Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
14 ก.พ. เวลา 10:36 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 210 วนาคู่
ระหว่างเดินทัพผ่านตำบลวนาคู่ 双林镇 (ซวงหลินเจิ้น) คนเสเพลเอี้ยนชิงขี่ม้าอยู่ขบวนหน้าพลันลงจากหลังม้าแล้วเดินไปทางฝูงชนฝั่งซ้ายที่มามุงดู แล้วยุดชายผู้หนึ่งไว้ตะโกนว่า
“พี่ใหญ่ ทำไมมาอยู่ที่นี่”
แล้วคารวะทักทายกัน
พอซ่งเจียงขี่ม้าใกล้เข้ามา เอี้ยนชิงประสานมือขึ้นแล้วกล่าวว่า “พี่สวี่ 许兄 นี่คือท่านแม่ทัพหน้าซ่ง”
ชายผู้นั้นแววตาสดใส สูงราวเจ็ดฉื่อ ไว้เคราสามแหยม สวมหมวกดำ ชุดนักพรตสีน้ำตาล ผ้าคาดอวหลากสีแบบท่านเซียนหลวี่ต้งปิน รองเท้าผ้าสีเขียว บุคลิกไม่ธรรมดา เหมือนฤๅษีผู้ปลีกวิเวก
ซ่งเจียงลงจากม้ามาค้อมคารวะว่า “มิทราบว่าท่านมีนามใด”
ชายผู้นั้นคารวะตอบแล้วว่า “ได้ยินชื่อมานาน วันนี้จึงได้มาพบ ผู้น้อยแซ่สวี่ 许 ชื่อก้วนจง 贯忠 พื้นเพเป็นชาวเมืองต้าหมิงฝู่ 大名府 ตอนนี้ย้ายมาอยู่ตามป่าเขา เคยรู้จักกับขุนพลเอี้ยน ไม่ได้พบกันมาสิบกว่าปี แต่เคยได้ฟังเขาพูดกันว่า เสียวอี่ไปอยู่กับท่านขุนพล ทราบมาว่า ไปทำศึกชำนะเหลียวมา ผู้น้อยจึงตั้งใจมารอพบอยู่ที่นี่ ได้เห็นเหล่าขุนพลนับเป็นวาสนายิ่งนัก ผู้น้อยใคร่ขอเชิญพี่เอี้ยนปลีกตัวไปสนทนากัน มิทราบท่านขุนพลจะอนุญาตหรือไม่”
เอี้ยนชิงเสริมว่า “ผู้น้องกับพี่สวี่ไม่ได้พบกันมานาน เมื่อท่านพี่เชิญ ผู้น้องย่อมต้องไป พี่ท่านกับเพื่อนขุนพลล่วงหน้าไปก่อน ข้าจะรีบตามกลับไป”
ซ่งเจียงจึงชักชวนให้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน สวี่ก้วนจงปฏิเสธว่าตนยังมีแม่ชราอายุเจ็ดสิบกว่า ไม่สะดวกเดินทาง ซ่งเจียงจึงกล่าวอำลาแล้วเดินทัพต่อไป ส่วนเอี้ยนชิงแยกมากับสวี่ก้วนจง
เอี้ยนชิงให้ทหารคนสนิทจัดของใส่ห่อผ้าแล้วนำม้าใหม่มาขี่ตัวหนึ่ง ม้าดีของตนให้สวี่ก้วนจงขี่ แล้วพากันมาแวะที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ถอดเปลี่ยนชุดเกราะเป็นชุดธรรมดาแล้วขึ้นม้าออกเดินทางต่อ ทหารติดตามแบกห่อผ้าเดินเท้าตามหลัง ออกจากตำบลวนาคู่มาตามทางน้อยทางตะวันตกเฉียงหนือ ข้ามเนินเขาและหมู่บ้าน ลัดเลาะทางภูเขาอันคดเคี้ยวมาได้สามสิบกว่าลี้ ถึงลำธารใหญ่สายหนึ่ง
สวี่ก้วนจงชี้ไปข้างหน้ากล่าวว่า “กลางเขาสูงที่เห็นนั่น คือกระท่อมซอมซ่อของผู้น้อง”
ยังต้องเดินทางต่ออีกสิบกว่าลี้จึงจะถึงกลางหุบเขา ยอดเขาสูงตระหง่าน ลำธารน้ำใส
落日带烟生碧雾,断霞映水散红光。
หมอกควันดังหยกเขียวยามตะวันรอน
ผิววารีสะท้อนแสงเมฆแดงฉาน
ขุนเขาลูกนี้มีนามว่า เขาต้าพี 大伾山 ในอดีตกาลเมธีหวี่ 禹圣人 แก้ไขน้ำท่วมเคยมาถึงที่นี่ดังมีบันทึกในคัมภีร์ว่า “จนถึงต้าพี 至于大伾” บัดนี้ขึ้นกับอำเภอจวิ้น 浚县 เมืองต้าหมิงฝู่
สวี่ก้วนจงนำเอี้ยนชิงข้ามเดือยเขาหลายแห่งจนมาถึงเวิ้งเขาแห่งหนึ่ง มีที่ราบกว้างยาวด้านละสามสี่ลี้ มีกระท่อมหญ้าสามหลังท่ามกลางแมกไม้ ห้องหับหลายห้องหันหาลำธารทางทิศใต้ รั้วไม้ไผ่ล้อมเป็นปริมณฑล ประตูไม้แง้มอยู่ ทิวไผ่ สนคราม เฟิง(เมเปิล)แดง ไป่เขียว ขึ้นครึ้มทั้งหน้าหลัง
สวี่ก้วนจงชี้มือบอกว่า “นี่แหละกระท่อมซอมซ่อ”
เอี้ยนชิงแลไปเห็นเด็กหนุ่มชาวบ้านผมเผ้าเหลืองเก็บเศษไม้สนแห้งอยู่ใต้ชายคากระท่อม ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าจึงลุกขึ้น มองออกมาแล้วตะโกนเสียงประหลาดใจ
“ทำไมมีม้าผ่านมาแถวนี้”
พอเพ่งมอง ก็เห็นว่าผู้ที่ขี่ม้าตามหลังคือ เจ้านายของตนเอง จึงรีบวิ่งออกมาประสานมือคำนับแล้วมองอย่างงง ๆ ก่อนออกเดินทางมา สวี่ก้วนจงบอกให้ถอดกระพรวนม้าออก ดังนั้นกว่าจะรู้ตัว ก็เข้ามาใกล้แล้ว
ทั้งสองลงจากม้าเดินเข้ารั้วไม้ไผ่ ทหารติดตามนำม้าไปผูกไว้ ทั้งสองเข้ามาในโถงมุงหญ้านั่งลงดื่มน้ำชา ก้วนจงให้ทหารนำม้าไปไว้เรือนด้านหลัง ให้เด็กรับใช้หาหญ้าให้ม้า ให้ทหารไปพักยังอาคารปีกด้านหน้า
เอี้ยนชิงเข้าไปคารวะแม่เฒ่า สวี่ก้วนจง
นำเอี้ยนชิงมายังกระท่อมหญ้าทางตะวันออกหันหาตะวันตก ผลักหน้าต่างเปิดออกไปเห็นลำธารน้ำใส สองคนนั่งลงพิงลูกกรงหน้าต่างสนทนา
ก้วนจงว่า “กระท่อมคับแคบไปหน่อย พี่ท่านอย่าเห็นขำ”
เอี้ยนชิงว่า “เขางามน้ำใส ทำให้ผู้น้องตื่นตา ช่างหายากยิ่งนัก”
ก้วนจงถามถึงเรื่องศึกเมืองเหลียว เด็กรับใช้ก็เดินเข้ามาจุดตะเกียง ปิดโครงหน้าต่าง เก็บโต๊ะแล้ววางจานอาหาร มีผักหกจาน ไก่หนึ่งจาน ปลาหนึ่งจาน ผลไม้ป่าสองชนิด เหล้าอุ่นหนึ่งกา
ก้วนจงรินเหล้าส่งให้เอี้ยนชิงแล้วว่า “อุตส่าห์เชิญพี่ท่านมาถึงเรือน มีแต่เหล้าขุ่นและผักป่า ขายหน้านัก”
เอี้ยนชิงว่า “มารบกวน ไม่ควรนัก”
ดื่มไปได้หลายจอก นอกหน้าต่างแสงจันทร์สว่างดุจกลางวัน เอี้ยนชิงผลักหน้าต่างออกไป เมฆบางลมสงัด พระจันทร์นวลลำธารใส เงาสะท้อนบนผิวน้ำส่องประกายมาในห้อง เอี้ยนชิงเอ่ยชมมิขาดปากว่า
“แต่ก่อน ตอนอยู่ต้าหมิงฝู่ พี่ท่านกับข้าคบหากันสนิทสนมยิ่ง พอพี่ท่านสอบอู๋จวี่ 武举 ติดทหาร ก็ไม่เคยพบกันอีก ท่านกลับหาสถานที่เช่นนี้พบ ช่างสุขสงบยิ่งนัก อย่างผู้น้อง ท่องพล่านออกตก หาวันสงบไม่มี”
ก้วนจงหัวเราะแล้วว่า “ซ่งกงหมิงและเหล่าขุนพล ห้าวหาญกึกก้อง สนองหมู่ดาวบนฟากฟ้า บัดนี้เพียงเอ่ยนามศัตรูขามขยาด อย่างผู้แซ่สวี่มีแต่เร้นกายในป่าเขา ไม่ได้แม้ส่วนเสี้ยวผองพี่ท่าน ตัวข้าเองไม่เคยสบช่องเหมาะ พบแต่พวกขุนนางทุจริตปิดบังราชสำนัก จึงสิ้นศรัทธาหมดหวังก้าวหน้า ออกมาขึ้นเหนือล่องใต้ ทั้งหวงเหอฉางเจียง ไปมาหลายแห่ง จนพอได้ที่พึงใจ”
กล่าวจบก็หัวเราะ ล้างจอกแล้วรินใหม่
เอี้ยนชิงล้วงเงินออกมายี่สิบตำลึง ส่งให้ก้วนจงว่า “ของกำนัลแสดงน้ำใจเล็กน้อย ”
ก้วนจงยืนกรานไม่รับ
เอี้ยนชิงเปลี่ยนเรื่องมาชักชวนว่า “ความสามารถเช่นพี่ท่าน หากตามผู้น้องเข้ากรุง คงหาทางสร้างผลงานได้ไม่ยาก”
ก้วนจงถอนหายใจแล้วว่า “ทุกวันนี้ คนโฉดครองอำนาจ ริษยาปราชญ์เมธี ภูตผีปีศาจร้าย คลุมกายเป็นขุนนางใหญ่ คนซื่อถือสัตย์ ถูกกำจัดหมดสิ้น ผู้น้องไม่หวังมานานแล้ว ถึงพี่ท่านเอง จารึกนามประสบความสำเร็จวันใด ควรหาทางถอนตัว จำคำโบราณว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก”
เอี้ยนชิงผงกศีรษะถอนหายใจ ทั้งคู่สนทนากันจนดึกดื่น จึงแยกย้ายเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้น บ้วนปากล้างหน้า กินอาหารเช้าเสร็จ ก้วนจงพาเอี้ยนชิงขึ้นเขาเที่ยวชมทัศนียภาพขุนเขาสลับซับซ้อนแปลกตา มีแต่เสียงนกไพร ไร้ร่องรอยคนสัญจร ด้วยว่าเทือกเขานี้ นับไปนับมา มีผู้อาศัยเพียงยี่สิบครัวเรือน
เอี้ยนชิงว่า “ที่นี่งดงามกว่าเถาหยวน”
(เถาหยวน 桃源 สมัยซ่ง หมายถึงแหล่งท่องเที่ยวเลื่องชื่อใกล้อำเภอหลิงอัน 临安县 งดงามด้วยป่าดอกท้อ)
เอี้ยนชิงตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์อันงดงาม กระทั่งตกเย็น กลับมาค้างแรมอีกคืน
วันรุ่งขึ้น เอี้ยนชิงกล่าวอำลาก้วนจงว่า “เกรงว่าท่านแม่ทัพหน้าซ่งจะเป็นห่วง จำต้องขออำลา”
ก้วนจงว่า “พี่ท่าน รอสักครู่” แล้วให้เด็กรับใช้นำม้วนภาพมาม้วนหนึ่งมอบให้เอี้ยนชิง
ก้วนจงว่า “นี่คือภาพวาดของผู้น้อง ท่านพี่กลับถึงกรุงแล้วค่อยค่อยชมดู อาจจะมีประโยชน์ในวันหน้า”
เอี้ยนชิงส่งให้ทหารเก็บใส่ห่อผ้า
ทั้งสองเดินมาส่งกันได้ราวสองลี้ เอี้ยนชิงว่า “ส่งกันพันลี้ ยังต้องอำลา ไม่ต้องส่งกันไกล ไว้มีโอกาสค่อยพบกันใหม่” แล้วจึงแยกทางกัน
เอี้ยนชิงมองตามสวี่ก้วนจงจนไปไกลแล้วจึงขึ้นม้า ให้ทหารขี่ม้าอีกตัว ไม่ถึงหนึ่งวันมาถึงตงจิง สมทบกับซ่งเจียงที่ตั้งพักรอพระบัญชาอยู่ที่สถานีสะพานเฉินเฉียว
1
ทัองเรื่องตอนนี้ เชื่อว่าเป็นบทประพันธ์ของหลอก้วนจง 罗贯中 เขียนต่อจากอาจารย์ ซือไน่อันที่เขียนไม่จบ สวี่ก้วนจง 许贯忠 ในท้องเรื่องคงเป็นตัวแทนของหลอก้วนจงเอง แม้จะต่างแซ่ต่างตัวเขียน แต่ออกเสียงชื่อ ก้วนจง เหมือนกัน
ที่วนาคู่ 双林 (ซวงหลิน) นี้ เป็นจุดหักเหของท้องเรื่อง ก้วนจงจึงนำตัวเองไปเตือนตัวละครว่า อย่างไรจึงมีความสุขในบั้นปลาย
เอี้ยนชิงนั้นถอนตัวทันจึงเป็นหนึ่งในตัวละครที่มีบั้นปลายอันดี ผิดกับซ่งเจียงที่ต้องพบภัยพิบัติ แม้จะเพิ่งได้รับคำทำนายจากพระอาจารย์จื้อเจินเขาอู่ไถ แต่ซ่งเจียงไม่สำเหนียกอันใด
ชนะศึกเหลียวมาแล้วเหมือนฝ่ามรสุมใหญ่ เหล่าพี่น้องเหลียงซานนับว่ามาถึงจุดสูงสุด
当风雁影翩
ผ่านพายุเงาห่านป่าโลดถลา
หากซ่งเจียงนำพาเหล่าพี่น้องถอนตัวเสียตอนนี้
只眼功劳足,双林福寿全。
เพียงพอใจในผลงานอันประจักษ์
วนาคู่จักเปี่ยมวาสนาอายุขัย
ทุกคนจะมีบั้นปลายที่ดี เปี่ยมไปด้วยวาสนาอายุขัย (福寿 แม้ไร้ลาภยศ 禄)
แต่ซ่งเจียงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยโมหะ เนื่องด้วย
六根束缚多年,四大牵缠已久。
อายตนะหกผูกมัดมานานปี
ธาตุทั้งสี่พัวพันมานานเนิ่น
จึงนำพาพี่น้องกลับมากรุงตงจิง 东京 (กรุงตะวันออก)
东阙不团圆
หอบูรพานำพาไม่พร้อมพรัก
หลังจากวนาคู่แล้ว ซ่งเจียงจะนำพาพี่น้องสู่ความสูญเสีย ไม่สำนึกเลยว่า
堪嗟石火光中,翻了几个筋斗。
ประกายหินเหล็กไฟสั้นเหลือเกิน
จะเพลิดเพลินพลิกกายกี่ตลบ
สุยหู่จ้วน 水浒传 ฉบับเดิมมี 100 บท หลังจากเสร็จศึกปราบเหลียวแล้วเดินทางผ่านวนาคู่ 双林 กลับถึงกรุง รับพระราชทานบำเหน็จเล็กน้อยแล้ว จะลงใต้ทำศึกฟางล่า 方腊 ที่วนาคู่นี้จึงเป็นจุดหักเหสำคัญสำหรับชะตากรรมของเหล่าพี่น้องเหลียงซาน
ทว่า ภายหลังมีผู้ประพันธ์เติมศึกเถียนหู่ ศึกหวางชิ่ง มาแทรกไว้ 20 บท ก่อนถึงศึกฟางล่า กลายเป็นสุยหู่จ้วนฉบับ 120 บท จึงทำให้คำทำนายของนักพรตหลอเจินเหยิน และพระอาจารย์จื้อเจิน ต้องเลื่อนผลทำนายออกไป คำสัญญาของกงซุนเสิ้ง และซ่งเจียงต่อนักพรตก็เลื่อนออกไปด้วย จึงดูเหมือนวนาคู่ ไม่ใช่จุดหักเหของเรื่อง
ตอนก่อนหน้า : ปุจฉาวิสัชนาที่เขาอู่ไถ
https://www.blockdit.com/posts/67ac7ea692aeb1cdab4cfb49
ตอนถัดไป : อาสาศึกเหอเป่ย
https://www.blockdit.com/posts/67b30baa2d3d2381dc81381d
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย