5 ชั่วโมงที่แล้ว • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 189 หลี่ซือซือชื่นชมรอยสัก

ซ่งเจียงปล่อยพวกเกาฉิวไปแล้ว วันหนึ่งมาปรึกษากับเหล่าพี่น้องว่า “เกาฉิวกลับไปครั้งนี้ จะได้ความอย่างไรบ้าง”
อู๋ย่งหัวเราะแล้วว่า “ข้าดูลักษณะคนผู้นี้ รูปร่างเหมือนงู ดูตาเหมือนผึ้ง เป็นคนไม่รู้คุณคน เขาสูญเสียทหารไปเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเสบียงและทรัพยากรเหลือคณานับ เมื่อกลับไปถึงตงจิงคงต้องแกล้งป่วย ปิดบังโอรสสวรรค์ ถวายคืนอาชญาสิทธิ์สำหรับกองทัพ เซียวย่าง เยว่เหอคงถูกกักบริเวณอยู่ในจวน นิรโทษกรรมคงรอเก้อ”
ซ่งเจียงว่า “เช่นนี้จะทำอย่างไร นิรโทษกรรมก็ไม่ได้ กลับส่งพี่น้องไปติดกับเสียสองคน”
อู๋ย่งว่า “พี่ท่านส่งคนที่มีปฏิภาณไหวพริบดีไปอีกสองคน นำเงินทองของมีค่าติดตัวไปเมืองหลวง สืบข่าวคราว หาทางสานสัมพันธ์กับผู้ที่อาจชักนำให้ได้เข้าเฝ้าองค์เหนือหัวเพื่อกราบทูลถึงข้อเท็จจริงต่อองค์เหนือหัว ไม่ให้เกาไท่เว่ยกลบเกลื่อนซ่อนเร้นเอาไว้ได้”
เอี้ยนชิงลุกขึ้นกล่าวว่า
“เมื่อคราวเกิดความวุ่นวายที่เมืองกรุงปีที่แล้ว ผู้น้องได้แฝงตัวเข้าไปในเรือนหลี่ซือซือ จนต่อมาเกิดโกลาหลเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งนางคงคาดเดาความเกี่ยวข้องได้สักแปดส่วนแล้ว
แต่ที่สำคัญข้อหนึ่งคือ นางเป็นชู้รักของโอรสสวรรค์ พระองค์แม้มีข้อสงสัยอันใด นางก็แก้ตัวได้ว่า “พวกเหลียงซานรู้ว่าฝ่าบาทมักเสด็จมาที่นี่เป็นการส่วนพระองค์ จึงจงใจลักลอบเข้ามาก่อเหตุ” ก็บ่ายเบี่ยงไปได้
เที่ยวนี้ ผู้น้องจะนำเงินทองของมีค่ามากสักหน่อยเพื่อขออาศัยแฝงตัวในเรือนนาง ความสัมพันธ์ข้างหมอนนั้นเข้าใจกันได้ไว ผู้น้องสามารถผ่อนสั้นผ่อนยาว หาโอกาสอันเหมาะสม”
ซ่งเจียงว่า “น้องเราไปคราวนี้ ต้องแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่”
ไต้จงว่า “ผู้น้องขออาสาไปช่วยงานด้วยคน”
เสธ.เทวะจูอู่ว่า “เมื่อครั้งที่พี่ท่านโจมตีเมืองฮว่าโจว ได้เคยสร้างคุณประโยชน์ต่อซู่ไท่เว่ย 宿太尉 ท่านผู้นี้เป็นผู้มีจิตใจดีงาม หากได้ท่านคอยช่วยกราบทูลสนับสนุน คงบรรลุผลโดยราบรื่น”
ซ่งเจียงรำลึกถึงเทพทำนายของพระแม่เจ้าจิ่วเทียนเสวียนหนวี่ 九天玄女 ที่ว่า “พบซู่ดีหนักหนา 遇宿重重喜” คงหมายถึงคนผู้นี้ จึงเชิญเสธ.เหวินห้วนจางมายังหอธรรมภักดิ์
ซ่งเจียงถามว่า “นายท่านรู้จักท่านไท่เว่ยซู่หยวนจิ่ง 宿元景 หรือไม่”
เหวินห้วนจางว่า “ท่านเป็นเพื่อนนักเรียนของข้าน้อย ปัจจุบันเป็นที่วางพระทัยขององค์เหนือหัวรับใช้ใกล้ชิด เป็นคนโอบอ้อมอารีมีเมตตา ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความสุภาพอ่อนน้อม”
ซ่งเจียงว่า “ขอบอกนายท่านตามตรง พวกข้าสงสัยว่า เกาไท่เว่ยกลับเมืองหลวงไปแล้ว คงไม่ได้กราบทูลเรื่องนิรโทษกรรม ท่านซู่ไท่เว่ยนั้น ซ่งเจียงเคยได้พบอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อคราวไปคารวะขุนเขาที่ฮว่าโจว ครั้งนี้จึงคิดว่าจะส่งคนไปทาบทามให้ช่วยกราบทูลโอรสสวรรค์อีกแรง คงสำเร็จผล”
เหวินห้วนจางว่า “เมื่อท่านขุนพลมีประสงค์ดังนี้ ข้าน้อยจะช่วยเขียนหนังสือแนะนำให้แก่ท่าน”
ซ่งเจียงชอบใจยิ่งนัก ให้นำกระดาษและพู่กันมาให้ อีกด้านหนึ่งก็นำตำราเสวียนหนวี่ 玄女课 มาอธิษฐานต่อฟ้า จับยามได้คำทำนายว่าดีเลิศ จึงนำสุรามาดื่มส่งเอี้ยนชิง ไต้จงเดินทาง ให้นำเงินทองของมีค่าไปสองตะกร้าใหญ่ หนังสือแนะนำจากเสธ.เหวิน และเอกสารราชการประทับตราเมืองไคเฟิง ทั้งสองแต่งตัวเป็นข้าราชการ ไต้จงถือร่มสะพายห่อสัมภาระ เอี้ยนชิงใช้ไม้พลองน้ำไฟต่างไม้คานหาบตะกร้าทั้งสองใบ ลงเขาไปข้ามน้ำที่หาดทรายทอง เดินทางสู่ตงจิง
มาถึงตงจิง แทนที่จะเข้าเมืองประตูตามเส้นทาง ทั้งคู่วกไปเข้าทางประตูว่านโซ่ว 万寿门 ทหารเฝ้าประตูขวางไว้ เอี้ยนชิงวางหาบลงแล้วกล่าวด้วยภาษาท้องถิ่นว่า “ท่านมาขวางข้าไว้ไย”
ทหารว่า “เตี้ยนส้วยมีคำสั่งให้ทุกประตูตรวจตราคนเข้าออกให้จงดี เกรงว่าพวกเหลียงซานป๋อจะลักลอบเข้าเมือง”
เอี้ยนชิงหัวเราะแล้วว่า “ท่านก็รีบตรวจเสีย คนกันเองยังต้องตรวจ พวกข้าทำงานในเมืองไคเฟิงมาแต่เล็ก ประตูนี้ก็เข้าออกไม่รู้กี่หมื่นหน กลับมาตรวจ พวกเหลียงซานกลับปล่อยไปทั้งเห็นอยู่ทนโท่”
แล้วก็หยิบเอกสารราชการเมืองไคเฟิงปลอมจ่อหน้าให้ดู
“ดู นี่ใช่เอกสารราชการเมืองไคเฟิงหรือไม่”
หัวหน้ายามเฝ้าประตูตวาดมาว่า “ในเมื่อเป็นเอกสารราชการเมืองไคเฟิง จะมัวถามไปทำไม ปล่อยให้เข้าไป”
เอี้ยนชิงเก็บหนังสือ หาบตะกร้า ไต้จงยิ้มหยันๆ เดินเข้าเมืองไปหาโรงแรมที่พัก
วันรุ่งขึ้น เอี้ยนชิงเปลี่ยนชุดแต่งตัวเหมือนจางเสียนเมื่อครั้งก่อน คัดเอาแก้วแหวนเงินทองใส่ห่อผ้าแล้วบอกกับไต้จงว่า “พี่ท่าน วันนี้ผู้น้องจะเข้าไปทำธุระยังเรือนของหลี่ซือซือ หากความเกิดแตกขึ้นมา พี่ท่านรีบหนีไปโดยไว”
เอี้ยนชิงเดินตรงมายังเรือนของหลี่ซือซือซึ่งยังคงมีรั้วสลักและหน้าต่างสีเขียวประตูแดงเหมือนเช่นก่อนที่ถูกไฟไหม้ เอี้ยนชิงเลิกมูลี่ไม้ไผ่เดินเข้าทางด้านข้างได้กลิ่นกำยานหอมอบอวล เดินมายังห้องรับแขกส่วนหน้าเห็นภาพเขียนอันมีชื่อแขวนอยู่โดยรอบ ใต้ชายคามีกระถางต้นสนหินแปลกอยู่ราวสามสิบกระถาง ที่นั่งไม้หนานมู่สลัก 楠木 (ไม้ทรงคุณค่า) เบาะแพรปัก เอี้ยนชิงส่งเสียงกระแอมไอเบาๆ มีสาวใช้มาดูแล้วไปตามหลี่มามา 李妈妈 ออกมาพบ
พอเห็นหน้าเอี้ยนชิง หลี่มามาก็ตกใจกล่าวว่า “ท่านมาทำไมอีก”
เอี้ยนชิงว่า “เชิญแม่นางออกมาหน่อยเถิด ผู้น้อยมีเรื่องจะพูดด้วย”
หลี่มามาว่า “เมื่อคราวก่อน ท่านทำพวกเราเดือดร้อน เรือนไฟไหม้ ท่านมีอะไรก็ว่ามา”
เอี้ยนชิงว่า “ขอเพียงแม่นางออกมาพบ ข้าจึงจะบอก”
หลี่ซือซือยืนฟังอยู่หลังหน้าต่าง จึงก้าวออกมา
容貌似海棠滋晓露,腰肢如杨柳袅东风,
浑如阆苑琼姬,绝胜桂宫仙姊。
ไห่ถังงามยามอรุณแย้มแต้มน้ำค้าง
เอวบางอย่างหยางหลิ่วพลิ้วลมหวน
เทพีฉยงจีแดนสวรรค์ล่างย่วน
งามเย้ายวนยวดยิ่งเทพีวังจันทร์
(ล่างย่วน 阆苑 แดนสวรรค์ทางตะวันตก
ฉยงจี 琼姬 นามเทพธิดาผู้งดงามในแดนสวรรค์
กุ้ยกง 桂宫 นามวังบนดวงจันทร์)
หลี่ซือซือเยื้องย่างยังห้องรับแขก เอี้ยนชิงลุกขึ้นหยิบห่อผ้าวางลงบนโต๊ะ กราบคารวะหลี่มามาก่อนสี่กราบ แล้วจึงหันมาคารวะหลี่ซือซือสองคำนับ
หลี่ซือซืออิดเอื้อนว่า “อย่าเลย ข้าอายุยังน้อย มิควรรับคารวะ”
เอี้ยนชิงลุกขึ้นยืนกล่าวว่า “ครั้งก่อนทำให้ ต้องตื่นตระหนก พวกข้าน้อยไม่เป็นสุขยิ่ง”
หลี่ซือซือว่า “ท่านอย่าปิดบังข้า ตอนแรกท่านบอกว่าชื่อจางเสียน ส่วนอีกสองคนเป็นพ่อค้าซานตง ครั้งนั้นก่อเรื่องใหญ่ ข้าต้องหาข้อแก้ตัวต่อพระองค์ท่าน 官家 เอาตัวรอดมาได้ หากเป็นคนอื่น คงเดือดร้อนใหญ่แล้ว นายท่านผู้นั้นทิ้งบทกวีเอาไว้ มีตอนหนึ่งว่า
“六六雁行连八九,只等金鸡消息。
สามสิบหกห่านป่า ตามหลังมาเจ็ดสิบสอง
เฝ้ารอระกาทอง ขันขานข่าวเฝ้ายลยิน”
ตอนนั้นข้าก็มีข้อสงสัยใคร่ถาม แต่พระองค์ท่านเสด็จมาพอดี ต่อมาก็เกิดเรื่องขึ้น จึงไม่มีโอกาสได้ถาม ตอนนี้ท่านมาก็ดีแล้ว ช่วยไขปริศนาคาใจข้าที บอกความจริงมาอย่าได้ปิดบัง หากพูดไม่ชัดเจน ข้าจะไม่ละเว้น”
เอี้ยนชิงว่า “ผู้น้อยบอกความจริงไปแล้ว บุปผาราชินีท่านอย่าได้ตื่นตระหนก ผู้ที่มาคราวก่อน คนรูปร่างเตี้ยดำนั่งหัวโต๊ะก็คือ เรียกเป่าอี้ซ่งเจียง คนที่นั่งลำดับสองใบหน้าขาวไว้เคราสามแหยมคือ เชื้อพระวงศ์ไฉวงศ์ก่อนหน้า พายุหมุนน้อยไฉจิ้น คนที่แต่งเป็นข้าราชการยืนเฝ้าด้านหน้าคือ จอมเวทเทพเดินหนไต้จง คนที่ทุบตีหยางไท่เว่ยคือ พายุหมุนดำหลี่ขุย ส่วนผู้น้อยเป็นชาวเมืองเป่ยจิงต้าหมิง ได้ฉายาว่า คนเสเพลเอี้ยนชิง
ครั้งที่ท่านพี่มาเมืองกรุงขอพบแม่นางโดยให้ผู้น้อยปลอมตัวเป็นจางเสียนเข้ามายังเรือนท่านนั้น ท่านพี่ใคร่พบท่าน หาใช่เพื่อความบันเทิงเริงรมย์ไม่ แต่ทราบมาก่อนว่าท่านสนิทสนมกับองค์เหนือหัว 今上 จึงหวังจะได้มากราบทูลความนัยด้วยตนเอง ให้ทรงทราบถึงความตั้งใจที่จะขอผดุงธรรมแทนฟ้า ปกป้องชาติพิทักษ์ประชา ขอพระราชทานนิรโทษกรรมโดยไว มิให้ดวงจิตต้องทนทุกข์ หากเป็นได้ดังนี้แล้ว แม่นางก็คือผู้มีพระคุณอันมากล้นต่อชาวเหลียงซานนับหมื่น
ทุกวันนี้ ขุนนางชั่วกุมอำนาจ ขัดขวางให้ร้ายคนดี เบื้องบนมิอาจรู้เห็นทุกข์เข็ญของเบื้องล่าง จึงหวังจะใช้ช่องทางนี้ มิคาดว่าจะสร้างความเดือดร้อนแก่แม่นาง วันนี้ท่านพี่จึงให้นำสิ่งของเล็กน้อยเหล่านี้มาคารวะขออภัย”
เอี้ยนชิงเปิดห่อผ้าที่อยู่บนโต๊ะ ล้วนเป็นแก้วแหวนเงินทองของมีค่า หลี่มามาเห็นเงินตาโต ได้เห็นก็ชอบใจเรียกให้แม่นมมานำของไปเก็บขี้น แล้วเชิญเอี้ยนชิงมายังห้องรับแขกเล็ก จัดของว่างและน้ำชามารับรอง
เรือนหลี่ซือซือนี้ รู้กันว่า ฮ่องเต้มักเสด็จมาบ่อยครั้ง ทำให้พวกคุณชายผู้ลากมากดีไม่ค่อยกล้ามาเยือน
หลี่ซือซือจึงรับรองเอี้ยนชิงด้วยตัวเอง เอี้ยนชิงว่า
“ผู้น้อยนั้นสมควรตาย มิกล้าร่วมโต๊ะกับแม่นางบุปผาราชินี”
หลี่ซือซือว่า “อย่ากล่าวเช่นนั้น ท่านนับเป็นผู้กล้าที่เคยได้ยินชื่อมานาน พวกท่านเพียงแต่ขาดคนกลางที่ดีพอที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมาย ด้วยเหตุนี้จึงจำตกอับอยู่ในหนองน้ำ”
เอี้ยนชิงว่า
“ในครั้งแรก เฉินไท่เว่ยอัญเชิญพระราชโองการนิรโทษกรรม ข้อความในพระราชโองการนั้นดูหมิ่นเหยียดหยาม ทั้งยังมีผู้เปลี่ยนสุราพระราชทาน
ในครั้งที่สอง ตอนอ่านพระราชโองการ จงใจบิดเบือนความหมายของข้อความสำคัญ อ่านให้เข้าใจว่า “กำหนดโทษประหารซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้และพวกทั้งน้อยใหญ่นั้นเป็นอันยกเว้น” ด้วยเหตุนี้ พวกเราก็ยังคงไม่ยอมรับพระราชโองการ ถงซูมี่ยกทัพมาปราบ พ่ายแพ้ไปสองครั้งแทบไม่เหลือทหารกลับมา
ถัดมาคือเกาไท่เว่ยใช้ทัพเรือเข้าโจมตีสามครั้งเสียทหารไปกว่าครึ่ง ตัวเกาไท่เว่ยถูกจับเป็นขึ้นเขา ท่านพี่ไม่สังหารทั้งยังรับรองอย่างดีแล้วปล่อยตัวกลับเมืองหลวง เชลยก็ปล่อยกลับทั้งสิ้น ตอนอยู่บนเขา เกาไท่เว่ยรับปากเป็นมั่นเหมาะว่า เมื่อกลับมาถึงราชสำนักแล้วจะนำความขึ้นกราบทูลให้ทรงโปรดเรื่องนิรโทษกรรมอีกครั้ง
เพื่อการนี้จึงได้พาพวกเหลียงซานป๋อเรามาด้วยสองคน คนหนึ่งเป็นบัณฑิตชื่อเซียวย่าง อีกคนเก่งขับร้องชื่อเยว่เหอ แต่ดูแล้ว ตอนนี้คงถูกกักบริเวณอยู่ในบ้าน เรื่องแตกทัพเสียทหาร คงปิดบังโอรสสวรรค์”
หลี่ซือซือว่า “สิ้นเสบียงเสียทหารไปขนาดนี้ จะกล้าเพ็ดทูลได้อย่างไร เอาเป็นว่าข้าทราบเรื่องนี้แล้ว ดื่มต่อกันสักหน่อยเถิด แล้วค่อยหารือกัน”
เอี้ยนชิงว่า “ผู้น้อยคอไม่แข็งไม่อาจดื่มสุรา”
หลี่ซือซือว่า “ฝ่าลมหนาวมาไกล มาถึงที่นี่ก็ดื่มเสียหน่อยเถิด”
เอี้ยนชิงจึงคล้อยตามด้วยขัดไม่ได้
หลี่ซือซืออย่างไรเสียก็เป็นนางคณิกา อารมณ์เปลี่ยนผันไม่มั่นคงเช่นสายน้ำ เห็นเอี้ยนชิงคารมคมคายช่างเจรจา ลักษณะท่าทางก็ต้องตา จึงมีใจปฏิพัทธ์ ระหว่างดื่มก็กล่าวคำพูดแฝงนัย ดื่มไปก็ใช้วาจายั่วยวน เอี้ยนชิงเป็นผู้มีปฏิภาณย่อมรู้เท่าทันในที แต่ตระหนักดีถึงภาระที่มี เกรงจะเสียการจึงมิอาจสนอง
หลี่ซือซือว่า “เคยฟังมาว่าท่านพี่เชี่ยวชาญดนตรี ขับกล่อมระหว่างดื่ม ใคร่ได้เปิดหู”
เอี้ยนชิงว่า “ผู้น้อยพอเป็นอยู่บ้าง แต่เกรงจะทำขายหน้าต่อหน้าแม่นาง”
หลี่ซือซือว่า “ข้าจะบรรเลงให้ท่านพี่ฟังก่อนสักเพลง”
แล้วจึงบอกสาวใช้ให้นำขลุ่ยมาให้
สาวใช้หยิบขลุ่ยแถว 凤箫 ออกมาจากซองแพร นางรับมาเป่าบรรเลงเพลงไพเราะเสนาะแทรกผาและฟ้าใส เอี้ยนชิงชื่นชมมิรู้หน่าย
หลี่ซือซือเป่าจบเพลงก็ส่งขลุ่ยต่อให้เอี้ยนชิงแล้วว่า “ท่านพี่เป่าให้ข้าฟังบ้างสักเพลง”
เอี้ยนชิงใคร่เอาใจนางจึงรับขลุ่ยมาเป่าบ้างซึ่งนางก็ชมมิขาดปาก
หลี่ซือซือนำพิณหย่วน 阮 มาดีดคลอเสียงร้องเพลงเจื้อยแจ้วเหมือนหมู่วิหคประสานเสียง เอี้ยนชิงขอบคุณแล้วขับร้องตอบบ้าง นางชูจอกดื่มขอบคุณ แล้วกระแอมไอเบาเบาเปี่ยมจริต เอี้ยนชิงจำก้มหน้านิ่ง
ดื่มกันต่ออีกสักพัก หลี่ซือซือหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ฟังมาว่าท่านพี่มีรอยสักที่งามนัก ใคร่ขอชมได้หรือไม่”
เอี้ยนชิงว่า “ร่างผู้น้อยนี้แม้จะมีรอยสัก แต่มิบังอาจเปลือยร่างต่อหน้าแม่นาง”
หลี่ซือซือว่า “เป็นผู้ชื่นชมความงามในรอยสัก หาใช่เพียงขอให้เปลือยร่าง”
นางเฝ้ารบเร้าอยู่หลายครา เอี้ยนชิงจึงจำเปิดไหล่เสื้อให้นางชม หลี่ซือซือยินดียิ่ง ใช้นิ้วเรียวงามปานหยกลูบไล้ไปตามเรือนร่าง เอี้ยนชิงรีบสวมเสื้อกลับ
หลี่ซือซือชูจอกชวนเอี้ยนชิงดื่ม แล้วใช้วาจาหว่านเสน่ห์ เอี้ยนชิงเกรงว่า หากปล่อยให้นางทำเช่นนี้ต่อไป คงพลาดพลั้งเข้าเป็นแน่ จึงคิดได้อุบายหนึ่ง
เอี้ยนชิงถามว่า “แม่นางปีนี้อายุเท่าไร”
หลี่ซือซือตอบว่า “ซือซือปีนี้ยี่สิบเจ็ด”
เอี้ยนชิงว่า “ผู้น้อยปีนี้ยี่สิบห้า น้อยกว่าสองปี หากแม่นางเอ็นดู ใคร่ขอกราบท่านเป็นพี่สาว”
เอี้ยนชิงลุกขึ้น แล้วก้มกราบคารวะแปดกราบ แปดกราบนี้นับว่าโค่นขุนเขาหักเสาค้ำฟ้า ยั้งใจนาง เพื่องานใหญ่ มิเช่นนั้นแล้ว กลางบรรยากาศร่ำสุราอาจพาใจเตลิด เอี้ยนชิงนับว่าจิตใจแกร่งดุจหินดังเหล็ก เอี้ยนชิงยังเชิญหลี่มามา รับการกราบคารวะเป็นแม่บุญธรรม จากนั้นเอี้ยนชิงก็กล่าวอำลา
หลี่ซือซือว่า “น้องเราก็พักที่บ้านนี่แหละ อย่าไปพักโรงแรมเลย”
เอี้ยนชิงว่า “ผู้น้อยขอไปเก็บของที่โรงแรมแล้วย้ายมา”
หลี่ซือซือว่า “อย่าให้ทางนี้รอเก้อเล่า”
เอี้ยนชิงว่า “โรงแรมอยู่ไม่ไกล เพียงครู่ก็กลับมา”
ตอนก่อนหน้า : เกาฉิวแตกทัพ
ตอนถัดไป : เอี้ยนชิงลอบเข้าเฝ้ายามราตรี

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา