3 ม.ค. เวลา 03:00 • ประวัติศาสตร์
จีน

ประเทศจีน ตอนที่ 12 ปูยี จักรพรรดิผู้น่าสงสาร

ประเทศจีนมีอารยธรรมยาวนานมากถึง 5,000 ปี ซึ่งมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์และมีการปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาตลอดในระยะเวลามากกว่า 2,000 ปี โดยมีจักรพรรดิปกครองประเทศมากกว่า 300 พระองค์ และสำหรับจักรพรรดิพระองค์สุดท้ายของแผ่นดินจีนนั้น
1
ผมเชื่อว่า.. ท่านผู้อ่านส่วนใหญ่หลายๆ ท่านก็คงจะเคยรู้เรื่องราวของพระองค์ผ่านจากหนังที่มีชื่อว่า “The Last Emperor“ ชื่อไทยคือ.. จักรพรรดิโลกไม่ลืม ทรงมีพระนามว่า “ จักรพรรดิปูยี” ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์มากถึง 9 สาขาเลยทีเดียว
1
จักรพรรดิปูยีนั้นมีนัยยะสำคัญอย่างไรกันบ้าง? บอกตรงๆเลยก็คือ.. เป็นจักรพรรดิหุ่นเชิดที่พระนางซูสีไทเฮา ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการในช่วงปลายราชวงศ์ต้าชิง ได้มีการแต่งตั้งให้ขึ้นมาเป็นพระจักรพรรดิเพื่อรักษาอำนาจของตนเองไว้
ปูยีขณะมีอายุได้ 3 ปี (ขวาสุด) ยืนถัดจากฉุนชินหวังพระบิดาและผู่เจี๋ยพระอนุชา
แต่ทว่าพระนางก็ได้สิ้นพระชนม์ลงเสียก่อน ในตอนที่จักรพรรดิปูยี ขึ้นครองราชย์ทรงมีพระชนมายุเพียงแค่ 3 ชันษาเท่านั้นเอง และทรงเป็น “ยุวจักรพรรดิ“ ที่อายุน้อยที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ หลังจากที่ครองราชย์มาได้ 3 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1908 ถึง ค.ศ. 1911 ประเทศจีนก็เริ่มต้น มีการเปลี่ยนแปลงจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบสาธารณรัฐ
2
และในกรอบเวลาดังกล่าวนี้.. หากเทียบกับประวัติศาสตร์ทางฝั่งยุโรปโดยเฉพาะกับอังกฤษกันบ้างนั้น ก็จะตรงกับปีที่มีการเปลี่ยนผ่านจากยุคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษคือ.. “ยุคพระนางวิคตอเรีย” ไปสู่ยุคของ.. พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 เพียง 3 ปี (ปี ค.ศ.1914)
1
ที่นี้ เราก็กลับมาที่ “ยุวจักรพรรดิ“ กันครับ ซึ่ง ณ เวลานั้น มีความผันผวนเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่ภายนอกพระราชวังต้องห้ามมากพอสมควร เราลองจินตนาการดูนะครับ จากเด็ก 3 ขวบได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ และพออายุ 6 ขวบ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองแบบใหม่
ภาพจากหนังเรื่อง The Last Emperor และภาพ เรจินัลด์ จอห์นสตัน (ซ้าย) กับ ปูยีตอนหนุ่ม
เชื่อไหมว่า ”เจ้าตัวไม่รู้เรื่องเลยว่า.. โลกใบนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ทรงรู้เพียงว่า.. ต้องอยู่ภายในพระราชวังต้องห้ามนี้เท่านั้น ออกไปข้างนอกไม่ได้“ แต่ยังทรงโชคดีที่มีโอกาสได้เรียนหนังสือกับพระอาจารย์ชาวสกอตแลนด์ จึงทำให้ทรงมีความรู้ในเรื่องราวต่างๆ ของโลกภายนอกได้เยอะพอสมควร ยกเว้นเรื่องที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นในประเทศของตัวเอง
1
จอห์นสตันพระอาจารย์ชาวอังกฤษ : “ถ้าเราไม่สามารถพูดสิ่งที่ตั้งใจไว้ได้
เราก็ไม่มีทางทำในสิ่งที่เราพูดไว้ได้ และสุภาพบุรุษควรทำในสิ่งที่พูดไว้เสมอ”
พระจักรพรรดิปูยี : “เราไม่ใช่สุภาพบุรุษเพราะเราพูดในสิ่งที่เราตั้งใจไว้ไม่ได้
พวกเขาให้เราพูดตามที่บอก”
หนึ่งในบทสนทนาระหว่างจอห์นสตันกับพระจักรพรรดิปูยี
3
และก็เฝ้าถามว่า.. ทำไมตัวเองถึงออกไปนอกพระราชวังไม่ได้ จนกระทั่งวันหนึ่งด้วยความที่ยังทรงพระเยาว์ ก็ปีนกำแพงวังเล่น ทรงชะโงกหน้าออกไปดูที่นอกกำแพงพระราชวังปักกิ่งที่เป็นบ้านของตัวเอง ทรงมองเห็นภาพข้างนอก มองเห็นแผ่นดินที่ใครๆ ต่างก็บอกว่า.. ทรงเป็นพระจักรพรรดิ ปกครองแผ่นดินนี้ อยู่นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร และก็ปรากฏว่า เห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนรถฝรั่ง มีทหารแวดล้อมมากมาย ลักษณะคล้ายๆ กับเป็นจอมพลฝรั่ง ทรงถามข้าราชบริพารว่า..ชายคนนี้เป็นใครกัน ทำไม?? นั่งรถคันใหญ่มากเลย แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ
2
จนในที่สุดแล้ว ก็ทรงทราบว่า คนคนนั้นก็คือ.. ” ประธานาธิบดีหยวนซื่อไข่ “ ของจีนในขณะนั้น ความสงสัย ผสมกับความสับสน ก็เกิดขึ้นทรงเริ่มตั้งคำถามว่า.. ตกลงแล้ว พระองค์เป็นฮ่องเต้เป็นจักรพรรดิ แล้วทำไมถึงต้องมีตำแหน่งประมุขแห่งรัฐ อย่าง หยวนซื่อไข่ ขึ้นมาด้วยล่ะ
1
ประธานาธิบดีหยวนซื่อไข่
หลังจากนั้น ความสับสน ความสงสัย ก็เริ่มทวีมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งท้ายที่สุดแล้ว พระองค์ก็ทรงจะเริ่มเข้าใจ ทรงหาคำตอบได้แล้วว่า ”ทรงเป็นพระจักรพรรดิตามฐานันดรเท่านั้น“ และพระองค์ถูกกักบริเวณเอาไว้ให้อยู่เพียงแค่ภายในราชวังต้องห้าม หรือพระราชวังปักกิ่งเท่านั้นเอง
1
แต่แน่นอนว่าในช่วงเวลาดังกล่าว ถ้าเรามองดู ในปี ค.ศ.1908 จนกระทั่งถึง ค.ศ. 1911 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการครองราชย์อยู่ รวมถึงช่วงที่ถูกกักบริเวณ ในพระราชวังปักกิ่งนั้น เป็นช่วงเวลาที่โลกในช่วงนั้น เกิดความสับสนวุ่นวายพอสมควร ผมเอาเฉพาะเอเชียกันก่อน ในเอเชีย เกิดมหาอำนาจขั้วใหม่ขึ้นมาและนั้นก็คือญี่ปุ่น
1
ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ญี่ปุ่นสามารถมีอำนาจที่แข็งแกร่งมาก ญี่ปุ่นสามารถเอาชนะสงครามกับรัสเซีย หลายคนอาจจะงงญี่ปุ่นกับรัสเซียมันติดกันหรือ มีส่วนที่ติดกันอยู่ แล้วก็สามารถที่จะรบจนได้รับชัยชนะเป็นที่เรียบร้อย ญี่ปุ่นเองคิดแบบนี้ เราคงจะไม่ได้มีการจำกัดอำนาจอยู่แต่เพียงแค่พื้นที่บริเวณดังกล่าว เราต้องการจีน และพื้นที่แรกที่ญี่ปุ่นเข้าไปในช่วงที่จีนมีความอลเวง
2
แผนที่แสดงที่ตั้งของมณฑลเฮย์หลงเจียง
โดยญี่ปุ่นเข้าไปบุกยึดพื้นที่ทางตอนเหนือของจีน ก็คือมณฑลเฮย์หลงเจียงในปัจจุบัน ถามว่าอยู่ที่ไหน ถ้าท่านไปดูแผนที่ท่านจะพบว่ามีเกาหลีใต้ เกาหลีเหนือ ถัดขึ้นไปก็คือมณฑลเฮย์หลงเจียงนั่นเอง ทำไมญี่ปุ่นจะต้องเข้าไปที่เฮย์หลงเจียง สาเหตุเพราะว่า ญี่ปุ่นนั้นต้องการที่จะได้น้ำมันและถ่านหินเพื่อที่ใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมของตัวเอง
1
แต่การที่ตัวเองจะบุกเข้าไปที่แมนจูเรียหรือว่าเฮย์หลงเจียง ซึ่งเป็นบริเวณเดิมของแมนจูแบบดื้อๆคงน่าเกลียด เอาอย่างนี้ เราเข้าไปทำสัญญาและข้อตกลงกับจักรพรรดิ ซึ่ง ณ เวลานั้น ไม่มีบัลลังก์อยู่แล้ว บอกแบบนี้ ท่านมาเป็นจักรพรรดิของแมนจูกัว หลายคนถามว่าแมนจูกัวคืออะไร ก็คือพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุดของจีน
1
ตอนนี้เราขออัญเชิญพระองค์มาเป็นจักรพรรดิของแมนจูกัว ว่าง่ายๆก็ยังคงเป็นจักรพรรดิหุ่นเชิด โดยที่ญี่ปุ่นเองก็สามารถที่จะเข้าไปยังพื้นที่แล้วก็ สามารถที่จะเอาทรัพยากรธรรมชาตินั้นๆมาใช้ได้อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับจักรวรรดิญี่ปุ่น ณ เวลานั้นกันด้วย แน่นอนว่าในช่วงเวลานี้ ญี่ปุ่นมีการขยายอำนาจอย่างใหญ่โตก็จริง มีการประกาศมหาสงครามเอเชียบูรพา ก็คือจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
1
ไอซินเจว๋หลัว ปูยี ในฐานะจักรพรรดิคังเต๋อแห่งแมนจู กับ ราชบัลลังก์ของจักรพรรดิแมนจูกัว ค.ศ. 1937
แต่ท้ายที่สุดญี่ปุ่นก็พ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 สถานภาพของจักรพรรดิแห่งแมนจูกัว ซึ่งเป็นแค่ส่วนหนึ่งของจีนเท่านั้นเอง เพราะจีน ณ เวลานั้น กลายเป็นสาธารณรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในช่วงนี้สถานภาพของปูยี เริ่มไม่มั่นคงหลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ไปเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว จีนเองเริ่มกลับมามีอำนาจฟื้นตัว ปลอดจากการครอบงำของญี่ปุ่น
1
มหาอำนาจฝ่ายสัมพันธมิตรเอง ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษก็ดี อเมริกาเอง ฝรั่งเศสก็ดี เริ่มต้นที่จะเข้ามาดำเนินคดีในเรื่องของอาชญากรสงครามกับญี่ปุ่นด้วย ซึ่งรวมถึงอดีตจักรพรรดิปูยีเอง ก็ถูกนำตัวไปขึ้นศาลในฐานะที่เป็นอาชญากรสงคราม ถือว่าเป็นผู้ที่สมรู้ร่วมคิดกับจักรวรรดิญี่ปุ่น เพราะว่าญี่ปุ่นได้มีการแต่งตั้งจักรพรรดิปูยีขึ้นเป็นจักรพรรดิของแมนจูกัว
1
คือช่วงนั้นถ้าหากว่าเราไปดูทางประวัติศาสตร์แล้วเนี่ย ชัดเจนเลยว่าคนจีนเองมีความรู้สึกว่า "จักรพรรดิปูยีทรยศต่อชาติพันธุ์ของตัวเอง" ด้วยการไปเข้ากับพวกญี่ปุ่นเพียงเพราะต้องการที่จะเป็นประมุขของพื้นที่เล็กๆที่มีชื่อว่าแมนจูกัว
2
ภาพของ เหมา เจ๋อตง  ปี ค.ศ. 1959
แต่ถ้ามองกันจริงๆก็ต้องบอกว่า พระองค์เองเติบโตขึ้นมาอยู่ในวัง โดยที่อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบริบทโลกเกิดอะไรขึ้น เรามองประวัติศาสตร์ตอนนี้ในยุคที่มีอินเตอร์เน็ตไปแล้ว สามารถสืบค้นประวัติศาสตร์ได้ ก็น่าจะสามารถเข้าใจได้ แต่ ณ เวลานั้นปูยีเองเหมือนกับเป็น หุ่นเชิดทางการเมืองของมหาอำนาจหลายขั้วด้วยกัน
1
หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1949 จีนได้มีการเปลี่ยนแปลง หลังจากสงครามกลางเมือง ซึ่งฝ่ายสาธารณรัฐ โดยก๊กมินตั๋งรบกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ แล้วก็จบลงด้วยชัยชนะของพรรคคอมมิวนิสต์นำโดยเหมาเจ๋อตุง
1
แน่นอนที่สุดว่าการกลับไปเพื่อสืบสวน สอบสวนและการควบคุมตัวอดีตจักรพรรดิปูยีหรือจักรพรรดิองค์สุดท้ายนั่นจึงเป็นกระบวนการที่ถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ด้วย ทางด้านจักรพรรดิปูยี ยืนยันมาตลอดบอกว่าตัวเองไม่ใช่หุ่นเชิด แต่ยังไงก็ตามเมื่อไปดูหลักฐานทั้งหลายทั้งปวงแล้วก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า
ภาพของ ไอซินเจว๋หลัว ปูยี ซึ่งขณะนั้นมีหน้าที่ทำสวนของพระราชวังต้องห้าม
พระองค์ก็คือกลไกหนึ่ง ของการที่ทำให้ญี่ปุ่น บุกเข้าไปสู่จีนและไปตักตวงทรัพยากรมหาศาลได้ ปูยีนั้นก็ดำรงพระชนม์ชีพหรือว่าดำรงชีวิตในฐานะของ นายไอซินเจว๋หลัว ปูยี มาเรื่อยๆ
1
ซึ่งภายหลังเองทางด้านทางการจีน ค่อนข้างจะปล่อยให้มีอิสรภาพเพิ่มมากขึ้น จะเห็นว่ามีฟิล์มภาพ เช่น ฟิล์มการท่องเที่ยวพระราชวังปักกิ่ง แล้วก็จะมีจักรพรรดิปูยี ซึ่ง ณ เวลานั้นได้รับการผ่อนปรนจากการควบคุมตัวไปบ้างแล้ว
มาเป็นผู้ที่ช่วยประชาสัมพันธ์เรื่องของสถานที่หรือว่าโบราณสถานของจีนกันด้วย แต่ว่าท้ายที่สุดก็ต้องเสียชีวิตไปในช่วงเวลา 1 ปี หลังจากที่มีการปฏิวัติวัฒนธรรม ซึ่งก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของจีนอีกครั้งหนึ่ง และนี่แหละคือประวัติโดยย่อของจักรพรรดิองค์สุดท้าย The Last Emperor หรือ ไอซินเจว๋หลัว ปูยี
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference ประเทศจีน ตอนที่ 12 ปูยี จักรพรรดิผู้น่าสงสาร

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา