8 ม.ค. เวลา 10:38 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 195 กิเลนหยกรบพระอนุชา

ต้งเซียนสื้อหลาง เหย่าเอ๋อเหวยคังหนีมาทางตะวันออก พบกับฉู่หมิงวี่ เฉาหมิงจี้นำทหารแตกทัพหนีมาจึงสมทบกันมายังเมืองจี้โจวเข้าพบท่านอ๋องพระอนุชา เยลวี่เต๋อจ้ง 耶律得重 ทูลว่า
“ทหารของซ่งเจียงเก่งกาจนัก ในหมู่พวกนั้นมีคนเถื่อนเก่งซัดหินคนหนึ่ง ฝีมือร้ายกาจซัดไม่เคยพลาดเป้า พระราชนัดดาทั้งสองกับแม่ทัพน้อยอาหลี่ฉีก็ถูกหินซัดจนตาย”
ท่านอ๋องเยลวี่ว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็อยู่ที่นี่ช่วยข้าฆ่าเจ้าคนเถื่อนนั่น”
ม้าเร็วเข้ามารายงานว่า “ทหารซ่งเจียงมุ่งหน้าจี้โจวแยกยกมาสองทัพ ทัพหนึ่งมาทางอำเภอผิงวี่ 平峪县 ทัพหนึ่งมาทางอำเภอวี่เถียน 玉田县”
พระอนุชาฟังรายงานแล้วบัญชาต้งเซียนสื้อหลางว่า “ท่านจงนำทัพไปรักษาปากทางเข้าอำเภอผิงวี่ไว้ แต่อย่าได้ออกรบ ข้าจะนำทัพไปปราบคนเถื่อนทางอำเภอวี่เถียนก่อน จากนั้นจะมาตลบหลังเจ้าพวกคนเถื่อนที่ผิงกู่ ดูฤๅว่าจะหนีไปไหนพ้น อีกด้านก็ให้ทางเมืองป้าโจว อิวโจวยกมาสมทบอีกสองทาง”
เยลวี่เต๋อจ้งเป็นพระอนุชาของหลางจู่เจ้าแผ่นดินเหลียวมารักษาเมืองจี้โจวอันเป็นเมืองสำคัญ มีโอรสสี่องค์นามว่า จงหยุน 宗云 จงเตี้ยน 宗电 จงเหลย 宗雷 จงหลิน 宗霖 ตามลำดับ มีขุนพลฝีมือดีใต้บังคับบัญชาสิบกว่านาย แม่ทัพใหญ่ผู้บังคับการชื่อว่า เป่ามี่เสิ้ง 宝密圣 รองแม่ทัพชื่อว่า เทียนซานหย่ง 天山勇
พระอนุชาบัญชาให้เป่ามี่เสิ้งอยู่รักษาเมือง องค์เองกับโอรสทั้งสี่และรองแม่ทัพเทียนซานหย่งนำทัพมายังอำเภอวี่เถียน
ทางด้านซ่งเจียงนำทัพมาถึงอำเภอผิงวี่ เห็นทัพมาตั้งสกัดอยู่ปากทางเข้า จึงตั้งค่ายลงทางตะวันตกของอำเภอ ยังไม่ผลีผลามเข้ารบ
ทางด้านหลูจวิ้นอี้นำทัพสามหมื่นมาถึงอำเภอวี่เถียน ตั้งค่ายลงใกล้ค่ายทัพเหลียว จึงตามเสธ.จูอู่มาปรึกษาว่า
“ตอนนี้ค่ายเราประชิดกับค่ายเหลียว แต่พวกเราแปลกถิ่น เหมือนพวกอู๋ไม่รู้จักถิ่นเยว่ 吴人不识越境 (การรบแปลกถิ่นยุคชุนชิว) ท่านมีอุบายเยี่ยงไร”
จูอู่ว่า “ตามความเห็นของข้า พวกเรายังไม่รู้จักชัยภูมิ ไม่ควรส่งทหารบุกโดยพลการ ควรตั้งค่ายพยุหะยาวเป็นรูปงู หัวท้ายอาจช่วยเหลือกันผันแปรไม่สิ้นสุด ตั้งรับวิธีนี้จึงอาจชดเชยข้อด้อยเรื่องที่เรายังไม่รู้จักชัยภูมิได้”
หลูจวิ้นอี้นำทัพออกตั้งค่ายพยุหะ แลเห็นทัพเหลียวยกมาแต่ไกล
黄沙漫漫,黑雾浓浓。
皂雕旗展一派乌云,拐子马荡半天杀气。
青毡笠帽,似千池荷叶弄轻风;
铁打兜鍪,如万顷海洋凝冻日。
人人衣襟左掩,个个发搭齐肩。
连环铁铠重披,刺纳战袍紧系。
番军壮健,黑面皮碧眼黄须;
达马咆哮,阔膀膊钢腰铁脚。
羊角弓攒沙柳箭,虎皮袍衬窄雕鞍。
生居边塞,长成会拽硬弓;
世本朔方,养大能骑劣马。
铜鞚羯鼓军前打,芦叶胡笳马上吹。
แผ่นผืนทรายสีเหลืองแลเวิ้งว้าง
กลุ่มหมอกดำแผ่กว้างช่างทึบทึม
ธงอินทรีดำดังเมฆดำแผ่อึมครึม
อาชาไกว่จื่อห้อตรึมตะบึงหลอน
หมวกสักหลาดสีเขียวกางปีกกว้าง
ดูเหมือนอย่างบึงใบบัวต้องลมอ่อน
หมวกศึกเหล็กเช่นสมุทรสุดสาคร
จับแสงทินกรเนาแน่แช่ชอนตา
แต่ละคนสวมเสื้อกลับขวาทับซ้าย
แต่ละนายไว้ผมยาวจรดบ่า
สวมเกราะเหล็กห่วงโซ่แสนหนักหนา
ชุดศึกรัดกายาปักลวดลาย
ทหารแดนเถื่อนถึกคึกคักกล้า
ใบหน้าดำตาเขียวเคราเหลืองร้าย
ม้าตาร์ตาร์ร้องคะนองข่มขวัญหาย
ไหล่ผึ่งผายเอวคอดกีบเกือกเหล็ก
ธนูทรงเขาแกะ ซาหลิ่วหางดอกศร
หนังเสือซ้อนอานสลักคับแคบเล็ก
เกิดชายแดนเก่งธนูฝีมือเอก
อยู่อุดรแต่ตอนเด็กชาญอาชา
หน้าทัพโหมประโคมฆ้องกลองเจี๋ยกู่
บรรเลงอยู่หลังม้าขี่ปี่หูเจีย
...
拐子马 ไกว่จื่อหม่า ขบวนทัพม้าแบบชาวเผ่าเร่ร่อน ขณะที่ตรงกลางตั้งรับ ปีกซ้ายขวาโจมตีโอบล้อม
左掩 ปกเสื้อทับซ้าย ตรงข้ามกับวิธีสวมเสื้อแบบจีนฮั่นที่สวมปกเสื้อทับขวา 右掩
沙柳 ซาหลิ่ว ไม้ทะเลทรายตระกูลเดียวกับ ต้นหลิว
羯鼓 กลองเจี๋ยกู่ กลองขึงหนังสองหน้า
胡笳 ปี่หูเจีย ปี่ใช้กันในหมู่ชาวเผ่าเร่ร่อน
...
พระอนุชาเยลวี่เต๋อจ้งมาถึงอำเภอวี่เถียนตั้งค่ายพยุหะเสร็จ จูอู่ขึ้นบันไดดูจากมุมสูงแล้วลงมารายงานหลูจวิ้นอี้ว่า “ค่ายกลที่พวกคนเถื่อนตั้งนี้เรียกว่า ห้าเสืออิงผา หาได้ซับซ้อนไม่”
จูอู่จึงขึ้นบนยกพื้นบัญชาการโบกธงสัญญานซ้ายขวา ทัพแปรขบวนพยุหะใหม่ หลูจวิ้นอี้ไม่รู้จักค่ายกลนี้จึงถามว่า “นี่คือค่ายพยุหะใด”
จูอู่ว่า “นี่คือมัสยาแปลงพญาครุฑ 鲲化为鹏”
หลูจวิ้นอี้ถามว่า “อะไรคือมัสยาแปลงพญาครุฑ”
จูอู่ว่า “ทะเลอุดรมีปลาใหญ่เรียกว่า “คุน 鲲” สามารถแปลงร่างเป็นพญาครุฑบินได้ไกลเก้าหมื่นลี้ ค่ายกลนี้มองใกล้มองไกลจะเห็นเป็นค่ายเล็ก แต่หากเข้าโจมตีจะขยายออกเป็นค่ายใหญ่ จึงเรียกว่า มัสยาแปลงพญาครุฑ”
หลูจวิ้นอี้เอ่ยปากชม
พลันมีเสียงกลองศึกรัวดังขึ้นจากฝ่ายตรงข้าม พระอนุชานำทัพมาขนาบด้วยโอรสทั้งสี่ ด้านหลังมีเหล่าขุนพล
头戴铁缦笠戗箭番盔,上拴纯黑球缨。
身衬宝圆镜柳叶细甲,系条狮蛮金带。
踏镫靴半弯鹰嘴,梨花袍锦绣盘龙。
各挂强弓硬弩,都骑骏马雕鞍。
腰间尽插锟铻剑,手内齐拿扫帚刀。
หมวกศึกเหล็กเรียบมีขอบครอบกันธนู
ยอดมีพู่ทรงกลมดำสนิท
เกราะใบหลิ่วคันฉ่องกลมป้องปิด
เข็มขัดทองติดเอวหัวสิงห์ป่า
รองเท้าเหยียบโกลนงุ้มจงอยอินทรี
ชุดศึกสีขาวปักมังกรขนดท่า
ทั้งธนูหน้าไม้มีไว้คุ้มกายา
ทุกคนขี่อาชาเครื่องอานสลักลาย
เอวสะพายกระบี่คุนอู๋
อาวุธคู่มือดาบคมไม้กวาด
หนี่งในสี่โอรสตะโกนมาว่า “เจ้าพวกโจรไพร่ บังอาจบุกรุกแผ่นดินเรา”
หลูจวิ้นอี้ถามว่า “ผู้ใดจะอาสาออกรบ”
ง้าวใหญ่กวนเสิ้งรำง้าวมังกรเขียวออกมาหน้าแถว เยลวี่จงหยุนควบม้ารำดาบเข้ารบกวนเสิ้ง สู้กันไม่ถึงห้าเพลง เยลวี่จงหลินก็ควบม้ารำดาบจะเข้ามาช่วย ฮูหยันจว๋อควงกระบองคู่ออกมาสกัด อีกสองพี่น้องเยลวี่จงเตี้ยน เยลวี่จงเหลยตามติดมาจะเข้ารุม สวีหนิง สว่อเชาไม่รอช้าเข้าสกัดจึงรบกันเป็นสี่คู่ เกาะกันอยู่เป็นกลุ่ม
ขณะรบกันอยู่ ศรไร้ขนจางชิงเหยาะม้าขึ้นมาดูอยู่หน้าแถว ฝ่ายตรงข้ามมีคนจำได้ทูลพระอนุชาว่า
“คนเถื่อนสวมชุดเชียวฟากตรงข้ามชำนาญใช้หินซัด ตอนนี้ขี่ม้าขึ้นหน้ามาคงคิดจะหาโอกาสซัดหินเหมือนที่เคย”
เทียนซานหย่งได้ยินจึงทูลว่า “ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย เจ้าคนเถื่อนจะได้ชิมรสหน้าไม้”
เทียนซานหย่งเชี่ยวชาญการยิงหน้าไม้บนหลังม้า ใช้หน้าไม้สีดำดอกศรเหล็กยาวกว่าหนึ่งฉื่อ มีชื่อเรียกว่า หนึ่งหยดน้ำมัน 一点油 เทียนซานหย่งขี่ม้าออกมาให้ผู้ช่วยสองคนขี่ม้านำหน้าเป็นกำบัง จางชิงแลเห็นก่อนจึงหยิบหินเตรียมไว้ พอได้จังหวะก็ซัดหินออกไปพร้อมตะโกนว่า “โดน”
หินแฉลบหมวกเหล็กคนนำหน้า เทียนซานหย่งตามหลังคนผู้นี้มา ขึ้นสายหน้าไม้เล็งแล้วยิงใส่จางชิง จางชิงพอได้ยินเสียงสายหน้าไม้ก็ตกใจร้อง “ไอ้หยา” แล้วรีบหลบแต่ไม่ทัน ดอกศรยิงเสียบคอ ตกจากหลังม้า ขุนพลทวนคู่ต่งผิง มังกรเก้าลายสื่อจิ้น นำเซี่ยเจิน เซี่ยเป่าเข้าไปช่วยกลับมาได้ หลูจวิ้นอี้เห็นแล้วจึงสั่งให้ถอนดอกศรออก พันผ้าห้ามเลือดที่คอ แล้วให้โจวยวน โจวยุ่นนำขึ้นรถ คุ้มกันไปถานโจวโดยด่วน ส่งตัวให้หมอเทวดาอันเต้าเฉวียนรักษา
เมื่อจางชิงถูกศรตกจากม้า หลูจวิ้นอี้และสี่ขุนพลก็ไม่มีใจรบ จึงทำทีแพ้ถอยกลับเข้าค่ายมา ฝ่ายทัพเหลียวจึงฉวยจังหวะตามเข้าโจมตีค่าย พอรถคนเจ็บออกเดินทางไปส่งจางชิงแล้ว พลันมีรายงานว่ามีทัพเข้าโจมตีค่ายทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทัพข้าศึกหนุนเนื่องมาไม่ขาดสายจนค่ายพยุหะตั้งรับไม่อยู่ แตกกระจัดกระจาย หลูจวิ้นอี้พลัดหลงอยู่ตามลำพังคนเดียว ม้าหนึ่งตัว ทวนหนึ่งเล่ม ขี่ม้าหนีสวนทางมาทางทัพเหลียว
สนธยาใกล้ค่ำ สี่โอรสกลับจากตามตีทัพซ่งมุ่งกลับค่าย พบหลูจวิ้นอี้ จึงรบกันแบบสี่รุมหนึ่ง แม้กระนั้น หลูจวิ้นอี้ก็หาได้เพลี่ยงพล้ำแม้แต่น้อย สู้กันไปพักใหญ่ หลูจวิ้นอี้ฉวยช่องโหว่ได้ ขณะที่เยลวี่จงหลินใช้ง้าวฟัน หลูจวิ้นอี้ตวาดลั่นจนคนเถื่อนเสียจังหวะ หลูจวิ้นอี้เสือกทวนแทงใส่ตกจากหลังม้า อีกสามโอรสตกใจชักม้าหนี หลูจวิ้นอี้ลงจากม้ามาตัดหัวจงหลินเอาไปแขวนไว้ใต้คอม้า  แล้วรีบขึ้นม้าควบหนีมาทางใต้ พบเข้ากับทัพเหลียวอีกทัพราวหนึ่งพันคน หลูจวิ้นอี้ตะบึงเข้าใส่จนทัพถอยร่นไป
หลูจวิ้นอี้หนีต่อมาได้อีกไม่กี่ลี้ ก็พบอีกทัพหนึ่งเข้า คืนแรมมืดมิด แยกไม่ออกว่าทัพฝ่ายไหน พลันแว่วเสียงชาวซ่ง หลูจวิ้นอี้จึงถามว่า “ใครนำทัพมา”
ฮูหยันจว๋อขานตอบ หลูจวิ้นอี้จึงสมทบเข้ากับทัพ
ฮูหยันจว๋อเล่าให้ฟังว่า “ตอนทัพเหลียวตีค่ายแตก ข้าน้อยกับ หันเทา เผิงฉี่นำทหารรบฝ่าวงล้อมจนได้มาพบท่านแม่ทัพที่นี่”
หลูจวิ้นอี้จึงเล่าว่า “ข้ารบกับสี่โอรส ฆ่าตายไปได้หนึ่ง หนีไปสาม ข้าจึงหนีมาพบกับอีกทัพ เพิ่งไล่ให้ถอยไป แล้วก็มาพบกับท่าน”
ตอนก่อนหน้า : ชิงเมืองถานโจว
ตอนถัดไป : หักเมืองจี้โจว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา