11 ม.ค. เวลา 10:35 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 196 หักเมืองจี้โจว

หลูจวิ้นอี้ ฮูหยันจว๋อ นำทัพหนีต่อลงมาทางใต้ได้ไม่ถึงสิบลี้ พบกองทหารสกัดหน้าเข้าอีก
ฮูหยันจว๋อว่า “คืนเดือนมืดมาก รบไม่ได้ต้องรอฟ้าสางก่อนจึงค่อยว่ากัน”
มีเสียงถามมาจากฝ่ายตรงข้าม “ผู้ที่มาคงเป็นท่านขุนพลฮูหยันจว๋อกระมัง”
ฮูหยันจว๋อจำเสียงได้ว่าเป็นง้าวใหญ่กวนเสิ้ง จึงตอบว่า “ท่านหัวหน้าหลูก็อยู่นี่”
เหล่าหัวหน้าลงจากหลังม้ามานั่งสนทนากันบนพื้นหญ้า หลูจวิ้นอี้ ฮูหยันจว๋อเล่าเรื่องทางฝ่ายตนให้ฟัง
กวนเสิ้งว่า “พอค่ายพยุหะแตก ข้ากับเซวียนจ้าน เห่าซือเหวิน ซ่านถิงกุย เว่ยติ้งกว๋อ ห้าคนหนีมาด้วยกันจนพบทหารหนึ่งพันกว่าคน จึงพากันมาจนถึงที่นี่ เพราะไม่คุ้นพื้นที่ จึงยั้งทหารรอฟ้าสางค่อยเดินทางต่อ จึงได้มาพบท่านพี่”
พอฟ้าสางทั้งหมดสมทบทัพกันเดินทางต่อลงใต้มาถึงอำเภอวี่เถียน พบขุนพลทวนคู่ต่งผิง มือทวนทองสวีหนิงมาถึงก่อน เล่าให้ฟังว่า
“โหวเจี้ยน ไป๋เสิ้งสองคนแยกทางไปรายงานซ่งกงหมิง นี่ยังไม่เห็นเซี่ยเจิน เซี่ยเป่า หยางหลิน สือหย่ง”
หลูจวิ้นอี้ให้นำทัพเข้าไปตั้งในอำเภอวี่เถียน สำรวจดูจำนวนพล พบว่าขาดไปห้าพันกว่าคน
พอถึงยามสื้อ 巳牌 (10:00 น.) ทหารมารายงานว่า “เซี่ยเจิน เซี่ยเป่า หยางหลิน สือหย่งนำทหารกลับมาด้วยสองพันกว่าคน”
หลูจวิ้นอี้จึงเรียกตัวมาสอบถาม เซี่ยเจินว่า “พวกข้าทั้งสี่พลัดหลงเข้าไปในเขตของศัตรู เช้าวันนี้จึงได้รบฝ่าพวกเหลียวออกมา เพิ่งมาถึงที่นี่”
ยามโพล้เพล้วันนั้น ทหารมารายงานว่า “ทหารเหลียวไม่รู้จำนวนได้ ล้อมอำเภอนี้ไว้หมดทั้งสี่ทิศ”
เอี้ยนชิงนำทหารขึ้นไปดูบนกำแพง เห็นแสงคบไฟหนาบางเป็นระยะทางคะเนได้ถึงสิบลี้ ทหารนายหนึ่งชี้ให้ดูเยลวี่จงหยุนขี่ม้าสั่งการอยู่กลางแสงคบไฟ
เอี้ยนชิงว่า “เมื่อวาน จางชิงถูกหน้าไม้เข้าดอกหนึ่ง วันนี้ข้าจะขอคืนให้”
เอี้ยนชิงใช้หน้าไม้ของตนยิงไปถูกร่องข้างปีกจมูก ทำให้ตกจากหลังม้า ทหารกรูเข้ามาช่วย แต่เยลวี่จงหยุนสิ้นลมเสียแล้ว พวกทหารเถื่อนรีบถอยทัพไปห้าลี้
หลูจวิ้นอี้หารือกันอยู่ในเมืองว่า “ถึงจะยิงถูกแม่ทัพ แต่พวกเหลียวถอยไปไม่ไกลนัก ยังล้อมพวกเราไว้แน่นหนา พรุ่งนี้ฟ้าแจ้งคงเข้าตีอีก ควรทำเช่นไร”
จูอู่ว่า “ซ่งกงหมิงรู้ข่าวคงยกมาช่วยแน่ รอถึงตอนนั้น เราออกตีกระหนาบ ก็พ้นภัยแล้ว”
พอฟ้าแจ้ง ทัพเหลียวยกเข้ามาล้อมเมืองจนไม่มีตะเข็บ กระทั่งมีฝุ่นฟุ้งกระจายทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เห็นทัพกำลังนับหมื่นยกมาจากทางใต้
จูอู่ว่า “นี่คือทัพของซ่งกงหมิงเป็นแน่ พอทัพเหลียวหันไปรับทัพทางใต้ พวกเราจงออกไปตีกระหนาบ”
ทัพเหลียวล้อมเมืองแต่ยามเฉิน 辰 ถึงยามเว่ย 未 (8:00 - 14:00) จนทหารอ่อนล้า พอทัพซ่งเจียงเข้าตีจึงแตกกระจัดกระจาย จูอู่ว่า “ไม่ตามตีตอนนี้ จะรอเมื่อไร” หลูจวิ้นอี้จึงสั่งเปิดประตูเมืองบุกออกไปทั้งสี่ทิศ ไล่สังหารทหารเหลียวล้มตายเกลื่อนกลาด ซ่งเจียงไล่ตามทหารเหลียวไปจนฟ้าสาง จึงให้ตีม้าล่อถอยทัพเข้าอำเภอวี่เถียน สมทบเข้ากับทัพของหลูจวิ้นอี้
ซ่งเจียงให้ทหารพักจากการกรำศึก ส่งคนไปสอบถามอาการบาดเจ็บของจางชิงที่เมืองถานโจว
หมอเทวดาอันเต้าเฉวียนตอบมาว่า “แม้จะมีบาดแผลภายนอก แต่ไม่บาดเจ็บถึงภายใน ท่านแม่ทัพโปรดวางใจ หนองที่แผลแห้งเมื่อไร ก็หายสนิท ทว่า ช่วงนี้อากาศร้อนนัก ทหารป่วยไข้ได้ง่าย จึงได้ขออนุญาตนายท่านเจ้าซูมี่ 赵枢密相公 ให้เซียวย่าง ซ่งชิงไปเบิกยา และจัดซื้อที่ตงจิง ทั้งให้หวงผู่ตวนติดตามไปจัดหายาสำหรับม้าและสัตว์พาหนะด้วย”
ซ่งเจียงทราบคำตอบก็วางใจ จึงมาปรึกษาการศึกเมืองจี้โจวกับหลูจวิ้นอี้
ซ่งเจียงว่า “ก่อนที่ข้าจะรู้ข่าวว่าท่านถูกล้อมอยู่ที่วี่เถียนนี้ ข้าได้เตรียมการบางอย่างไว้ก่อน กงซุนเสิ้งพื้นเพเป็นชาวเมืองจี้โจว หยางสยงเคยเป็นพัศดีเมืองนี้ สือสิ้ว สือเชียนเคยอาศัยอยู่เป็นเวลานาน เมื่อวันก่อนตอนที่เราขับไล่ทัพเหลียวไป ข้าได้ให้สือเชียน สือสิ้วปลอมเป็นทหารแตกทัพหนีตามไปด้วย ป่านนี้คงอยู่ในเมืองจี้โจวแล้ว
สือเชียนเคยออกอุบายอย่างหนึ่งว่า “ในเมืองจี้โจวมีวัดใหญ่แห่งหนึ่งชื่อวัดเป่าเหยียน 宝严寺 มีหอไตรอยู่ที่ระเบียง ตรงกลางเป็นวิหารต้าสยง 大雄 หน้าวิหารมีเจดีย์สูงเสียดเมฆองค์หนึ่ง” สือสิ้วแจงอุบายต่อว่า “ให้สือเชียนขึ้นไปหลบบนยอดเจดีย์ ข้าจะเป็นคนส่งอาหารการกินให้แต่ละวัน หากท่านพี่ยกทัพไปตีเมืองจนได้ที สือเชียนจะจุดไฟบนเจดีย์วัดเป่าเหยียนเป็นสัญญาณ” สือเชียนปีนป่ายเป็นอาชีพอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาในการหาที่ซ่อนตัว สือสิ้วจะเป็นคนไปวางเพลิงเผาที่ว่าการ พวกเขาเข้าไปเตรียมการแล้ว พวกเราเตรียมทหารบุกโจมตีเถิด”
山后辽兵侵境,中原宋帝兴军。
水乡取出众天星,奉诏去邪归正。
暗地时迁放火,更兼石秀同行。
等闲打破永平城,千载功勋可敬!
ทหารเหลียว จากหลังเขา เข้ารุกแดน
เจ้าแผ่นดินซ่ง จากจงหยวน ส่งทหาร
เหล่าดาวจุติ จากชายน้ำ ประจำการ
พระภูบาล ให้แก้ร้ายกลับกลายดี
ส่งสือเชียนกำบังเงาเข้าจุดไฟ
ให้สือสิ้วไปเป็นเพื่อนร่วมวิถี
รอเพลาปล้นชิงหย่งผิงธานี
นับพันปีผลงานเป็นที่จดจำ
ทางด้านท่านอ๋องพระอนุชาเสียโอรสไปสององค์ กลัดกลุ้มพระทัยยิ่ง หารือกับแม่ทัพใหญ่เป่ามี่เสิ้ง เทียนซานหย่ง ต้งเซียนสื้อหลางว่า
“ครั้งก่อน เมืองจวอโจว เมืองป้าโจวสองเมืองนี้ยกมาช่วย นี่ก็กลับกันไปแล้ว ตอนนี้พวกซ่งเจียงชุมนุมพลอยู่ที่อำเภอวี่เถียน อีกไม่นานคงมาตีเมืองจี้โจว ควรทำเช่นไรดี”
แม่ทัพใหญ่เป่ามี่เสิ้งว่า “หากไม่มาก็แล้วไป แต่หากมา ข้าน้อยจะออกรับศึกเอง ถ้าไม่จับเป็นมาสั่งสอนสักสองสามคน พวกมันคงไม่ยอมถอย”
ต้งเซียนสื้อหลางว่า “เจ้าพวกคนเถื่อนนั่น มีอยู่คนหนึ่งสวมชุดเขียวถนัดซัดหิน ฝีมือร้ายกาจ ต้องระวังเอาไว้”
เทียนซานหย่งว่า “เจ้าคนเถื่อนที่ว่า ถูกข้ายิงหน้าไม้ใส่คอหอยไปหนึ่งดอก น่าจะตายไปแล้ว”
ต้งเซียนสื้อหลางว่า “นอกจากเจ้าคนเถื่อนผู้นี้แล้ว คนอื่นไม่มีอะไรน่ากลัว”
ทหารเข้ามารายงานว่า “ทัพซ่งเจียงเข้าแดนเมืองจี้โจวแล้ว”
ท่านอ๋องพระอนุชามีบัญชาให้เป่ามี่เสิ้ง เทียนซานหย่งเร่งนำทัพออกไปตั้งรับห่างจากเมืองสามสิบลี้
พอสองทัพมาประจันหน้ากัน ซ่งเจียงถามว่า “ผู้ใดอาสาฆ่าขุนพลชิงธงชัยเบิกฤกษ์”
หัวเสือดาวหลินชงออกมาหน้าแถว เข้ารบกับแม่ทัพคนเถื่อนเป่ามี่เสิ้ง สู้กันได้สามสิบกว่าเพลงยังไม่เห็นผลแพ้ชนะ หลินชงใคร่ได้ชัยเบิกฤกษ์ จึงคำรามเสียงดังลั่นปานฟ้าร้อง แล้วเสือกทวนลิ้นงูยาวจ้างแปดในมือแทงใส่คอเป่ามี่เสิ้งจนตกจากหลังม้า ซ่งเจียงชอบใจยิ่งนัก
เทียนซานหย่งเห็นเพื่อนถูกแทง จึงควบม้าถือทวนตรงเข้ามา สวีหนิงแลเห็นจึงชูทวนตะขอควบม้าเข้าสกัด รบกันได้ไม่ถึงยี่สิบเพลง สวีหนิงใช้ทวนแทงเทียนซานหย่งตกม้า ซ่งเจียงเห็นว่าสังหารสองขุนพลได้ ชอบใจยิ่ง สั่งการให้กองทัพเคลื่อนเข้าประจัญบาน ทัพเหลียวแตกยับเยินล่าถอยไปทางเมืองจี้โจว ซ่งเจียงไล่ตามตีไปได้สิบกว่าลี้ ก็สั่งให้ตีม้าล่อถอยกลับมาตั้งค่ายพัก พร้อมทั้งให้บำเหน็จทหาร วันรุ่งขึ้น สั่งให้เคลื่อนทัพย้ายมาตั้งค่ายติดเมืองจี้โจว
เช้าวันที่สาม ท่านอ๋องพระอนุชาเห็นว่าเสียแม่ทัพใหญ่ไปทั้งสองคน ตื่นตระหนกยิ่งนัก พอมีรายงานว่าซ่งเจียงยกทัพมาถึง จึงสั่งการให้ต้งเซียนสื้อหลางนำทหารออกรบ ต้งเซียนสื้อหลางจำต้องนำเหย่าเอ๋อเหวยคัง ฉู่หมิงวี่ เฉาหมิงจี้ และทหารหนึ่งพันออกไปตั้งรับหน้ากำแพงเมือง
ซ่งเจียงตั้งแถวปีกการออยู่หน้าเมือง พอประตูเมืองเปิด สว่อเชาถือขวานขี่ม้าขึ้นมารอ ทางฝ่ายเมืองเถื่อน เหย่าเอ๋อเหวยคังไม่พูดพล่ามทำเพลง ตรงเข้ามาสู้ด้วยได้ยี่สิบกว่าเพลง ขวัญเริ่มเสีย ตั้งท่าหาทางหนี สว่อเชารุกเข้ามา สองมือควงขวานแล้วผ่าลงกลางกบาลเหย่าเอ๋อเหวยคังจนแบะออกเป็นสองซีก
ต้งเซียนสื้อหลางเห็นดังนั้น รีบสั่งการให้ฉู่หมิงวี่ เฉาหมิงจี้ออกรบ ทั้งสองขวัญหนีดีฝ่ออยู่ จำออกรบอย่างเสียไม่ได้ มังกรเก้าลายสื่อจิ้นรำง้าวโผนม้าตรงเข้าหา พอเข้าใกล้ก็เงื้อง้าวฟันใส่ฉู่หมิงวี่ตกจากหลังม้า เฉาหมิงจี้ชักม้าเตรียมหนี สื่อจิ้นตามติดมาแล้วฟันใส่ทีเดียวตกม้าตายเช่นกัน จากนั้นก็โผนม้าเข้าโจมตีแนวค่ายพยุหะเหลียว
ซ่งเจียงเห็นดังนั้น จึงใช้แส้ชี้เป็นสัญญาณ ทหารซ่งบุกตลุยเข้าไปยังสะพานชัก ทางด้านเยลวี่เต๋อจ้งสั่งให้ปิดประตูเมืองแน่นหนา แล้วรีบทำรายงานกราบทูลหลางจู่ พร้อมทั้งทำหนังสือขอความช่วยเหลือไปยังเมืองป้าโจว 霸州 เมืองอิวโจว 幽州
ทางฝ่ายซ่งเจียงปรึกษาอู๋ย่งว่า “ในเมืองปิดประตูรักษาหน้าที่แน่นหนา ทีนี้จะจัดทัพเยี่ยงไร”
อู๋ย่งว่า “สือสิ้ว สือเชียนอยู่ในเมือง เหตุใดจึงยังรีรอชักช้าอยู่ ตอนนี้ทางเราควรเตรียมบันไดปีน และตั้งแท่นปืนพร้อมไว้ ให้หลิงเจิ้นระดมยิงรอบเมือง โจมตีให้หนัก คงหักเมืองได้”
ซ่งเจียงสั่งการให้โจมตีเมืองทั้งสี่ทิศตลอดทั้งคืน
ท่านอ๋องพระอนุชาเห็นทหารซ่งเจียงโหมโจมตีโดยรอบทิศอย่างต่อเนื่อง จึงสั่งให้เกณฑ์เหล่าราษฎรขึ้นช่วยป้องกันกำแพงเมือง
สือสิ้วเฝ้ารออยู่ในวัดเป่าเหยียนอยู่หลายวัน วันนี้สือเชียนรีบลงจากเจดีย์มาบอกว่า “ท่านพี่นำทัพมาอยู่นอกเมือง เร่งโหมโจมตีอยู่ พวกเราลงมือวางเพลิงกันได้แล้ว”
สือสิ้ว สือเชียนหารือกันว่า ให้สือเชียนเผายอดเจดีย์ก่อน แล้วลงมาเผาพระวิหาร
สือเชียนว่า “ส่วนท่านรีบไปวางเพลิงที่ว่าการและเผาที่สำคัญใกล้ประตูเมืองทิศใต้ พอไฟติดจนข้างนอกมองเห็น จะได้เร่งตีเมือง เดี๋ยวก็แตก”
สือเชียนมีอาชีพปีนป่าย ปีนรั้วปีนหลังคาเหมือนเดินเล่นบนดิน ขึ้นไปบนยอดเจดีย์จุดคบไฟสองอันแล้วลงมือเผา เจดีย์เสียดฟ้าติดไฟเห็นได้ทั้งในเมืองนอกเมืองไกลถึงสามสิบลี้ จากนั้นก็ลงมาเผาพระวิหาร แสงไฟสองจุดนั้นสร้างความโกลาหลขึ้นทั้งเมือง
สือสิ้วปีนหลังคาที่ว่าการแล้วทำการจุดไฟเผา ไฟทั้งสามจุดปรากฎชัดว่าเป็นการวางเพลิง พวกราษฎรไม่สนใจรักษาหน้าที่บนกำแพงเมืองแล้ว แตกฮือกลับไปยังบ้านเรือนตน
ไม่ช้านัก ประตูผาของวัดมีไฟไหม้ขึ้นอีกจุด สือเชียนแวะเผาก่อนจะออกจากวัด ชั่วเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ไฟไหม้เสียหลายจุด ท่านอ๋องพระอนุชาทราบได้ทันทีว่าเป็นสายของซ่งเจียงในเมือง จึงรีบพาครอบครัว ขนสมบัติหนีออกจากเมืองพร้อมสองโอรสมาทางประตูเมืองทิศเหนือ
ซ่งเจียงเห็นในเมืองเกิดโกลาหล ยิ่งเร่งให้ทหารตีหักเมือง ประตูเมืองทิศใต้ถูกตีแตกก่อน ต้งเซียนสื้อหลางรู้ว่ารักษาเมืองไม่ได้แน่ ก็รีบหนีตามพระอนุชามาทางประตูเมืองทิศเหนือเช่นกัน
ซ่งเจียงเข้าเมืองจี้โจวได้แล้ว รีบสั่งทหารให้ช่วยกันดับไฟรอบเมือง พอฟ้าแจ้ง ก็ออกประกาศปลอบขวัญราษฎร ให้ทหารในกองทัพเข้ามาพักกันในเมือง ทำหนังสือรายงานเจ้าอันฝู่ว่ายึดเมืองจี้โจวได้แล้ว เชิญให้ยกทัพมารักษาเมืองจี้โจวไว้
เจ้าอันฝู่มีหนังสือตอบมาว่า “ข้าต้องอยู่รักษาความสงบที่ถานโจว ให้ท่านแม่ทัพหน้าซ่ง 宋先锋 อยู่รักษาการเมืองจี้โจวไปพลางก่อน ขณะนี้ อากาศร้อนนัก ควรพักพลเฉยไว้ จนกว่าอากาศจะคลายร้อนลง แล้วค่อยวางแผนการต่อไป”
ซ่งเจียงรับหนังสือแล้ว จึงสั่งการให้หลูจวิ้นอี้แบ่งกำลังไปรักษาอำเภอวี่เถียนเอาไว้ ทัพใหญ่ให้พักในเมืองจี้โจว รอสภาพอากาศให้เย็นลง
ตอนก่อนหน้า : กิเลนหยกรบพระอนุชา
ตอนถัดไป : ทำทีแปรพักตร์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา