ขุนโจรเหลียงซาน 193 หลั่งน้ำตาประหารพล
ซ่งเจียงกลับจากเหลียงซานถึงเมืองหลวง จึงให้เอี้ยนชิงไปแจ้งแก่ซู่ไท่เว่ยว่าพวกตนพร้อมแล้วที่จะยกทัพไปปราบเหลียว ซู่ไท่เว่ยนำความกราบทูลองค์โอรสสวรรค์ แล้วนำเหล่าซ่งเจียงเข้าเฝ้า ณ ตำหนักหวู่อิง 武英殿 ในวันรุ่งขึ้น
โอรสสวรรค์พระราชทานสุราและโอวาทว่า “พวกเจ้าจงเร่งเดินทางอย่าได้รอช้า ชำนะศึกเหลียวกลับมาโดยไว เจิ้นจะอวยยศและรางวัลให้อย่างสาสม” แล้วทรงพระราชทานเกาทัณฑ์ลายทอง ดาบอาญาสิทธิ์ ม้าและอานทรงเครื่องหนึ่งชุดแก่ซ่งเจียง เหล่าซ่งเจียงถวายบังคมลา
วันรุ่งขึ้น ซ่งฮุยจงฮ่องเต้ให้ซู่ไท่เว่ยไปกำกับสำนักราชเลขาที่สถานีสะพานเฉินเฉียว 陈桥驿 แจกจ่ายสิ่งของพระราชทานให้แก่เหล่าทหารที่จะไปทัพกับซ่งเจียงเป็นสุราคนละหนึ่งขวด เนื้อคนละหนึ่งชั่ง จัดเตรียมแล้วให้ข้าหลวงสองนายคุมบ่าวไปทำหน้าที่แจกจ่าย
ทางด้านซ่งเจียงปรึกษากับเสธ.อู๋ย่งแล้ว ให้จัดทัพแยกเป็นทัพบกและทัพเรือ ทัพบกให้ห้าขุนพลพยัคฆ์แปดขุนพลอ้ศวินนำทัพหน้าออกเดินทางก่อน สิบขุนพลสมิงนำทัพหลัง ซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้ อู๋ย่ง กงซุนเสิ้งนำทัพหลวง ทางด้านทัพเรือให้สามหย่วน หลี่จวิ้น จางเหิง จางซุ่น เป็นแม่ทัพนำถงเวย ถงเหมิ่ง เมิ่งคัง หวางติ้งลิ่ว และเหล่าทหารเรือนำเรือรบแล่นไปตามลำน้ำไฉ้เหอ 蔡河 เข้าสู่ลำน้ำหวงเหอ 黄河 แล้วแล่นตามลำน้ำไปทางทิศเหนือ
ซ่งเจียงให้กองทัพเดินทัพไปทางสถานีสะพานเฉินเฉียว 陈桥驿 เพื่อแวะรับสิ่งของพระราชทาน ระหว่างทางอย่าได้สร้างความเดือดร้อนรบกวนชาวบ้าน
招摇旌旆出天京，受命专师事远征。
请看梁山军纪律，何如太尉御营兵。
ธงทิวพลิ้วลิ่วระลอกออกจากกรุง
รับบัญชามุ่งแดนไกลไปปราบศึก
ทัพเหลียงซานคงวินัยห้าวเหิมฮึก
หายึกยักยอบแยบแบบทัพไท่เว่ย
พวกข้าหลวงที่มาทำหน้าที่แจกจ่ายสิ่งของพระราชทานที่เฉินเฉียวนี้ เคยยักยอกเบียดบังจนเคยตัว สุราพระราชทานหนึ่งขวดก็ยักยอกเสียครึ่งขวด เนื้อหนึ่งชั่งยักยอกเสียหกตำลึง (สิบหกตำลึงเป็นหนึ่งชั่ง) เหล่าทหารทยอยมารับสิ่งของพระราชทานไป ต่างได้ไม่ครบ จนกระทั่งมาถึงหน่วยทหารดำ ชุดเกราะและหมวกศึกล้วนเป็นสีดำ ภายใต้บังคับบัญชาของเซี่ยงชง หลีกุ่น มีพลทหารนายหนึ่งรับของพระราชทานแล้วเห็นมีสุราเพียงครึ่งขวด เนื้อเพียงสิบตำลึงจึงเอานิ้วชี้หน้าด่าข้าหลวงที่มาแจกของว่า
“เจ้าพวกขี้ฉ้อเบียดบังน้ำพระทัยราชสำนัก”
พวกข้าหลวงตวาดว่า “ข้าฉ้อโกงตรงไหน”
พลทหารว่า “ฮ่องเต้พระราชทานสุราหนึ่งขวด เนื้อหนึ่งชั่ง พวกเจ้ายักยอกเสียอย่างไร้ยางอาย ลักทรัพย์ต่อหน้าพระพุทธ 佛面刮金”
ข้าหลวงด่าว่า “บังอาจ ไอ้พวกโจรฆ่าไม่รู้จักหมด ไอ้พวกขบถเหลียงซาน สันดานไม่เคยเปลี่ยน”
พลทหารโกรธจัด เอาเหล้ากับเนื้อขว้างใส่หน้า
ข้าหลวงตวาดว่า “จับตัวไอ้โจรชั่ว”
พลทหารชักดาบมาถือไว้
ข้าหลวงชี้นิ้วด่าว่า “ไอ้โจรไพร่โสโครก ชักดาบจะฆ่าใคร”
พลทหารว่า “ตอนข้าอยู่เหลียงซาน เก่งกว่าเอ็งกี่เท่าก็ฆ่าทิ้งไปเป็นพันเป็นหมื่น นับประสาอะไรกับไอ้พวกนกเขาอย่างเอ็ง”
ข้าหลวงว่า “กล้าฆ่าข้าหรือ”
พลทหารสาวเท้าเข้าไปใช้ดาบฟันใส่แสกหน้า คนรอบข้างต่างตกตะลึง พลทหารฟันซ้ำไปอีกหลายทีจนแน่ใจว่าตายแน่
เซี่ยงชง หลีกุ่นรีบมารายงานซ่งเจียง ซ่งเจียงตกใจให้ตามอู๋ย่งมาปรึกษา
อู๋ย่งว่า “พวกข้าราชสำนักไม่ค่อยพอใจพวกเรานัก มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น สบช่องของพวกเขา จำต้องสั่งประหารพลทหารผู้นั้น แล้วแจ้งยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยั้งทัพรออาญา ให้ไต้จง เอี้ยนชิงรีบไปเรียนท่านซู่ไท่เว่ยให้ช่วยเพ็ดทูลก่อนที่ทางหน่วยงานจะถวายรายงาน คงจะไม่เป็นเรื่องใหญ่”
ซ่งเจียงรีบมายังสถานีเฉินเฉียวด้วยตัวเอง เห็นพลทหารผู้นั้นยังยืนนิ่งอยู่ข้างศพ ซ่งเจียงสั่งการให้ทำการแจกจ่ายสุราและเนื้อพระราชทานแก่เหล่าทหารต่อ แล้วเรียกตัวพลทหารผู้นั้นมาเข้าพบแล้วถามต้นสายปลายเหตุ
พลทหารผู้นั้นว่า “คนผู้นั้นคำก็ด่า สองคำก็ด่าว่าพวกโจรขบถเหลียงซาน ฆ่าไม่รู้จักหมด ข้าจึงโมโหฆ่าเขาเสีย แล้วรอท่านแม่ทัพมาลงโทษ”
ซ่งเจียงว่า “เขาเป็นขุนนางราชสำนัก ข้าเองไม่ได้กลัวอะไรเขา แต่ที่เจ้าฆ่าเขาเสียนั้น สร้างความเสียหายให้แก่เหล่าพี่น้องเรา ข้าเพิ่งรับพระบัญชาแรกให้ยกทัพไปปราบเหลียว ยังไม่ทันได้สร้างผลงานใด มาเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ควรเป็นเช่นไร”
พลทหารผู้นั้นคุกเข่าคำนับยอมรับโทษตาย
ซ่งเจียงหลั่งน้ำตากล่าวว่า “นับแต่ข้าขึ้นเขาเหลียงซาน ไม่เคยคิดฆ่าพี่น้องทั้งน้อยใหญ่ มาวันนี้ได้มาเป็นขุนนางรับหน้าที่ ต้องเคร่งครัดในวินัย ตัวเจ้านั้นเคยก้าวร้าวมาแต่ก่อน จึงยังไม่อาจเปลี่ยนนิสัยได้โดยพลัน”
พลทหารผู้นั้นว่า “ผู้น้อยยอมรับโทษประหาร”
ซ่งเจียงมอบเหล้าให้พลทหารผู้นั้นดื่มจนเมามาย แล้วให้นำตัวไปรัดคอจนตายใต้ต้นไม้ใหญ่ จากนั้นจึงค่อยตัดหัวมาส่ง ศพของข้าหลวงที่ถูกฆ่าให้บรรจุโลงแล้วทำหนังสือกำกับส่งไปยังสำนักราชเลขา
ทางด้านไต้จง เอี้ยนชิงรีบเข้าเมืองมุ่งตรงไปยังจวนซู่ไท่เว่ยรายงานเรื่องราวให้ทราบโดยละเอียด ซู่ไท่เว่ยรีบเข้าเฝ้าเพ็ดทูลในเย็นวันนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น ฮ่องเต้เสด็จออกว่าราชการยังท้องพระโรงตำหนักเหวินเต๋อ สำนักราชเลขากราบทูลเรื่องทหารของซ่งเจียงสังหารข้าหลวงที่ไปทำหน้าที่แจกจ่ายสุราและเนื้อพระราชทาน ฮ่องเต้ทรงบริภาษว่า
“ข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบสาเหตุแล้ว เป็นเพราะพวกเจ้าแอบยักยอกสุราพระราชทานเสียครึ่งขวด เนื้อหนึ่งชั่งเหลือเพียงสิบตำลึง จนทำให้ทหารบันดาลโทสะ เกิดเสียเลือดเนื้อขึ้น”
แล้วทรงตวาดถามว่า “ผู้กระทำผิดอยู่ที่ใด”
ข้าหลวงสำนักราชเลขาว่า “ซ่งเจียงได้ประหารผู้กระทำผิดเสียแล้ว รายงานมายังสำนัก บัดนี้ยั้งทัพรอพระราชอาญา”
โอรสสวรรค์ตรัสว่า “ในเมื่อประหารผู้กระทำผิดไปแล้ว ซ่งเจียงหาต้องรับอาญาโทษอันใด ให้บันทึกเหตุเอาไว้ ชำนะศึกปราบเหลียวแล้วจึงพิจารณาบำเหน็จรางวัล”
จากนั้นจึงให้คนไปเร่งรัดซ่งเจียงให้เดินทัพ ส่วนศีรษะผู้กระทำผิดให้เสียบประจานไว้ที่เฉินเฉียวอี้
ทางด้านซ่งเจียงรับพระบัญชาแล้วจึงเร่งเดินทัพขึ้นเหนือ เดินทัพเฉลี่ยวันละหกสิบลี้ จนใกล้ชายแดนเมืองเหลียวจึงปรึกษากับเสธ.อู๋ย่งว่า
“ทหารเหลียวส่งกำลังมารุกรานชายแดนเราหลายเส้นทาง ควรส่งทหารไปขับไล่อย่างไร หรือควรยกทัพเข้าตีเมือง”
อู๋ย่งว่า “พื้นที่กว้างขวางกำลังคนน้อย หากส่งทหารแยกย้ายกันไป อาจหนุนช่วยกันไม่ทั่วถึง มิสู้เข้าตีเมืองสักสองสามแห่ง พวกเขาย่อมต้องถอนกำลังกลับไปป้องกัน”
ซ่งเจียงจึงตามต้วนจิ่งจู้มาพบแล้วว่า “ท่านคุ้นเคยกับเส้นทางสายเหนือนี้ดี คงนำทางกองทัพได้ ข้างหน้านี้มีเมืองใด”
ต้วนจิ่งจู้ว่า “ข้างหน้านี้คือเมืองถานโจว 檀州 เป็นปากทางสำคัญเข้าสู่รัฐเหลียว มีเส้นทางน้ำเข้าถึง ร่องน้ำสาขาก็ลึก เรียกว่าลำน้ำลู่ 潞水 ล้อมเมืองอยู่โดยรอบ ไหลไปออกแม่น้ำเว่ย 渭河 สามารถใช้ทัพเรือเข้าตีได้ หากเข้าตีพร้อมกันทั้งทางบกทางน้ำ คงยึดเมืองได้”
ซ่งเจียงจึงให้ไต้จงไปตามพวกหลี่จวิ้นให้เร่งทัพเรือขึ้นมาโดยไว
ทางฝ่ายเมืองถานโจวแห่งรัฐเหลียว มีต้งเซียนสื้อหลาง 洞仙侍郎 เป็นเจ้าเมือง มีขุนพลใต้บังคับบัญชาสี่นายมีชื่อว่า อาหลี่ฉี 阿里奇 เหย่าเอ๋อเหวยคัง 咬儿惟康 ฉู่หมิงวี่ 楚明玉 และ เฉาหมิงจี้ 曹明济 ล้วนเป็นขุนพลผู้ห้าวหาญ รู้ข่าวทัพซ่งยกมาประชิดเมืองจึงถวายรายงานไปยังประมุขหลางจู่ 郎主 ด้านหนึ่งส่งสารขอความช่วยเหลือไปยังหัวเมืองข้างเคียงมี จี้โจว 蓟州 ป้าโจว 霸州 จวอโจว 涿州 สยงโจว 雄州 อีกด้านหนึ่งจัดแจงกำลังป้องกันเมือง ให้อาหลี่ฉี ฉู่หมิงวี่นำทัพออกรับศึก
ทางด้านทัพต้าซ่ง ง้าวใหญ่กวนเสิ้งนำทัพหน้าเข้าสู่อำเภอมี่หยุน 密云县 เขตแดนเหลียว นายอำภอมี่หยุนรีบรายงานไปยังขุนพลทั้งสองว่า “กองทัพซ่งที่รุกแดนมา ธงประจำทัพสำแดงว่าเป็นทัพของซ่งเจียงแห่งเหลียงซานผู้สวามิภักดิ์ใหม่”
อาหลี่ฉีฟังรายงานแล้วหัวเราะว่า “ที่แท้แค่พวกโจร มีอะไรจะต้องกลัว”
แล้วจึงสั่งให้ทหารเดินทัพมาตั้งค่ายประชิด เตรียมออกรบทัพซ่งเจียง
วันรุ่งขึ้น ซ่งเจียงรู้ว่าทัพศัตรูมาประชิด จึงสั่งการให้ยกออกรบเบิกฤกษ์และกำชับว่าอย่าให้พ่ายเสียเชิง ซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้ นำทัพสังเกตเห็นทัพฝ่ายตรงข้ามชูธงอินทรีดำ ตัวแม่ทัพขี่ม้านำหน้า
戴一顶三叉紫金冠，冠口内拴两根雉尾。
穿一领衬甲白罗袍，袍背上绣三个凤凰。
披一副连环镔铁铠，系一条嵌宝狮蛮带，
著一对云根鹰爪靴，挂一条护项销金帕，
带一张鹊画铁胎弓，悬一壶雕翎鈚子箭。
手掿梨花点钢枪，坐骑银色拳花马。
สวมมงกุฎทองจื่อจินสามยอด
เหนือหัวทอดสองสายหางไก่ฟ้า
ชุดศึกซับเกราะผ้าขาวโปร่งตา
ปักสามพญาหงสาอยู่กลางหลัง
สวมชุดเกราะห่วงโซ่เหล็กกล้าแกร่ง
คาดแผงเข็มขัดสิงห์หินทรงค่าฝัง
รองเท้ากรงเล็บอินทรีเมฆบัลลังก์
ผ้าพันคอทองปลั่งงามอร่ามศรี
เกาทัณฑ์เหล็กเถี่ยไถลายเขียนวาด
คาดกระบอกศรคมบางหางอินทรี
ทวนเตี่ยนกังสีขาวดอกสาลี่
ขี่อาชาด่างดอกเครื่องอานเงิน
ธงแม่ทัพจารึกชื่อ อาหลี่ฉีแม่ทัพใหญ่ต้าเหลียว
ซ่งเจียงเห็นแล้วกล่าวว่า “อย่าได้ประมาทขุนพลผู้นี้”
มือทวนทองสวีหนิงถือทวนตะขอชักม้าขึ้นหน้า
อาหลี่ฉีตะโกนด่ามาว่า “พวกซ่งขี้แพ้ ใช้โจรนำทัพมารุกรานชาติใหญ่ รนหาที่ตาย”
สวีหนิงตวาดกลับว่า “แม่ทัพอ่อนแอเมืองน้อย พูดจาสามหาว”
สองขุนพลคำรามลั่นแล้วเข้ารบกันกลางสนาม สู้กันได้ไม่ถึงสามสิบเพลง สวีหนิงรู้ว่ารับมือไม่ไหวจึงชักม้าหนีกลับมายังแถว ฮวาหยงคว้าธนูเตรียมยิงสกัด จางชิงล้วงหินซัดแสกหน้าถูกตาซ้ายของอาหลี่ฉี ตีลังกาตกจากหลังม้า ฮวาหยง หลินชง ฉินหมิง สว่อเชาควบม้าออกมาจับม้าศึกและจับเป็นอาหลี่ฉีเอาไว้ได้ ฉู่หมิงวี่รองแม่ทัพรีบนำทัพมาชิงตัว ทัพซ่งเจียงเข้าล้อมรบ ทัพเหลียวแตกยับหนีออกจากมี่หยุนกลับไปถานโจว ทัพซ่งเจียงไม่ไล่ตาม ตั้งค่ายลงที่อำเภอมี่หยุน
อาหลี่ฉีที่ถูกจับเป็นได้รับบาดเจ็บหน้าแตกตาซ้ายบอดทนผิดบาดแผลไม่ไหวถึงแก่ความตาย ซ่งเจียงสั่งให้นำร่างไปเผา และบันทึกความชอบอันดับหนึ่งในการรบวันนี้ให้จางชิง พร้อมทั้งรางวัลด้วยทวน เกาทัณฑ์ ชุดศึก ชุดเกราะ เข็มขัด รองเท้า ม้าและเครื่องอานของอาหลี่ฉีให้แก่จางชิงด้วย ให้จัดโต๊ะฉลองชัยในวันนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น ซ่งเจียงมีคำสั่งให้เคลื่อนทัพจากอำเภอมี่หยุนมุ่งสู่ถานโจว
ตอนก่อนหน้า : ซ่งเจียงเข้าเมืองหลวง
ตอนถัดไป : ชิงเมืองถานโจว
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
