26 ธ.ค. 2024 เวลา 02:09 • ประวัติศาสตร์

พุทธศตวรรษที่ ๑๓ (พ.ศ.๑๒๑๘) : พระธาตุอานนท์

ภายในวัดมหาธาตุ พระอารามหลวง จังหวัดยโสธร เป็นที่ตั้งของพระธาตุที่บรรจุพระธาตุของพระอานนท์ ซึ่งเป็น พุทธอุปัฏฐากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “เอตทัคคะ” ผู้เลิศกว่าพระภิกษุสาวกทั้งหลายถึง ๕ ประการ คือ มีสติรอบคอบ มีคติ คือความทรงจำแม่นยำ มีความเพียรดี เป็นพหูสูต และเป็นยอดของภิกษุผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า
หลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว คณะสงฆ์โดยพระมหากัสสปเถระ ได้เลือกพระอรหันต์ซึ่งเชี่ยวชาญในพระธรรมวินัยจำนวน ๕๐๐ รูป เพื่อทำการปฐมสังคายนาพระธรรมวินัย โดยพระอานนท์ได้รับเลือกจากคณะสงฆ์เป็นลำดับสุดท้าย เนื่องจากยังไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์ แต่ก่อนจะถึงเวลาประชุมทำสังคายนาพระอานนท์ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในอริยาบทที่ไม่ได้เป็นการเดิน ยืน นั่ง หรือนอน แต่อยู่ในอิริยาบถเอนกายลงนอน ศีรษะยังไม่ถึงหมอนและเท้าทั้งสองยังไม่พ้นจากพื้น
เมื่อถึงตอนเข้านิพพาน เมื่ออายุสังขารล่วงเข้า ๑๒๐ ปี แล้ว พระอานนท์ได้เข้านิพพานที่ปลายแม่น้ำโรหิณี ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์ กับเมืองเทวทหะ ซึ่งมีพระประยูรญาติอยู่ทั้ง ๒ ฝ่าย โดยตั้งจิตอธิษฐานให้กายแตกออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งให้ตกที่ฝั่งกบิลพัสดุ์ อีกส่วนหนึ่งให้ตกที่เมืองเทวทหะ พระอัฐิธาตุจึงแตกออกเป็น ๒ ส่วน พระประยูรญาติจึงได้สร้างพระเจดีย์บรรจุไว้ทั้ง ๒ ฟากของแม่น้ำโรหิณี
วัดมหาธาตุ ยโสธร
เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๐ (ปีกุน เดือน ๔) คณะกรรมการอำเภอยโสธร จะทำการปฏิสังขรณ์พระธาตุยโสธร จึงได้ขุดพบใบลานจารึกประวัติพระธาตุ (ดูหมายเหตุ ๑)
ในจารึกฉบับแรก ได้กล่าวถึงการสร้างพระธาตุไว้ว่า เจตตานุวิน และลูกพี่ลูกน้องนาม จินดาชานุ ชาวเวียงจันทน์ ได้ร่วมกันสร้างพระธาตุแห่งนี้ขึ้น ในปี พ.ศ.๑๒๑๘ โดยเจตตานุวิน และจินดาชานุ ซึ่งได้ออกบวชเป็นพระมา ๓๐ กว่าปี ได้ออกเดินธุดงค์ไปตามบ้านเมืองน้อยใหญ่เพื่อสืบหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาไหว้ให้เป็นสิริมงคลแก่ชาวเมือง
เดินธุดงค์ไปได้นานประมาณ ๒ ปี ๑๐ เดือน ๑๑ วัน จนถึงเมืองเทวทหะนคร ได้เห็นเสนาบดีและชาวเมืองกำลังก่อสร้างพระธาตุแทนที่พระธาตุอันเก่าที่อยู่ในสถานที่คับแคบเมื่อเข้าไปกราบไหว้ โดยการก่อสร้างนี้ใช้เวลา ๗ เดือนจึงเสร็จ
เมื่อสร้างเสร็จแล้วจึงได้มีการอัญเชิญพระธาตุโดยไขประตูเข้าไปถึง ๓ ชั้น เห็นหีบเงิน ๓ ชั้น ไขหีบเงินเข้าไปแล้วเป็นหีบทองคำอีก ๗ ชั้น เมื่อไขหีบทองคำเข้าไปเป็นหีบแก้วไพฑูรย์อีก ๒ ชั้น เมื่อไขหีบแก้วไพฑูรย์เข้าไปเห็นผ้าดอกคำหรือผ้าลายทอง ๕๐๐ ชั้น จากนั้นจึงเห็นผ้าสีขาวอ่อนดังสำลีหลายชั้นแล้วจึงเห็นอัฐิธาตุและฝุ่น
เมื่อถามชาวเมืองจึงบอกว่าเป็นอัฐิธาตุของพระอานนท์ จึงได้ถามต่อว่า อัฐิธาตุนี้เป็นมาตามคำเล่าลือ ก็ได้คำตอบว่าเป็นมาแต่ปู่บอกกล่าวกันมาจนถึงบัดนี้ คือ พระอานนท์ได้อธิษฐานให้อัฐิธาตุแตกออกเป็น ๒ ส่วน ครึ่งหนึ่งจึงตกอยู่กับเมืองนี้
เมื่อได้ทราบเช่นนั้น เจตตานุวิน จึงได้อ้อนวอนขอแบ่งอัฐิธาตุนั้นอยู่หลายวัน จึงได้อัฐิธาตุองค์หนึ่งขนาดประมาณดอกสังวาล และผงธุลีอังคารประมาณเต็มเปลือกไข่นกกระเรียน แล้วจึงเดินทางกลับเวียงจันทน์ เตรียมสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุอัฐิธาตุนั้นที่ดอนปู่ปาว เมืองเวียงจันทน์ แต่ชาวเมืองไม่ยอมให้สร้างว่าผิดจารีตโบราณ จึงไล่เจตตานุวินออกมา
เจตตานุวินจึงได้มาอยู่กับขอมราว ๓ ปี จึงได้ชักชวน เอียงเวธา ชาวขอมผู้เป็นใหญ่ (น่าจะหมายถึงผู้ปกครองพื้นที่บริเวณนั้น) มาสร้างพระธาตุไว้ในบริเวณที่เรียกว่า “ดงผีสิง” ซึ่งอยู่ไกลจากบ้านเรือน ๗๐๐ ชั่วขาธนู หรือประมาณ ๑.๔ กิโลเมตร (ได้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้มีการเทียบมาตราวัดระยะทางสมัยพุทธกาลว่า ระยะ ๑ ธนู เท่ากับ ๔ ศอก ซึ่งเท่ากับ ๑ วา หรือ ๒ เมตร) การก่อสร้างใช้เวลา ๘ เดือน ๒๕ วัน จึงสำเร็จเรียบร้อย
พระธาตุอานนท์ พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดยโสธร
หากพิจารณาห้วงระยะเวลาในตำนานการสร้างพระธาตุอานนท์เทียบเคียงกับระยะเวลาในหน้าประวัติศาสตร์ของดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วจะอยู่ในช่วงของอาณาจักรเจนละ (พ.ศ.๑,๐๙๓ - ๑,๓๔๕) โดยในเวลานั้นบริเวณที่เรียกว่า “ดงผีสิง” หรือตัวเมืองยโสธรในปัจจุบันคงเป็นพื้นที่ในการปกครองของอาณาจักรเจนละ ดังที่ในตำนานกล่าวว่าในบริเวณนี้มี เอียงเวธา ชาวขอมเป็นผู้ปกครอง โดยอาณาจักรเจนละได้ขยายอำนาจถึงเมืองเวียงจันทน์
เมืองเวียงจันทน์ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น เป็นชุมชนของคนพื้นเมือง ก่อนที่ล้านช้างจะเข้ามาเป็นใหญ่ในเมืองเวียงจันทน์ เวียงจันทน์เป็นเมืองเก่าแก่มีปรากฏทั้งในเอกสารจีนเรียกว่า เหวินถาน หรือ เวิน ตาน (Wen Tan) และในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานการสร้างพระธาตุพนม) ก็ได้กล่าวถึงการตั้งเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นเมืองสำคัญในแคว้นอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์
พระธาตุอานนท์ของจังหวัดยโสธรในปัจจุบัน มีลักษณะสถาปัตยกรรมและศิลปะกรรมแบบธาตุเจดีย์พื้นถิ่นอีสานที่คงได้รับการบูรณะซ่อมแซมตกแต่งเพิ่มเติมมาหลายครั้ง ลักษณะเป็นฐานสี่เหลี่ยม ส่วนยอดทรงดอกบัวมีลักษณะคล้ายพระธาตุพนม หากนับอายุของพระธาตุอานนท์ตามตำนานการสร้างแล้ว นับได้ว่าเป็นพระธาตุที่มีความเก่าแก่มากว่า ๑,๓๔๐ ปี และเป็นข้อมูลที่บ่งบอกเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของยโสธรได้เป็นอย่างดี
นอกจากจะกล่าวได้ว่า พระธาตุอานนท์ ที่อยู่ภายในวัดมหาธาตุ ยโสธร จะเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทยแล้ว ยังอาจกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งเดียวในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลองคิดเล่นๆ ย้อนกลับว่า ถ้าเมื่อกว่า ๑,๓๔๐ ปีที่แล้ว ชาวเมืองเวียงจันทน์ไม่คัดค้านการสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุอัฐิธาตุพระอานนท์ วันนี้ยโสธรคงไม่มีพระธาตุอานนท์ให้เป็นที่เคารพสักการะบูชาเป็นแน่แท้
หมายเหตุ ๑
หนังสือที่เกี่ยวเนื่องกับพงศาวดารเมืองยโสธร พระญาณรักขิต (ใจ ยโสธรัตน์) เรียบเรียง พิมพ์เป็นที่ระลึกในการพระราชทานเพลิงศพ พระครูจิตตวิโสธนาจารย์ ณ วัดสร่างโศก อำเภอยโสธร วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๔๙๑
ติดตามอ่านเพิ่มเติม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา