Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
16 ม.ค. เวลา 10:28 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 198 คาถาธรรมของนักพรต
วันรุ่งขึ้น ขณะนั่งสนทนาเรื่องสัพเพเหระ ซ่งเจียงกล่าวกับกงซุนเสิ้งว่า
“ฟังคำร่ำลือมานานว่า หลอเจินเหยิน 罗真人 อาจารย์ของท่านเป็นผู้หลุดพ้นจากโลกียวิสัย ครั้งก่อนที่ทำศึกเมืองเกาถัง ต้องการทำลายมนต์ดำของเกาเหลียน จึงได้ให้ไต้จง หลี่ขุยมาตามหาท่าน กลับมาเล่าให้ฟังว่า ท่านนักพรตหลอเจินเหยิน วิชาอาคมฉมังนัก จึงอยากรบกวนน้องเรา พาซ่งเจียงไปนมัสการยังอาศรม เพื่อชะล้างมลทิน น้องเราเห็นเช่นไร”
กงซุนเสิ้งว่า “พรตผู้ยากก็อยากกลับไปเยี่ยมแม่เฒ่า และกราบคารวะท่านอาจารย์เช่นกัน แต่เห็นพี่ท่านยังติดพันการทัพอยู่ จึงมิได้เอ่ยปาก วันนี้ตั้งใจว่าจะขออนุญาตอยู่ พี่ท่านก็กล่าวขึ้นก่อน พรุ่งนี้เช้า พวกเราก็ไปคารวะท่านอาจารย์ด้วยกัน พรตผู้ยากจะได้แวะเยี่บมแม่เฒ่าด้วย”
เช้าวันถัดมา ซ่งเจียงมอบหมายให้เสนาธิการดูแลกองทัพ จัดเตรียมเครื่องหอมผลไม้ เงินทองอัญมณีแพรพรรณ แล้วออกเดินทางพร้อมด้วยฮวาหยง ไต้จง หลวี่ฟาง กวอเสิ้ง เอี้ยนซุ่น หม่าหลิน รวมซ่งเจียงและกงซุนเสิ้งด้วยเป็นแปดนาย ทหารห้าพัน มุ่งมายังเขาเอ้อเซียน อำเภอจิ่วกง
กงซุนเสิ้งนำทางซ่งเจียงมาถึงหน้าอารามจื่อซวีกวน 紫虚观 พากันลงม้า จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ทหารนำสิ่งของเครื่องบูชาติดตาม เข้าสู่อารามตรงมาถึงหน้าศาลาซงเห้อ 松鹤轩 เหล่านักพรตคารวะทักทายกงซุนเสิ้ง พร้อมทั้งซ่งเจียง
กงซุนเสิ้งถามว่า “ท่านอาจารย์อยู่ที่ไหน”
เหล่านักพรตตอบว่า “หลายวันมานี้ ท่านอาจารย์มักนั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่ด้านหลัง ไม่ได้ออกมายังอาราม”
กงซุนเสิ้งนำทางซ่งเจียงลัดเลาะตามทางภูเขาหลังอารามไม่ถึงหนึ่งลี้ มาถึงแนวรั้วไม้หนามแห่งหนึ่ง ด้านหน้าเป็นดงต้นสนต้นไป่เขียวครึ้ม ด้านในเป็นสวนดอกไม้งดงาม ตรงกลางมีถ้ำสามแห่ง หลอเจินเหยินนั่งขัดสมาธิท่องคัมภีร์อยู่ด้านในอาศรมมุงหญ้า กุมารเห็นแขกมาเยือนจึงมาเปิดประตูรั้ว
กงซุนเสิ้งเดินมาหน้าอาศรม กระทำคารวะแล้วกล่าวว่า “สหายเก่าของศิษย์ ซ่งกงหมิงแห่งซานตง ได้รับพระราชทานนิรโทษกลับเข้ารับราชการ บัดนี้รับพระบัญชาเป็นแม่ทัพหน้านำทัพมาปราบเหลียว มาถึงเมืองจี้โจว จึงตั้งใจมาคารวะท่านอาจารย์ ขณะนี้มาอยู่ที่นี่แล้ว” หลอเจินเหยินจึงให้เชิญเข้ามา
ซ่งเจียงเข้ามายังอาศรมมุงหญ้า หลอเจินเหยินเดินลงมารับ ซ่งเจียงจึงเชิญให้อาจารย์นั่งลงเพื่อรับการกราบคารวะ
หลอเจินเหยินว่า “ท่านเป็นแม่ทัพเอกของบ้านเมือง พรตผู้ยากเป็นเพียงคนบ้านดงดอย จะรับได้อย่างไร”
ซ่งเจียงยืนกรานที่จะขอกราบคารวะ หลอเจินเหยินจึงยินยอมนั่งลง ซ่งเจียงจุดเครื่องหอมแล้วกราบคารวะแปดกราบ ทั้งเรียกพวกฮวาหยงทั้งหกมากราบคารวะด้วย เสร็จพิธี กุมารยกน้ำชามาให้ดื่ม
หลอเจินเหยินกล่าวว่า “ท่านขุนพลเป็นประมุขดาวจุติ รวบรวมหมู่ดาวมาร่วมผดุงธรรมแทนฟ้า มาบัดนี้สามิภักดิ์ราชสำนักซ่ง นามจะเป็นที่จารึกไปนับหมื่นปี”
ซ่งเจียงว่า “ซ่งเจียงเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยอำเภอวิ่นเฉิง หนีอาญาขึ้นเขา ขอบคุณเหล่าผู้กล้าทั้งสี่ทิศที่มาร่วมแรงร่วมใจ ดังกอปรเป็นร่าง เป็นแขนเป็นขา สวรรค์สำแดงสัญลักษณ์ให้ปรากฏจึงได้รู้ว่าต่างเป็นหมู่ดาวเทพฟ้ามารดินมาร่วมชุมนุม บัดนี้รับพระบัญชาให้ยกทัพมาปราบเหลียว ล่วงมาใกล้ดินแดนเซียนด้วยเคยสร้างบุญมาแต่ก่อน จึงได้ถือโอกาสมากราบคารวะ และใคร่ขอให้ท่านนักพรตได้โปรดชี้แนะอนาคตให้ด้วย จักเป็นพรอันประเสริฐ”
หลอเจินเหยินว่า “ท่านขุนพลสู้อุตส่าห์ถ่อมตนมาถาม ทว่าผู้ออกบวชละทิ้งทางโลกมานาน ดังไฟมอดเชื้อ หามีสิ่งใดจะชี้แนะไม่”
ซ่งเจียงกราบคารวะอีกขอร้องให้ช่วยชี้แนะ
หลอเจินเหยินว่า “ท่านขุนพลลุกขึ้นนั่งเถิด ทานอาหารเจด้วยกัน นี่ก็ค่ำแล้ว พักที่บ้านป่านี่สักคืนหนึ่ง พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางกลับ ท่านเห็นเช่นไร”
ซ่งเจียงจึงว่า “ซ่งเจียงก็ใคร่ได้รับคำชี้แนะจากท่านอาจารย์ให้หลุดพ้นจากความโง่เขลา ยินดีพำนัก”
แล้วก็ให้ทหารนำเงินทองอัญมณีแพรพรรณที่เตรียมไว้มามอบให้ท่านนักพรต
หลอเจินเหยินว่า “พรตผู้ยากเป็นผู้เฒ่าชาวบ้านป่า เงินทองอัญมณีเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้ ผ้าชุดคลุมกายนี้ ไม่เคยใช้แพรพรรณล้ำค่า ท่านขุนพลนำทัพทหารนับหมื่นต้องใช้บำเหน็จรางวัลทหารอยู่มาก นำกลับไปเสียเถิด”
ซ่งเจียงกราบคารวะขอให้รับไว้ หลอเจินเหยินยืนกรานปฏิเสธ แล้วบอกให้จัดอาหารเจมารับประทานตามด้วยน้ำชา จากนั้นก็บอกให้กงซุนเสิ้งกลับไปเยี่ยมมารดาแล้วค่อยกลับมาใหม่เช้าวันรุ่งขึ้น เย็นวันนั้น ซ่งเจียงนั่งสนทนากับหลอเจินเหยินในอาศรม เล่าความในใจและขอคำชี้แนะถึงอนาคต
หลอเจินเหยินว่า “ท่านขุนพลแน่วแน่ในความภักดีมีคุณธรรม สอดคล้องเจตนาฟ้าดิน ทวยเทพย่อมอุปถัมภ์ค้ำจุน วันหน้าย่อมทรงยศถาบรรดาศักดิ์ ลาโลกแล้วยังมีคนตั้งศาลบูชา ไม่เป็นที่กังขา เพียงแต่ว่า ดวงชะตาของท่านขุนพลค่อนข้างอาภัพ ไม่สวยงามเพียบพร้อม”
ซ่งเจียงถามว่า “ท่านอาจารย์ หรือว่าซ่งเจียงต้องตายด้วยสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์”
หลอเจินเหยินว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น ตอนท่านสิ้นลมยังคงได้นอนปกติ ร่างยังมีสุสานฝัง แต่ชะตาอาภัพ เป็นคนต้องดิ้นรนลำบาก ไม่ค่อยได้เสพสุข ยามจะได้ ก็มีอุปสรรค ลาภยศที่ได้ ไม่อาจเสพได้นาน”
ซ่งเจียงถามอีกว่า “ท่านอาจารย์ ลาภยศนั้นหาใช่เป้าหมายของซ่งเจียง เพียงหวังให้เหล่าพี่น้องพร้อมหน้า แม้จะเป็นอยู่ขัดสน ก็ยังพอใจ หากเหล่าพี่น้องอยู่เย็นเป็นสุข”
หลอเจินเหยินหัวเราะแล้วว่า “ถึงคราอายุขัย ยังมีสิ่งใดให้อาวรณ์”
ซ่งเจียงกราบอีก ขอให้หลอเจินเหยินช่วยบอกคาถาธรรม 法语 หลอเจินเหยินให้กุมารนำกระดาษและพู่กันมา แล้วเขียนคาถาธรรมแปดวรรคให้ซ่งเจียง
忠心者少,义气者稀。
幽燕功毕,明月虚辉。
始逢冬暮,鸿雁分飞。
吴头楚尾,官禄同归。
ภักดีหายากยิ่ง
สัตย์จริงหายากกว่า
อิวเอี้ยนเสร็จกิจจา
จันทราแสงรุบหรู่
เข้าสู่ปลายเหมันต์
ห่านป่าพลันพลัดหมู่
หัวอู๋ทั้งหางฉู่
ลาภยศจับคู่คืน
ซ่งเจียงรับมาอ่านจบแล้วไม่เข้าใจ จึงกราบอีกแล้วขอร้องว่า “ท่านอาจารย์โปรดไขปริศนา ให้ผู้โง่เขลาด้วยเถิด”
หลอเจินเหยินว่า “นี่เป็นความลับสวรรค์ มิอาจแพร่งพราย เมื่อถึงเวลา ท่านขุนพลย่อมรู้เอง นี่ก็ดึกแล้ว ท่านขุนพลพักที่อารามสักคืน พรุ่งนี้ค่อยพบกันใหม่ พรตผู้ยากเข้านอนเร็วเป็นเวลามานานปี จะไปเข้าฝันแล้ว ต้องขออภัยด้วย”
ซ่งเจียงเก็บคาถาธรรมขึ้น กล่าวอำลาหลอเจินเหยิน แล้วเดินมายังอาราม เหล่านักพรตพาไปยังห้องที่จัดให้พักนอน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พอซ่งเจียงกลับมาพบท่านนักพรต กงซุนเสิ้งมาถึงอาศรมก่อนแล้ว หลอเจินเหยินสั่งให้จัดอาหารเช้าเจมารับรอง
เสร็จจากอาหารเช้า หลอเจินเหยินกล่าวว่า
“ท่านขุนพล พรตผู้ยากมีเรื่องอยากเรียน ศิษย์กงซุนเสิ้งผู้นี้ ออกบวชอยู่ดอยกับพรตผู้ยาก ละทิ้งทางโลก แต่ดวงชะตาเป็นหนึ่งในหมู่ดาวจุติ มิอาจขัดขวางมิให้มาช่วยงาน
บัดนี้ วันเวลาทางโลกเหลือน้อยแล้ว ทางธรรมยังอีกยาวไกล แต่หากจะรั้งตัวไว้ปรนนิบัติพรตผู้ยากเสียวันนี้ จะเป็นการละเลยความผูกพันที่มีร่วมกับเหล่าพี่น้อง หลังจากช่วยงานใหญ่ของท่านขุนพล จนชำนะศึกกลับคืนกรุงแล้ว ท่านขุนพลโปรดอนุญาตให้ได้อำลากลับมาเป็นผู้สืบทอดทางธรรมของพรตผู้ยาก อีกทั้งได้มาเป็นที่พึ่งพิงของมารดาผู้เฒ่าของเขาด้วย
ท่านขุนพลเป็นผู้มั่นในความภักดีมีคุณธรรม ขอจงช่วยส่งเสริมเส้นทางภักดีมีคุณธรรมให้ตลอดด้วย ท่านขุนพลยินดีรับคำขอของพรตผู้ยากหรือไม่”
ซ่งเจียงว่า “คำบัญชาของท่านอาจารย์ ศิษย์ย่อมต้องน้อมรับ อาจารย์กงซุนเสิ้งจะอยู่กับเหล่าพี่น้องถึงเมื่อไรนั้นสุดแล้วแต่ท่าน ศิษย์มิกล้าขัดขวาง”
หลอเจินเหยินและกงซุนเสิ้งค้อมศีรษะคำนับพร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณท่านขุนพลที่อนุญาต”
คณะของซ่งเจียงกราบอำลาหลอเจินเหยิน หลอเจินเหยินเดินมาส่งหน้าอาศรมแล้วกล่าวอวยพรให้รักษาตัวจงดีและมีชัยได้อวยยศ พวกซ่งเจียงเดินมาหน้าอาราม เหล่านักพรตมาส่ง ซ่งเจียงกับพวกเดินจูงม้าลงเขามาถึงที่ราบกลางเขาแล้วค่อยขึ้นขี่กลับสู่จี้โจว
พอมาถึงที่ว่าการเมือง ลงจากหลังม้า หลี่ขุยก็มาต่อว่า
“ท่านพี่ไปเยี่ยมท่านหลอเจินเหยิน ไม่พาผู้น้องไปด้วย”
ไต้จงตอบแทนว่า “ท่านหลอเจินเหยินฟ้องว่า เจ้าจะไปฟันหัวท่าน”
หลี่ขุยว่า “ท่านก็เล่นงานข้าจนเข็ดทีเดียว”
เรียกเสียงหัวเราะจากเหล่าพี่น้อง
ซ่งเจียงเข้ามาในที่ว่าการ เหล่าพี่น้องตามเข้ามาในห้องโถงหลัง ซ่งเจียงนำคาถาธรรมแปดวรรคของหลอเจินเหยินส่งให้อู๋ย่งดูก็ไม่รู้ความหมาย เหล่าพี่น้องช่วยกันพลิกดู ต่างก็ไม่เข้าใจ
กงซุนเสิ้งจึงว่า “พี่ท่าน นี่เป็นความลับสวรรค์ มิอาจแพร่งพราย โปรดเก็บไว้จงดี ชี้นำวิถีชีวิต อย่าได้คาดเดาสิ่งใดเลย คำทำนายของท่านอาจารย์ ถึงเวลาจักรู้เอง”
ซ่งเจียงจึงนำคาถาธรรมเก็บไว้ในเล่มหนังสือฟ้า
ตอนก่อนหน้า : ทำทีแปรพักตร์
https://www.blockdit.com/posts/6784e81255db641e7bb0ae97
ตอนถัดไป : อุบายสามิภักดิ์
https://www.blockdit.com/posts/678e24326a2ee21b30cd391d
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย