𝐥𝐢𝐯𝐞 𝐢𝐧 𝐭𝐞𝐦𝐩𝐨𝐫𝐚𝐫𝐲 𝐚𝐦𝐧𝐞𝐬𝐢𝐚, 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐭𝐡𝐞𝐫𝐞 𝐢𝐬 𝐬𝐨𝐦𝐞𝐰𝐡𝐞𝐫𝐞 𝐭𝐡𝐞𝐲 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐭𝐨 ‘𝐠𝐨,’ 𝐬𝐨𝐦𝐞𝐰𝐡𝐞𝐫𝐞 𝐭𝐡𝐞𝐲 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐭𝐨 𝐣𝐨𝐮𝐫𝐧𝐞𝐲, 𝐢𝐧 𝐨𝐫𝐝𝐞𝐫 𝐭𝐨 ‘𝐠𝐞𝐭 𝐭𝐨 𝐡𝐞𝐚𝐯𝐞𝐧,’ 𝐨𝐫 ‘𝐮𝐧𝐢𝐭𝐞 𝐰𝐢𝐭𝐡 𝐆𝐨𝐝,’ 𝐚𝐧𝐝 𝐞𝐱𝐩𝐞𝐫𝐢𝐞𝐧𝐜𝐞 𝐞𝐭𝐞𝐫𝐧𝐚𝐥 𝐛𝐥𝐢𝐬𝐬.
"ความเข้าใจผิดอันยิ่งใหญ่ของทุกคนที่หลงลืมสัจธรรมอันสูงสุด ภาพลวงอันยิ่งใหญ่ของทุกคนที่อาศัยอยู่ในภาวะชั่วคราวแห่งการลืม คือการที่มีที่บางแห่งที่พวกเขาต้อง 'ไป' สถานที่บางแห่งที่พวกเขาต้องเดินทางไป เพื่อ 'ไปให้ถึงสวรรค์' หรือ เพื่อ 'รวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า' และได้รับประสบการณ์ของความสุขนิรันดร์
“𝐓𝐡𝐞𝐫𝐞 𝐢𝐬 𝐧𝐨𝐰𝐡𝐞𝐫𝐞 𝐲𝐨𝐮 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐭𝐨 𝐠𝐨, 𝐧𝐨𝐭𝐡𝐢𝐧𝐠 𝐲𝐨𝐮 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐭𝐨 𝐝𝐨, 𝐚𝐧𝐝 𝐧𝐨𝐭𝐡𝐢𝐧𝐠 𝐲𝐨𝐮 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐭𝐨 𝐛𝐞 𝐞𝐱𝐜𝐞𝐩𝐭 𝐞𝐱𝐚𝐜𝐭𝐥𝐲 𝐰𝐡𝐚𝐭 𝐲𝐨𝐮 𝐚𝐫𝐞 𝐛𝐞𝐢𝐧𝐠 𝐫𝐢𝐠𝐡𝐭 𝐧𝐨𝐰, 𝐢𝐧 𝐨𝐫𝐝𝐞𝐫 𝐭𝐨 𝐞𝐱𝐩𝐞𝐫𝐢𝐞𝐧𝐜𝐞 𝐭𝐡𝐞 𝐛𝐥𝐢𝐬𝐬 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐃𝐢𝐯𝐢𝐧𝐞.
"ไม่มีที่ไหนที่เธอต้องไป ไม่มีอะไรที่เธอต้องทำ และไม่มีอะไรที่เธอต้องเป็นนอกจากสิ่งที่เธอเป็นอยู่ในตอนนี้ เพื่อที่จะได้มีประสบการณ์ถึงความสุขของพระเจ้า
“𝐘𝐨𝐮 𝐀𝐑𝐄 𝐭𝐡𝐞 𝐛𝐥𝐢𝐬𝐬 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐃𝐢𝐯𝐢𝐧𝐞, 𝐚𝐧𝐝 𝐲𝐨𝐮 𝐬𝐢𝐦𝐩𝐥𝐲 𝐝𝐨 𝐧𝐨𝐭 𝐤𝐧𝐨𝐰 𝐢𝐭.”
"เธอ ตัวเธอ #คือความสุขของพระเจ้า และเธอก็เพียงแค่ไม่รู้เท่านั้นเอง"
ᴺ ⠃ ᵀʰᵉⁿ ʷʰʸ ᵇᵒᵗʰᵉʳ ᵗᵃᵏⁱⁿᵍ ᵗʰᵉˢᵉ ᵉⁿᵈˡᵉˢˢ ᵗʳⁱᵖˢ ᵗʰʳᵒᵘᵍʰ ᵗʰᵉ ᵃᵖᵖˡᵒʳᵃⁿᵍᵉ? ᵂʰʸ ᵃᵐ ᴵ ᶜᵒⁿᵗⁱⁿᵘᵒᵘˢˡʸ ʲᵒᵘʳⁿᵉʸⁱⁿᵍ ᵗʰʳᵒᵘᵍʰ ᵗʰᵉ ˢᵖᵃᶜᵉᐟᵀⁱᵐᵉ ᶜᵒⁿᵗⁱⁿᵘᵘᵐ? ᵂʰʸ ʰᵃᵛᵉ ᴵ ᵘⁿᵈᵉʳᵗᵃᵏᵉⁿ ᵗʰⁱˢ ᵉⁿᵈˡᵉˢˢ ˢᵉᵃʳᶜʰ ᶠᵒʳ ᴳᵒᵈ?
𝗡 : แล้วทำไมต้องลำบากทำการเดินทางไม่รู้จบผ่านแอปเปิ้ลส้มด้วยครับ❓ ทำไมผมถึงต้องเดินทางผ่านมิติแห่งกาลเวลาอย่างต่อเนื่อง❓ ทำไมผมถึงได้เริ่มการเดินทางอันไม่มีที่สิ้นสุดเพื่อตามหาพระเจ้าด้วยล่ะครับ❓
𝐆 : “𝐘𝐨𝐮𝐫 𝐣𝐨𝐮𝐫𝐧𝐞𝐲 𝐢𝐬 𝐧𝐨𝐭 𝐚𝐧 𝐞𝐧𝐝𝐥𝐞𝐬𝐬 𝐒𝐄𝐀𝐑𝐂𝐇 𝐟𝐨𝐫 𝐆𝐨𝐝, 𝐢𝐭 𝐢𝐬 𝐚𝐧 𝐞𝐧𝐝𝐥𝐞𝐬𝐬 𝐄𝐗𝐏𝐄𝐑𝐈𝐄𝐍𝐂𝐄 𝐨𝐟 𝐆𝐨𝐝.
𝐆 : "#การเดินทางของเธอไม่ใช่การเดินทางอันไม่มีที่สิ้นสุดเพื่อตามหาพระเจ้า แต่มันคือ #การมีประสบการณ์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดถึงการเป็นพระเจ้าต่างหาก
“𝐔𝐧𝐝𝐞𝐫𝐬𝐭𝐨𝐨𝐝 𝐢𝐧 𝐭𝐡𝐢𝐬 𝐰𝐚𝐲, 𝐭𝐡𝐞 𝐫𝐞𝐚𝐬𝐨𝐧 𝐟𝐨𝐫 𝐭𝐡𝐞 𝐜𝐨𝐧𝐭𝐢𝐧𝐮𝐨𝐮𝐬 𝐣𝐨𝐮𝐫𝐧𝐞𝐲 𝐛𝐞𝐜𝐨𝐦𝐞𝐬 𝐚𝐩𝐩𝐚𝐫𝐞𝐧𝐭. 𝐓𝐡𝐞 𝐣𝐨𝐮𝐫𝐧𝐞𝐲 𝐢𝐬 𝐚 𝐩𝐫𝐨𝐜𝐞𝐬𝐬. 𝐈𝐭 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐰𝐚𝐲 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐲𝐨𝐮 𝐤𝐧𝐨𝐰 𝐆𝐨𝐝--𝐢𝐧𝐝𝐞𝐞𝐝, 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐲𝐨𝐮 𝐤𝐧𝐨𝐰 𝐲𝐨𝐮𝐫𝐬𝐞𝐥𝐟 𝐀𝐒 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐰𝐡𝐢𝐜𝐡 𝐢𝐬 𝐃𝐢𝐯𝐢𝐧𝐞. 𝐓𝐡𝐢𝐬 𝐣𝐨𝐮𝐫𝐧𝐞𝐲 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞𝐫𝐞𝐟𝐨𝐫𝐞 𝐲𝐨𝐮𝐫 𝐠𝐫𝐞𝐚𝐭𝐞𝐬𝐭 𝐣𝐨𝐲.”
"เมื่อเข้าใจในแง่นี้ เหตุผลของการต้องเดินทางอย่างต่อเนื่องก็จะปรากฏชัด การเดินทางคือกระบวนการ มันคือวิธีที่เธอได้รู้จักพระเจ้า—จริงๆ แล้ว ที่เธอได้รู้จักตัวเองในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในฐานะว่าตัวเองคือพระเจ้า #การเดินทางนี้จึงเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ"
ᴺ ⠃ ᴼᵏᵃʸ, ˢᵒ ᴵ ᵃᵐ ᵗᵃᵏⁱⁿᵍ ᵗʰᵉˢᵉ ‘ᵗʳⁱᵖˢ’ ᵗʰʳᵒᵘᵍʰ ᵗⁱᵐᵉ ᵃⁿᵈ ˢᵖᵃᶜᵉ ⁱⁿ ᵒʳᵈᵉʳ ᵗᵒ ᵉˣᵖᵉʳⁱᵉⁿᶜᵉ ᴳᵒᵈ· ᴮᵘᵗ ʷʰᵉⁿ ᵈᵒ ᴵ ᵃᶜᵗᵘᵃˡˡʸ ᵐᵉᵉᵗ ᴳᵒᵈ? ᴱᵃʳˡⁱᵉʳ ʸᵒᵘ ˢᵃⁱᵈ ᵗʰᵃᵗ ᴳᵒᵈ ʷⁱˡˡ ᵇᵉ ᵗʰᵉ ᶠⁱʳˢᵗ ᵉˣᵖᵉʳⁱᵉⁿᶜᵉ ᴵ ʷⁱˡˡ ʰᵃᵛᵉ ᵃᶠᵗᵉʳ ᵐʸ ᵈᵉᵃᵗʰ·
𝗡 : ตกลงครับ ดังนั้นผมจึงกำลัง 'เดินทาง' ผ่านห้วงกาลเวลาและพื้นที่ว่าง (อวกาศ) เพื่อมีประสบการณ์ถึงพระเจ้า แต่เมื่อไหร่ผมจะได้พบพระเจ้าจริงๆสะทีล่ะครับ❓ ก่อนหน้านี้พระองค์บอกว่าพระเจ้าจะเป็นประสบการณ์แรกที่ผมจะได้พบ ได้สัมผัสหลังจากที่ผมตาย
𝐆 : “𝐈𝐟 𝐲𝐨𝐮 𝐛𝐞𝐥𝐢𝐞𝐯𝐞 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐢𝐭 𝐰𝐢𝐥𝐥 𝐛𝐞, 𝐭𝐡𝐞𝐧 𝐢𝐭 𝐰𝐢𝐥𝐥 𝐛𝐞. 𝐁𝐮𝐭 𝐲𝐨𝐮 𝐝𝐨 𝐧𝐨𝐭 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐭𝐨 𝐰𝐚𝐢𝐭 𝐮𝐧𝐭𝐢𝐥 𝐭𝐡𝐞𝐧. 𝐈𝐧 𝐟𝐚𝐜𝐭, 𝐲𝐨𝐮 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐛𝐞𝐞𝐧 𝐦𝐞𝐞𝐭𝐢𝐧𝐠 𝐆𝐨𝐝 𝐚𝐥𝐥 𝐚𝐥𝐨𝐧𝐠. 𝐓𝐡𝐚𝐭 𝐢𝐬 𝐰𝐡𝐚𝐭 𝐈 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐛𝐞𝐞𝐧 𝐭𝐞𝐥𝐥𝐢𝐧𝐠 𝐲𝐨𝐮.
𝐆 : "ถ้าเธอเชื่อว่ามันจะเป็นเช่นนั้น มันก็จะเป็นเช่นนั้น แต่เธอไม่จำเป็นต้องรอจนถึงตอนนั้นหรอก จริงๆ แล้ว เธอได้พบกับพระเจ้าอยู่ตลอด นั่นคือสิ่งที่ฉันได้บอกกับเธอ
“𝐇𝐞𝐫𝐞 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐜𝐞𝐧𝐭𝐫𝐚𝐥 𝐞𝐫𝐫𝐨𝐫 𝐨𝐟 𝐦𝐨𝐬𝐭 𝐡𝐮𝐦𝐚𝐧 𝐭𝐡𝐞𝐨𝐥𝐨𝐠𝐲: 𝐘𝐨𝐮 𝐭𝐡𝐢𝐧𝐤 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐨𝐧𝐞 𝐝𝐚𝐲 𝐲𝐨𝐮 𝐚𝐫𝐞 𝐠𝐨𝐢𝐧𝐠 𝐭𝐨 𝐦𝐞𝐞𝐭 𝐆𝐨𝐝. 𝐘𝐨𝐮 𝐢𝐦𝐚𝐠𝐢𝐧𝐞 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐲𝐨𝐮 𝐚𝐫𝐞 𝐨𝐧𝐞 𝐝𝐚𝐲 𝐠𝐨𝐢𝐧𝐠 𝐭𝐨 𝐠𝐞𝐭 𝐛𝐚𝐜𝐤 𝐇𝐨𝐦𝐞.
"นี่คือความผิดพลาดที่เป็นหัวใจสำคัญของความรู้ทางด้านเทววิทยาหรือศาสนศาสตร์ของมนุษย์โดยส่วนใหญ่ : เธอคิดว่าในสักวันหนึ่งเธอจะได้พบพระเจ้า เธอจินตนาการว่าสักวันหนึ่งเธอจะได้กลับบ้าน
𝐘𝐨𝐮 𝐚𝐫𝐞 𝐧𝐨𝐭 𝐠𝐨𝐢𝐧𝐠 𝐭𝐨 𝐠𝐞𝐭 𝐛𝐚𝐜𝐤 𝐇𝐨𝐦𝐞.
เธอจะไม่ได้กลับบ้าน
“𝐘𝐨𝐮 𝐧𝐞𝐯𝐞𝐫 𝐥𝐞𝐟𝐭 𝐇𝐨𝐦𝐞.”
"#เธอไม่เคยจากบ้านไปไหนเลย"
➖➖➖(((จบบทที่ 2️⃣3️⃣)))➖➖➖
หนังสือ
จิตวิญญาณ
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
HOME WITH GOD
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย