5 ม.ค. เวลา 09:27 • หนังสือ

#42 HWG : บทที่ 2️⃣8️⃣ :

'ความตาย' คือกระบวนการในการสลายอัตตาตัวตน (อีโก้) เพื่อการหวนคืนสู่ความเป็นหนึ่ง (นิพพาน)
▪️ผู้แปล : อุดม (แอดมิน)
✴️ เพื่ออรรถรสในการอ่านแนะนำให้โหลด 'ไฟล์ภาพ' ไปอ่านครับ :
In death, all of your individual identities are shed, ending the separation of your from you, at last.
ในความตาย อัตลักษณ์ทั้งหมดของเธอถูกปลดเปลื้อง สิ้นสุดการแบ่งแยกระหว่างเธอกับตัวเธอ ในที่สุด
Chapter 2️⃣8️⃣
God : “The moment of Mergence is at hand. The power and the wonder of this moment are indescribable. The information and the knowing that comes from it is, at the conscious level can't be contemplated, much less absorbed.
พระเจ้า : "ช่วงเวลาแห่งการหลอมรวมมาถึงแล้ว พลังและความมหัศจรรย์ของช่วงเวลานี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจพรรณนาได้ ข้อมูลและความรู้ที่ได้รับจากการหลอมรวมนั้น ในระดับจิตสำนึกไม่สามารถคิดใคร่ครวญได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการซึมซับ
“Just prior to the mergence, the soul hovers before the Light. It basks in the glow of the Essence. All feelings of fear or apprehension or uneasiness of any kind dropped away during the race through the passage. Now the Essence is radiating pure love, and the soul before it experiences what can only be described as an enveloping sense of being…covered.
"ก่อนการหลอมรวม ดวงวิญญาณล่องลอยอยู่เบื้องหน้าแสงสว่าง มันอาบแสงอยู่ในรัศมีของแก่นแท้ ความรู้สึกกลัว ความวิตกกังวล หรือความไม่สบายใจทั้งมวลได้หายไประหว่างการเดินทางผ่านทางเชื่อม บัดนี้แก่นแท้กำลังแผ่ความรักบริสุทธิ์ และดวงวิญญาณเบื้องหน้านั้นได้สัมผัสกับสิ่งที่อธิบายได้เพียงแค่ว่าเป็นความรู้สึกที่ถูกโอบล้อม...ถูกปกคลุม
“Imagine a pancake being covered in warm syrup, or ice cream being covered in warm chocolate. It feels like that. It feels like a flow of sweet heat to the just-arriving soul. It is a gentle warmth, covering the soul entirely.
"ลองจินตนาการถึงแพนเค้กที่ถูกราดด้วยน้ำเชื่อมอุ่นๆ หรือไอศกรีมที่ถูกราดด้วยช็อกโกแลตร้อน มันให้ความรู้สึกเช่นนั้น มันรู้สึกเหมือนกระแสความหวานอบอุ่นที่ไหลผ่านดวงวิญญาณที่เพิ่งมาถึง เป็นความอบอุ่นอ่อนโยนที่ปกคลุมดวงวิญญาณทั้งหมด
“Together with this heat comes a feeling for which there is no single word in the world of physical sensation. It is the feeling of being seen, utterly and completely. Nothing can now be hidden, nothing can now be overlooked or missed, nothing can escape notice.
Everything ‘good’ and everything ‘bad’ that the soul may have thought of itself is now spread before it, and, astonishingly, all of it—the ‘bad’ and the ‘good’—is slowly being absorbed by the Light…(‘accepted as its own,’ is how it feels)…through a kind of energy osmosis that melts even the smallest sense of shame or pride, leaving the soul with a beautiful emptiness, holding nothing at all within itself, and experiencing nothing at all of itself, save Openness.
"พร้อมกับความอบอุ่นนี้ มาพร้อมความรู้สึกที่ไม่มีคำใดในโลกแห่งความรู้สึกทางกายภาพจะอธิบายได้ มันคือความรู้สึกของการถูกมองเห็นได้อย่างถ่องแท้และสมบูรณ์ ไม่มีอะไรที่จะหลบซ่อนได้อีกต่อไป ไม่มีอะไรที่จะถูกมองข้ามหรือพลาดไป ไม่มีอะไรที่จะหลุดรอดจากการรับรู้ ทุกสิ่ง 'ดี' และทุกสิ่ง 'เลว' ที่ดวงวิญญาณอาจคิดเกี่ยวกับตัวเองถูกแผ่ออกมาตรงหน้า และน่าประหลาดใจที่ทั้งหมด—ทั้ง 'เลว' และ 'ดี'—ค่อยๆ ถูกดูดซึมโดยแสงสว่าง...
('ยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของมัน' คือความรู้สึกที่เกิดขึ้น)...ผ่านการแพร่ซึมของพลังงานที่ละลายได้แม้แต่ความละอายหรือความภาคภูมิใจที่เล็กน้อยที่สุด ปล่อยให้ดวงวิญญาณอยู่ในความว่างเปล่าอันงดงาม ไม่ยึดถือแม้สิ่งใดภายในตัวเอง* (*สิ่งที่ถูกรู้) พร้อมทั้งไม่รู้สึกถึงตัวตนใดๆ เหลือเพียงความเปิดกว้าง
“Now, into this Openness where shame and pride once coexisted, a new feeling is being poured. First it felt as if the outside of the soul was being covered, now it feels as if the inside of the soul is being filled. Again, words cannot be found to adequately define or accurately describe this feeling—partly because the feeling is so huge. It might be characterized as a single, enormous, conglomerate feeling that encompasses a thousand individual feelings, now slowly filling the soul.
"บัดนี้ ในความเปิดกว้างที่ครั้งหนึ่งความละอายและความภาคภูมิใจเคยอยู่ร่วมกัน ความรู้สึกใหม่กำลังถูกเทลงมา แรกเริ่มรู้สึกราวกับว่าภายนอกของดวงวิญญาณกำลังถูกปกคลุม ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าภายในของดวงวิญญาณกำลังถูกเติมเต็ม อีกครั้ง ไม่มีถ้อยคำที่จะนิยามหรืออธิบายความรู้สึกนี้ได้อย่างเหมาะสม—ส่วนหนึ่งเพราะความรู้สึกนี้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน อาจเรียกได้ว่าเป็นความรู้สึกมหึมาเดียวที่รวมเอาความรู้สึกนับพันเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งกำลังค่อยๆเติมเต็มดวงวิญญาณ
A feeble attempt would call it the feeling of being warmly embraced, deeply comforted, dearly cherished, profoundly appreciated, genuinely treasured, softly nurtured, profoundly understood, completely forgiven, wholly absolved, long waited, happily welcomed, totally honored, joyously celebrated, absolutely protected, instantly perfected, and unconditionally loved—all at once.
การพยายามอธิบายอย่างเรียบง่ายอาจเรียกมันได้ว่าเป็นความรู้สึกของการถูกโอบกอดอย่างอบอุ่น ได้รับการปลอบประโลมอย่างลึกซึ้ง ได้รับความทะนุถนอมอย่างรักใคร่ ได้รับการยกย่องอย่างจริงใจ ได้รับการหวงแหนอย่างแท้จริง ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างอ่อนโยน ได้รับความเข้าใจอย่างลึกล้ำ ได้รับการให้อภัยอย่างสมบูรณ์ ได้รับการปลดเปลื้องทั้งหมด
ได้รับการคาดหวังที่รอคอยมาเนิ่นนาน ได้รับการต้อนรับอย่างมีความสุข ได้รับเกียรติอย่างสมบูรณ์ ได้รับการเฉลิมฉลองอย่างเปี่ยมสุข ได้รับการปกป้องโดยสมบูรณ์ ได้รับความสมบูรณ์แบบในทันที และได้รับความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข—ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน
“Releasing without the slightest hesitation or regret any and all sense of individual selfhood, the soul moves into the Light. There, it is submerged in something so wondrous that it loses all desire to ever know anything else, melting into the breathtaking glory of unending magnificence, unparalleled beauty, and unequaled completeness of being.
"ปล่อยวางความรู้สึกของความเป็นปัจเจกทั้งหมดโดยไม่ลังเลหรือเสียดายแม้แต่นิดเดียว ดวงวิญญาณได้เคลื่อนเข้าสู่แสงสว่าง ที่นั่น มันจมดิ่งลงในบางสิ่งที่มหัศจรรย์จนสูญเสียความปรารถนาที่จะรู้สิ่งอื่นใดอีก ละลายเข้าสู่ความรุ่งโรจน์ที่ตรึงใจของความยิ่งใหญ่อันไม่มีที่สิ้นสุด ความงดงามอันไม่มีสิ่งใดเทียบ และความสมบูรณ์แบบของการดำรงอยู่ที่ไม่มีสิ่งใดเท่าเทียม
“Now you are merged with this Light and you feel dissolved. This ‘melting’ completes the change in your identity. You no longer identify your Self in any way or at any level with the separate aspect of being that you called ‘you’ in your physical life.
"บัดนี้เธอได้หลอมรวมเข้ากับแสงสว่างนี้และรู้สึกถูกละลาย การ 'ละลาย' นี้ทำให้การเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของเธอสมบูรณ์ เธอไม่ได้ระบุตัวตนของเธอในรูปแบบใดหรือในระดับใดกับภาคส่วนอื่นๆของการดำรงอยู่ที่เธอเรียกว่า 'ตัวเธอเอง' ในชีวิตทางกายภาพอีกต่อไป
“This characteristic of the Afterlife actually begins to assert itself in the first stage of death, which is what made it possible for you to experience whatever you chose to experience immediately after you died (including your own hell) without pain or suffering. It will be important to you again in just a moment, when you enter the Core of Your Being.
"คุณลักษณะนี้ของชีวิตหลังความตายเริ่มแสดงตัวตั้งแต่ขั้นแรกของความตาย ซึ่งมันทำให้เธอสามารถสัมผัสกับประสบการณ์ใดก็ตามที่เธอเลือกได้ในทันทีหลังจากที่เธอตาย (รวมถึงนรกของเธอเองด้วย) โดยปราศจากความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานใดๆ มันจะสำคัญสำหรับเธออีกครั้งในอีกไม่ช้า ในตอนที่เธอเข้าสู่แก่นแท้แห่งการดำรงอยู่ของเธอ
“What occurs here, when you are embraced by the Light, is that you merge with your soul. You come to know at last that you are not a body and not a mind, and not even solely spirit, but all three. This is what the entire death process is about.
"สิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้ เมื่อเธอถูกโอบกอดด้วยแสงสว่าง คือการที่เธอหลอมรวมกับดวงวิญญาณของเธอ ในที่สุดเธอก็ได้รู้ว่าเธอไม่ใช่แค่ร่างกาย ไม่ใช่แค่จิตใจ และไม่ใช่แค่จิตวิญญาณเพียงอย่างเดียว แต่เป็นทั้งสามอย่าง นี่คือสิ่งที่กระบวนการตายทั้งหมดนั้นเกี่ยวข้อง
“Remember that I have said, the death process is about reestablishing your identity.
"จงจำในสิ่งที่ฉันกล่าวเอาไว้ให้ดีว่า : กระบวนการตายนั้นเกี่ยวข้องกับการสร้างอัตลักษณ์ของเธอขึ้นมาใหม่
“The first stage of the death process releases you from your body, and any thoughts that you may still have that identify you with the body and it’s appearance.
"1️⃣ ขั้นแรกของกระบวนการตายปลดปล่อยเธอจากร่างกายของเธอ และความคิดใดๆที่เธออาจยังมีอยู่ที่ระบุถึงตัวตนของเธอกับร่างกายและรูปลักษณ์ของมัน
“The second stage of the death process releases you from your mind, and any thoughts you may still have that identify you with the mind and its contents.
"2️⃣ ขั้นที่สองของกระบวนการตายปลดปล่อยเธอจากจิตใจของเธอ และความคิดใดๆที่เธออาจยังมีอยู่ที่ระบุถึงตัวตนของเธอกับจิตใจและเนื้อหาของมัน
“The third stage of the death process releases you from your soul, and any thoughts you may still have that identify you with your soul and its individuality.
"3️⃣ ขั้นที่สามของกระบวนการตายปลดปล่อยเธอจากดวงวิญญาณของเธอ และความคิดใดๆที่เธออาจยังมีอยู่ที่ระบุถึงตัวตนของเธอกับดวงวิญญาณและความเป็นปัจเจกของมัน (ที่มีคุณลักษณะเฉพาะตัวของมัน)
“Here, in the Total Immersion of Self, you come to a place where Knowing and Experiencing are one, and where what you Know and Experience is that you are not your body, you are not your mind, and you are not your soul. You are something much greater. You are the sum total of the energies that produce all three.
"ที่นี่ ในการจมดิ่งโดยสมบูรณ์ของตัวตน เธอมาถึงจุดที่การรู้และการมีประสบการณ์เป็นหนึ่งเดียวกัน และสิ่งที่เธอรู้และมีประสบการณ์คือการที่เธอไม่ใช่ร่างกายของเธอ เธอไม่ใช่จิตใจของคุณ และเธอก็ไม่ใช่ดวงวิญญาณของเธอ เธอคือบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เธอคือผลรวมทั้งหมดของพลังงานที่ก่อให้เกิดทั้งสามสิ่ง
“In death, all of your individual identities are shed, ending the separation OF you FROM you, at last.”
"ในความตาย อัตลักษณ์ทั้งหมดของความเป็นปัจเจกของเธอจะถูกปลดเปลื้อง สิ้นสุดการแบ่งแยกของตัวเธอจากตัวเธอ ในที่สุด*"
(*อาจกล่าวได้อีกอย่างว่า ความตาย คือ กระบวนการสลาย อีโก้ หรือ อัตตาตัวตน หรือตัวตนปลอมทั้งหมดของเราให้หายไป แล้วหวนคืนสู่ตัวตนที่แท้จริงของเราหรือความเป็นหนึ่งเดียวกันนั่นเอง อาจกล่าวได้อีกอย่างว่า : หลังจากตายแล้วทุกคนจะได้หวนคืนสู่นิพพานอย่างแน่นอน)
1
N : You know what? I thought you were going to say that what I was experiencing here was God, having come to greet me.
นีล : พระองค์รู้ไหม❓ ผมคิดว่าพระองค์กำลังจะบอกว่าสิ่งที่ผมกำลังประสบอยู่นี้คือพระเจ้า ที่มาต้อนรับผม
G : “That is exactly what we are talking about here.”
พระเจ้า : "นั่นคือสิ่งที่เรากำลังพูดถึงอยู่พอดี"
N : But you just said…
นีล : แต่พระองค์เพิ่งพูดว่า...
G : “You still seem to think in terms of a separation between You and God, and I am saying--again--that there is none.
พระเจ้า : "เธอยังคงคิดในแง่ของการแบ่งแยกระหว่างเธอกับพระเจ้า และฉันกำลังพูด—อีกครั้ง—ว่าไม่มีการแบ่งแยกนั้น
“While you may not believe this now, at the moment of your physical life, in the Moment of Mergence you will have no doubt of it whatsoever.”
"แม้ว่าตอนนี้เธออาจจะยังไม่เชื่อเรื่องนี้ ในช่วงเวลาของชีวิตทางกายภาพของเธอ แต่ในช่วงเวลาแห่งการหลอมรวม เธอจะไม่มีความสงสัยใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย"
N : Gosh, that sounds wonderful! I can’t wait!
นีล : "โอ้โห ฟังดูวิเศษจัง❗ ผมรอไม่ไหวแล้ว❗
G : “You don’t have to.”
พระเจ้า : "เธอไม่จำเป็นต้องรอ"
➖➖➖ จบบทที่ 2️⃣8️⃣ ➖➖➖

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา